Welcome to my blog
4 วัน 3 คืน สุราษฎร์ธานี เที่ยววิถีใต้ ณ เมืองหอยใหญ่ไข่แดง (ตอนที่ 2: พระบรมธาตุไชยา+เขาสก)


สถานที่ท่องเที่ยว : เขาสามเกลอ, เขื่อนเชี่ยวหลาน, สุราษฎร์ธานี Thailand
พิกัด GPS : 8° 58' 20.04

วันที่สอง

แผนการเดินทางในวันนี้ ในตอนเช้าผมจะเดินทางออกนอกเมืองสุราษฎร์ไปยังอำเภอไชยา เพื่อไปสักการะ พระบรมธาตุไชยา จากนั้นก็เดินทางกลับเข้าตัวเมือง พักผ่อน แล้วเรียก grab ไปยัง ตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้ เพื่อล่องเรือชมคลองร้อยสายในช่วงบ่ายครับ

เนื่องจากการเดินทางไปยังพระบรมธาตุไชยาในอินเตอร์เน็ตหาได้น้อยมาก ดังนั้นผมจะพามาลงรายละเอียดตรงนี้ให้มากขึ้นนะครับ เผื่อใครมีโอกาสจะไปตามรอย

การเดินทางจากเมืองสุราษฎร์ไปยังพระบรมธาตุไชยา

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พระบรมธาตุไชยาไม่ได้อยู่ในเมืองสุราษฎร์ (บ้านดอน) แต่อยู่ที่อำเภอไชยา ซึ่งห่างจากเมืองราวๆ 40 กิโลเมตร และวัดก็ไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอ แต่อยู่ห่างออกมาประมาณ 2 กิโลเมตรครับ

วิธีการเดินทางไปยังที่นี่มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 3 วิธี ได้แก่

(1) รถส่วนตัว ถ้าใครมาหลายคน การเช่ารถขับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเดินทางมาที่นี่ จากในเมือง มีป้ายมาที่นี่ชัดเจน ไม่มีหลงแน่นอน

(2) รถไฟ ใกล้ๆกับพระบรมธาตุไชยาจะมีสถานีรถไฟไชยา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1.7 กิโลเมตร ซึ่งเราสามารถขึ้นรถไฟจากสถานีสุราษฎร์ธานีมาที่นี่ได้ แต่ปัญหาคือ สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีมันอยู่ห่างออกไปนอกเมืองราว 16 กิโลเมตร ดังนั้น ถ้าจะเดินทางจากสุราษฎร์ ผมไม่แนะนำวิธีนี้ครับ (ยกเว้นว่า ใครจะแบกเป้เที่ยวมาจากกรุงเทพ หรือชุมพร การนั่งรถไฟมาที่นี่จะสะดวกกว่า)

(3) รถสองแถว/รถตู้ เป็นวิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว โดยคิวรถสองแถวกับรถตู้จะอยู่ที่ตลาดเกษตร ใกล้ๆกับโรงแรมที่ผมพัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

ในทริปนี้ผมเลือกรถตู้ครับ ค่ารถตู้ไปไชยาจะอยู่ที่ 70 บาท แต่เราต้องบอกคนขับว่า จะลงหน้าวัดพระบรมธาตุไชยา ไม่งั้นเค้าจะพาเราไปลงในเมือง ซึ่งต้องต่อรถออกมาอีกที

 

วัดพระบรมธาตุไชยา

ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี สร้างขึ้นเมื่อราวๆ 1 พันปีก่อนในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย และเป็นพุทธสถานแห่งเดียวของไทยที่ยังคงศิลปกรรมแบบศรีวิชัยไว้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
 



สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้ ได้แก่

(1) พระวิหารคต อยู่โดยรอบเจดีย์พระบรมธาตุไชยา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสกุลช่างไชยา ขนาดและปางต่างๆ รวมทั้งสิ้น 180 องค์ และมีพระเจดีย์, หอระฆัง, รูปปั้นพระชยา ภิวัฒน์ ผู้เป็นประธานในการบูรณะปฎิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 

