พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ดูกรโมฆบุรุษ #ปาฏิหาริย์นั้นไม่ว่าเราจะแสดงหรือไม่แสดง #ก็ไม่ได้ทำให้ใครพ้นทุกข์ไปได้ #ธรรมที่เร

ดูกรโมฆบุรุษ
#ปาฏิหาริย์นั้นไม่ว่าเราจะแสดงหรือไม่แสดง
#ก็ไม่ได้ทำให้ใครพ้นทุกข์ไปได้
#ธรรมที่เราแสดงไว้แล้วต่างหากที่ทำให้สาวกของเราเข้าถึงฝั่งแห่งทุกข์ พ้นชาติชรามรณะได้
สุนักขัตตสูตร
โมฆบุรุษ แปลว่า บุรุษเปล่า คนเปล่า คนที่ใช้การไม่ได้ คนโง่เขลา คนที่พลาดจากประโยชน์อันพึงได้พึงถึง
ตัวอย่างเช่น พระสุนักขัตตะ เป็นโอรสของเจ้าลิจฉวี เมื่อตัดสินใจบวชเป็นภิกษุ แล้วทำหน้าที่อุปัฏฐากพระศาสดาอยู่ถึงประมาณ ๓ ปี (ก่อนพระอานนท์)
แต่ความใกล้ชิดนั้นไม่สามารถทำให้เขาพ้นจากความเป็นโมฆบุรุษได้
สุนักขัตตะได้ยินพวกภิกษุพยากรณ์อรหัตผลของตนบ่อยๆ นึกตื่นตาตื่นใจจึงตัดสินใจบวชเป็นภิกษุ บวชแล้วทำหน้าที่อุปัฏฐากพระศาสดา โดยมีเป้าหมายว่าจะได้เห็นอิทธิปาฏิหาริย์ของพระศาสดา และจะยิ่งดีมากถ้าเขาสามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้ด้วยตนเอง
พระสุนักขัตตะไม่ได้เห็นพระศาสดาแสดงปาฏิหาริย์เลย วันหนึ่งจึงกราบทูลพระพุทธองค์ว่าเขาจะสึกเพราะไม่ได้เห็นปาฏิหาริย์
พระศาสดาตรัสว่า ถ้าเธออยากสึกก็สึกไป ตถาคตไม่เคยรับใครให้บวชเพื่อจะแสดงปาฏิหาริย์ให้ดู ...
....................
บางตอนจากพระไตรปิฏก
[๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาค #มิได้ทรงกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็นธรรม ยิ่งยวดของมนุษย์แก่ข้าพระองค์เลย ฯ
ดูกรสุนักขัตตะ เราได้กล่าวกะเธออย่างนี้ว่า มาเถิดสุนักขัตตะ เธอจงอยู่ อุทิศต่อเรา
เราจะกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็นธรรมยิ่งยวดของมนุษย์แก่เธอ ดังนี้ บ้างหรือ ฯ
หามิได้ พระเจ้าข้า ฯ
หรือว่า เธอได้กล่าวกะเราอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ จักอยู่อุทิศต่อ พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคจักทรงกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็น ธรรมยิ่งยวดของมนุษย์แก่ ข้าพระองค์ ฯ
หามิได้ พระเจ้าข้า ฯ
ดูกรสุนักขัตตะ เพราะเหตุที่เรามิได้กล่าวกะเธอว่า มาเถิด สุนักขัตตะเธอจงอยู่อุทิศ
ต่อเรา เราจักกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็นธรรมยิ่งยวดของมนุษย์แก่เธอ ดังนี้
อนึ่ง เธอก็มิได้ กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักอยู่อุทิศ
ต่อพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
[๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ #พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงบัญญัติสิ่งที่โลก #สมมติว่าเลิศแก่
ข้าพระองค์เลย ฯ
ดูกรสุนักขัตตะ เราได้กล่าวกะเธออย่างนี้ว่า มาเถิดสุนักขัตตะ เธอจงอยู่ อุทิศต่อเรา
เราจักบัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศแก่เธอ ดังนี้ บ้างหรือ ฯ
หามิได้ พระเจ้าข้า ฯ
หรือว่า เธอได้กล่าวกะเราอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ จักอยู่อุทิศต่อ พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคจักทรงบัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศ แก่ข้าพระองค์ ฯ
หามิได้ พระเจ้าข้า ฯ
ดูกรสุนักขัตตะ เพราะเหตุที่เรามิได้กล่าวกะเธอว่า มาเถิด สุนักขัตตะเธอจงอยู่อุทิศ
ต่อเรา เราจักบัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศแก่เธอ ดังนี้
อนึ่ง เธอ ก็มิได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักอยู่อุทิศต่อพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคจักทรงบัญญัติสิ่งที่โลก สมมติว่าเลิศแก่ข้าพระองค์ ดังนี้
ดูกรโมฆบุรุษ เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอเมื่อบอกคืน จะชื่อว่า บอกคืนใคร
ดูกรสุนักขัตตะ เธอจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน
🖤#คือเมื่อเราได้บัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศหรือมิได้บัญญัติก็ดี
#ธรรมที่เราได้แสดงไว้
#ย่อมนำผู้ประพฤติให้สิ้นทุกข์โดยชอบ [หรือหาไม่] ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระองค์ได้บัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศ หรือมิได้บัญญัติก็ดี ธรรมที่พระองค์ได้แสดงไว้ ย่อมนำผู้ประพฤติให้สิ้นทุกข์โดย ชอบ ฯ
🖤ดูกรสุนักขัตตะ
**เพราะเหตุที่เมื่อเราได้บัญญัติสิ่งทีโลกสมมติว่าเลิศหรือมิได้บัญญัติก็ดี ธรรมที่เราได้แสดงไว้ ย่อมนำผู้ประพฤติให้สิ้นทุกข์โดยชอบ เช่นนี้
**เธอจะปรารถนาการบัญญัติสิ่งที่
โลกสมมติว่าเลิศไปทำไม
ดูกรโมฆบุรุษ เธอจง เห็นว่า ข้อนี้ เป็นความผิดของเธอเท่านั้น
พระไตรปิฏกฉบับหลวง เล่มที่ ๑๑
หน้า๑-๔ ข้อ๑-๔
~~~~~~~~~~~~~~~~
#พุทธทำนาย
สมัยหนึ่ง พระศาสดาเสด็จไปบิณฑบาตในอุตตรกานิคมอันเป็นชนบทของชาวถูลู
มีพระสุนักขัตตะตามเสด็จเป็นปัจฉาสมณะ ในนิคมนั้นมีเดียรถีย์คนหนึ่งชื่อ
โกรักขัตติยะ เป็นนักบวชอเจลก
คือ เป็นนักบวชเปลือย มีวัตรปฏิบัติแบบสุนัข คือ เดินสี่เท้าแบบสุนัข กินอาหารบนพื้นแบบสุนัข นอนบนพื้นในกองขี้เถ้าและเตาไฟ พระสุนักขัตตะเห็นอเจลกคนนั้นแล้วชื่นชมว่าสมณะผู้นี้คงเป็นพระอรหันต์เป็นแน่
พระศาสดาทรงทราบความคิดของพระสุนักขัตตะจึงตรัสเตือนสติว่า
“ดูกรโมฆบุรุษ เธอกำลังหลงผิดแล้ว โกรักขัตติยะผู้นี้ไม่ได้เป็นสมณะ และไม่ได้เป็นพระอรหันต์ จงดูเอาเถิดว่าจากนี้ไปอีก ๗ วัน เขาจะกินมากเกินพอดี มีท้องพอง และตายเพราะอาหารไม่ย่อย เมื่อตายแล้วเขาจะไปเกิดเป็นกาลกัญชิกาอสุรกาย มีตัวสูง ๓ คาวุต เนื้อตัวแห้งไม่มีเลือดไม่มีเนื้อเหมือนใบไม้แก่ มีตาห้อยอยู่บนหัวเหมือนตาปู มีปากเล็กเท่ารูเข็มอยู่บนหัวเหมือนกัน ส่วนศพของเขาจะถูกนำไปทิ้งในป่าช้าวีรณัตถัมภกะ”
