All Blog
วันที่มิ้วน้อย..ลืมตามาดูโลก
 
อยากจะเขียนไดอารี่ เรื่องวันคลอด แต่ก็ไม่ได้ไปหน้าคอมซักที วันนี้ขออาศัยหน้าเฟซเป็นไดอารี่เพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนมิ้วจะคลอดให้เป็นความทรงจำและเป็นบันทึกสู่ลูกสาว...

...
วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม 2555
เกิดอาการท้องแข็งตั้งแต่ตีสาม มีอาการแปลกๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนคือนอนก็ไม่หาย และก็ไม่ได้ปวดฉี่ด้วย แต่ด้วยความที่เราปวดกล้ามเนื้อและเท้าบวมอยู่จึงมองว่าอาจเป็นภาวะปกติแต่ก็ไม่ลืมนับลูกดิ้นเพราะ
กังวลอยู่ในใจลึกๆเหมือนกัน
ตั้งแต่ตีสามก็คิดมากนอนไม่ค่อยหลับจึงตัดสินใจลาป่วยไปยังหัวหน้างานทางอีเมล์เนื่องจากเท้าบวมมาก(อย่างกะเท้าช้าง) ตอนประมาณตีห้าครึ่ง และบอกแก๊งว่าวันนี้คงไปทำงานไม่ไหว และก็พักผ่อนไปให้หายปวดเมื่อย แต่อาการท้องแข็งก็ยังมีมากวนใจเป็นระยะๆ ซึ่งมันไม่ใช่อาการที่เคยเป็นแน่ๆ แต่ไม่มีอาการอื่นร่วม ทั้งมูกเลือด น้ำเดิน หรือปวดท้องไม่มีซักอย่าง จึงเริ่มตั้งโพสต์ถามบนเฟซ ถามสมาชิกในคลับ มันเหมือนเป็นอาการใกล้คลอดบางอย่าง แต่ก็ไม่แน่ใจ เพื่อนเคยมีประสบการคล้ายๆแบบนี้แล้วรกพันคอลูก เราก็ใจเสีย
ระหว่างวันก็คอยสังเกตว่าลูกดิ้นเยอะมาก คือเยอะจนผิดปกติ เยอะจนมันไม่ใช่ละ ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนตั้งแต่ท้องแก่ อาการคือมิ้วดิ้นแรงมากๆ และดิ้นไม่หยุดตั้งแต่11:30 ถึง 13:00ดิ้นไม่หยุดและดิ้นเหมือนมีปัญหา พอดิ้นเสร็จก็นิ่ง ใจคอเริ่มไม่ดีละ ตีพุงตัวเองให้ลูกดิ้นสู้ก็มีมาบ้างแต่แผ่วเหลือเกิน เริ่มกระวีกระวาด ตัดสินใจโทรหาหมอ หมอปิดโทรศัพท์ ตายห่าน... โทรอีกก็ปิด โทรอีกรอบติดแต่ไม่ว่างคุย แกโทรกลับมาบอกว่าเป็นอะไร เล่าให้แกฟัง บอกท้องแข็งถี่มากทุกห้านาทีเลย หมอบอกถ้าถี่สามนาทีก็ไป รพ เลย (แต่นี่มันห้านาทีอ่า...) บอกแกว่าลูกดิ้นแรงมากเลย หมอบอกดิ้นแรงอ่ะดีแล้วไม่ดิ้นค่อยน่าเป็นห่วง..เอางี้แวะมาคลีนิคด้วย
เราก็รอเวลาคลีนิคเปิด16:30ใจนี่ร้อนรน นอนถ่ายรูปท้องแข็งท้องนิ่มส่งให้แก๊งดูว่ามันเป็นยังไง ถึงเวลาก็เดินทางไปหาหมอ แท็กซี่ที่รับไปคงคิดว่าเราจะไปคลอดขับซิ่งมาก แต่อย่างกระเทือนถ้าขับงี้มรึงได้ทำคลอดแน่ๆถ้าปวดท้องจริงๆอ่ะนะ -*-
ไปถึงคิวยาวมาก ประชากรร้อยแปด ไม่รุ้มากันทำไม อาจเป็นเพราะวันจันทร์มั้ง แต่ที่มาส่วนมากเป็นเด็กๆที่พ่อแม่พามาหาหมอเรื่องเป็นหวัด เราก็ตั้งหน้าตั้งตารอ.. พยาบาลให้เปลี่ยนผ้าถุงรอ ก็นั่งรอต่อไป ท้องก็ยังคงแข็งอย่างต่อเนื่อง และแล้วก็ถึงคิวซักที..เข้าไปหาหมอ หมอก็ซาวน์ดู บอกน้องตัวใหญ่ และถามว่าตอนนี้ท้องปั้นมั้ย บอกไม่ค่ะ แต่ท้องแข็งทุก5นาที หมอให้พยาบาลมาตรวจภายในดูปากมดลูก ปากมดลูกเปิดแค่1ซม และโอกาสคลอดเองเป็น0 เพราะเด็กตัวใหญ่ หมอตอนแรกเลื่อนวันบอกให้คลอดเป็นวันที่28ส.ค.ได้เลย จะได้ไม่ต้องรอ เราก็โอเค ก่อนกลับหมอเขียนใบให้เราไปเลื่อนห้องพิเศษ และให้ไปห้องคลอดเพื่อติดเครื่อง nst เพื่อตรวจหัวใจลูกและดูการบีบรัดตัวของมดลูก เราก็เดินไปยังห้องบัตรและไปทำเรื่องเลื่อนห้องพิเศษ พยาบาลที่เค้าเตอร์หาชื่อเราที่เลื่อนไม่เจอ เจ้าหน้าที่พาไปยังห้องคลอดด้วยรถเข็น ไปยังตึก10ชั้น ชั้น5 ไปถึงให้ญาติรอข้างนอก เราก็เดินเข้าไปคนเดียว อย่างมาดมั่นท่องสคริปต์แถมส่งสมุดให้พยาบาล
พยาบาลบอกเอาชื่อลูกที่เลือกมามั้ย เราเอากระดาษให้ใบนึงบอกหนูมีให้เลือกทุกวัน พยาบาลชอบใจใหญ่ บอกไปๆติดเครื่องตรวจหัวใจลูก พยาบาลอีกคนพาไปห้องรอคลอด พอไปถึง ก็เจอสาวๆนอนรอคลอดกันเต็ม มีสายน้ำเกลือน่่จะเป็นการเร่งคลอด เราก็ไปนอนฟังเสียงหัวใจลูกเต้น อ้อ ก่อนที่จะเข้ามาตรวจคลื่นหัวใจ มีเด็กน้อยอายุ16ปากมดลูกเปิด7ซม เดินมานอนร้องโอยๆ ตอนแรกกรี๊ดๆ พยาบาลดุบอกจะเป็นแม่คนแล้วก็ต้องทนให้ได้สิ ตรวจวัดยังไม่ทันเสร็จหมอโทรเข้ามาบอกว่ายังไม่ครบเทอมรอ38วีคค่อยมาผ่าให้เลื่อนวันอีกทีเป็นวันไหน เราก็เอาวะเลือกใหม่4กย เอาตามนั้น พอเดินออกมาจากห้องคลอด ก็ได้ยินเสียงพยาบาลตะโกนตามหลังมา ก็เลยเดินกลับไปอีกรอบ พยาบาลเพิ่งเห็นผลการวัดคลื่นลูก พยาบาลโทรหาหมอทันที และสั่งวัดใหม่อีกรอบ ก็เปลี่ยนเครื่องและนอนวัดใหม่ ประมาณสองทุ่มหมอก็มา ระหว่างรอหมอก็มีคนน้ำเดินมาเป็นเคสฉุกเฉินเหมือนกันเพราะยังไม่ถึงกำหนดแถมเป็นของหมอวีเหมือนกัน
หมอมาถึงดูกราฟ บอกว่าผ่าคืนนี้เลยละกัน สี่ทุ่ม ตะกี้เพิ่งโทหาพ่อว่าเลื่อนวันสรุปโทรสามรอบ พ่อคงเซ็งเป็ด เดินออกมาสามีหายไปถามคนแถวนั้นบอกเดินไปไหนไม่รุ้ เดินไปเดินมาก้อเจอบอกไปฉี่มา บอกเออต้องผ่าคืนนี้เลย หมอให้ผ่า เหตุผลอะไรไม่รุ้แต่เชื่อหมอ
