All Blog
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง.......ตอนเมื่อพ่อแม่เจอกันครั้งแรก
วันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ค. 55 เวลา 8.27 น.
วันนี้แม่จะมาเล่าเรื่องให้มิ้วฟังนะจ๊ะ
พ่อกับแม่รู้จักกันที่ไหนและยังไง เป็นเรื่องที่ลุกต้องสนใจแน่ๆ เพราะขนาดแม่ยังอยากรู้เลยว่าตากะยาเจอกันได้ยังไง
ช่วงนั้นแม่กำลังเฮิร์ทๆ พอดีเพิ่งเลิกกับแฟนเก่า (เป็นไงล่ะ แม่มีแฟนเก่าด้วยนะ 555) แล้วแม่ก็คุย MSN
(เป็นโปรแกรม chat ทางอินเตอร์เน็ทที่สมัยนั้นฮิตมากๆ) เพื่อแก้เบื่อ ก็เจอเพื่อนคนนึง เค้าก็อยู่ในภาวะเดียวกัน
คือเพิ่งเลิกกับแฟน แล้วก็เหงาๆเปล่าเปลี่ยว แม่ก็คุยกับเค้าแล้วก็เลยชวนกันไปดูหนัง ตอนนั้นเรื่อง Harry Potter 4
แต่รายนั้นบอกว่าไม่อยากไปงั้นงี้ๆ ก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวเราให้เพื่อนเราไปแทนละกัน
แล้วก็ลากคนๆนึงเข้ามาในวง chat ตอนนั้นแม่ก็ไม่คิดมาก ใครก็ได้ อยากไปเที่ยว อยากเจอเพื่อนใหม่ ไม่ได้หวังอะไร
ชื่อที่ลากเข้ามาคือ "ตาโต" แม่ก็คิดว่าทำไมต้องตาโต?? หรือเค้าตาตี่?? แต่ก็ไม่อะไรเข้ามาก็มากวนๆ
จนไปๆมาๆก็คุยกันตกลงกันไปว่าเออ เดี๋ยวไปดูหนังด้วยกันที่ซีคอน หนุ่มคนนั้นก็ใจง่าย ยอมไปด้วย แม่เองก็ไป 555
ก่อนเจอกันแม่ก็ขอดูรูป คือแลกรูปกันดู แม่ไม่ได้หวังว่าเค้าจะหน้าตาแบบไหนหรอก แต่อยากเห็นหน้าว่าเป็นยังไง
แม่ก็ส่งรูปตัวเองไปด้วย เค้าก็ส่งรูปเค้ามา แล้วเราก็คุยโทรศัพท์กันบ้าง
ตอนแรกที่ได้ยินเสียง แม่นึกว่าทอม 555 คือเค้าเสียงเล็กมาก แม่ไม่รู้ว่าแม่แอบเอาเบอร์ไปให้ทอมตอนไหน -*-
เค้าเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แล้วก็ดูขาดความมั่นใจในตัวเอง (แม่เป็นคนมั่นใจในตัวเองมากกก)
เราก็นัดแนะกันเรียบร้อยที่ซีคอน รู้สึกจะ 11 โมงมั้ง วันนั้นอากาศหนาวด้วย แม่เลยใส่เสื้อแขนยาวไป
แต่แม่ก็อยากสวยนิดนึง เลยไปสระผมไดร์ผมที่ร้านตรงข้ามซีคอน (กลัวเค้าไม่ปลื้ม ทั้งๆที่ไม่ได้หวังอะไรนะ 555)

เค้าไม่เคยมาแถวนี้เลยแต่ก็มาจนถูก ถือว่าเก่งมากๆ เพราะบ้านอยู่เจริญกรุง85 ไกลจากซีคอนมากๆๆ
เค้ามาถึงก่อนเวลาและวันนั้นก็นัดไปดูหนังกับเพื่อนที่คุยกับแม่ตอนเย็นด้วย
แม่ข้ามสะพานลอยไป เดินเพื่อเข้าห้าง แม่ก็ถามว่าวันนี้ใส่เสื้อสีอะไรแบบไหน จะได้ทักคนถูก
เค้าก็บอกมาแม่ก็เดินไปที่ประตูเห็นคนคุยโทรศัพท์อยู่ ภาพที่เห็นคือหนุ่มคนนึง ผมยุ่งๆแทบจะปิดตา ตัวผอมๆ
ใส่เสื้อสีเขียวอมฟ้าลายมิกกี้เม้าท์ กางเกงเหมือนไม่ได้ซักมานาน รองเท้าแตะอีหนีบสีเขียวสะท้อนแสง
เป็นภาพที่จำได้ดีเลย เค้าไม่กล้ามองหน้าแม่ด้วยซ้ำ แบบต้องแอบมอง (สงสัยแม่สวยมาก 555)
แม่ก็ชวนคุยไปตลอดทางเพราะดูขี้อายมาก และขาดความมั่นใจในตัวเองสุดๆ ทั้งการเดินหลังค่อมๆ
การเดินไหล่ห่อและไม่สบตาใครก็เป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่าไม่มั่นใจในตัวเอง
แม่เลือกที่จะไม่ดูหนังเพราะยังไงเค้าก็ไปดูหนังกับเพื่อนอยู่แล้ว แม่เลยตัดสินใจว่า
ไปเล่นโบว์ลิ่ง กับร้องคาราโอเกะดีกว่า (เพราะแม่ชอบร้องเพลงมาก มิ้วน่าจะได้ยินบ่อยในท้องนะจ๊ะ 555)
ไปถึงก็ร้องคาราโอเกะเลยที่ชั้น 4 แม่ชอบมาก ร้องคนเดียว แม่ไม่อายเลยเพราะแม่ร้องเพลงเพราะ 555
ส่วนพ่อเค้าก็เงียบๆ แม่บอกร้องสิ เค้าบอกกิฟร้องเพลงเพราะจัง แม่เลยอวดไปว่า อ้าวแม่ประกวดร้องเพลงมานะ 555
เค้าก็บอกเราร้องเพลงไม่เพราะหรอก ไม่กล้าร้องเราอาย แม่บอกร้องไปเหอะอย่าไปคิดว่าไม่เพราะ
เค้าเลยร้องเพลง แล้วแม่ก็รู้ความจริงว่า พ่อมิ้วร้องเพลงได้ไม่เพราะเอาซะเลย 555 (ไม่ได้เผานะพ่อ)
แต่ก็ร้องด้วยกันได้ไม่เป็นไร 555 ไม่เพราะก็ไม่เป็นไรขอแค่มีส่วนร่วมก็พอละ
ในนั้นอากาศเย็นมาก แม่เลยบอกหนาวจัง เค้าก็บอกว่ามานั่งใกล้ๆเราสิเราจะให้ความอบอุ่นเอง
แม่ฟังงี้อึ้งเลย กล้ามาก!!! พอมาตอนนี้ แม่เลยรู้ว่าเออเค้ามีนิสัยแบบนี้จริงๆ เป็นคนพูดทีเล่นทีจริง พอเอาเข้าจริงๆไม่กล้าทำ 555
เค้าก็แบบหัวเราะ แม่บอกว่ากล้าพูดได้ไงเพิ่งเจอหน้ากันเอง ทะลึ่งจัง เค้าก็บอกว่าอ้าวก็มานั่งใกล้ๆก็อุ่นแล้วนะ
แล้วเราก็ร้องเกะกันไป พอร้องจนจบแม่ก็พาไปเล่นโบว์ลิ่ง พ่อมิ้วเค้าบอกว่าไม่เคยเล่นโบว์ลิ่งเลย
แม่ให้ใช้ลุก 8 ปอนด์ เพราะมันจะหนัก เหมาะกับผู้ชายหน่อย พ่อมิ้วบอกไม่ไหวหนัก -*- แม่งี้ปรี๊ดเลย บอกเป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งสิ
เค้าก็โอเค เดี๋ยวเราลองเล่นดูก็ได้ (แม่โหดมะ) แม่ก็โยนไปล้างท่อไป ส่วนพ่อหนูโยนสไตรค์ แม่งี้แบบอะไรเนี่ยไหนบอกเล่นไม่เป็น
เค้าก็ยืนยันบอกเล่นไม่เป็นจริงๆนะ ลูกนี่โยนไปเหมือนคนไม่มีแรง แต่ดันสไตรค์ แต้มนี่มากกว่าแม่หลายเท่า
แม่ล่ะแอบอิจฉาปนโมโห แต่ก็ต้องยอมรับแปลว่าเค้ามีความสามารถจริงๆ