 

(2) พระวิหารหลวง พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกขององค์เจดีย์พระบรมธาตุไชยา สร้างยื่นล้ำเข้าไปในพระวิหารคด ในพระวิหารหลวงมี พระพุทธใหญ่น้อยหลายองค์ 

(3) พระอุโบสถ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกขององค์เจดีย์พระบรมธาตุ นอกกำแพงพระวิหารคด เริ่มสร้างประมาณ พ.ศ. 1335 แต่เดิมนั้นมีใบพัทธสีมาเพียงใบเดียวเรียงรายรอบพระอุโบสถ จนถึงสมัยที่พระพุทธศาสนาลัทธิเถรวาท แบบลังกาได้แผ่เข้ามาในประเทศไทยประมาณ พ.ศ. 1800 พระสงฆ์ลังกาได้ทำพิธีผูกพัทธสีมาซ้ำลงในที่เดิมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์มีความมั่นคงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ วัดพระบรมธาตุไชยาจึงมีใบพัทธสีมา 2 ใบ ดังปรากฏเห็นอยู่ในปัจจุบัน

(4) พระพุทธรูปศิลาทรายแดง 3 องค์ สร้างในสมัยอยุธยา โดยฝีมือสกุลช่างไชยา 

 

(5) วิหารหลวงพ่อโต
 

 
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา

เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดพระบรมธาตุไชยา จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบได้ในแถบเมืองไชยา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในยุคอาณาจักรศรีวิชัยครับ

 

พิพิธภัณฑ์นี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกๆของประเทศไทย ก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2478 โดยเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยาในสมัยนั้น ต่อมา ท่านพุทธทาสภิกขุ ก็ได้ริเริ่มในการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ถาวร จนสามารถเปิดเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้ในปี พ.ศ.2525
 


 


พิพิธภัณฑ์นี้จะมีค่าเข้าชม 10 บาทเท่านั้นครับ แต่ช่วงที่ผมไป ได้เข้าชมฟรี (ไม่่รู้ทำไมเหมือนกัน)  เอาเป็นว่า ใครมาเที่ยวที่วัดพระบรมธาตุไชยา แล้วสนใจประวัติศาสตร์ หรือต้องการหลบร้อน ก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้นะครับ

การเดินทางกลับเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี

สำหรัการเดินทางกลับเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานีเราสามารถมารอรถตู้เส้นทางเดิมได้ที่หน้าวัด ซึ่งถ้ารถตู้ไม่เต็มเค้าจะจอดรับ แต่ส่วนใหญ่จะเต็มครับ ดังนั้น อีกวิธีหนึ่งที่ผมแนะนำมากกว่า คือต้องหาทางเข้าไปในตัวอำเภอไชยา เพื่อไปรอขึ้นรถตู้ที่คิวที่สถานีรถไฟไชยาซึ่งเป็นต้นสาย โดยวิธีที่จะเดินทางจากวัดไปยังสถานีรถไฟไชยาก็มีหลายวิธี เช่น เดินประมาณ 2 กิโลเมตร, มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือถ้าไม่มีจริงๆ ขอติดรถมอเตอร์ไซค์จากชาวบ้านที่ขับผ่านไปผ่านมาเลยครับ ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่นี่จะใจดี พาเราไปส่งถึงที่เลยครับ

สำหรับทริปนี้ ผมโชคดีครับ ผมไปซื้อน้ำจากร้านค้าหน้าวัด คุยไปคุยมา คุณลุงเจ้าของร้านก็ใจดีไปส่งเราถึงที่เลย ประทับใจคนไชยามากๆเลยครับ

ตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้

เมื่อกลับถึงตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ผมก็หาอาหารเที่ยงกิน จากนั้นก็พักผ่อนที่โรงแรม 1-2 ชั่วโมง ก่อนจะเรียก grab เพื่อเดินทางไปเที่ยวตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้ครับ

หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมผมถึงเลือกมาที่ตลาดนี้ จริงๆแล้วตลาดนี้ตั้งอยู่ในสวนมะพร้าวในบริเวณที่เรียกว่า คลองร้อยสาย ซึ่งจะขายของต่างๆจากชุมชน ไม่ว่าจะเป็นของกิน เครื่องดื่ม ขนม รวมไปถึงสินค้าหัตถกรรมต่างๆ ตลาดนี้ เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป และจะเริ่มวายตอนบ่ายแก่ๆครับ

 



สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของตลาดนี้ก็คือ กิจกรรมล่องเรือเที่ยวชมคลองร้อยสาย ครับ ซึ่งมีไฮไลท์ของก็คือ อุโมงค์ต้นจาก แบบนี้ครับ
 

กิจกรรมล่องเรือนี้ จะคิดราคาที่ 20 บาทต่อคน แต่ถ้ามากันหลายคน สามารถเหมาเรือ 1 ลำ (นั่งได้สูงสุด 6 คน) โดยเค้าจะคิดราคาที่ 100 บาทต่อลำ ใช้เวลาล่องรวมกันไม่เกิน 15 นาทีครับ

พอผมล่องเรือเสร็จ ก็ไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดต่อ น่าเสียดายที่ผมมาตอนช่วงเย็นมากแล้ว ร้านค้าต่างๆก็เก็บหมดแล้ว แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากๆคือ ชาวบ้านที่นั่น เค้าคงสงสารที่ผมมาตอนไม่มีอะไรแล้ว เลยเอาขนมมาให้เราทานฟรีๆเลยครับ (พอจะให้เงินก็ไม่รับด้วย บอกว่า เป็นของเหลือ เอามาขายไม่ได้)

ผมเที่ยวเล่นที่นั้นถึงตอนเย็นๆ ก็เรียก grab กลับที่พัก การเดินทางในวันที่ 2 ของทริปสุราษฎร์ธานีก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ


วันที่สาม              

ถ้าพูดถึงที่เที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานีในแบบที่ไม่ใช่ทะเล เชื่อว่า คนส่วนใหญ่คงจะต้องคิดถึง เขื่อนเชี่ยวหลาน กันอย่างแน่นอน และถ้าพูดถึงที่นี่ หลายคนคงเคยเห็นรูปแพริมน้ำ ในบรรยากาศชิลล์ๆแบบนี้
​​

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมเช็คราคาแพต่างๆแล้วก็พบว่า แพของรีสอร์ทต่างๆนั้น ราคาแพงเหลือเกิน แถมความสะดวกสบายก็สู้ที่พักบนฝั่งหรือในเมืองไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนมาพักในเมืองอีก 1 คืน แล้วใช้วิธีเช่ารถจากในเมืองไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน รวมทั้งสถานที่อื่นๆโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็น สะพานเขาเทพพิทักษ์, อุทยานธรรมเขาในในหลวง และ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด แทนครับ

การเดินทางไปยังเขื่อนเชี่ยวหลาน

จริงๆการเดินทางไปยังตัวเขื่อนเชี่ยวหลาน ถือว่าทำได้ค่อนข้างง่าย เพราะมีรถตู้จากท่ารถที่ตลาดเกษตร ซึ่งอยู่ใกล้โรงแรมที่พักของเรา ค่ารถจะอยู่ที่ 150 บาท ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยรถจะไปส่งถึงท่าเรือเขื่อนเชี่ยวหลานเลยครับ 
แต่เนื่องจากทริปนี้ผมจะไปเที่ยวยังสถานที่อื่นๆ ใกล้กับเขื่อนเชี่ยวหลานด้วย ผมเลยตัดสินใจเช่ารถพร้อมคนขับจากในเมืองสุราษฎร์ธานีเลย โดยคนขับก็คือ grab ที่ผมนั่งไปเที่ยวตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้วันก่อนหน้านั่นเอง โดยเค้าคิดค่ารถอยู่ที่ 2,000 บาท รวมทุกอย่างทั้งค่ารถ ค่าน้ำมัน คนขับรถ และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆหมดแล้วครับ (ถ้าใครสนใจจะเช่ารถเจ้านี้ หลังไมค์มาขอ contact จากผมได้นะครับ)