พอบอกญาติเสร็จพิมพ์บอกแก๊ง บอกเฟซบุ๊ค (ชีวิตตรูแม่มโซเชี่ยลมากกก)
แล้วก็โดนเอาไปโกนขน(เจ็บอ่ะมีดโกน) สวนขรี้ และสวนสายฉี่(สวนสดแม่มเจ็บแสบรวดร้าววว) แล้วก็รอเวลา แป๊บเดียวรถเข็นก็มา เพื่อผ่าไปห้องผ่าตัด พยาบาลบอกแหม่เค้าเลือกวันเกิดเค้าเองแล้ว แม่ไม่ต้องเลือกแล้วน้าาา ก็ได้ชื่อมาเป็นเด็กน้อยวันจันทร์เหมือนแม่ ด.ญ. วรมน เด็กน้อยที่ไม่มีสระ
เจ้าหน้าที่ชายเข็นรถไปยังห้องผ่าตัดเอาแว่นตาออกแล้วด้วย สายตาสั้นมากมองไรไม่เห็น ญาติก็เดินตาม(มีแค่พ่อกะผัวน่ะล่ะ หลังจากไปเอาของกลับมาพอดีเป๊ะๆ) ส่วนเรื่องห้องพักทำใจเลยยีงไงก็ห้องรวมเพราะเกินสามทุ่มแล้ว อ้อ เคสนั้นที่น้ำเดิน เค้าผ่าต่อจากเราทันทีที่ผ่าเสร็จเลย
หลังจากเข็นเข้าห้องผ่าตัดใจก็ตุ้มๆต่อมๆ เครียดนะนั่น แต่คิดขอแค่มิ้วแข็งแรงสมบูรณ์เป็นพอแล้วเท่านั้นจริงๆ... วันนี้ไม่มีการบล็อกหลังเพราะหมอกลับบ้านไปแล้ว เหลือแค่หมอเวรซึ่งเป็นหมอรมยา ก็เอาวะ ถึงตอนนี้ทำไรไม่ได้ละ เข้าไปในห้องหมอก็คุยนุ้นนี่ๆ บ่นงานเยอะ บ่นนั่นนี่ มีเคสใหม่ อยากแลกเวร(กรุฟังซะหมด) เค้าก็ทำความสะอาดพุงตรงที่จะผ่า เย็นๆวาบๆ นึกถึงตอนดุ grey anatomy คงเอาเบตาดีนทาไปทามา แล้วก็เอาอะไรหนักๆมาวางบนหน้าขา แหม่เรารู้นะว่าคือเครื่องมือทำมาหากินมีดเอยอะไรเอย เค้าก็เอาออกซิเจนมาให้ดม แล้วก็ลุ้นตลอดว่าจะเมื่อไหร่ะวะ สรุปฉีดเข้าน้ำเกลือเจ็บจี๊ดด แล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้...
ไม่รุ้นานแค่ไหนยังไงอะไร แต่ที่รู้ๆคือได้ยินเสียงเรียก ปาริชาติ ปาริชาติ ก็ตื่นขึ้นมาความจริงอันแสนทรมานจึงปรากฏความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ไม่รุ้ว่าคนที่โดนรถทับ จะรู้สึกแบบนี้มั้ย ไม่มีโอกาสชา มันเจ็บมี10ให้11 มันเจ็บจนคิดว่าไม่ไหว (เว่อเนอะ แต่คำว่าทนพิษบาดแผลไม่ไหวเนี่ยเข้าใจเลย) เค้าก็เข็นเพื่อจะพาไปห้องพัก ออกมาเจอใครไม่รู้ น่าจะเป็นอา เพราะตาลืมไม่ได้ เจ็บมา กำมิอเกร็งไปหมด เค้าเอาเราย้ายเตียงไปเตียงมา มันทรมานมาก แค่เข็นก็กระเทือนเจียนตายแล้ว พยาบาลบอกว่าญาติเข้าได้แค่คนเดียวไปดูว่าอยุ่เตียงไหน พ่อเข้าไปดู ตอนนั้นเจ็บมาแสนทรมานได้เตียงรืมหน้าต่าง(ยังเสือกรุ้อีก555) กลับมาถึงห้องรวมประมาณห้าทุ่มกว่า ไม่มีแรงถามถึงลูก นอนได้แต่หงาย ตะแคงไม่ได้ ทำไรไม่ได้เลยเจ็บมากจริงๆ หันไปถามคนข้างๆว่าผ่ามั้ย เค้าบอกผ่าเหมือนกันแต่เค้าตะแคงได้ดีเลย เค้าบอกท้องสองแล้วเจ็บก็ต้องฝืนนะ (กุนอนเฉยๆก็จะขาดใจแล้วโว้ยยย) ถามเวลาเค้าทุกคืนว่ากี่โมงแล้ว อยากเจอญาติมาก ถามจนประมาณตีสามก็แอบหลับแบบปวดๆไปได้แป๊บนึง (สงสารเค้าว่ะกุไปถามเค้าทำไมวะ เค้าเลยไม่ได้นอนเลย)
อ้อขอยาแก้ปวดพยาบาลด้วย เค้าบอกฉีดมาให้แล้วค่ะจากห้องผ่าตัดคุณแม่ต้องหายใจลึกๆยาวๆนะคะ(เจ็บมากหายใจได้ตื้นมากอ่ะ)
ประมาณตีห้า ที่ห้องรวมจะให้แม่ๆที่มีแรงพาลูกไปอาบน้ำ สอนอาบน้ำ และเช็ดตา ได้ยินเสียงแต่เรายังลุกไม่ขึ้นเลย ซักพักพยาบาลก็มาจัดการเปลี่ยนผ้าอนามัยแบบห่วง(ใส่แล้วเจ็บมากมันกดเนื้อ) และบอกให้ยกขาชันขา เวลาเพิ่งผ่านมาไม่ถึงหก ชั่วโมงทรมานเว้ยยยย แถมบอกลุกนั่งล้างหน้าแปีงฟันและเช็ดตัวให้เรียบร้อย โห...เจ็บ แต่กลัวพยาบาล กลั้นใจมากๆ ร้องไห้เลยแต่ห้ามพยาบาลเห็นนะเดี๋ยวโดนด่า เข้าใจพยาบาลนะคนเยอะ เราต้องเข้มแข็งไวๆจะได้หายเร็วๆ แต่มันเจ็บนี่หน่า
พยาบาลเริ่มเอาลูกที่ห่อหนอนน้อยมาให้ทีละคนๆ เรียกชื่อคนนั้นที คนนี้ที ก็แอบดูว่าไหนลูกเราว้า... การเอาลูกมาให้ในที่นี้ของ รพ.รัฐ คือ การที่แม่จะต้องรับผิดชอบชีวิตลูกของคุณเองตั้งแต่วินาทีที่เอาลูกมาให้ ไม่ว่าคุณจะเจ็บแผลหรือไม่ คุณจะต้องดูแลลูกได้ อีกิฟคิดตายห่านละ กุนั่งยังเกร็งแหง่กๆ ลูกมาจะทำไงดี จะทับลูกมั้ย คิดไปร้อยแปด และแล้วก็ถึงคิวเรา ปาริชาติ ดูที่ข้อเท้าก็ชื่อปาริชาติ นั่นคือวินาทีแรกที่พบกัน ....มิ้วหลับตาพริ้ม ตัวแดงแจ๊ด แก้มยุ้ย... น่ารักเหนือสิ่งใดในสามโลก แผลที่เจ็บๆลืมเจ็บทันทีที่เห็นลูก ต้องอดทนๆ คิดตลอด เอาลูกมากอด(เค้าห่อมาให้) แล่วก็เริ่มมองซ้ายมองขวา เค้าก็ควักนมกันออกมาให้กิน เอาวะกรุน่าจะมีน้ำนม(เพราะมันซึมๆก่อนคลอด) ก็หยิบนมออกมาแล้วให่ลูกลองดูดดู ...อารมนั้นไม่อายเลย ว่ามีใครมองนมมั้ย ผัวใครเมียใครไม่สนใจ อยากดูก็ดูลูกชั้นหิว เข้าใจความเป็นแม่มากๆ เจ็บแค่ไหน อายแค่ไหนยอมหมด พอถึงเวลา7โมงญาติมาเยี่ยมได้ เท่านั้นล่ะ เฝ้ารอเลย เป็นครั้งแรกที่เห็นหน้าพ่อหน้าผัวแล้วดีใจขนาดนี้อยากจะร้องไห้มากๆ พ่อก็ถ่ายรูปยัยมิ้วทันที คุณตาเห่อหลานมาก ส่วนสามีก็ถ่ายอัพเฟซให้ และบอกแก๊งเพื่ออัพเดท อารมตอนนั้นอยากให้ญาติไม่ไปไหน เฝ้าตลอดเวลา แต่แล้ว8โมงก็มาถึง ญาติต้องลงเพราะหมอจะออกตรวจ ถึงเวลารู้ความจริงเรื่องของมิ้วว่าทำไมต้องผ่า...เมื่อคืนเลย