พอเราเล่นกันเสร็จแม่ก็ชวนไปกินขนมปังร้านนมเนย เพื่อคุยแล้วเดี๋ยวเค้าก็ต้องขึ้นรถไปหาเพื่อนที่เซ็นทรัล พระราม3
ก็ไปนั่งกินขนมปังปิ้ง แม่ก็เลยบอกเค้าว่ารู้มั้ยการคุยกับคนอื่นแล้วไม่มองหน้าเนี่ย มันเสียมารยาทมากๆเลยนะ
เค้าก็บอกว่าเค้าไม่กล้ามองสบตาตรงๆ เป็นคนไม่ค่อยกล้าสบตาอยู่แล้ว (ขนาดแต่งงานมีมิ้วแล้ว พ่อหนูก็ยังไม่ค่อยสบตา)
เค้าบอกว่าอายและเขินแม่มาก แม่บอกไม่เห็นต้องเขินเลย หรือเป็นเพราะแม่ไม่สวย แม่ขี้เหร่เลยไม่อยากมอง
เค้าก็บอกว่าไม่ใช่นะ แม่น่ารักมาก (ว้ายยยยย) แต่เราเขินเอง เดี๋ยวเราจะพยายามปรับปรุงนะ (ทุกวันนี้ก็ยังไม่สบตาเท่าไหร่ 55)
แล้วเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวเค้าต้องไปละ ไม่อยากกลับเลย แม่บอกไปเถอะ เดี๋ยวไปไม่ทันเพื่อนดูหนัง ก็ไปส่งขึ้นรถบางนา
คราวหน้าให้เค้าไปส่งที่บ้านนะ คราวนี้เค้าไม่สบายใจเลยที่ไม่ได้ไปส่งแม่ถึงบ้าน
ใจจริงๆวันนั้น เป็นวันแรกนะที่แม่รู้สึกได้ว่าเออ การเปิดใจให้ใครซักคนเข้ามาในชีวิต ที่นอกเหนือจากคนเดิมๆ
ก็ตื่นเต้นดีนะ 555 แล้วก็มีอะไรมากมายเหมือนประสบการณ์ใหม่ๆ บอกตามตรงว่าวันนั้นไม่คิดเลยว่าจะมีมิ้ววันนี้
แม่ไม่ปลื้มเลย คนไม่มั่นใจในตัวเอง แต่พ่อมิ้วก็ทำให้แม่เห็นว่าคนที่ไม่มั่นใจคนนั้น สร้างความมั่นใจไห้แม่ได้ถึงวันนี้
ความดีของพ่อมิ้ว มีมากมายจนแม่ไม่รู้จะเขียนยังไงไหว แม่มั่นใจว่าแม่เป็นคนที่มีความสุขในชีวิตคู่มากๆคนหนึ่ง
เพราะพ่อมิ้วเป็นคนดีและเป็นคนที่รักแม่และมิ้วมากจนสุดหัวใจ พ่ออาจจะมีเรื่องที่สู้คนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับแม่แล้ว
พ่อดีที่สุดและแม่ก็วางชีวิตไว้ในมือพ่อไปแล้ว บางคนมองว่าแต่งงานกับพ่อไปแม่ก็ไม่มีทางรุ่งเรือง
แต่แม่มองว่าชีวิตแม่และพ่อจะดีขึ้นเมื่อเราอยู่ด้วยกัน ชีวิตเราเราลิขิตเองได้ และเมื่อมีมิ้วมาชีวิตของเรา 3 คนจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ

มิ้วรู้มั้ยจ๊ะว่า หนูเกิดมาจากความรักที่พ่อและแม่มีให้แก่กัน พ่อกับแม่อยากมีหนูมากมายแค่ไหน
และหนูจะได้รับรู้ความรู้สึกนี้อีกครั้งเมื่อหนูเกิดมาดูโลกใบนี้ ว่าความรักที่พ่อมีให้แก่แม่และแม่มีให้แก่พ่อมากแค่ไหน
พรุ่งนี้แม่จะเล่าให้ฟังเรื่องความประทับใจที่แม่ไปเที่ยวเมืองโบราณกับพ่อครั้งแรกนะจ๊ะ
วันนี้แม่ไม่มีรูปมาอวดหนูเลย เพราะว่าตอนไปกันครั้งนั้นแม่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ 555
ไว้พรุ่งนี้แม่จะโชว์รูปที่แม่ไปเที่ยวกับพ่อให้ดูนะจ๊ะ

รักมิ้วเสมอนะจ๊ะ
จากพ่อทรและแม่กีฟท์



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 14:32:51 น.
Counter : 878 Pageviews.