ล่องเรือเขื่อนเชี่ยวหลาน

สำหรับการล่องเรือในเขื่อนเชี่ยวหลานแบบไม่กี่ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะพาเราไปชมบริเวณที่เรียกว่า กุ้ยหลินเมืองไทย, เขาสามเกลอ และ แพนางไพร โดยค่าเรือจะอยู่ที่ 1,700 บาท ซึ่งถ้ามาเที่ยวแค่ไม่กี่คน และอยากประหยัด (แบบผม) แนะนำให้หาคนจอยครับ อย่าไปเชื่อนายหน้าหาเรือว่า ไม่มีคนจอย เราเดินหาเองได้เลย แนะนำให้มองหาคนที่มาเที่ยว 1-3 คนครับ ยังไงก็มีคนพร้อมจอยกับเรา เพราะเค้าก็อยากประหยัดเหมือนกัน อย่างในทริปนี้ ผมจอยกับอีก 2 ครอบครัว รวมทั้งเรือ 7 คน สรุปผมจ่ายค่าเรือไปแค่คนละ 242 บาท เท่านั้นเองครับ

นอกจากค่าเรือ ที่นี่ยังมีค่าเข้า อุทยานแห่งชาติเขาสก อีก 40 บาท และค่าธรรมเนียมท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลานอีก 10 บาทด้วยครับ

 
 

รู้จักกับเขื่อนเชี่ยวหลาน

มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ใช้ทั้งผลิตกระแสไฟฟ้า ชลประทาน ประมง และการท่องเที่ยว ตั้งอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติเขาสก เพื่อปิดกั้น ลำน้ำคลองแสง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำตาปี

แม้ว่าเขื่อนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก แต่ก็ต้องแลกมากับอะไรมากมาย เพราะก่อนหน้าที่จะมีการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่นี่เคยเป็น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ซึ่งเป็นหนึ่งในบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่หลังจากสร้างเขื่อน และเริ่มมีการกักเก็บน้ำ ระดับน้ำก็ค่อยๆสูงขึ้น สัตว์ป่าต่างๆก็ต้องหลบภัยขึ้นไปอยู่ตามเกาะแห่งต่างๆ ที่ตายลงก็มีมาก สิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่มาของ โครงการอพยพสัตว์ป่า โดยคุณสืบ นาคะเสถียร ซึ่งก็ได้ช่วยสัตว์ป่ามาได้นับพันตัว แต่ก็ยังมีสัตว์ป่าอีกหลายหมื่นหลายแสนตัวที่ต้องตายจากเขื่อนแห่งนี้ และนักอนุรักษ์หลายคน เชื่อกันว่า อาจจะมีสัตว์ป่าบางชนิดสูญพันธุ์จากการสร้างเขื่อน ก่อนที่เราจะค้นพบมันซะอีก

 

 
ผมจึงไม่อยากให้ใครที่มาอ่านบล็อกนี้ หรือได้มีโอกาสไปเที่ยวที่นี่ มองแต่ด้านที่สวยงามของเขื่อนเชี่ยวหลานเท่านั้น เพราะที่นี่ก็มีมุมดาร์คๆ น่าเศร้าอยู่เหมือนกัน สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือ การช่วยกันอนุรักษ์ป่าเท่าที่เหลืออยู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์ป่านั่นเองครับ 

กุ้ยหลินเมืองไทย

เดิมทีคำว่า กุ้ยหลินเมืองไทย จะใช้เรียกบริเวณ เขาสามเกลอ เท่านั้นครับ แต่ทำไปทำมา คำนี้ก็กลายเป็นคำเรียกทั้งบริเวณเขื่อนเชี่ยวหลาน ซึ่งมีภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อน พอมีการสร้างเขื่อนขึ้นมา และระดับน้ำสูงขึ้น ที่นี่ก็มีทัศนียภาพที่คล้ายกับกุ้ยหลินที่เมืองจีนครับ