หมอวีมาถึงห้องรวมก็เดินมาตรวจสามเตียง คือเตียงที่ผ่าเรียงกันทั้งหมด 13-15 มาถึงเตียงเราหมอก็บอกว่ามิ้วมีภาวะหัวใจเต้นแผ่ว และมดลูกเมื่อคืนก็บีบตัวถี่มากๆ ทำให้ลูกไม่มีอากาศหายใจ แต่แม่เองไม่มีอาการปวดถี่เหมือนจะคลอด ทั้งๆที่ระดับการบีบรัดสูงเกินกว่าคนปกติ แถมเป็นภาวะเบาหวานขณะท้อง(เบาหวานระดับควบคุมน้ำตาล เป็นไม่มากและปัจจุบันหายเป็นปกติแล้ว) เด็กอาจจะมีภาวะตายในครรภ์ในช่วง37-38 สัปดาห์ได้ ซึ่งไม่สามารถหาเหตุผลได้ด้วย รวมถึงมิ้วดันกลืนน้ำคร่ำตัวเอง (รีบใช้ปอดในการหายใจก่อนออกมาสู่ภายนอก) ทำให้ตอนคลอดออกมาตัวเขียวปั๊ดและต้องไปให้ออกซิเจนอยูจนเอามาให้ตอนเช้า ซึ่งตัวก็แดงดี เลยดูไม่ออก
ตอนนี้ปัญหาคลี่คลายความจริงกระจ่าง หมอก็เดินจากไป อีกิฟก็นอนมองลูกไปพยายามให้นมไป แรกๆมิ้วดูดไม่ค่อยเป็น แม่ก็ใหม่ลูกก็ใหม่ ทำไงได้อ่ะเนอะ ขุดทฤษฎีทั้งหมดที่อ่านมาหาข้อมูล ยิ่งดูดมาก ยิ่งนมเยอะ เอาวะกุลองซักตั้ง สรุปยัยมิ้วดูดไม่ลึก หัวนมขวาก็เลือดสาดตามระเบียบ... แผลไม่ใช่ลืมเจ็บนะ เจ็บสุดๆ ดีว้ามิ้วไม่ค่อยร้อง ความเครียดเลยลดลงไปเยอะ กว่าจะให้นมเป็นจับจุดได้ก็ยากทีเดียว...รอเวลาญาติมาเยี่ยมอีกทีตอนเที่ยง ห้องพิเศษที่หวัง กลับกลายเป็นว่าบอกว่าเราไม่เคยจอง ถ้าคืนนี้ไม่มีห้องพิเศษ ใครจะอยู่ช่วยล่ะคราวนี้ ตายแน่ๆแผลก็ยังเจ็บ เตียงข้างๆถอดสายฉี่ ถอดน้ำเกลือ ถ้าได้ถอดคงจะหมดพันธนาการซักที่
ญาติมาถึงคราวนี้ ย่ากับปู่ยัยมิ้วก็มาด้วย ตอนนั้นดีใจมากเพราะอย่างน้อยย่ามิ้วก็ทำอะไรเป็นมากกว่าอีแม่นอนเจ็บแน่ๆ อย่างน้อยก็ช่วยดูเพราะเราอยากนอนมากๆ อยุ่รอกันจนเย็น อากาศแสนร้อนกับห้องพัดลม คุยกับเตียงข้างๆ พยายามลุกนั่ง(ตะแคงไม่ได้เจ็บมากๆ) จนได้ยินเสียงสวรรค์ ปาริชาติได้ห้องพิเศษ เอามั้ย โหย ไม่ต้อง้ถามเลยค่ะ เอาแน่นอน ลั้นลาถึงขีดสุด อย่างน้อยก็มีคนช่วยดูมิ้ว ถึงแม้จะยังใหม่ทั้งคู่แต่ก็ดีกว่าให้คนเจ็บดูลูกคนเดียวล่ะน่าาา
ถึงเวลาย้ายห้อง ได้ย้ายตอนหกโมงเย็น (ที่นี่เค้าออกจากห้องกันกี่โมงวะเนี่ย) ให้ไปเคลียร์เงินค่าคลอดของห้องรวมก่อน เกือบชอกซีนีม่า เพราะนึกว่ารูดบัตรได้ พี่แกไม่รับบัตรเครดิต สามีต้องไปดดตังอันไม่มีของสองคนผัวเมียมาจ่าย ดีนะว่าพอ แฮ่กๆๆ 10945 บาท ไม่แพง เพราะผ่าคลอด แต่มันตกใจ เพราะตูมะมีเงินนี่ล่ะ 5555
พอไปถึงห้องพิเศษ ที่ตึก5ชั้น ชั้น4 ห้อง405 ห้องไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่ดีใจที่สามีเฝ้าได้ มีแอร์ มีกาละมังให้ซักผ้า พยาบาลจะพาลูกไปอาบน้ำให้ทุกเช้าตอนเจ็ดโมง อาหารเสริฟสามมื้อตอน 7-11-16 อาหารที่ได้เป็นแบบอ่อนเพราะงดอาหารน้ำมานาน พอไปถึงห้องก็มีพี่ๆที่ทำงาน เพื่อนๆหัวเฉียว และญาติ รวมถึงปู่ย่าและป้าผึ้งของมิ้ว ห้องพักแตกกันไป ปู่ย่าและป้ากลับไปก่อน แล้วพวกสองแก๊งก็กลับกันตามไป ปิดท้ายด้วยยายพ๋วยและน้ากิ๊บที่กลับบ้าน คุณตาก็กลับไปในที่สุด ความจริงที่ต้องเผชิญของพ่อแม่มือใหม่ การต้องอยู่กะลูกโดยลำพัง มันสุดยอดมากๆ ยัยมิ้วอึไปแล้วหนึ่งรอบเป็นขี้เทาตอนอยุ่ห้องรวม และอึอย่างมากมายตลอดเวลาเป็นสีเขียว เหมือนเมือกเอเลี่ยน เอาเบบี้ไวป์มาหนึ่งห่อเกลี้ยงต้องไปซื้อเพิ่ม และผ้าอ้อมหนึ่งโหลที่เอามาก็ใช้ไม่พอ ต้องซักต้องให้ตาเอาน้ำยาซักมาให้... ดีว่าเอาพลาสติกตัวหนีบวงๆมาตากผ้า ดีนะว่าพกมา สามีก็ต้องไปเดินเรื่องทำใบเกิด สูติบัตร บัตรทอง ตอนนี้เหลือแค่ยื่นเรื่องประกันสังคม ก็จะหมดเรื่องเอกสาร
นอนห้องพิเศษสองคืน จ่ายเพิ่ม3000 บาท รวมค่าคลอด 13945 บาท และค่าฝากพิเศษ 4000 บาท ทั้งหมด 17945 บาทถ้วน
ตอนออกจาก รพ ก็พอเดินไหวแล้ว ตอนลุกเดินครั้งแรกนี่มันตื่นเต้นเหมือนหัดเดินใหม่เลย อ้อแล้สตอนถอดสานสวนฉี่ มันทั้งเจ็บแสบขัด ยิ่งตอนฉี่นะ ปวดมากกกก (เราปวดมากไปหมดเลยเว้ยกุ 555)
กลับบ้านด้วยจิตใจเบิกบานได้รับความรักเอาใจใส่จากตา ปู่ย่า เหล่าญาติ ป้าๆลุงๆน้าๆ มากมาย ยัยมิ้วจะเติบใหญ่ด้วยความสำนึกบุญคุณ...
กิฟจะสอนมิ้วให้เป็นเด็กดีเพื่อทดแทนแก่ความรักที่ทุกคนมีให้กิฟและครอบครัวเสมอมานะคะ ใครที่ให้ของกิฟมา ช่วงที่อยู่รพ. หรือกลับมาจากคลอดแล้ว กิฟอาจไม่ได้โพสต์ แต่ได้รับหมดนะตะ พี่นุ้ที่ฝากพี่จิ๊บมาให้ พี่ขวัญที่ส่งมาทางไปรษณีย์ ครอบครัวอาศรี อาพ๋วย เจ้โบว์กับพี่จิ๊บที่มาเยี่ยมที่รพ. ขอบคุณจากใจเลยค่ะ
และคำอวยพรกำลังใจที่ให้กันมาทั้งเฟซบุ๊คและทุกๆทาง อาจตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่กิฟและครอบครัวจะเก็บไว้ตลอดไปค่ะ...