1 comment
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง.........ตอนครอบครัวของหนู
วันพุธที่ 23 พ.ค. 55 เวลา 12.52 น. (พักกลางวัน)

ก่อนจะเล่าเรื่องครอบครัวของเราให้มิ้วฟัง แม่ขออัพเดทอาการตัวแม่เองก่อนนะจ๊ะ
เมื่อคืนนี้แม่ลุกไปฉี่ตอนเที่ยงคืนกว่าได้ ตามปกติที่ไปฉี่ทุกวัน แม่ก็เข้ามานอน
พอมานอนปุ๊บ อยู่ดีๆแม่ก็นอนไม่หลับ ทั้งๆที่ง่วงนอน ตาก็ลืมไม่ขึ้น แต่สติก็ไม่หลับ ทั้งๆที่ง่วง
แม่เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แม่เลยพยายามปล่อยใจให้ว่าง นอนลงไปอีก นับแกะก็แล้ว ทำสมาธิก็แล้ว
แต่ไม่มีอาการของสติที่จะหลับลงไป แต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเลยนะ แม่ก็เริ่มรู้สึกถึงแรงดิ้นของมิ้วในท้อง
หนูค่อยๆดิ้นแรงและถี่ขึ้น เหมือนมิ้วเองก็ตื่นนอนเหมือนกัน ท้องแม่เริ่มร้อง เพราะหิวข้าว
เริ่มปวดตามข้อต่อ แขนขา แม่พยายามข่มใจเพื่อจะนอน ไม่งั้นแม่คงจะนอนไม่พอเป็นแน่
ความปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม่พยายามนอนตะแคงแทน แต่แม่ก็ปวดหลังมากจี๊ดขึ้นมาเลย มิ้วก็ดิ้นๆ แบบไม่ชอบ
แม่ตะแคงอีกด้าน มิ้วก็ดิ้นๆๆๆ แม่ก็เจ็บไปหมด แม่เลยกลับมานอนหงายใหม่ แม่พยายามจะนอนตั้ง 2 ชม.
ไม่ไหวแม่จึงเรียกพ่อ พ่อก็งงๆ มาช่วยบีบให้ แต่ตอนนั้นแม่น้ำตาแตกไปแล้ว ร้องไห้เลย ทำไรไมถูก แม่เจ็บ
สรุปแม่ไม่ได้นอนเลย วันนี้มาทำงานเป็นซากมากๆ แต่ก็พยายามทำงานในส่วนที่ตั้งใจจะทำให้เสร็จ
แม่กะจะไปนอนห้องพยาบาลที่ทำงานบ่ายร้ เพื่อพักผ่อน เพราะสภาพแม่ตอนนี้แย่มาก
เมื่อเช้าแม่เวียนหัว เกือบเป็นลมในตลาดอีกแล้ว แต่แม่ก็ฝืนไว้ได้ ดังนั้นแม่จึงคิดว่าไปนอนน่าจะดีที่สุดแล้ว

หลังจากแม่อัพเดทอาการให้มิ้วฟังแล้ว แม่อยากจะบอกมิ้วว่าการเป็นแม่คนเนี่ยเหนื่อยมากๆเลยนะจ๊ะ
ต่อไปในอนาคตมิ้วก็ต้องมีลูก (ก็คือหลานของแม่) มิ้วก็ต้องเหนื่อยแบบนี้ แต่แม่ไม่เสียใจนะที่แม่เหนื่อย
เพราะแม่ดีใจที่มีหนูอยู่ในพุง ได้รู้ว่าหนูยังดิ้น ทั้งเบาทั้งแรง แม่ก็ดีใจมากแล้วจ่ะ

มาถึงเรื่องหลักที่แม่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ ครอบครัวของเรา
มีพ่อทร แม่กิฟ และมิ้ว แค่นี้คงไม่ถูกต้อง
เรามีสมาชิกมากมายที่วันนี้แม่จะบอกหนูนะจ๊ะ
เริ่มด้วยสมาชิกในบ้าน คุณตาอยู่กับเราที่บ้านด้วย แต่คุณตาทำงานที่ต่างจังหวัดจึงกลับมาบ้านบางวัน
คุณตาเป็นคนแพ้เด็กขี้อ้อน น่ารัก และพูดเก่ง หนูต้องเข้าหาคุณตามากๆนะลูกนะ 5555
ต่อมาเรามาถึงพี่ๆ ที่เป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านกันก่อน ก่อนที่เราจะไปนอกบ้าน
ฟูฟู แมวขนเกรียนสีส้ม มะเช้ง แมวขนฟูสีส้ม มีมี่ แมวขนเกรียนสีเทา ตัวเล็กแมวลายเปรอะขนยาว
เต๊า แมวขนยาวสีเทา ถึก แมวหลังบ้านของเรา และกุ๊งกิ๊ง หมาตัวเดียวของที่บ้าน
บ้านเราอยู่กัน 11 ชีวิตนะจ๊ะ (หมา 1 แมว 6 หญิง 2 ชาย 2)

ต่อมาเราจะเริ่มพากันออกไปข้างนอกละ
อ้อ ก่อนจะไปข้างนอก คุณยายของมิ้ว ท่านเสียไปหลายปีแล้ว ถ้าท่านยังอยู่ คงจะเป็นคนดูแลและรักมิ้วมากแน่ๆ
คุณยายรักแม่มาก เพราะแม่เป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้าน แต่มิ้วจะมีน้องนะจ๊ะ แม่วางแผนไว้ว่าพอมิ้ว 2 ขวบมิ้วจะมีน้อง

มาต่อกันด้วยคุณปู่น้อย คุณย่าหวิง และป้าผึ้ง ทั้งหมดนี้คือครอบครัวของพ่อทรของหนู
พ่อทรมีพี่สาวแท้ๆ 1 คน คือป้าผึ้ง (มิ้วต้องจำไว้นะจ๊ะ เพราะญาติๆนี่สำคัญมากนะ)
ป้าผึ้งรักและดูแลพ่อของหนูมาตั้งแต่แบเบาะเลี้ยงและเล่นกันมาตลอด และป้าผึ้งก็คงจะรักหนูมากเช่นกัน
ย่าหวิงเป็นคุณแม่ของพ่อทร ย่าหวิงคงหวังว่าหนูจะไปเที่ยวเล่นและไปเยี่ยมเยียนท่านบ่อยๆเป็นแน่
ปู่น้อยเป็นคุณพ่อของพ่อทร นี่ก็เช่นกัน ท่านคงเฝ้ารอเจอหน้ามิ้วมากกว่าใครๆเลยล่ะ

จริงๆครอบครัวของเรามีมากกว่านี้นะจ๊ะ เป็นญาติที่เขยิบออกไป แต่เดี๋ยวแม่จะทยอยพาไปหาทีล่ะคนเลยจ่ะ
ไม่ว่าจะเป็นทวดทั้งสองฝั่ง และยาย ตา ฝั่งแม่ หรือ ปู่ ย่า ป้า ลุง คนอื่นฝั่งพ่อ

วันนี้แม่มีแรงเล่าให้มิ้วฟังแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ
พรุ่งนี้แม่จะมาเล่าเรื่องชีวิตรักของกับพ่อให้หนูฟังนะจ๊ะ ว่าสนุก มัน ฮา แค่ไหน
วันนี้แม่หัวตันๆพิกล เพราะนอนไม่พอ วิ้งๆ แต่แม่อยากเล่าเรื่องให้หนูฟังทุกวันวันละนิดก็ยังดีเนอะ
แม่ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะจ๊ะ มิ้วน้อยในพุงแม่ก็จะได้ไปพักผ่อนด้วยเช่นกัน....

