Welcome to my blog
3 วัน 2 คืน เบตง เที่ยวเมืองงามใต้สุดแดนสยาม (ตอนที่ 2)


สถานที่ท่องเที่ยว : ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง, ยะลา Thailand
พิกัด GPS : 5° 58' 41.85" N 101° 10' 53.34" E
 
วันที่สอง

นอกจากที่เที่ยวในเมืองเบตงที่ผมได้รีวิวไปในตอนแรกแล้ว เบตงยังมีที่เที่ยวทางธรรมชาติสวยๆอีกมากมายครับ แต่ปัญหาก็คือ ที่เที่ยวทางธรรมชาติส่วนใหญ่อยู่นอกเมืองออกไปประมาณ 30-40 กิโลเมตร นั่นหมายความว่า ถ้าไม่มีรถส่วนตัว ก็คงไปไหนลำบาก หรือถ้าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ก็คงไม่ดีเท่าไหร่ที่จะขับไปในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (โดยเฉพาะในช่วงเช้ามืด)

ข้อดีอย่างหนึ่งของที่พักของผม (Foto Hostel) คือ ที่นี่มีบริการจัดทัวร์เที่ยวนอกเมืองเบตงแบบจอยทริป โดยเราจะจอยกับนักท่องเที่ยวคนอื่นที่พักอยู่ด้วยกัน ซึ่งราคาก็จะแปรผันตามจำนวนคนที่มาจอยกับเรา อย่างทริปนี้มีคนมาจอยกับผม 5 คน พอหารออกมาก็จะตกคนละ 500 บาทเท่านั้นเองครับ (ถ้าเหมาเอง โปรแกรมประมาณนี้ เค้าจะคิดราคาอยู่ที่ 2,500 บาทต่อรถ 1 คัน)

 

สำหรับโปรแกรมในวันนี้ ตอนเช้าผมจะตื่นนอนตั้งแต่ตีสามครึ่ง เพื่อนั่งรถออกไปชม ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ครับ (ช่วงที่นั่งรถออกไปชมทะเลหมอก แอบกลัวเหมือนกัน เพราะทางมืดมาก ไม่มีรถ แถมเราอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซะด้วย)

Tip: ช่วงที่นั่งรถไปชมทะเลหมอก ผมแนะนำให้หาผ้าปิดจมูกไปด้วย เนื่องจากว่าตลอดทางเราจะได้กลิ่นของ ขี้ยาง ซึ่งมีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นขี้หมู ให้ชวนวิงเวียนคลื่นไส้ไปตลอดทาง

 

ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ในเขตพื้นที่ของ เขาไมโครเวฟ ห่างจากตัวอำเภอเบตงออกไปประมาณ 38 กิโลเมตร ด้วยความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต ทำให้ที่นี่จึงมีอากาศเย็นและมีหมอกให้เราชมตลอดทั้งปี
 

ปัจจุบัน จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของอำเภอเบตง มีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่จำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย) ส่วนช่วงเวลาในการเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกนั้น ควรเดินทางขึ้นไปตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะถ้าไปถึงสายเกินไป (หลัง 9 โมงเช้า) ทะเลหมอกก็จะค่อย ๆ จางหายไป เหลือไว้แต่เพียงผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่

จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงมีอยู่ด้วยกัน 2 จุดครับ จุดแรกจะเป็นจุดสูงสุดที่ความสูง 2,038 ฟุต ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาที่จุดนี้ก่อนเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น

 
 


ช่วงทีผมไป กำลังมีการก่อสร้าง skywalk อยู่ ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วครับ ถ้าใครมาเที่ยวตอนนี้ น่าจะมีมุมสวยๆให้เราชมทะลหมอกสวยๆมากขึ้น ว่ากันว่าจะได้เห็นทะเลหมอกแบบ 360 องศาเลยครับ (ยังไม่ได้ไปซ้ำ เลยไม่รู้ว่าของจริงเป็นยังไง)

Tips:

1. สำหรับการขึ้นมาชมทะเลหมอกจุดชมวิวที่ 1 ไม่สามารถนำรถขึ้นมาได้ ต้องจอดรถไว้บริเวณจุดจอดรถแล้วเดินขึ้นมาประมาณ 500 เมตร หรือจะใช้บริการรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างบริเวณจุดจอดรถราคาคนละ 20 บาทก็ได้ (ถ้าใครแข็งแรง ผมว่าเดินได้สบายครับ ทางชันนิดหน่อย แต่ไม่ไกลมาก) 

2. ตรงลานจอดรถจะมีห้องน้ำ ควรจะเข้าตรงนี้ให้เรียบร้อย เพราะตรงจุดชมทะเลหมอก ไม่มีห้องน้ำครับ

กลุ่มของผมลงจากจุดที่หนึ่งตอน 6.30 น. จากนั้นก็ไปชมทะเลหมอกที่จุดที่สองต่อ

 

ตรงจุดที่สองจะมีร้านอาหาร และป้ายต่างๆ ให้เราเช็คอินว่าเราได้มาชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงแล้วครับ
 
 