น้ำหนักแรกคลอด 3090 กรัม ยาว 51 ซม.
เวลาเกิด 22.13 น. วันจันทร์ที่ 27 ส.ค. 55
ตรงกับขึ้น 10 ค่ำ เดือน 9 ปีมะโรง (ธาตุน้ำ)
อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ ผ่าคลอดแบบไม่ปกติ (ฉุกเฉิน) โดยการรมยา
สูตินารีแพทย์ นพ. วีรวัฒน์ ฉัตรสุภางค์



Create Date : 05 มิถุนายน 2557
Last Update : 5 มิถุนายน 2557 7:50:26 น.
Counter : 3730 Pageviews.

0 comment
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง....ตอนใกล้คลอดเข้ามาทุกวัน
วันจันทร์ที่ 20 ส.ค. 55 เวลา 16.33 น.
อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ 2 วัน

วันนี้เราจะเล่าเรื่องพร้อมทั้งอัพเดทอาการร่วมไปเลยนะจ๊ะมิ้ว เพราะมันเชื่อมต่อกันทั้งสองอย่าง เมื่อเข้า36วีค แม่ก็มีอากรที่เรียกว่า "อยากคลอด"
เกิดขึ้นอยากหนักมาก เนื่องจากมีแม่ๆในคลับ ทยอยกันไปคลอดลุกทุกวันๆ จนตัวแม่อยากเห็นหน้ามิ้วใจจะขาด และรู้สึกอึดอัดกับพุงมากๆ
ไม่ใช่แม่ไม่อยากให้มิ้วอยู่ในพุงแม่นะคะ แต่แค่แม่รู้สึกอยากเจอหน้ามิ้วมากกว่า พอเห็นคนอื่นเค้าอุ้มลูกตัวเอง แม่ก็คิดแล้วมิ้วล่ะ มิ้วจะมาวันไหน
แม่อยากเจอใจจะขาดอยู่แล้ว บางคนก็เตือนมาว่า พอมิ้วออกมาแม่จะเหนื่อยขึ้นกว่าที่ท้อง แม่รู้จ่ะว่าการเลี้ยงเด็กทารกมันยากและลำบาก
ทั้งอดนอน ทั้งการแบ่งเวลา การล้างนั่นนี่ เช็ดอึฉี่ สารพัดที่จะทำ แถมยังกังวลเรื่องนมที่จะมาพอหรือไม่ แต่แม่พร้อมที่จะให้มิ้วออกมาแล้ว
อยากเห็นหน้า อยากสัมผัส อยากให้มิ้วดูดนมแม่ อยากให้มิ้วยิ้ม อยากรู้ว่าหน้าหนูจะเหมือนใครน้า....ตื่นเต้นไปหมด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแม่ก้ให้คุณตาพาไปหาเสื้อผ้าให้มิ้ว เพราะแม่คลอด รพ รัฐ เค้าไม่มีอะไรให้เราเลย เราต้องพกไปเองแทบทุกอย่าง
วันคลอดนี่แม่แทบจะยกของเหมือนย้ายบ้านไปที่ รพ เลยนะจ๊ะ เสื้อผ้าลูกก็ต้องแบกไปเอง ผ้าอ้อมเอย แพมเพิร์ส ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่อตัว
และอื่นๆที่แม่นึกไม่ออกอีกมากมายหลายอย่างมาก แม่เองก็ตกใจเล็กๆว่า เอ้ย...ขนาดนี้เลยหรอ แต่แม่ๆที่เค้าเคยไปคลอด รพ รัญบอกเหมือนกันทุกคน
ว่าต้องเอาไป แม่ก็จัดกระเป๋าตามนั้นไปเลย แต่ความกังวลของแม่อีกอย่างคือ ไม่รู้มิ้วจะคลอดวันไหน แล้วจะมีห้องพิเศษไหม เพราะพยาบาลที่คลีนิค
เค้ารับฝาก และหาห้องให้ แต่ไม่รับประกันว่าวันคลอดแม่จะได้ห้องหรือไม่ แม่อยากให้มิ้วอยู่ห้องพิเศษกับแม่ ไม่ใช่แม่เป็นคนเรื่องมากหรืออะไรนะจ๊ะ
แต่ด้วยความที่คราวที่แล้วแม่ไป รพ รัฐมา แล้วค่อนข้างกังวลกับประชาชนที่มาฝากครรภ์ พม่าเยอะมาก (ไม่ได้เหยียดเชื้อชาตินะ อย่าเข้าใจแม่ผิด)
แม่ก็กลัวๆ เวลาไปนอนห้องธรรมดา (ห้องรวม) เพราะของเราก็เอามาเยอะ เดี๋ยวจะมีการสลับของ แล้วที่สำคัญกว่านั้น แม่กลัวมีคนมาสลับลูก
เพราะว่ารพ รัฐพอคลอดแล้ว เค้าจะเอาลูกมาให้เลย และเราจะต้องดูแลลุกเองตั้งแต่คลอด พยาบาลจะมาสอนวิธีให้นม อาบน้ำ เช็ดก้น และอื่นๆ
พอมั่นใจว่าทำเองได้ ก็จะให้ทำเอง (กรณีถ้าแม่ผ่าตัด ก็ให้พ่อเป็นคนทำแทนและไปสอนกัน) แม่กลัวที่สุดเรื่องสลับลูก มิ้วน้อยที่แม่ฟูมฟัก
ต้องน่ารักกว่าเด็กคนไหน (ให้ท้ายกันสุดๆ) ถ้ามีพม่าแอบอิจฉา หรือคนไทยแอบอิจฉา แล้วขโมยไปจะทำยังไง แม่คงร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด
แล้วห้องรวมก็เฝ้าไม่ได้ แล้วพ่อมิ้วจะมาดูแลแม่ได้ยังไง แม่อยากให้พ่อมิ้วอยู่ใกล้ๆ อย่างน้อยก็ทำให้แม่มีกำลังใจ

ตอนนี้แม่วิตกจริต อยากคลอดตลอดเวลา ไปเข้าห้องน้ำก็ต้องตามหามูกเลือด นอนๆก็กลัวน้ำคร่ำจะแตก เดินๆก็ต้องสังเกตตัวเอง
มีเจ็บท้องน้อย ปวดเหมือนท้องเมนส์บ้าง แต่ก็แป๊บเดียว แต่แม่มีน้ำนมซึมหลังจากตอน 34 วีคมา แต่ไม่เยอะ จำเป็นต้องบีบถึงออก
แต่ก็เป๋นนิมิตรหมายที่ดีว่า พอแม่คลอดออกมาแม่จะมีนมให้มิ้วกินแน่นอน และแม่ตั้งใจว่าจะต้องมีให้มาก มากจนล่นกว่าที่จำเป็น
จะขยันปั้ม จะขยันให้มิ้วดูด และมีวินัยสุดๆกับการปั้มนมให้มิ้วกิน แต่ตอนนี้แม่อยากให้มิ้วออกมาเสียเหลือเกิน แม่อยากคลอดแล้ว
ถ้าขอพรได้ 1 ข้อ แม่จะขอให้แม่ได้เจอมิ้วในเร็ววันนี้แบบแข็งแรงสมบรณ์และปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก (ขอแถมขอห้องพิเศษด้วย นี่มันเกินข้อแล้ว //ทุบทุบทุบ)
มิ้วจ๋า ถ้ามิ้วได้ยินคำขอของแม่ แม่รู้ว่าร่างกายหนูพร้อมจะเดินทางออกสู่โลกใบนี้แล้ว อย่าเกินวันที่ 25 นี้นะลูกนะ แม่อยากให้มิ้วคลอดวันธรรมดา
เพราะว่า รพ เป็น รัฐ ถ้าคลอดเสาร์อาทิตย์ค่อนข้างจะติดปัญหาเยอะ (ยังจะเลือกวันอีก ให้มิ้วคลอดวันไหนก็ได้สิยะ //เพี๊ยะๆๆๆ)

สุดท้ายนี้แม่ขอให้มิ้วได้ยินคำขอร้องของแม่ แล้วออกมาให้พ่อแม่ ตา ปู่ย่าและญาติๆทั้งหลาย รวมถึงป้าๆลุงๆน้าๆ ที่เฝ้ารอมิ้วอยู่
ได้เชยชมความน่ารัก ความสดใสของหนูซะทีเถอะลูก....

รักมิ้วเสมอ
จาก พ่อทรและแม่กีฟท์



Create Date : 20 สิงหาคม 2555
Last Update : 20 สิงหาคม 2555 17:32:32 น.
Counter : 1316 Pageviews.

0 comment
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง...ตอนเมื่อแม่จำเป็นต้องตรวจเบาหวาน
วันศุกร์ที่ 17 ส.ค. 55 เวลา 16.00 น. ณ.โต๊ะทำงาน
อายุครรภ์ 35 สัปดาห์ 6 วัน