รักมิ้วมากนะจ๊ะ
จากพ่อทรกับแม่กิฟ


Photobucket





Create Date : 23 พฤษภาคม 2555
Last Update : 23 พฤษภาคม 2555 17:47:27 น.
Counter : 1184 Pageviews.

3 comment
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง......ตอนการฝากครรภ์
วันอังคารที่ 22 พ.ค. 55 เวลา 8.18 น.
ณ โต๊ะทำงาน (วันนี้เขียนก่อน 8.30 นะ)

เมื่อวานแม่บอกจะเล่าเรื่องการฝากท้อง หรือฝากครรภ์ให้มิ้วฟัง
วันนี้แม่เลยตั้งใจจะมาเล่าที่มาและความเป็นไปให้มิ้วรู้ว่าทำไมแม่ถึงเลือกที่นี่
โรงพยาบาลที่แม่เลือกคือ โรงพยาบาลสมุทรปราการ(ปากน้ำ)
บางคนอาจจะตกใจว่า ทำไมล่ะ โรงพยาบาลนี้ค่อนข้างมีชื่อเสีย(ง)เยอะ เรื่องการรักษาผู้ป่วย
แรกเริ่มเดิมทีเนี่ย แม่กะว่าจะไปคลอดที่ รพ. จุฬาฯ แต่คิดไปคิดมาคิดมาคิดไป แม่ก็ไม่ไป
เหตุผลของแม่มีไม่มากเท่าไหร่ คือ ใกล้บ้าน และ หมอที่แม่ไว้ใจ(ฝากครรภ์)ทำงานที่นี่

ตอนแรกคุณตาและพ่อของหนูก็มองว่าเราน่าจะไปจุฬาฯกันด้วยความที่มีหมอเก่ง และมีชื่อเสียง
แม่ก็กะจะไปล่ะ แต่ด้วยความที่แม่มองว่าหมอที่เค้าตรวจแม่ทุกเดือนค่อนข้างดีทีเดียว
และได้รับการยอมรับในอินเตอร์เน็ทเยอะ ก็เลยคิดว่าเอาที่นี่ดีกว่า ใกล้ๆ ราคาไม่แพง และไว้ใจหมอ
หมอก็ไม่ได้เลวร้ายและคิดว่าคงช่วยเหลือหนุได้ในยามจำเป็น(แต่แม่ไม่อยากให้มีเหตุการณ์จำเป็นเลย)

เริ่มแรกแม่หาข้อมูลว่าจะไปฝากครรภ์ที่ไหนดี เพราะตอนนั้นแม่รู้ตัวก็ต้องไปฝากครรภ์เลยแถมมีเลือดออกด้วย
เลยตัดสินใจหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท แล้วก็พบว่ามีชื่อหมคนนึงที่ได้รับการยอมรับและอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่
หมอวี หรือ หมอวีระวัฒน์ เค้าเปิดคลีนิกนอก เวลาเปิดคือ 16.30 - 19.30 น. แม่เห็นก็เลยพยายามหาข้อมูลเรื่องหมอ
ก็ได้ข้อมูลที่ดีว่าหมอใส่ใจ เย็บแผลสวย และใจดี(กลัวหมอดุ 555) แม่เลยตัดสินใจไปที่นี่เลย

ไปฝากครรภ์วันแรกหมอก็พูดจาดี และทำให้แม่ค่อนข้างประทับใจ และครั้งที่ 2 3 ... เรื่อยๆ แม่ก็ยังประทับใจ
จนไม่อยากไปหาหมอคนอื่น กลัวเค้าจะทำไม่ดีกับแม่ (ขี้กลัวเนอะ) ราคาค่าหาหมอก็ไม่แพง ไม่เคยเกิน 1000
(มีเกินครั้งแรกครั้งเดียวเพราะต้องส่งเลือดตรวจแล็บ ผลเลือดแม่ปกติ พ่อของหนูจึงไม่จำเป็นต้องโดนตรวจเลย)

แม่จึงตัดสินใจคุยกับพ่อแล้วก็เลยเลือก รพ. ที่หมอทำงาน ก็คือโรงพยาบาลสมุทรปราการ (หมอเป็นหมอสูติอยู่ที่นั่น)
แล้วบอกคุณตาว่าไม่ไปแล้วนะจุฬาฯเพราะมันไกลและค่าใช้จ่าย(แม่ไปแอบสืบมา) ว่าค่อนข้างสูง เทียบกับ รพ. ที่แม่เลือก
แต่แม่ก็เข้าใจเพราะ รพ. จุฬาฯเค้ามีขนาดใหญ่กว่า และต้องมีค่าเครื่องมือที่แพงกว่า รวมถึงอื่นๆด้วย (ค่าความเก่งหมอด้วย 55)
แต่แม่บอกตามตรงว่าแม่ก็ยังคงมีความกลัวกับโรงพยาบาลนี้อยู่ แม่จึงสอบถามราคาการคลอดที่นั่นว่า ปกติคลอดเท่าไหร่
ก็มีเพื่อนๆในพันทิปใจดีมาจตอบคำถามให้แม่ ว่าคลอดกี่บาท มีอะไรให้บ้าง แล้วทำอย่างไรในการเดินเอกสาร (ต้องขอบคุณมาก)
ที่แม่กังวลเรื่องพวกนี้ มิ้วต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นคนร่ำรวย(แม่และพ่อ) แม่ก็แค่พนักงานบริษัทธรรมดาที่มีภาระผ่อนบ้าน
และภาระอื่นๆมากมายที่ต้องรับผิดชอบ พ่อของมิ้วก็ขายของ อาชีพนี้ก็แล้วแต่ดวง ดังนั้นเราสองคนจึงจำเป็นต้องควบคุมค่าใช้จ่าย
แต่ก็พยายามที่จะจ่ายในสิ่งที่คุ้มค่าและเหมาะสม และดีที่สุดสำหรับลูกของแม่อยู่แล้ว