 
 
ถ้ามาเที่ยวช่วงเช้าๆ อากาศจะเย็น มีหมอกบนภูเขา บรรยากาศยิ่งฟิน
 


 


 
อยากให้ดูสีน้ำ สวยมาก
 
 
ไฮไลท์ของการมาล่องเรือที่นี่ก็คือ เขาสามเกลอ ซึ่งถ้าใครมาล่องเรือก็ต้องแวะมาถ่ายรูปที่นี่ครับ
 
 

แพนางไพร

ถ้าพูดถึงเขื่อนเชี่ยวหลาน หลายคนคงนึกถึงการมานอนบนแพใช่ไหมครับ ถึงแม้ว่าในทริปนี้ เราจะไม่ได้นอนบนแพ แต่เราก็สามารถมาเที่ยวที่ แพนางไพร ได้ โดยกิจกรรมที่แพนี้ก็คือ การให้อาหารปลา ถ่ายรูป พักผ่อนชมบรรยากาศที่เขื่อนครับ
 

 
ปลาที่แพนางไพร มีเยอะมาก น้ำก็ใส เป็นสีเขียวมรกต
 

 
แพที่เป็นห้องพัก ตอนเราไปแขกเช็คเอาท์ออกหมดแล้ว
 

 
พอเสร็จจากเที่ยวชมแพนางไพรก็ล่องเรือกลับเข้าฝั่ง ระหว่างทางกลับ เราเจอกับประตูกั้นน้ำ
 

 
เมื่อกลับถึงฝั่ง เราก็โทรเรียกคนขับรถให้ไปเที่ยวยังจุดต่อไป นั่นก็คือ วิวสันเขื่อนเชี่ยวหลานครับ
 


 
หลังจากนั้นเราก็ไปทานอาหารเที่ยงกันต่อที่ ร้านเคียงคลอง ซึ่งเป็นร้านอาหารไทย อยู่ใกล้ๆกับ สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์ ครับ

 

สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์

ชาวบ้านจะนิยมเรียกสะพานนี้ว่า สะพานแขวนเขาพัง ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าเขื่อนเชี่ยวหลาน มีความยาว 120 เมตร
 

 
ไฮไลท์ของสะพานนี้คือ ภูเขารูปหัวใจ สามารถมองเห็นได้จากสะพานแบบนี้ครับ
 



 
แนะนำให้มาเที่ยวสะพานนี้ในวันเสาร์อาทิตย์นะครับ เพราะตรงข้ามจะมี หลาดคลองแสง ซึ่งเป็นตลาดขายพวกของกิน และผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นแถวๆนั้น (น่าเสียดายที่ผมมาเที่ยวในวันจันทร์เลยไม่มี)

อุทยานธรรมเขานาในหลวง

ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นรูปซุ้มประตูแบบนี้ใช่ไหมครับ จริงๆที่นี่ไม่ใช่วัดเก่าแก่โบราณอะไรหรอก แต่เป็นสำนักสงฆ์ที่อยู่บริเวณภูเขาของ อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

 
ที่นี่เขากำลังสร้างเจดีย์บนภูเขารอบๆ เป็นลักษณะของเจดีย์ลอยฟ้า เรียกว่า พุทธศิลาวดี ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากจังหวัดกำแพงเพชร ตามแผนคือจะสร้างให้ครบ 9 ยอด แต่ตอนที่ผมไป เพิ่งเสร็จไปแค่ 6-7 ยอดเท่านั้น ถ้าใครมีเวลาแนะนำให้มาเที่ยวที่ตอนเช้านะครับ เพราะเมื่อปีนขึ้นไปบนยอดเขาจะมีทะเลหมอกที่สวยงาม แต่เนื่องจากทริปนี้ ผมมาตอนบ่ายๆ เลยไม่ได้เจอครับ
 