    อัพเดทก่อนหลังจากหายเงียบไปหลายวัน ด้วยเหตุผลนานับประการ หนึ่งในนั้นคืองานที่พยายามเคลียร์ให้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่ามิ้วน้อยของแม่
อยากจะออกมาดูโลกเมื่อไหร่ พยายามทำให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ป้าจิ๊บลำบาก แม่พยายามทำทั้งวันเพื่อให้งานก้าวหน้า และใกล้เสร็จมากสุด
แต่แม่บอกตามตรงเลยว่า สภาพร่างกายตอนนี้มันสุดจะทนจริงๆ 555 อาการของแม่เริ่มมีมากมายขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เข้าวีคที่ 35 แม่รู้สึกส่วนล่าง
ของแม่กำลังจะเสื่อมสภาพ เรื่มด้วยหลังที่ไม่ปวดมานานมาก กลับมาเริ่มปวด เพราะพุงใหญ่(มากๆ)มันรั้ง และรั้งอย่างมากขึ้นทุก เดินๆเหมือนจะหงายหลัง
ก้นกบที่ตอนนี้ส่งผลให้ก้นด้านขวาของแม่ เริ่มมีภาวะพิการ  ด้วยความที่แม่เป็นคนไร้ซึ่งเนื้อก้น ขนาดอ้วนเป็นแม่ช้างน้ำขนาดนี้ ก้นก็ยังไม่เพิ่มเลยซักนิด
ไปขึ้นที่ตัว ที่พุง นม ต้นแขน ต้นขา หมด แต่ไม่มีเหลือมาที่แก้มก้นซักนิด คราวนี้พอแม่ต้องเอาน้ำหนักขนาดมโหฬารนั่งลงบนก้น คราวนี้จบเห่เลย
แม่ปวดมาก ปวดแบบ ไม่รู้จะไปนั่งท่าไหน บางครั้งต้องเข้าห้องน้ำไปนั่งชักโครกให้แก้มก้นได้พัก นั่งเก้าอี้ที่เป็นเก้าอี้พลาสติกแทบไม่ได้แล้ว เจ็บมากปวดมาก
เก้าอี้ที่แข็งๆทั้งสิ้นทั้งปวงตอนนี้ แม่นั่งไม่ได้ ต้องมีหมอน หรือนั่งได้ไม่นาน ขาแม่ตอนนี้ก็หมดสภาพ ตะคริวกลับมาเริ่มกินอย่างหนักอีกครั้ง
หลังจากหายไปนานเพราะแม่พยายามไม่บิดขี้เกียจเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะตะคริว แต่ตอนนี้แค่นอนธรรมดาก็เป็นแล้ว แล้วเป็นเยอะ เป็นนานและเป็นทุกวัน
จากการอ่าน และศึกษามาแม่รู้ว่ามันเกิดจากภาวะขาดแคลเซียม แม่ก็กินทุกวันตามที่หมอให้มา แปลว่ามิ้วได้รับไม่พอ หรือมิ้วแอบดึงของแม่ไปชิมิ??
ภาวะที่ตามมาแบบรวดเร็วทันใจตอนนี้อีกอย่างคือ เท้าเริ่มบวม เริ่มปวด เริ่มเจ็บฝ่าเท้ามากๆ เดินทีนี่เหมือนเท้าจะขาด อาจะเป็นเพราะแม่เท้าแบนด้วย
ทำให้กลางเท้าเป็นส่วนรับ นน ของตัวเอง ทำให้แม่เจ็บเท้ามากทุกทีที่เดิน เจ็บข้อเท้า และขาที่เป็นตะคริว เจ็บหัวเข่าด้วย ทั้งหมดคาดเดาได้ว่า
เกิดจากภาวะอ้วนมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว เลยเกิดภาวะที่กล่าวมาเรื่องขาและเท้า แต่แม่ก็พยายามอดทน เพราะไม่อยากลาพักร้อนไปก่อน
ภาวะที่เป็นอีกอย่างคือภาวะเจ็บขาหนีบ เจ็บหัวหน่าว และเริ่มมีภาวะเจ็บเตือนบ้างบางครั้ง (เจ็บเตือนคือเหมือนปวดท้องเมนส์แต่จะหายไปเอง)
แม่บอกตามตรงเลยว่าแม่อ่ะอยากให้มิ้วออกมาไวๆมากๆเลย 36+ วีคมิ้วก็จะเป็นเด็กแข็งแรงแล้ว แม่ไม่อยากให้มิ้วอยู่นานเกิน 38 วีค เพราะร่างกายแม่
ทรมานและมาทำงานด้วยความลำบาก นั่งก็เจ็บ เดินก็เจ็บ แม้แต่นอนก็ยังเจ็บ แม่พร้อมที่จะเลี้ยงดุมิ้วเป็นอย่างดีแล้ว ขอแค่มิ้วตัดสินใจออกมาก็พอ
แม่ขอว่าหลังวันที่ 24 หรือวันที่ 24 ก็ได้นะจ๊ะ ขอให้แม่ได้เจอหนุซักทีนะคะ
    เรื่องที่แม่จะเล่าวันนี้ย้อนอดีตไปเมื่อวันที่ 8 สค. ที่ผ่านมา แม่ไปพบหมอตอนอายุครรภ์ 34 วีค 4 วัน ตามปกติ วันนั้นคลีนิคคนเยอะแยะตาแปะมาก
แม่ก็รอคิวตรวจน้ำตาลในฉี่ และชั่ง นน. แอบดีใจว่าน้ำหนักแม่ขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นแต่รวมแล้วตั้งแต่ท้อง 6 วีค จน 34 วีค นน. ขึ้นมา 21 โล น่ากรี๊ดจริงๆ
พยาบาลตรวจเจอน้ำตาลในฉี่ แม่ก็เอาแล้วๆ ตายแน่ๆ เค้าให้แม่กินน้ำตาล แล้วรอ 1 ชม พเพื่อตรวจเจาะน้ำตาลเบื้องต้น แม่ก็นั่งรอไป วันนั้นโอลิมปิดแข่งเทควันโด้
ถึงเวลาก็ตรวจเลือด ผลออกมาว่าน้ำตาลแม่เกิน ได้ค่า 156 มีภาวะเสี่ยงจะเป็นเบาหวาน แม่ก็เอาแล้ว วันนี้ชั้นเพิ่งกินอะไรมาหว่า นึกไปนึกมาเป๊ปซี่เอย โอวัลตินปั่นเอย
สารพัดตามนิสัย หมอเลยสั่งให้แม่ไปตรวจเพิ่ม เขียนรายละเอียดแปะหน้าสมุดฝากครรภ์และให้แม่ไปตรวจเพิ่มในวันรุ่งขึ้น แม่ก้โอเค ลางานตั้งแต่ตอนเย็นเพื่อ
ไปหาหมอที่ รพ. สมุทรปราการ แม่ออกจากบ้านแต่เช้าโดยงดน้ำงดอาหารตามที่พี่น้อง (พยาบาล) สั่ง แม่ไปถึงก็ต้องรอคิวที่แผนกฝากครรภ์ เพราะรอเจ้าหน้าที่มา
คนที่มาฝากครรภ์ส่วนมากเด็กๆ และเป็นคนพม่าซะเยอะ แม่ก็นั่งดูไปเพลินดี เม้าไปด้วยตามนิสัย 5555 พอเจ้าหน้าที่มาแม่ก็ยื่นใบที่ได้รับมาเป็นใบสีส้มคือ
ภาวะตั้งครรภ์แบบมีความเสี่ยง แล้วพยาบาลก็อ่านที่หมอเขียนแปะมาที่หน้าสมุดฝากครรภ์ แล้วก็เอาน้ำตาลให้แม่มา 2 ถึงใหญ่แล้วบอกแม่ว่าไปที่ห้องเจาะเลือด
แม่ก็เดินไป แล้วก็ยื่นใบให้เค้า เค้าก็เรียกแม่เข้าไปเจาะเลือด (อารมเหมือนแซงคิว แต่จริงๆการตรวจน้ำตาลต้องตรวจเลย) ไปถึงก็เจาะเข็มแรก และชงน้ำตาล
หวานแสบไส้มาให้แม่กินบอกกินให้หมด แล้วอีก 1 ชม มาเจาะใหม่ ตอนนั้นหน้าจะมืด วิ้งมาก ลมจะใส่เพราะว่าไม่มีอะไรลงท้องเลย แถมเลยเวลากินข้าวแล้ว
แม่เองจำคำพี่น้องได้ว่าถ้าเจาะแล้วกินข้าวได้ แต่พนักงานเจาะเลือดบอกห้ามกินอะไรเลยยกเว้นน้ำเปล่าเท่านั้น แม่ก็ทำไงดีวะ ตอนนั้นตัดสินใจผิดพาดมาก
แม่ดันไปกินไส้กรอก 1 อันที่ 7/11 เท่านั้นล่ะ ชีวิตอับเฉาเลย แม่มาเจาะเลือดเข็มที่ 2 3 4 จนครบตอน 11.30 และรอผลตอน 12.00 ไปรับผลมายื่นที่แผนกฝากครรภ์
ซึ่งตาม รพ. รับ เที่ยงคือทุกอย่างจะหยุดบริการทั้งหมด เค้าจะปิดแผนกไปกินข้าวกัน แต่แม่โชคดีว่าเค้าให้แม่รับผลเป็นคนสุดท้าย ไม่งั้นยาวแน่ๆ ผลที่ออกมา
ค่าที่เห็นนั้น มีค่า 1 ตัวที่ผิดแกติกว่าที่ควรจะเป็น พอไปถึงแม่ก็บอกว่าแม่มายื่นผลเลือด เค้าบอกแม่ว่าไหนเอามาดูซิ พยาบาลก็ดูเทียบค่า ก็งงว่าทำไมค่ามันเพี้ยน
แต่แค่ค่าเดียว คนที่เป็นเบาหวานต้องมีอย่างน้อย 2 ค่าที่ผิดปกติ เค้าถามแม่ว่า แม่แอบไปกินอะไรมารึเปล่า แม่บอกกินค่ะ (หน้าตาเศร้าสร้อย รู้สึกผิดมากๆๆๆ)
บอกเค้าว่าหลังกินน้ำตาลไป ไปกินไส้กรอกมา เค้าก็บอกมิน่าล่ะค่าถึงเพี้ยนตรงนี้ ให้มาตรวจแบบเดิมอีกทีวันที่ 6 กย. 55 แม่ถามบอกว่าอุ้ยพี่คะ ถ้าคลอดแล้วล่ะ
ทำยังไง บอกคลอดแล้วก็ไม่ต้องมา แล้วเธออย่าลืมบอกหมอที่ฝากท้องด้วยนะว่าเข็มที่ 2 เธอแอบไปกินอะไรมา  แล้วก็ปล่อยแม่กลับบ้าน แม่เดินคิดมาตลอดทางว่า
ถ้าแม่ไม่กินไส้กรอกไป แม่จะมีน้ำตาลปกติทุกค่าแบบไม่ต้องกังวลหรือไม่ แต่เท่าที่แม่รู้สึกได้คือแม่ว่าแม่ไม่เป็นเบาหวานแน่นอน ถึงแม้แม่จะชอบกินน้ำหวานมากก็ตาม
การไปหาหมอคราวนั้นแม่ได้รับบทเรียนว่า เราไม่ควรติดเอาเอง พูดอะไรมาต้องเชื่อคนที่เค้าทำการตรวจเรา เราอาจจะเข้าใจอะไรมาผิดๆ แต่คนที่เค้าตรวจเค้าจะรู้ดี
ตอนแรกแม่คิดไว้ว่าแม่จะเลิกกินเปีปซี่ เลิกน้ำตาล แต่บอกตรงๆว่าแม่ยังกินอยู่ 555 คือแบบมันทั้งร้อน ทั้งอยากกิน แม่รู้สึกว่าตัวเองย่ามใจไปหน่อย
ยังแอบกังวลว่าวันพุธที่ 22 ส.ค. นี้แม่จะโดนหมอบ่นอะไรอีกบ้าง เรื่องผลน้ำตาลๆแน่ๆ และเรื่อง นน. ตัวที่แม่รู้รู้สึกว่า วีค ที่ผ่านมา แม่มีความสุขในการกินมากๆ
และ นน ก็ขึ้นพรวดๆ แม่อยากให้ไปถึงวันที่ 22 แล้วหมอบอกว่าพร้อมคลอดแล้วนะ อะไรแบบนี้จะได้ไม่ต้องตรวจ น้ำตาลอีก และไม่มีน้ำตาลในฉี่...
จริงๆแม่นี่เหมือนเด็กมากเลยเนอะ พยายามปกปิดความผิด แต่ไม่ไม่เคยสร้างภาพเมื่อวันที่ต้องไปพบหมอนะ แม่กินยังไง วันไปหาหมอก็กินอย่างนั้น
ดังนั้นผลที่ได้ทั้งหมด คือความเป็นจริงที่แม่ได้สร้างขึ้นเอง ไม่มีการสร้างภาพหรือใดๆทั้งปวง 5555
    สุดท้ายนี้เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราควรดูแลรักษาสุขภาพและไม่ควรคิดเองเออเอง ควรจะเชื่อฟังและมีสติในการทำอะไรซักอย่าง ส่วนเรื่องสุขภาพ
ถ้าเรารู้จักกินแต่พอดี เราก็จะไม่อ้วน ไม่เป็นโรคภัย การออกกำลังกายก็เป็นส่วนที่ช่วยให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง และไม่มีน้ำตาลในเลือดด้วย
วันนั้นแม่ก็กลัวมากๆ แต่ถ้าแม่ได้เดินมากๆ ออกกำลังกายเยอะ น้ำตาลในเลือดก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว ยังไงแม่อยากให้มิ้วรู้นะจ๊ะว่าแม่คนนี้
ถึงแม่จะดื้อด้านหัวรั้น แต่ใจแม่คนนี้มีเพื่อมิ้ว แม่อยากอยู่กับมิ้วนานๆ นานเท่าที่จะทำได้เลยล่ะจ่ะ