แม่เลือกฝากพิเศษกับหมอวี ฝากพิเศษคืออะไร คือการที่หมอคนที่ดูและเราตอนฝากครรภ์จะเป็นคนทำคลอดให้
เป็นคนผ่าในกรณีที่จำเป็นต้องผ่า หรือแม้แต่คลอดปกติก็จะเป็นคนทำให้ ไม่ว่าแม่จะปวดท้องตอนดึกแค่ไหน หมอก็จะมา
ดังนั้นแม่รู้สึกสบายใจว่าหมอวี คนที่ดูแม่มาตลอดเป็นคนที่จะดูแลหนูด้วยเมื่อลืมตาดูโลก
ฝากพิเศษ เกิดได้ที่ รพ.รัฐเท่านั้น และต้องเสียค่าธรรมเนียมแก่หมอหลังคลอด ซึ่งใส่ซองเฉพาะให้ไป
ในกรณีของหมอวีหมอคิด 5000 บาท แม่ยอมรับว่าตอนแรกก็เครียดว่าเราไม่น่าเอาเงิน 5000 ไปเสีย น่าจะเอามากิน
หรือเอามาพามิ้วไปฉีดวัคซีน แต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว แม่ก็ยังคงกลัว รพ. อยู่ เลยคิดว่าหมอวีเนี่ยล่ะ จะสามารถทำให้แม่
หายกลัวได้ เพราะไว้ใจและเชื่อใจมากทีเดียว แม่กับพ่อเลยลงมติว่าเรายอมเสียเพิ่มเพื่อแลกกับความสบายใจ
และความปลอดภัยที่จะได้รับจากการคลอด ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่เสียเปล่า

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 55 แม่ได้เดินไปเยี่ยม รพ. ที่จะคลอดมิ้วมา เพื่อไปทำบัตรประจำตัวคนไข้ไว้
สภาพโรงพยาบาลมีขนาดเล็ก เหมือนเป็นโรงพยาบาลชุมชน ตึกมีไม่มาก แต่คนเยอะมากทีเดียว
แม่เข้าไปเพื่อทำบัตร พนักงานก็ค่อนข้างแอบดุนิดนึง (เข้าใจว่าเป็นรพ.รัฐและอาจจะเหนื่อยมาทั้งวัน แม่ไม่โกรธเค้าหรอก)
แม่: มาทำบัตรค่ะ
พนักงาน: เป็นอะไรมา
แม่: เปล่าเป็นอะไรค่ะ มาทำบัตรไว้ เวลาคลอดจะได้ไม่ต้องมาทำอีก
พนักงาน: คุณจะคลอดแล้วหรอ
แม่: ไม่ใช่ค่ะ คือฝากท้องไว้ที่ คลีนิกหมอวีระวัฒน์ เลยจะมาคลอดที่นี่
พนักงาน: หมอเขียนใบให้มาหรือเปล่า
แม่: (เกาหัวแกร่กๆ ) ไม่มีค่ะ แค่จะทำบัตรรอไว้เฉยๆ
พนักงาน: งั้นเอาบัตรประชาชนมา แล้วไปนั่งรอ
แม่: ค่ะ (เดินไปนั่งรอแบบงงๆ โทรหาพ่อแล้วบอกว่าให้มาเจอ รพ.)
พนักงาน: คุณปาริชาติ พระพฤษชาติ เชิญค่ะ
แม่: ค่ะ?? (ยังคงงงๆ)
พนักงาน: ถ่ายรูปค่ะ (หหยิบกล้องที่ติดอยู่ตำแหน่งจอเค้า แต่ตรงกับพุงแม่พอดีแหงนขึ้นมา)
แม่: (เหลือกตาลงมาดูกล้อง ถอดแว่นออก) แชะ! (ถ่ายตอนไหนไม่รู้)
พนักงาน: เสร็จแล้วค่ะ (ปริ้นท์กระดาษออกมาใบนึง ตัดกระดาษเบี้ยวๆ ส่งมาให้แม่)
แม่: @!!#$##@! (ตกใจ ที่ได้มาคือบัตร 55555)
รูปบัตร รพ.

Photobucket




พอเสร็จแม่ก็เดินสำรวจว่ารพ. หน้าตาเป็นแบบไหน คนเยอะทีเดียว
แม่แวะไปเข้าห้องน้ำ เพราะปวดฉี่มากๆ แต่ไม่ค่อยกล้าเดินเยอะ คนมองตลอดปทาง เสียความมั่นใจ 555
ใจจริงๆอยากไปดูห้องคลอด ไปดูห้องพักคนเพิ่งคลอด แต่ไม่เป็นไร แม่ยังไงก็เลือกที่นี่ล่ะ

อ้อ ที่นี่เป็นรพ.ที่สนับสนุนการให้นมแม่ด้วย ไม่ให้ลูกกินนมผงเด็ดขาด
และพอคลอดออกมาปุ๊บเค้าจะเอามิ้วมาให้แม่เลี้ยงทันทีหลังคลอด 2 ชม.
แม่จะได้อยู่กับมิ้วตั้งแต่แรกคลอดเลย (ถึงแม้แม่จะมือใหม่สุดๆก็ตาม ฮี่ๆๆ)
แม่เคยถามคนที่เค้ามาพักนะว่าเค้าได้ห้องพิเศษบ้างมั้ย ขนาดหมอยังจองห้องพิเศษให้ไม่ได้เลย
แม่ก็ถอดใจไปละ แต่ถ้าได้ก็ดี เพราะพ่อของหนูเค้าเป็นห่วงอยากเฝ้าแม่มาก ไม่อยากให้แม่อยู่คนเดียว(แม่ก็กลัวๆนะ)
แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถือว่าประหยัดตัง เพราะคืนละ 1200 บาท อย่างน้อยต้องนอน 2 คืน (ผ่า 3 คืน)
ถ้านอนห้องรวมก็มีเพื่อนเยอะแยะเป็น 10 คนเลย แต่มีคนบอกแอร์ไม่เย็น แต่เค้าเอาพัดลมตั้งพื้นมาเป่าให้
แต่เวลาเยี่ยมเนี่ยบาดใจมากๆ 8.00-8.30 และอีกทีหลังเที่ยง ถึง 20.00 น. แม่เนี่ยใจขาดไปเลย แต่ถ้ามีมิ้วอยู่ด้วยก็ไม่เหงาละ
เค้าไม่ให้แม่เอาของมีค่าติดตัวไปเลย ยิ่งโดยเฉพาะห้องรวม คนมากมายหลากหลาย แม่ล่ะแอบกลัวมีคนสลับลูกจัง
ต้องห้ามกระพริบตาเลย ไม่ได้มิ้วน้อยของแม่จะไปตกอยู่ในมือใครไม่ได้เด็ดขาด (เข้าโหมดลูกข้าใครอย่าแตะ)
เห็นเค้าบอกว่าตัง 80 บาทยังห้ามพกไปเลยในห้องรวม แม่ต้องรอพ่อมาอย่างเดียวเลย พวกของอะไรก็เอาไปมากไม่ได้
ไม่รู้เค้าจะอุ้มมิ้วมาให้แม่เลี้ยงทีละกี่ชม. เพราะเวลาหนูอึฉี่ เค้าต้องเอาไปดูและจนกว่าแม่จะออกไปจาก รพ.