 

ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด

ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดไปเมื่อไม่นานมานี้ อยู่ใน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ บ่อน้ำผุดสีฟ้ามรกต ซึ่งปกติน้ำจะใสราวกับกระจก แต่ตอนที่ผมไป น้ำไม่ค่อยใสเท่าไหร่ครับ อาจจะเป็นเพราะคนเล่นน้ำเยอะมาก

 



 
ที่นี่มีค่าเข้าอยู่ที่ 25 บาทต่อคน แต่ถ้าจะล่องเรือในน้ำ จะอยู่ที่ 65 บาทต่อคนครับ และเนื่องจากที่นี่เป็นต้นสายของแม่น้ำตาปี ทางชาวบ้านเลยไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปได้ เพราะเค้ากลัวว่า เราจะไปทิ้งขยะในนั้น สามารถนำเข้าได้เฉพาะกล้องถ่ายรูป กระเป๋าเงินในเล็ก และโทรศัพท์มือถือเท่านั้นครับ

ที่นี่เป็นสถานที่สุดท้ายที่เราไปเยี่ยมชมครับ หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ทริปในวันที่ 3 ก็จบลงเท่านี้ครับ

วันที่สี่

วันนี้ไม่มีแผนอะไรแล้วครับ นอกจากนั่งรถ Airport bus ไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ การเดินทางในทริปสุราษฎร์ธานีก็จบเพียงเท่านี้ครับ
 

สำหรับภาพรวมของทริปนี้ จริงๆแล้วคนส่วนใหญ่มักจะมองว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นเพียงแค่ทางผ่านสำหรับเดินทางต่อไปยังเกาะสมุย เกาะพะงัน หรือเกาะเต่าเท่านั้น หลายคนจึงมักมองข้ามที่เที่ยวบนฝั่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และทำให้พลาดหลายๆสิ่งที่สวยงามไปอย่างน่าเสียดาย

จากรีวิว 2 ตอนนี้ คงเห็นกันแล้วนะครับว่า สุราษฎร์ธานี ไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีภูเขา วิถีชีวิต และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ให้ได้ชมกัน เรียกว่า มาทริปเดียวได้เที่ยวหลายแนวเลย นอกจากนี้ สิ่งที่ผมประทับใจในจังหวัดนี้มากๆก็คือ คน อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่ ยังไม่ถูกสปอยล์จากการท่องเที่ยวกระแสหลักมากนัก คนที่นี่จึงน่ารัก มีน้ำใจ อัธยาศัยไมตรีตามสไตล์คนต่างจังหวัดแท้ๆ ซึ่งแตกต่างจากคนในเมืองท่องเที่ยวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นลุงจากวัดพระบรมธาตุไชยาที่ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งเราที่คิวรถตู้ หรือป้าที่ตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้ ที่แบ่งขนมให้เราทาน ทั้งหมดนี้ทำให้ทริปสุราษฎร์ธานีของผมประทับใจยิ่งขึ้นครับ

สำหรับริวิวสุราษฎร์ธานีก็จบลงเพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าจะชอบกัน ถ้าใครมีคำถามอะไร สามารถคอมเม้นไว้ข้างใต้ หรือหลังไมค์มาถามได้เลยนะครับ ยินดีตอบ และแชร์ข้อมูลครับ


บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง



Create Date : 23 เมษายน 2564
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2566 22:13:28 น. 4 comments
Counter : 2573 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณnewyorknurse


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 24 เมษายน 2564 เวลา:12:57:21 น.  

 

มาเที่ยวด้วยค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 30 เมษายน 2564 เวลา:0:59:02 น.  

 
ตามมาครับ :)


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 4 พฤษภาคม 2564 เวลา:22:09:07 น.  

 
น้ำสีสวยน่าไปค่า


โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 วันที่: 27 พฤษภาคม 2564 เวลา:12:32:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.