รักมิ้วเสมอ
จากพ่อทรและแม่กีฟท์


พุงแม่ที่มีมิ้วอยู่


Photobucket




Create Date : 17 สิงหาคม 2555
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 17:38:15 น.
Counter : 1345 Pageviews.

0 comment
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง ตอนเกิดเหตุการณ์ลุ้นนึกว่าจะคลอดซะแล้ว....>3<
วันอังคารที่ 7 ส.ค. 55 เวลา 16.49 ณ.โต๊ะทำงาน
อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ 3 วัน

    หายไปหลายวันเลย อัพเดทอาการทั่วไปก่อน ช่วงนี้แม่มีภาวะความคันที่รุนแรงมาก แม่คันพุงสุดๆ มันแตกมากขึ้นเยอะมาก
และห้ามเกาก็ไม่ได้ มันคันมากจริงๆ สิ่งที่แม่ทำได้คือ ยอมแตก และเกาให้หายคัน 555 รอบแตกตอนนี้เยอะมากๆๆๆๆๆ มันลามขึ้นมาเหนือสะดือเรียบร้อย
ทั้งรอยแดง และไม่แดง แต่พอมองมันจะขาวๆวาวๆ แปลว่าแตกไปเรียบร้อย พอเกาคันก็จะขึ้นเป็นผื่นๆ แล้วมันก็มาเชื่อมกันในที่สุด และแตกลายงา
จนตอนนี้ถ้าคนที่มีฝีมือในการตีหวยมาส่อง อาจจะถูกหวยหลายงวดแล้ว 5555 ส่วนอาการอื่นตอนนี้คืออาการท้องแข็งที่มีมากมาย และอาการเหนื่อยหอบง่าย
ปวดขาหนีบจี๊ดๆๆ ปวดถ่วง อั้นฉี่ไม่ได้ เพราะจะปวดท้องและมดลูกบีบตัว สิวกลับมาเริ่มขึ้นเยอะ หน้ามันมากกว่าเมื่อ 2 เดือนก่อน กลับมามันแผล่บๆ
อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายมาก วีนใส่พ่อมิ้วประจำ (น่าสงสารเนอะ แต่มันเป็นฮอร์โมนอ่ะจ่ะ แม่ไม่ชอบวีนพ่อหรอกนะ จริงจริ๊งงงง )
นอนตะแคงมากก็เจ็บพุง ต้องเปลี่ยนมานอนหงาย ถ้านอนหงายแล้วก็กันหายใจไม่ออก สรุปนอนทุกท่า แต่นอนได้ท่าละแป๊บเดียว สรุปนอนไม่กี่ ชม. -*-
ปวดฉี่คืนละ 2- 3 ครั้ง ฝันเพ้อเจ้อเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าแต่ก่อน อาจจะเกิดจากความกังวล เหมือนเท้าจะเริ่มบวมนิดๆ อาการปวดตามข้อยังคงมี
แต่แม่ยังคงเดินได้ ทำงานได้อยู่ ไม่ได้มีปัญหาต่อการดำเนินชีวิตแต่อย่างใด (มีลำบากคนรอบข้างบ้าง ไม่บ้างสิ มาก 5555)