แค่คิดก็เรื่องตื่นเต้นทั้งนั้น เรื่องใหม่ๆที่แม่กับพ่อไม่เคยได้สัมผัส และหนูก็จะเป็นคนสอนแม่กับพ่อในการใช้สถานะนี้
หนูจะเป็นกาวใจ เป็นโซ่ทอง ที่คล้องให้พ่อกับแม่ยิ่งรักกันมากเป็นทวีคูณ เวลาทำอะไรก็จะนึกถึงแต่หนูก่อนเสมอ
แม่กับพ่อตั้งใจจะเลี้ยงหนูให้เป็นคนดีของสังคม เป็นเด็กร่าเริงมีความสุข  เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและสุขภาพแข็งแรง
ไม่ว่าหนูจะเรียนเก่งหรือไม่ แต่ในตัวของมิ้วจะต้องมีสิ่งที่พิเศษสุดซ่อนอยู่แน่ๆ และพ่อกับแม่จะเป็นคนดึงมันออกมาเอง
หนูจะเป็นคนพิเศษของพ่อกับแม่เสมอนะจ๊ะ จากนี้และตลอดไป

รักมิ้วเสมอ
จากพ่อทรกับแม่กิฟ

รูป รพ. สมุทรปราการ (สถานที่คลอดที่แม่เลือก)
credit รูป //kohsija.exteen.com/20060202/entry

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket





Create Date : 22 พฤษภาคม 2555
Last Update : 22 พฤษภาคม 2555 12:38:55 น.
Counter : 36706 Pageviews.

42 comment
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง........ว่าด้วยเรื่องนมแม่.......
วันจันทร์ที่ 21 พ.ค. 55 เวลา 9.16 น.
ณ. โต๊ะทำงาน (ไม่ได้อู้งานนะคะ)

วันนี้แม่มีไม่มีอาการเวียนหัวหรือเป็นลมแต่อย่างใด
ทั้งที่เมื่อคืนฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่และตื่นมาตอนตีสามกว่าจะหลับก็ตีสี่กว่า
อ้อ แม่ลืมเล่าไปเดี๋ยวน้องมิ้วจะงง ว่าทำไมแม่พูดถึงอาการเป็นลม
แม่มีอาการเป็นลมตอนเช้าและหน้ามืดวิงเวียน
ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แม่เป็นทั้งอาทิตย์เลย
วิธีการที่แม่ทดลองคือ แม่กินของหวานเข้าไป อาการดีขึ้นทันตา
แต่บางวันก็ไม่ดีขึ้น แม่ต้องขึ้นไปนอนห้องพยาบาลเพื่อปรับความดัน
แต่พอนอนไปได้ซักชั่วโมงสองชั่วโมงแม่ก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
ถามหมอ หมอบอกว่าถ้าปวดหัวมากแล้วนอนไม่หายแปลว่าความดันสูง
แต่แม่นอนแล้วหายแปลว่าเป็นความดันต่ำ แม่เลยสรุปเอาเองว่าแม่เป็นความดันต่ำ (แอบเป็นหมอเองเลย)

เรื่องที่อยากจะพูดถึงวันนี้คืออาการหัวนมสั้น
แม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่หัวนมสั้น พ่อของหนูก็บอกว่าดูปกติดี
แต่คงไม่พอสำหรับให้น้องมิ้วดูดได้เมื่อตอนออกมาดูโลกใบนี้
หมอจึงขอให้แม่ใส่อุปกรณ์เรียกว่า "ปทุมแก้ว" เพื่อดึงหัวนม
แต่แม่ยังไม่ต้องใส่ตอนนี้ เพราะกลัวว่าจะคลอดหนูออกมาก่อนกำหนด
หมอจะให้แม่ใส่ตอน 7 เดือน เพื่อช่วยให้น้องมิ้วดูดนมแม่ได้อย่างไม่ลำบาก

ตอนเดือนก.ค. แม่ต้องใส่ปทุมแก้ว แม่ไม่รู้ว่ามันจะมีความรู้สึกยังไงแล้วเจ็บแค่ไหน
แต่แม่ยอมได้หมด ขอแค่น้องมิ้วสามารถดูดนมแม่ได้อย่างไม่ลำบาก ก็เพียงพอแล้ว
แม่ไม่รู้ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการใส่เครื่องมืออันนี้ แต่แม่จะขอตังค์คุณตา (ตลอดเลย 555)
เพื่อซื้อเครื่องมืออันนี้จากคลีนิกของคุณหมอเพื่อสร้างหัวนมที่ถูกสุขอนามัยให้หนูดูดนะคะ

พอพูดถึงหัวนมแม่ก็กังวลเรื่องน้ำนม (แม่นี้ขี้กังวลเนอะ)
แม่ไม่รู้ว่าสมัยยายของน้องมิ้ว (คุณยายไปอยู่สวรรค์แล้วนะลูก) ทำไมไม่ถึงไม่ดูดนมท่าน
คุณยายบอกว่าแม่ไม่เอาเลย เมินหน้าหนี ไม่รู้ว่าไม่มีน้ำนม หรือว่าหัวนมสั้นแบบแม่กันแน่
ถ้าตอนนั้นคุณยายได้เรียนรู้เรื่องขนาดของหัวนมต่อการกินนมของลูก แม่อาจจะได้กินนมท่านบ้าง
แม่อยากให้หนูกินนมแม่จน 1 ขวบเป็นอย่างน้อย เพราะแม่เห็นมามากแล้วว่าเด็กที่กินนมแม่ ร่างกายจะแข็งแรง
อาจจะตัวไม่อ้วน ไม่จ้ำม่ำแต่หนูจะแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคร้าย เป็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดีแน่ๆ

แม่พยายามศึกษาเรื่องการให้นมเอง การปั้มนม แม้แต่อาหารเพิ่มน้ำนม
กังวลไปหมดว่า ลูกจะงับนมถูกมั้ย แม่ไม่ได้กลัวหัวนมแตกหรือเจ็บ
แต่ที่แม่กลัวคือลูกของแม่ไม่ได้รับอาหารที่เพียงพอ เพราะหนูกินไม่ถูกท่า
เวลาแม่เห็นหมอที่คลีนิกเค้าสอนคนอื่น(ที่ใกล้คลอด) แม่ก็แอบดู แอบจำ ตลอดเวลา
ถามว่าทำเป็นมั้ย บอกได้เต็มปากเลยว่าทำไม่เป็น 5555 แต่คือพยายามสังเกตและดูว่าเค้าทำไง
แหม่ ของแบบนี้มันต้องลองเนอะ แต่แม่มั่นใจ(สร้างความมั่นใจเอง)ว่า แม่ต้องทำได้ 5555

