Welcome to my blog
4 วัน 3 คืน กระบี่ ท่องแดนธรรมชาติจากผืนป่าสู่ท้องทะเลงาม (ตอนที่ 2: สระมรกต+น้ำตกร้อน+วัดถ้ำเสือ)


สถานที่ท่องเที่ยว : วัดถ้ำเสือ, กระบี่ Thailand
พิกัด GPS : 8° 7' 43.71" N 98° 55' 27.35" E

ถ้าพูดถึงกระบี่ คนไทยส่วนใหญ่คงจะนึกถึงเกาะสวรรค์ ชายหาดสวยๆ น้ำทะเลสีฟ้า กันใช่ไหมครับ จริงอยู่ที่กระบี่มีดีอย่างที่ว่ามา แต่กระบี่ก็ไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้นครับ กระบี่ยังมีป่าที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ มีบ่อน้ำสวยๆที่ได้ชื่อว่าเป็น สระมรกต และยังมีน้ำตกที่น้ำเป็นน้ำร้อนอีกด้วย ดังนั้น ในรีวิวตอนนี้ ผมจะพาทุกคนไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้กันครับ

ทัวร์เที่ยวป่าเมืองกระบี่  (Krabi Jungle Tour)          

เป็นอีกหนึ่งทัวร์ยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวที่กระบี่ครับ โปรแกรมทัวร์ส่วนใหญ่จะคล้ายๆกันคือ แวะ 3 ที่ ได้แก่ สระมรกต น้ำตกร้อน และ วัดถ้ำเสือ โดยจะเริ่มตั้งแต่ 9.30 น. ไปจนถึง 17.00 น.

 

เมื่อทริปกระบี่ครั้งก่อน ผมเคยซื้อทัวร์นี้ของ กระบี่ ธีรพงศ์ทัวร์ ซึ่งเป็นทัวร์แบบจอยกลุ่ม ราคาจะขายอยู่ที่ 750 บาทต่อคนครับ 

ใครสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ https://www.krabiteerapongtour.com/package_details.php?WP=qQMcZ3uCpWOghKstGTEgnJqlqUIco3u0

อย่างไรก็ตาม ทัวร์ลักษณะนี้คือ เวลาในการเที่ยวแต่ละจุดจะมีจำกัด อย่างวัดถ้ำเสือ ซึ่งมีจุดชมวิวบนภูเขาที่สวยมากๆ แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปในทริปรอบที่แล้ว เพราะเวลาไม่พอ ในครั้งนี้เลยกะจะมาแก้มือที่นี่ครับ

สำหรับทริปนี้ ผมจึงเลือกใช้บริการรถเช่าพร้อมคนขับของคุณทัช เค้าคิดราคาที่ 1,800 บาทต่อทริป รวมค่าน้ำมันแล้ว แต่ไม่รวมค่าอาหารกลางวัน หารออกมาต่อคนก็อยู่ที่ 900 บาท ซึ่งผมว่าคุ้มค่า และเค้าก็บริการดี เลยขอเอามาบอกต่อครับ


ใครสนใจรถเช่าพร้อมคนขับที่กระบี่ สามารถลองทักไปสอบถามคุณทัชได้ในเพจนี้นะครับ https://www.facebook.com/krabi.tour.taxi.rental.krabi

วันที่สอง

เริ่มต้นทริปวันนี้ คนขับของเรามารับเราที่โรงแรมตอน 9 โมงเช้า เพื่อเดินทางต่อไปยัง อำเภอคลองท่อม ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวนางที่เราพักประมาณ 70 กิโลเมตร

อำเภอคลองท่อม

เป็นอำเภอสุดท้ายของกระบี่ ติดกับจังหวัดตรัง ปัจจุบัน พื้นที่ของอำเภอจำนวนมากกลายเป็นพื้นที่ปลูกปาล์มและยางพารา ดังนั้น ถ้าเรามองจากมุมสูงลงมา จะเห็นทั้งอำเภอเป็นสีเขียวตลอดทั้งปีเลยครับ

สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่ก็คงเป็นธรรมชาติ เพราะที่นี่มี อุทยานแห่งชาติพนมเบญจา ซึ่งเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง อย่าง สระมรกต และ น้ำตกร้อน อีกด้วยครับ