    เรื่องที่แม่จะเล่ามันน่าตื่นเต้นมากทีเดียวสำหรับแม่และคนรอบข้าง เหตุการณ์เกิดเมื่อวานนี้เอง 555 (6 ส.ค. 55) ก็เป็นวันทำงานเหมือนทุกๆวัน
เป็นวันจันทร์ที่แสนขี้เกียจ (มากๆ) ไม่อยากไปทำงาน (ตามนิสัยคนขี้เกียจ 555) เช้ามาก็ไม่มีอะไรมีอาการเล็กน้อยคือตอนพ่อมิ้วเดินไปส่งที่หน้าหมุ่บ้าน
เพื่อขึ้นรถแท็กซี่ไปหาป้าแอนเพื่อไปทำงาน แม่รู้สึกหน่วงท้อง มากกว่าปกติ แต่นั่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ ช่วงเช้าเมื่อวาน หลังจากแม่กินข้าวเช้า
(อาหารจำนวนมาก) ของแม่เสร็จ แม่ก็นั่งลั้นลาตามปกติ อยู่ดีก็เกิดอาการท้องแข็งเป็นลูก เริ่มเจ็บ แต่ก็ยังไม่ถี่มาก แม่ต้องนั่งยาวๆ หายใจเข้าออกลึก
เพื่อให้มดลูกคลายตัว ก็ได้ผลดี แต่ก็มีอาการมาตลอด ซึ่งแม่มองว่าผิดปกติมากๆ แต่ก็ยังไม่เอะใจอะไร แม่ น้านี ป้าจิ๊บ ตัดสินใจจะไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน
ที่วัดด่าน แถวๆแบงค์ โดยชวนป้าหนู กับป้านีไปด้วยกัน ตอนแรกแม่ท้องแข็ง แข็งตลอดตั้งแต่นั่งจนเดินลงไปหาป้าทั้งสอง พอถึงวัดแม่ก็กินก๋วยเตี๋ยว
ต้มยำไป มิ้วก็แสดงอาการดิ้นไปดิ้นมาเพราะได้รับอาหารจากแม่ จากท้องแข็งก็คลายลง แม่แอบดีใจ เพราะไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนตัวของมิ้วเท่าไหร่ตั้งแต่เช้า
เพราะท้องแข็งตลอดเวลา พอหายแข็งก็จะจับเท้าได้บ้าง หลังจากกินอาหารเที่ยงกันเสร็จเราก็กลับสู่ที่ทำงานกัน (อ้อที่วัดมีไถ่วัวด้วย กับปลาคาร์ฟ)
    ช่วงบ่ายกลับมาที่โต๊ะแม่ก็มานั่งทำงานเหมือนเคย คราวนี้ล่ะเรื่องยาวละ แม่เริ่มมีอาการท้องแข็งมากขึ้น แม่เลยถามแม่ส้มที่อยู่ในคลับ
เค้าก็บอกว่าถ้ามีอาการท้องแข็งมากกว่า 10-15 ครั้งต่อ ชม ต้องบอกหมอและไปหาหมอโดยด่วนแม่ก็คิดว่าเออมันไม่เยอะขนาดนั้น ช่วง 15.00 น.
แม่ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดท้องปั้นเป็นลูกมากขึ้น... แม่ก็ใช้เทคนิคเดิมจนท้องหายแข็งไปได้เป็นช่วงๆ และแล้วความท้องแข็งแบบมาราธอนก็มาเยือน (ดูดราม่าขึ้นละ)
แม่เริ่มท้องแข็งแบบเจ็บช่องคลอดร่วมด้วย แต่ไม่มีเลือดออก แม่นึกว่าแม่ปวดฉี่ พอไปฉี่ก็มีฉี่ออกมา (เพราะกินน้ำเยอะ) แต่ไม่หายท้องแข็ง อาการเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
มิ้วน้อยของแม่นิ่งสนิท กระดุกกระดิกไม่ได้ได้ เพราะมดลูกบีบตัวถี่ขึ้นเรื่อยๆ อาการท้องแข็งหนักขึ้น ถึงขนาดหายไปไม่ถึง 5 นาทีกลับมาใหม่ และมีภาวะเจ็บ
แม่ถามแม่ส้มในคลับอีกที (เพราะแม่ส้มเคยมีอาการแล้วหมอให้กินยาคลายมดลูก และไปฉีดมาที่ รพ. ) อาการแบบนี้ไม่เคยขึ้นกับแม่
ปกติท้องแข็งของแม่จะเกิดช่วงเย็นเนื่องจากนั่งนาน และไม่ได้เคลื่อนไหว แต่อันนี้แม่พยายามลุก ยืดขา ขยับตัว แต่ก้ไม่ได้ดีขึ้นเจ็บท้อง และเจ็บมดลูก
แม่มองและว่ามันไม่ถูกต้อง แม่เลยตัดสินใจโทรไปหาคลีนิค บอกอาการที่เกิดขึ้น
พยาบาล    มีอาการยังไง
แม่     ท้องแข็งตลอดเลยค่ะ
พยาบาล     บ่อยแค่ไหน
แม่     ชั่วโมงที่ผ่านมาบ่อยมากค่ะ 5 นาทีครั้งได้
พยาบาล     มีเพศสัมพันธ์ในช่วง 1-2 วันนี้หรือเปล่า
แม่     เปล่าเลยค่ะไม่ได้มี
พยาบาล     ถือของหนัก เดินเยอะ หรือว่ายืนนานๆหรือเปล่า
แม่     (นึกๆๆ)  ไม่มีนะคะวันนี้ก็ทำตัวปกติมาก (เดินนิดเดียวที่ไปวัดด่าน)
พยาบาล     ฉี่ได้มั้ย
แม่     ฉี่ได้ค่ะ กินน้ำเยอะเลยฉี่บ่อย ตอนแรกหนูนึกว่าท้องแข็งเพราะปวดฉี่ พอไปฉี่แล้วก็ไม่หาย
พยาบาล     มีประกันสังคมที่ไหน
แม่ รพ.     ศิครินทร์ค่ะ
พยาบาล     ไป รพ เลยนะ ไปให้เค้าดูหน่อย จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
แม่     แต่ตอนนี้หนู 34 วีคแล้ว ประกันสังคมห้ามเกิน 7 เดือนนี่คะ
พยาบาล     หนูกำหนดคลอดเมื่อไหร่นะ
แม่     17 ก.ย. ค่ะ
พยาบาล     วันนี้หนูทำงานมั้ย
แม่     ทำอยู่ค่ะ
พยาบาล     งั้นกลับไปบ้านไปนอน เป็นคุณนาย ห้ามทำอะไร กินแล้วนอน จานให้แฟนล้าง ห้ามทำงานบ้าน นอนนิ่งๆเลยนะ 2-3 ชม
    ถ้าไม่หายให้ไปที่ รพ เลย อย่าลืมที่พี่สั่งนะ
แม่    (ตกใจ เรื่องใหญ่หรอวะเนี่ย) ค่ะๆ
    ตอนนั้นหลอนมาก โทรไปบอกพ่อมิ้ว บอกพี่ที่ทำงาน ตื่นเต้น ทุกคนคิดเอาแล้วมันจะคลอดวันนี้ป่าววะ แม่ก้เคลื่อนกายที่ท้องแข็งตลอดเวลากลับบ้าน
ตลอดการนั่งรถก็แข็งตลอด แม่คิดตายละๆ ชั้นยังเตรียมของไม่หมดเลย (ไม่ได้เรื่องเลย //ทุบทุบทุบ) แม่ไปโพสต์บนคลับ แม่ๆที่นั่นก็ให้กำลังใจ
และพยายามให้แม่นอน แต่ตอนนั้นแม่นั่งรถอยู่นอนไม่ได้ 555 แม่ลงรถป้าแอนแบบกังวล+ท้องแข็ง มิ้วดิ้นน้อยมาก (เครียดสุดๆ) แม่ก็ทำการนั่งแท็กซี่ไปบ้าน
ใจคุ้มต่อมๆ คนในคลับก็ลุ้นกันบอกว่าทิ้งกันไปคลอดก่อนนะ (แม่ไม่อยากคลอดตอนนี้น้าาาา) นั่งรถไปปวดท้อง ปวดช่องคลอด มดลูกบีบตัว มิ้วก็ไม่ดิ้น
ใจหายวาบๆๆ รถดันติดมากอีก ไม่รู้จะเคราะห์ซ้ำกรรมเซาะอะไรนักหนา กลับถึงบ้านแม่ก้กินแล้วก็รีบไปนอน พอนอนลงปุ๊บอาการท้องแข็งหายไปทันใด
เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มิ้วน้อยของแม่ดิ้นเยอะมาก กลิ้งไปมา สงสัยตลอดเวลาที่มดลูกบีบตัวมิ้วอึดอัดมาก และเคลื่อนไหวไม่ได้
มิ้วว่ายน้ำไปทั่ว ยวบยาบๆ แม่จับมิ้วแล้วก้สบายใจว่ามิ้วของแม่ยังแข็งแรงดี ไม่มีปัญหา แต่แม่ก็ประสาทหลอนทั้งคืนที่แม่นอน ก็ไม่ได้หลับเลย ไม่กล้าตะแคง
กลัวมิ้วไม่ดิ้น กลัวท้องแข็งอีก เช้าวันนี้มิ้วน้อยของแม่ลั้นลา ไม่มีอาการท้องแข็ง ดิ้นดีมากๆ ดิ้นทั้งวันจนถึงช่วงเย็น ท้องแข็งเล็กน้อย แต่มิ้วน้อยดิ้นจนแม่
ปลาบปลื้มและรู้ว่ามิ้วของแม่ไม่อึดอัดแล้ว 5555
    สุดท้ายนี้แม่อยากจะเล่าให้มิ้วฟังว่า เป็นแม่คนเนี่ยมันตื่นเต้นมาก 555 ตอนนี้ถ้ามิ้วออกมามิ้วก็จะหนักแค่ 2000+ ซึ่งตัวกระจิ๊ดริ๊ด แม่อยากให้มิ้วอยู่ซัก 38 วีค
อีกแค่ 4 วีคเองอดทนไว้นะจ๊ะ อย่าเพิ่งรีบออกมาเพื่อความสมบูรณ์ของตัวมิ้วเอง และแม่ที่ยังเตรียมของไม่ครบกำลังเตรียมอย่างหนัก พ่อของมิ้วตอนนี้ก็หลอน
ไม่รู้ว่าแม่จะมีอาการอีกเมื่อไหร่ มิ้วคงจะสัมผัสได้ถึงความกังวลใจของแม่ นั่นก็เพราะความรักที่มีต่อมิ้วมากมาย ไม่อยากให้มิ้วไม่แข็งแรง
อยากให้มิ้วอยู่จนครบกำหนดคลอด (ไม่ต้องถึง 17 กย แม่ขอช่วง 3 กย ละกันนะจ๊ะ) คนในคลับแซวว่าสงสัยมิ้วจะไม่อยากให้แม่รอแล้ว
แม่อยากรออีก 4 อาทิตย์ มิ้วก็ช่วยอยู่ให้ครบ 4 อาทิตย์นะคะลูก

รักมิ้วเสมอ
พ่อทรและแม่กีฟท์



Create Date : 07 สิงหาคม 2555
Last Update : 7 สิงหาคม 2555 17:41:57 น.
Counter : 4821 Pageviews.

0 comment
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง....ตอนเมื่อพ่อของมิ้วเข้าสู่ใต้ร่มกาเสาวพักตร์
วันจันทร์ที่ 30 ก.ค. 55 เวลา 16.48 น.  ณ.โต๊ะทำงาน
อายุครรภ์ 33 สัปดาห์ 2 วัน

    อัพเดทอาการกันนิดนึง เมื่อวันศุกร์แม่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องให้มิ้วฟังอีกละ ช่วงนี้ใกล้วันเข้ามาทุกที แม่เริ่มฝันเพ้อเจ้ออย่างหนัก เริ่มฝันร้ายทุกวัน เครียดวิตกจริต
แต่ไม่ได้คิดก่อนนอนแต่มันคงเป็นจิตใต้สำนึกที่แม่รู้สึกเป็นแน่แท้ ฝันน่ากลัวมาหลายวันติดละ อาการโดยรวมก็ยังทรงๆ เพียงแค่มิ้วถีบทีจุกกันไปเลย
ตัวมิ้วใหญ่โตขึ้นมาก แม่ไป(แอบ)ซาวน์ดูมิ้วมาเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา คลีนิกในซอยบ้าน เครื่องซาวน์เค้าไม่ค่อยชัด พ่อมิ้วบอกแม่ว่า ไม่ค่อยคุ้มเงิน
เพราะว่ามองอะไรไม่เห็นแต่แม่กลับรู้สึกดีใจที่ได้เห็นมิ้วอีกครั้งก่อนคลอด ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าเห็นตากัน เห็นเป็นเงาๆตะคุ่มๆ แต่รู้ว่ามิ้วเอาหัวลงแล้ว
แต่ดันหงายหน้าขึ้นซะอย่างนั้น สงสัยยังอยากดูวิวอยู่ 555 แต่มิ้วยังไม่ลงเชิงกราน ดังนั้นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ยังมีเวลาอยู่เพราะท้องแม่ยังไม่ลด
เค้าบอกว่า 34 วีค ก็จะท้องลดแล้ว และมิ้วน้อยของแม่ต้องเคลื่อนลงเชิงกรานเพื่อเตรียมคลอด แม่อยากคลอดมิ้วเองมากๆ แม่อยากสัมผัสความเจ็บปวด
(แอบซาดิสม์อย่างมาก 555) อยากทำแบบคนที่เค้าทำกันมาเป็นล้านปี (ว่าไปนั่น) จริงๆแล้วมีจุดประสงค์เพื่อประหยัด 555 และอีกอย่างคือแม่กลัวผ่าตัด
ถ้าไม่จำเป็นดปรดอย่ามาลงเข็มกับแม่ เพราะทั้งตัวแม่ไม่มีแผลผ่าตัดเลย ไม่มีรอยเย็บด้วยนะ ถึงแม้แผลเป็นจะเยอะมากก็ตามแต่ 555
อาการอื่นๆก็เรื่องๆเช่น เดินปวดหน่วง เจ็บขาหนีบ นอนไม่หลับ ฉี่บ่อย พลิกตัวยาก เจ็บไปหมด ปวดตามข้อ สิวขึ้น(เจ็บตรงนี้...T.T) หมดความสวย 555
ที่เหลือก็ยังทรงๆ ไม่มีอะไรดูน่าเป็นห่วงแม่หวังจะเห็นมิ้วน้อยๆของแม่ตอน 38-39 วีค แม่จะต้องทำให้ได้ จะพยายามทำตามที่ทุกคนบอก หนังสือบอก
เพราะแม่อยากคลอดเองเป็นที่สุด มิ้วน้อยต้องให้ความร่วมมือกับแม่นะ ไม่งั้นแม่ต้องได้เย็บรอยผ่าแน่ๆ ลงเชิงกรานให้ถูกท่านะลูกนะ ^_^