แม่ตั้งใจซื้อที่ปั้มนม 1 เครื่อง แต่มันแพงแบบว่า แม่อยากจะร้องกรี๊ดๆๆๆๆๆ ซักสามพันครั้ง(ยังไม่พอเลย)
ราคานี่ในเมืองไทย 15000+ แม่เงินเดือนกะโหลกกะลา เลยไม่รู้ว่าจะทำไงดี
แม่เลยตัดสินใจไปเกาะคุณตา(เอาอีกละ) แต่คุณตายังไม่ตอบตกลงมา แต่คาดว่าแม่น่าจะอ้อนได้ ฮี่ๆๆๆ
แม่ไปดูของที่ อีเบย์ ไว้ให้หนูแล้ว เป็นเครื่อง Medela Freestyle เป็นปั้มไฟฟ้า ปั้มคู่ ขนาดพกพาสะดวก
มีแบตเตอรี่ สามารถชาร์ตไว้ที่บ้าน พาไปปั้มที่ไหนก็ได้ น้ำหนักพอทน(ก็หนักแต่ไม่มาก)
ตอนแรกแม่ว่าจะซื้อมือสองเพราะมันถูกกว่ามือหนึ่งหลายพันบาท แต่พ่อของหนูบอกว่าไม่กล้าเท่าไหร่
เพราะอุปกรณ์เหล่านี้โดนน้ำนมชาวบ้านมา เราไม่รู้ว่าเค้าปลอดโรคจริงมั้ย กลัวไม่ปลอดภัยกับหนู
บางคนอาจบอกว่านึ่งแล้วสะอาด แต่ด้วยความที่วิตกจริต(แม่เองด้วย)เลยคิดว่าน่าจะซื้อใหม่ดีกว่า
เป็นของอย่างเดียวที่แม่คิดว่าไม่เหมาะดับมือสองเลยซักนิด (อ้อจุกนม+ขวดนมด้วย)
ตอนนี้แม่เลยมองหามือหนึ่งที่อีเบย์ไว้ ราคาประมาณ 10000+ ไม่เกิน 11000 แม่มองว่าถูกกว่าตั้งหลายพัน
แถมต่อให้ซื้อเมืองไทยก็ไม่มีศูนย์ซ่อมแบบเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ดี แม่มองว่าซื้อมาจากนู่นคุ้มกว่า(มั้ง)

ตอนนี้แม่มองไว้ว่าเมื่อไหร่คุณตาได้ตังค์(ยุ่งกะคุณตาตลอด555)แม่จะขอให้ท่านซื้อให้โดยสั่งผ่านอีเบย์มา
แม่มั่นใจว่าแม่ต้องมีน้ำนมให้หนูแน่ๆ ไม่ว่าใครจะมาครหาว่านมใหญ่แล้วน้ำนมจะน้อย แม่ไม่เชื่อ
แม่เชื่อว่าน้ำนมจะมาหรือไม่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราทั้งนั้น ถ้าเราพยายามปั้มเป็นเวลา
มีวินัยเพียงพอ กินอาหารเพิ่มน้ำนม(แม่กินแทบไม่เป็นซักอย่างยกเว้นน้ำขิง แต่แม่จะฝึกกินเพื่อน้องมิ้ว)
และมีใจที่มุ่งมั่นว่าจะให้นมลูก น้ำนมต้องมา ต่อให้แม่ต้องสลึมสะลือให้พ่อมาช่วยปั้มนมให้แทน แม่ก็ยอม

นมแม่จะยานจะย้วยแค่ไหน แม่ไม่สนใจเลยซักนิดขอแค่ลูกของแม่แข็งแรงแม่ก็พอใจแล้ว
แม่ตั้งใจว่าถ้านมแม่ยานมีน้องให้น้องมิ้วอีกหนึ่งคน พอหนูทั้งสองโตซัก 7 ขวบแม่จะไปทำสวยบ้าง
(อันนี้อีกยาวไกล พ่อของหนูอาจจะยอมรับนมแม่ที่ยานจนชินไปแล้ว แต่แม่เองอยากนมสวยเหมือนสาวๆ)
แม่หวังว่าลูกจะเข้าใจเมื่อแม่ไปทำนมมาจนสวยปิ๊ง แบบวัยรุ่น 5555

วันนี้แม่คิดเรื่องนมออกอย่างเดียว ส่วนอาการของมิ้วน้อยๆในท้องแม่วันนี้
ดิ้นดุ๊กดิ๊กเวลาแม่กินข้าวเหมือนเดิม แม่มักจะมีปัยหากับเก้าอี้ที่ทำงาน
แม่รอเค้าเอามาเปลี่ยนให้อยู่เนี่ย เห็นบอกว่าต้นเดือน มิ.ย. เค้าจะเปลี่ยนทั้งแผนก
หวังว่าเก้าอี้จะดีกว่าที่เป็นอยู่ แม่ปวดหลังมากจริงๆ แบบพอ 16.00-17.00 แม่ต้องลงไปนอนราบกับพื้น
เพราะปวดหลังมากจนแม่ทนไม่ไหว ป้าจิ๊บเค้าต้องคอยนั่งหลบแม่(เค้านั่งข้างๆแม่ ต่อไปหนูจะต้องรักป้าเค้ามากๆนะจ๊ะ)
และคอยดูหัวหน้าให้ด้วย แม่ได้อู้นะจ๊ะ แม่แค่ปวดหลังเฉยๆ ก็เก้าอี้มันไม่ดีอ่ะ (ไม่ได้อ้างน้า....)

หวังว่าบันทึกวันนี้ลูกน้อยของแม่จะเข้าใจเรื่องนมและน้ำนมที่แม่ตั้งใจจะทำให้หนูนะจ๊ะ
(วันที่หนูออกมา แม่อาจไม่มีเวลาได้เขียนบันทึก เพราะมัวแต่เลี้ยงหนูแน่ๆ)
พรุ่งนี้ดูซิแม่จะมีอะไรพร่ำเพ้อพรรณาให้หนูอ่านอีก แต่จะเขียนให้หนุอ่านทุกวัน

รักน้องมิ้วมากนะลูก
จากแม่กีฟท์และพ่อทร
(ถึงแม่พ่อจะไม่ได้เขียนแต่ลงชื่อไว้ด้วยว่ารักหนูนะจ๊ะ)

วันนี้ขอลงรูปอัลตราซาวด์ตอนหนูอายุ 16 วีคนะจ๊ะ
ซาวด์ที่ รพ. รามคำแหง ราคา 1650 บาท
(แอบแพงนะ แต่วันนั้นแม่หายใจไม่ออกทั้งคืนกลัวหนูเป็นอะไรไป ยอมจ่ะ ให้เห็นหนูแข็งแรงพอ)

Photobucket





Create Date : 21 พฤษภาคม 2555
Last Update : 21 พฤษภาคม 2555 17:56:13 น.
Counter : 1157 Pageviews.