สระมรกต

ตั้งอยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ซึ่งเป็นป่าร่มรื่นสีเขียว มีพรรณไม้ที่น่าสนใจมากมาย และที่สำคัญ ที่นี่ยังเป็นป่าที่เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าสงวนอย่าง นกแต้วแร้วท้องดำ ซึ่งหาชมได้ยากมาก (ใครมีโอกาสมาเที่ยวที่นี่ ลองมองหาดู ถ้าโชคดี อาจจะเจอครับ)

การเดินเข้าไปยังสระมรกต ต้องเดินผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติยาว 2.7 กิโลเมตร แต่ทางดีมากครับ ถ่ายรูปเล่นเพลินๆ แป๊บเดียวก็เดินถึง และถ้าใครไปช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศจะเย็นสบายมาก ยิ่งเดินยิ่งฟินครับ

ถึงแล้วครับ สระมรกต จริงๆ ถ้ามาช่วงปกติสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่เนื่องจากช่วงนี้โควิดระบาด เค้าเลยมีมาตรการห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อครับ

สีของสระมรกต เกิดจากแสงที่ตกกระทบลงมาในมุมที่เหมาะสม ซื่งในแต่ละช่วงของวัน สีก็จะแตกต่างกันไปครับ

นอกจากสระมรกต ใกล้ๆกันยังมี สระแก้ว และ สระน้ำผุด ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสระมรกตอีกด้วย แต่สำหรับสระน้ำผุดจะเปิดเฉพาะช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมของทุกปีเท่านั้นครับ

ใกล้ๆกับสระมรกต จะมีร้านอาหารเยอะแยะมากมาย แนะนำให้ทานที่นี่ก่อนเดินทางต่อไปยังจุตต่อไปครับ

ร้านที่ผมจะมาแนะนำในวันนี้ชื่อว่า ครัวริมธาร ซึ่งคะแนนรีวิวใน Wongnai ค่อนข้างแย่ แต่ส่วนตัว ผมว่า โอเคนะครับ ร้านสะอาด พนักงานบริการสุภาพ อาหารอาจจะธรรมดาไปซะหน่อย แต่ก็พอใช้ได้นะ

น้ำตกร้อน

ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสระมรกต ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาทีครับ

รถจะส่งเราได้แค่ข้างหน้าของน้ำตกร้อนเท่านั้น จากตรงนี้ เราต้องเดินไปซื้อตั๋ว แล้วต้องเดินเข้าไปอีก 200 เมตร แต่ถ้าขี้เกียจเดิน สามารถนั่งรถกอล์ฟ ซึ่งราคาไปกลับอยู่ที่ 20 บาทต่อคนครับ

ถึงแล้วครับ น้ำตกร้อน ว่ากันว่า น้ำที่นี่มีสรรพคุณมากมาย เพราะประกอบไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด น้ำตกร้อนจึงกลายมาเป็นแหล่งรวมของคนรักสุขภาพที่ต้องการมาบำบัดร่างกาย และความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า

ตัวน้ำตกไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากที่ให้เราแช่เท้า หรือแช่น้ำร้อนครับ

ค่าเข้าชมสระมรกตและน้ำตกร้อน

ทั้งสระมรกตและน้ำตกร้อน จะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 20 บาทต่อคน สำหรับผู้ใหญ่คนไทยครับ แต่น้ำตกร้อนจะมีค่าจอดรถ 30 บาทด้วย


หลังจากเที่ยวทั้งสระมรกตและน้ำตกร้อนเสร็จ เราก็เดินทางกลับเข้าตัวเมือง เพื่อไปเยี่ยมชมสถานที่สุดท้ายของทัวร์นี้ นั่นก็คือ วัดถ้ำเสือ ครับ


 

วัดถ้ำเสือ

ตั้งอยู่ในเขต อำเภอเมืองกระบี่ ห่างจากหาดอ่าวนางประมาณ 21 กิโลเมตร

สาเหตุที่ชื่อวัดถ้ำเสือ เนื่องจากในอดีตบริเวณแถวนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของเสือโคร่งจำนวนมาก ต่อมา หลวงพ่อจำเนียร มีความประสงค์จะสร้างสถานปฏิบัติธรรมขึ้นที่นี่ในปี พ.ศ.2518 และได้ยกฐานะขึ้นมาเป็นวัดในปี พ.ศ.2533 ครับ

บริเวณด้านหน้าของวัด เราจะเจอกับ ถ้ำเสือ อันเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง

ตรงข้ามกับถ้ำจะเป็น พระธาตุมหาเจดีย์ วัดถ้ำเสือวิปัสสนา ซึ่งเพิ่งจะสร้างเสร็จไปเมื่อไม่นานมานี้

มากันที่ไฮไลท์ของวัด นั่นก็คือ จุดชมวิววัดถ้ำเสือ ซึ่งต้องเดินขึ้นไป 1,237 ขั้น สูง 309 เมตร ซึ่งถ้าใครจะขึ้นไป จะต้องมีร่างกายแข็งแรง และต้องใช้เวลากับจุดนี้พอสมควรครับ (ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเช่ารถพร้อมคนขับมา เพราะถ้าซื้อทัวร์แบบจอยกลุ่ม ยังไงก็ไม่ทันแน่ๆ)

เตือนแล้วนะ!!!

ทางขึ้นไม่ยากครับ มีบันไดอย่างดี แต่อาจจะชันเป็นช่วงๆ แนะนำให้เตรียมน้ำและยาดมมาด้วย และพยายามเดินไปหยุดพักไปด้วยนะครับ อย่าเดินรวดเดียว เดี๋ยวเป็นลม

อุปสรรคสำคัญคือ ลิงครับ ลิงที่นี่ค่อนข้างก้าวร้าวและขี้ขโมย แนะนำว่า พยายามเก็บของกินให้มิดชิด แต่พอเดินขึ้นไปซักระยะ จะไม่ค่อยมีลิงแล้ว เพราะพวกมันคงขี้เกียจปีนขึ้นมาเหมือนกัน

ถึงแล้วครับ พอเราเดินขึ้นมาถึงข้างบน ผมว่าก็คุ้มอยู่นะ เพราะเราจะได้เห็นวิวเมืองกระบี่แบบ 360 องศา





พอชมวิวข้างบนเสร็จ ก็ต้องเดินลงมาอีก สำหรับขาลง ผมว่ายากกว่าขาขึ้นอีกครับ เพราขาเริ่มล้าแล้ว ก้าวไปขาสั่นไป พอลงมาถึงข้างล่าง เข่าแทบทรุด ถ้าให้ขับรถกลับที่พักเอง คงไม่ไหวแน่ๆ โชคดีที่รอบนี้เราเช่ารถพร้อมคนขับมา เลยสบายไป

ลานปูดำและเขาขนาบน้ำ

อยู่ในตัวเมืองกระบี่ ใกล้ๆกับวัดถ้ำเสือครับ จริงๆที่นี่ไม่ค่อยมีอะไร แต่ถ้าเหมารถมาเที่ยว ลองแวะมาถ่ายรูป 5-10 นาทีก็ได้ครับ

ลานปูดำ จะตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า ปากน้ำกระบี่ ซึ่งจากตรงนี้ เราจะมองเห็นภูเขารูปร่างแปลกตาที่เรียกว่า เขาขนาบน้ำ ครับ

ใกล้ๆกับลานปูดำจะมีอนุสาวรีย์นกอินทรี หรือที่คนกระบี่ เรียกว่า นกออก ซึ่งเป็นนกประจำถิ่นของกระบี่ 


สำหรับทริปในวันที่สอง เราก็มาปิดทริปกันที่ลานปูดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองกระบี่ครับ

17.30 น. เราก็เดินทางกลับถึงที่พัก เป็นการปิดทริปของวันอย่างประทับใจ

สำหรับภาพรวมของทริปวันนี้ โดยรวมผมชอบนะครับ อาจจะเป็นเพราะว่า ช่วงที่ไปอากาศเย็นสบาย พอมาเจอกับป่าเขียวๆเลยรู้สึกสดชื่น ถ้าใครมีเวลาที่กระบี่หลายๆวัน นอกจากทัวร์เที่ยวเกาะ ผมก็ขอแนะนำให้ซื้อทัวร์ หรือเช่ารถมาเที่ยวสถานที่เหล่านี้กันครับ

บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง




Create Date : 09 มกราคม 2564
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2566 21:33:15 น. 3 comments
Counter : 1550 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณทนายอ้วน, คุณKavanich96


 
อยากไปเที่ยวสระมรกตมากที่สุดคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:21:09:11 น.  

 
ลองหาโอกาสไปดูนะครับ สวยดี


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:21:53:40 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 11 มกราคม 2564 เวลา:1:03:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.