    เรื่องที่แม่จะเล่าวันนี้คือ พ่อมิ้วบวชนั่นเองจ่ะ ก่อนหน้าที่พ่อมิ้วจะบวชเป็นพระภิกษูเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณปู่คุณย่าแล้ว พ่อมิ้วนั้นเคย
บวชเณรมาก่อนหน้า แล้วบวชถึง 3 เดือนเป็นบวชเณรตอนปิดเทอม ขึ้น ม.4 คุณย่าต้องไปบอกให้กลับออกมาเรียนหนังสือ ดูเหมือนพ่อมิ้วจะพบทางสว่าง
ในรสพระธรรม พ่อมิ้วตัดสินใจกลับมาเรียน ม.ปลาย ไม่งั้นแม่คงไม่ได้เจอพ่อ และไม่มีมิ้วเป็นแน่แท้ คุณย่าเลยเล่าให้แม่ฟังว่าตอนท้องท่านฝันว่ามีคนอุ้ม
พระพุทธรูปทององค์เขื่องมาให้ คุณย่าก็รับไว้ (แหม่ช่างตรงเนอะ เพราะดูท่าทางชอบในทางธรรมจริงๆ) แล้วพ่อมิ้วก็ดูนิ่งๆ เหมาะกับการบวชมากๆ
หัวกลม พอโกนแล้วดูสวยซะด้วย 555
    มาถึงตอนโต คุณย่าไปดูดวงมาว่า พ่อมิ้วต้องบวชในปีที่มีอายุ 21 ปี พ่อมิ้วไม่ขัดอะไร และตั้งใจจะบวชอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ทางบ้านเลยทำการจัดออกเวียนการ์ดงานบวช โดยจะทำการบวชในวันที่ 3 มิถุนายน 2550 แป๊บเดียววันงานก็มาถึง งานบวชถูกจัดให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งวัน
จัดที่วัดหนองโพธิ์ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นวัดที่อยุ่ในถนนในซอยที่ปู่ทวดและย่าทวดอาศัยอยู่นั้นเอง แม่ได้ลางานไปช่วยงานบวช
เพราะจำเป็นต้องไปเตรียมงาน (ตอนนั้นแม่ยังไม่ได้ทำงานที่ธ.กรุงศรีเลย ทำงานที่ทำงานเก่า นิสัยไม่ดีมากๆ แม่ไม่อยากจะพิมพ์มา ชิส์!!!)
ที่บ้านทำการเตรียมอาหารเพื่อทำโต๊ะจีนเอง (คือทำเองมื้อเช้า และทำมื้อเที่ยงซึ่งเลี้ยงคนที่มาร่วมงาน) การทำก็จ้างแม่ครัวมา และอาศัยคนรู้จักช่วยกัน
แม่ได้ร่วมช่วยทำงานมากมาย ทั้งทำอาหาร ทำขนม และอื่นๆเยอะแยะไปหมด เพิ่งเห็นการทำงานแบบที่เค้าเรียกว่าลงแขกก็คราวนี้
เพราะทุกคนต่างมาช่วยงานกัน มาทำอาหารและเสิร์ฟแขกในงาน พ่อมิ้วก็ถูกปลงผมตอนเช้า (พ่อมิ้วเล่นไว้ผมซะยาว เพื่อจะได้ไปตัดงานบวชเลยนะ 555)
และก็ไปแต่งกายในชุดนาค เพื่อเตรียมเข้าพิธีในโบสถ์เพื่อบรรพชาเป็นพระภิกษุต่อไป ส่วนงานข้างนอกแขกที่เป็นญาติทยอยกันมาเรื่อยๆ
ตอนเช้าก็เลี้ยงข้าวต้มกันไป ญาติๆมานอนรวมกันที่ศาลาวัดเพื่อจะเตรียมงาน (รวมถึงแม่ที่มานอนวัดเช่นกัน) เช้าก็เตรียมงาน พ่อของมิ้วก็เข้าโบสถ์ทำพิธี
จนเสร็จก็ถึงเวลาฉันเพล ทางข้างนอกก็ได้เวลาเสิร์ฟอาหารเช่นกัน แม่ก็เดินตามคุณย่ากับป้าผึ้งต้อยๆ เค้าเข้าใจว่าแม่เป็นลูกสาวของคุณย่า
คุณย่าบอกไม่ใช่เป็นแฟนพระ เค้าก็ชมว่าแม่หน้าตาน่ารัก 555 (อยากจะเล่าแค่นี้ล่ะ หุๆๆๆ) แล้วทางเราก็กินข้าว อยากบอกว่าเหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆ
แม่เหนื่อยมากเพราะทำงานจนอ้วกแตกอ้วกแตน เพิ่งรู้ว่าการทำอะไรเองตั้งแต่เรื่มต้นมันเหนื่อยมากจริงๆ ดีว่างานแต่งงานแม่ไม่ได้ทำเอง ไม่งั้นเดี้ยงแน่ๆ
วันถัดมาแม่ได้ใส่บาตรพ่อตอนเช้า บอกตามตรงเลยแม่ไม่กล้าแม้จะสบตา (ว่าไปนั่น) แม่ไม่เคยต้องห่างพ่อนานขนาดนี้ 15 วัน ปกติเราจะเจอกันบ่อย
โทรหากันตลอด แม่เศร้ามาก มองเห็นพ่อก็น้ำตาซึม (ดราม่าสุดๆ) พ่อมิ้วก็พยายามไม่มอง เพราะทำตัวไม่ถูก ตักบาตรเสร็จ วันถัดมาแม่ก็กลับ กทม.
แม่เหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายมาก แต่แม่ก็หายอาการนั้น เพราะน้านี ได้อัญเชิญแม่ไปเที่ยวบ้านน้าจิ๊บที่จันทบุรี แม่รีบแจ้นไปทันทีเพราะแม่เหงามากๆ
พอได้ไปเที่ยวเท่านั้นล่ะลืมไปหมดเลยความเศร้าความเหงา 555 สุดยอดจริงๆแม่เนี่ย ไปเที่ยวกันสามวันสองคืนสนุกมากกกกก
เวลาผ่านไป 15 วันไวเหมือนโกหก พ่อสึกออกมา แม่ก็ไปรับกลับบ้าน คิดถึงมากๆๆๆๆๆ และแล้วพ่อของมิ้วก็ได้ทำตามความฝันสูงสุดของคุณปู่คุณย่า
คือการได้เกาะชายผ้าเหลือง (ถึง 2 ครั้ง) สู่สวรรค์ แม่ล่ะปลาบปลื้มจริงๆ มีลูกชายหลายคนที่ยังไม่มีโอกาสได้บวช ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
อาจจะไม่อยากบวชเอง หรือไม่มีเวลา หรือไม่พร้อมในเรื่องอื่นๆ นี่คือสิ่งที่แม่มองว่ามันคือการทดแทนบุญคุณในแง่ของลูกผู้ชาย
    มิ้วเองเป็นเด็กผู้หญิงโตขึ้นมาก็จะเป็นภรรยาของใครคนหนึ่ง ซึ่งคนๆนั้นต้องเป็นผู้ชาย (แน่ๆ) แม่ก็อยากให้สามีมิ้วในอนาคตบวชด้วย
แม่มองว่าเหมือนเป็นหน้าที่ของพุทธสาสนิกชนด้วย ไม่จำเป็นต้องบวชเสียเงินมากมาย แค่ปลงผมและเข้าวัดปฏิบัติธรรมด้วยใจจริงๆ
ไม่ใช่การบังคับหรืออย่างไร แค่นี้แม่ก็มองว่าเป็นคนที่รู้สำนึกบุญคุณมากแล้ว ไม่แน่ในอนาคตมิ้วเองอาจจะมีน้องชาย (หวังไปขนาดนั้น)
มิ้วอาจจะได้เป็นคนที่ได้รับรู้ถึงความอิ่มสุขของการได้มองน้องชายของตนออกบวชในฐานะสามเณร หรือ พระภิกษุ ถึงตอนนั้นมิ้วจะได้รู้สึกถึงความสุข
ที่ได้รับจริงๆนะจ๊ะ เหมือนที่แม่ได้รับจากงานบวชของพ่อมิ้วนั่นเองล่ะจ่ะ และถ้ามิวมีน้องชาย แม่ก็อยากให้น้องชายมิ้วได้บวชดูซักครั้งเนอะ

รักมิ้วเสมอ
จาก พ่อทรและแม่กีฟท์


ตอนบวชเณร

Photobucket



Photobucket



Photobucket

คุณปู่คุณย่าและพ่อมิ้ว

Photobucket



Photobucket



Photobucket



ภาพคู่ใบเดียวในวันนั้น

Photobucket









Create Date : 30 กรกฎาคม 2555
Last Update : 30 กรกฎาคม 2555 17:49:35 น.
Counter : 1020 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

tungift
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เดือน 9 นี้จะได้เห็นหน้าลูกสาว "น้องมิ้ว" ของแม่แล้ว