3 comment
ของชิ้นแรกที่ซื้อให้ลูก....เตียงไม้ Brown farm
วันอาทิตย์ที่ 20 พ.ค. 55 เวลา 15.43 น.
พิมพ์ขณะอยู่ที่บ้านหลังน้อย

ขณะนี้ 23 วีค 1 วัน 
ได้รู้เพศลูกน้อยที่ค่อนข้างจะมั่นใจ80%แล้วว่าเป็นผู้หญิง ^_^
ซึ่งพ่อทรและแม่กิฟอยากได้ลูกสาวคนแรกมากๆ เป็นที่น่าปลาบปลื้มใจ
ถึงแม้พ่อทรของหนูจะไม่ค่อยเชื่อก็ตามว่าหนูเป็นผู้หญิง กลัวว่าหนูจะแต๊บเอาไว้ 555
แต่แม่ค่อนข้างมั่นใจว่าหนูต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักแน่นอน (น่ารักมากที่สุดแล้ว)

ลูกสาวคนนี้ได้ชื่อเล่นอย่างเป็นทางการแล้วว่า "น้องมิ้ว"
มิ้ว มิ้ว.. คือเสียงร้องของลูกแมวน้อยที่เพิ่งเกืด
แม่กิฟเป็นคนรักแมวมากๆ และพยายามที่จะตั้งชื่ออะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับแมว
เพราะแม่เชื่อว่าลุกของแม่จะต้องเกิดมาเป็นเด็กที่รักแมว และรักสัตว์แน่นอน
ไม่ใช่ว่าแม่อยากให้หนูเป็นลูกแมว แต่ลูกคือลูกแมวตัวสำคัญที่สุดในชีวิต
ที่จะมีพี่ๆแมว 6 ตัวและหมา 1 ตัว ที่จะดูแลหนูไปตลอดชีวิต

ตอนแรกพ่อทรของหนูเค้าไม่อยากได้ชื่อนี้อยากตั้งชื่ออื่น
แต่ไปๆมาๆก็ยอมรับและเอ่ยปากมาเองว่าให้หนูชื่อ มิ้ว ละกันนะ
แม่นี่แอบซ่อนอาการมากๆ อยากจะยิ้มแก้มปริ แต่แอ๊บไว้ เพราะเดี๋ยวพ่อหนูจะรู้ว่าแม่ถูกใจแค่ไหน (เก๊กมะ 555)

น้องมิ้ว ลูกาวตัวน้อยของแม่ อีกไม่กี่เดือนหนูก็จะออกมาดูโลกใบนี้แล้ว
พ่อกับแม่ตื่นเต้นและแอบเครียดพอสมควร เพราะเราสองคนมือใหม่มากๆ
และที่สำคัญพ่อกับแม่ตั้งใจอย่างมากจะเลี้ยงหนูด้วยตัวเอง
ไม่ให้ผู้ใหญ่ (ปู่ย่าตายาย)มาเลี้ยงหนู ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้หนูไม่รู้จักพวกท่านนะจ๊ะ
แต่พ่อกับแม่อยากจะเป็นพ่อกับแม่จริงๆที่ได้เลี้ยงดูหนูจนเติบใหญ่
พอหนูคอเริ่มแข็งพาไปไหนได้ พ่อกับแม่จะพาหนูไปเยี่ยมทุกคนให้หนำใจเลย

ช่วงนี้แม่จับความรู้สึกการดิ้นหนูทุกวัน ทั้งวันเลยดีกว่า 
พยายามนับว่าหนูสบายดีมั้ย ดูว่าหนูยังแข็งแรงหรือไม่
แต่แม่กับพ่่อรู้ดีว่าหนูต้องเป็นเด็กที่สมบูรณ์แข็งแรงแน่ๆ
ต้องร่าเริง พูดเก่งเหมือนแม่ และเป็นเด็กแข็งแรงไร้โรคภัยเหมือนพ่อของหนู

ของชิ้นแรกที่แม่ซื้อให้ เป็นเตียงไม้ Brown farm แม่หามือสองมา
แม่งบน้อย (ประหยัดอ่ะจ่ะ) แม่เลยมองว่าหนูต้องนอนแค่ 2 ปี
แม่มองหาในเปิดท้ายของชานเรือน แม่ได้คุณออยที่เค้ามีเตียงไม่ได้ใช้
ใช้มาแค่ 2 เดือน ลูกสาวของเค้าไม่ได้นอนแล้ว ยังใหม่และเก็บอย่างดี
แม่มองว่าคุ้มค่าและสภาพดี มีอุปกรณ์ครบครัน เหมาะกับน้องมิ้วมากๆ
แม่จึงตัดสินใจซื้อเป็นของชิ้นแรกให้หนู ถึงแม้ตังค์ที่ออกไปจะเป็นของคุณตา 555
แต่คุณตาก็รักหนูไม่แพ้แม่นะจ๊ะ คุณตาพร้อมจะออกให้ (เชื่อแม่สิ)
เตียงนอนอันนี้แม่จะให้หนูนอนไปจนถึงสองขวบ - สามขวบ
แล้วหนูจะต้องแยกห้องไปนอนคนเดียว ตอนนั้นหนูออกจะเครียดเล็กน้อย
แต่แม่เชื่อว่าหนูจะไปนอนคนเดียวได้ อย่างมีความสุขและเข้มแข็ง 
เพราะหนูเป็นลูกพ่อทรกับแม่กิฟนะจ๊ะ (ราคาเตียง 4800 บาท)

ตอนนี้แม่หวังว่าอีกไม่นานจะมีของชิ้นที่สองมาอัพเดทให้ลูกฟังว่า
ซื้ออะไรเป็นของชิ้นที่สองให้หนูดี แต่มีป้าๆน้าๆลุงๆ ที่เค้าอยากจะซื้อของให้หนูมากมาย
พอหนูโตมาต้องไปตามขอบุณเค้าที่ซื้อของมาให้หนูตอนเกิดมาดูโลก
วันนั้นลุงๆน้าๆป้าๆ คงยิ้มแก้มปริ ที่เด็กน้อยมิ้วไปขอบคุณที่ซื้อของให้เป็นแน่

ขอให้ลูกมิ้วของแม่สุขภาพแข็งแรง และคลอดง่ายๆ
แม่ตั้งใจจะคลอดธรรมชาติไม่อย่าผ่าคลอด เพราะเท่าที่ซาวด์มาหนูก็ตัวไม่ใหญ่
ไม่เล็กอยู่กลางๆ แม่คลอดหนูได้แน่ ขอแค่หนูอยู่ในท่าที่พร้อมคลอดเท่านั้น
แม่หวังว่าหนูจะให้ความร่วมมือ และแม่เองก็จะเข้มแข็งรอหนูลืมตามาดูโลกนะจ๊ะ

รักน้องมิ้วเสมอ
จากพ่อทรและแม่กิฟ


Photobucket


ขออนุญาตคุณออยใช้รูปเตียงนะคะ ไม่ได้ประกอบใหม่เลย แหะๆๆๆ



Create Date : 20 พฤษภาคม 2555
Last Update : 20 พฤษภาคม 2555 17:17:58 น.
Counter : 2821 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

tungift
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เดือน 9 นี้จะได้เห็นหน้าลูกสาว "น้องมิ้ว" ของแม่แล้ว