จากจุดนี้มองออกไปเราจะเห็น ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต (ที่เห็นเป็นยอดแหลมไกลๆ) ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกอีกจุดที่เค้าว่าสวยกว่า แต่ทางโหดกว่ามาก
 

ผมเชื่อว่า หลายคนคงไม่คิดว่า ภาคใต้มีทะเลหมอกที่สวยแบบนี้ แต่ทะเลหมอกที่นี่ ผมว่าจะบรรยากาศจะต่างจากทะเลหมอกในภาคเหนือ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องลองมาชมด้วยตาตัวเองนะครับ

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จและชมทะเลหมอกเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อครับ สถานที่ต่อไปที่ผมไปชมก็คือ น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9

น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 
น้ำตกนี้เดิมมีชื่อว่า น้ำตกอัยเยอร์เค็ม เพราะเรียกตามชื่อชาวจีนที่เข้ามาทำเหมืองกับฝรั่งในยุคที่มาเลเซียยังเป็นอาณานิคมอังกฤษ ที่มีชื่อว่า นายเข่ง และชาวบ้านเรียก "ไอเข่ง" และต่อมาจึงเพี้ยนเป็น "อัยเยอร์เค็ม" นั่นเอง

ต่อมาในปีมหามงคลครบรอบ 72 พรรษาในปี พ.ศ. 2542 ทาง อบต.อัยเยอร์เวง จึงได้เข้ามาพัฒนาบุกเบิกเส้นทาง พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และได้เปลี่ยนชื่อเป็น น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

สะพานแตปูซู ตั้งอยู่ใกล้ๆกับน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เป็นสะพานไม้ที่ชาวบ้านใช้ในการสัญจรข้ามแม่น้ำปัตตานี เพื่อขนส่งสินค้าเกษตร

ที่มาของชื่อมาจาก นายมูเซ็ง แตปูซู ซึ่งเป็นกำนันในหมู่บ้านนี้ และเป็นผู้ที่บุกเบิกการสร้างสะพานแห่งนี้ครับ

 

เห็นพี่คนนี้ตอนแรก ยอมรับว่า แอบตกใจนิดหน่อย (เพราะเรามาแถว 3 จังหวัดชายแดนใต้ซะด้วย) แต่จริงๆเค้ากำลังยิงปลาจากบนสะพาน เป็นวิถีชีวิตของพวกเค้าและคนในชุมชนแถวนี้ครับ
 

หลังจากเที่ยวน้ำตกและสะพานแตปูซู พวกเราก็เดินทางย้อนกลับเข้าตัวอำเภอเบตงอีกครั้งเพื่อไปชมสวนดอกไม้เมืองหนาว อุโมงค์ปิยะมิตร และบ่อน้ำร้อนเบตงครับ แต่ก่อนจะถึงสถานที่เที่ยว พวกเราก็ขอแวะกินเฉาก๊วยชื่อดังของเบตงซะก่อน นั่นก็คือ เฉาก๊วย กม.4

เฉาก๊วยชื่อดังของเบตงฉบับออริจินัล ต้องเป็นร้านบ้านไม้แบบนี้เท่านั้นครับ (ถ้าใครขับรถมาเอง ต้องโทรจองก่อนนะ ไม่งั้นอดกิน)



 
ถัดจากเฉาก๊วย เราก็ไปเที่ยว สวนดอกไม้เมืองหนาว กันต่อครับ อย่างที่กล่าวไปในตอนแรกแล้วว่า แม้เบตงจะอยู่ภาคใต้ แต่อากาศที่เบตงกลับเย็นสบายตลอดทั้งปี (เฉพาะในตอนเช้านะ ตอนบ่ายร้อนตับแล่บ) ที่นี่จึงสามารถปลูกดอกไม้เมืองหนาวได้ และเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้
 

สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตงเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของกรมสมเด็จพระเทพฯ และทรงพระราชทานนามให้สวนดอกไม้นี้เป็นภาษาจีนว่า ฮัวหยวน หรือ สวนหมื่นบุปผา

สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 35 ไร่ ความสูงประมาณ 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส และมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการ

 



 

ค่าเข้าชม: 30 บาท

Comment: ก่อนเข้าชม พี่บังมะ คนขับรถของเราแนะนำว่า ถ้าใครเคยไปชมสวนดอกไม้เมืองหนาวที่อื่น เช่น ดอยอินทนนท์มาแล้ว ไม่ต้องค่าชมหรอก ไม่คุ้มค่าตั๋ว เดี๋ยวจะผิดหวัง ปรากฏว่า ผมไม่เชื่อ เลยเสียตังค์เข้าชมไป พอชมเสร็จ ผมว่าพี่บังมะแกพูดถูกครับ (งั้นๆมาก อากาศร้อนด้วย ไม่เหมือนมาเที่ยวสวนดอกไม้เมืองหนาวเลย)

จุดต่อมาก็คือ อุโมงค์ปิยะมิตร ครับ เนื่องจากในอดีต เบตงเป็นหนึ่งในพื้นที่ปฏิบัติการของ โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) ซึ่งทำการต่อสู้กับรัฐบาลมาเลเซีย อุโมงค์นี้จึงถูกขุดขึ้นเพื่อเป็นฐานทัพลับในการสั่งการ และหลบเลี่ยงการโจมตีจากทางอากาศ รวมทั้งใช้ในการสะสมเสบียง 

ภายในจะมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ ด้านบนเป็นป่ารกมีต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุม ทำให้ยากแก่การค้นหาและถูกค้นพบโดยทหารฝ่ายรัฐบาล




 

จนเมื่อจคม.ในประเทศไทยยอมวางอาวุธและเปลี่ยนสถานะเป็น ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่นี่จึงถูกปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวิถีชีวิตในอดีตของโจรจีนคอมมิวนิสต์ (เราจะได้พบกับคุณลุงคุณป้าที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์เก่าด้วยนะ ใครไปเที่ยว ลองถามข้อมูลพวกท่านดูได้ คุยสนุกมาก)


 

ที่นี่ยังมีไฮไลท์ที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้นไม้ขนาดยักษ์ สิบคนโอบ ที่เรียกกันว่า ต้นไม้พันปี ครับ

ค่าเข้าชม: 40 บาท

Comment: ที่นี่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมครับ น่าเสียดายว่า คนไทยมาเที่ยวที่นี่น้อยเหลือเกิน คนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่มีแต่ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน อย่างไรก็ตาม จากทางเข้าไปถึงตัวอุโมงค์ถือว่าค่อนข้างไกลพอสมควร และเป็นทางขึ้นเขา ใครที่อายุมากหน่อย หรือข้อเข่าไม่ค่อยดี อาจจะต้องใช้เวลาเดินเที่ยวนานซะหน่อยนะครับ

จุดต่อไปคือ บ่อน้ำร้อนเบตง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ จังหวัดยะลา เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ โดยจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย

ที่นี่มีทั้งบ่อสำหรับต้มไข่ (แนะนำให้ต้มไข่เป็นเวลา 13 นาที ไข่จะสุกพอดีและอร่อยที่สุดครับ), บ่อสำหรับแช่เท้า และบ่อสำหรับอาบน้ำ โดยเชื่อกันว่าน้ำแร่แห่งนี้ สามารถบรรเทารักษาโรคภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อาทิ โรคปวดเมื่อย โรคเหน็บชา โรคผิวหนัง เป็นต้น

หลังจากเที่ยวชมบ่อน้ำพุร้อน พวกเราก็นั่งรถกลับเข้าตัวเมืองไปทานอาหารเที่ยง จากนั้นก็ไปเที่ยวปิดท้ายที่ด่านชายแดนเบตงครับ

เบตงเป็นอำเภอที่อยู่ทางใต้สุดของประเทศไทย ฝั่งตรงข้ามเป็นรัฐเปรักของประเทศมาเลเซีย โดยมี ด่านเบตง เป็นด่านสำหรับการผ่านเข้าออกสำหรับประชาชนของทั้งสองประเทศ

ไฮไลท์ของด่านที่นี่ก็คงเป็น ป้ายใต้สุดสยาม เป็นป้ายที่บอกว่า ณ ตอนนี้เราอยู่ใต้สุดของประเทศไทยแล้ว

นอกจากป้ายนี้ ที่นี่ยังมีหลักเขตเก่าระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย (สมัยนั้นยังใช้ชื่อประเทศว่า สหภาพมาลายา)

หลังจากเที่ยวที่ป้ายใต้สุดสยามแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าเมือง และปิดทริปตอนบ่ายสามโมงเย็นครับ สำหรับภาพรวมของทัวร์วันนี้ ถือว่าประทับใจครับ พี่บังมะ คนขับรถของเราที่ทางที่พักดีลให้ ถือว่าบริการได้ดีมาก คุยสนุก และถ่ายรูปให้พวกเราสวยมาก ถ้าใครมาเบตง ผมแนะนำคนขับรถคนนี้เลยครับ

ใครสนใจใช้บริการของพี่บังมะด้วยโปรแกรมประมาณนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เพจนี้เลยครับ  https://www.facebook.com/bangmah698/ หรือถ้าใครพักที่โฟโต้โฮสเทลอยู่แล้ว สามารถให้ทางที่พักจัดแชร์ทริปได้แบบผมก็ได้ครับ

สำหรับรีวิวในตอนนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ ในตอนหน้า ผมจะมารีวิวการเที่ยวเบตงในวันสุดท้าย เรื่องราวจะเป็นยังไง ฝากติดตามด้วยนะครับ

บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง




Create Date : 12 พฤษภาคม 2562
Last Update : 27 เมษายน 2567 7:23:22 น. 6 comments
Counter : 11781 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณทนายอ้วน, คุณnewyorknurse


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:2:24:10 น.  

 
ยินดีครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:11:37:31 น.  

 
ตามไปเที่ยวเบตงด้วยนะคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:19:50:34 น.  

 
ตามมาเลยครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:24:22 น.  

 

มาเที่ยวด้วยค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:1:43:49 น.  

 
ตามมาเลยครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี IP: 184.22.83.228 วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:26:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.