พระสุนักขัตตะฟังแล้วแทนที่จะเชื่อคำพระศาสดา เขากลับคิดจะจับผิดและเอาชนะ จึงแอบไปหาโกรักขัตติยะถึงที่อยู่เตือนให้เขาระวังเรื่องการกิน บอกว่าพระศาสดาตรัสพยากรณ์แล้วว่าเขาจะท้องพองตายในวันที่ ๗
โกรักขัตติยะฟังแล้วกล่าวว่า เราเป็นนักบวช พระสมณโคดมก็เป็นนักบวช เราต่างบวชคนละศาสนาจึงเป็นศัตรูกัน ศัตรูเมื่อกล่าววาจาใดย่อมไม่เป็นจริง เราไม่เชื่อ แม้จะพูดไปอย่างนั้นก็ตามแต่โกรักขัตติยะก็ระวังตัว เอาแต่นอนในกองขี้เถ้าไม่ยอมบริโภคอาหารเลยตลอด ๗ วัน
ครั้นถึงวันที่ ๗ อุปฐากคนหนึ่งคิดว่าสมณะประจำสกุลของพวกเราไม่มาเลย สงสัยท่านจะไม่สบาย จึงจัดเตรียมอาหารเป็นหมูปิ้งนำไปให้ถึงที่อยู่ โกรักขัตติยะกำลังนอนหิวเพราะอดอาหารมาหลายวัน พอเห็นอาหารก็เกิดความอยาก คิดว่าคำของสมณโคดมจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ตามที ตอนนี้เราจะกินอาหารแล้ว ถ้าต้องตายก็ถือว่าตายดีเพราะอิ่มตาย ไม่ใช่อดตาย คิดแล้วจึงลุกขึ้นกินอาหารจนท้องกาง
เพราะพระวาจาของพระศาสดาย่อมไม่มีสอง คืนนั้นอเจลกก็ทำกาละเพราะอาหารไม่ย่อย ตายแล้วไปเกิดเป็นกาลกัญชิกาอสุรกายสมดังพุทธพยากรณ์
พวกเดียรถีย์อื่นๆ ต้องการจะปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่าโกรักขัตติยะตายแล้วตรงตามที่พระศาสดาพยากรณ์ จึงนำเถาวัลย์มามัดศพโกรักขัตติยะไว้ แล้วช่วยกันลากเข้าไปทิ้งในป่าลึก แต่เพราะที่เป็นเนินทั้งนั้น เถาวัลย์จึงขาด พวกเดียรถีย์จึงทิ้งศพของโกรักขัตติยะไว้ระหว่างทางในในป่าช้าวีรณัตถัมภกะ
#ปลุกคนตายให้ตื่น
พระสุนักขัตตะคอยติดตามข่าวโกรักขัตติยะอยู่จึงรู้ว่าเขาตายแล้ว แต่ยังไม่ยอมรับว่าพระศาสดาทำนายได้ถูกต้องทั้งหมด เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าโกรักขัตติยะตายแล้วไปไหน พระศาสดาจึงตรัสว่า ถ้าเธอสงสัย เธอจงไปที่ศพโกรักขัตติยะ เอาฝ่ามือเคาะที่ศพ ๓ ครั้ง เขาจะตอบเธอเองว่าตอนนี้เขาไปเกิดอยู่ที่ไหน
พระสุนักขัตตะทำตามที่พระพุทธเจ้าตรัสแนะนำ เมื่อเขาเอาฝ่ามือเคาะศพ ๓ ครั้ง ถามว่าท่านอยู่ที่ไหน ขณะนั้นพระศาสดาได้บันดาลให้โกรักขัตติยะกลับเข้าร่าง ศพของนักบวชเปลือยจึงลุกขึ้นเอามือปัดหลังพร้อมพูดว่า ข้าพเจ้าไปเกิดเป็นกาลัญชิกาอสุรกาย พูดแล้วก็หงายหลังลงตามเดิม
เมื่อได้รับคำตอบแล้ว พระสุนักขัตตะก็กลับมาเฝ้าพระศาสดา พระศาสดาจึงตรัสถามว่า
พ. สุนักขัตตะ เธอเห็นแล้วใช่ไหมว่าสิ่งที่เราพยากรณ์นั้นเกิดขึ้นจริง
ส. เห็นแล้วพระเจ้าข้า
พ. การที่เราพยากรณ์นั้นเป็นปาฏิหาริย์หรือไม่ได้เป็น
ส. เป็นพระเจ้าข้า
พ. โมฆบุรุษ แล้วเธอจะยังกล่าวอยู่อีกหรือว่าเราไม่ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์อันยอดเยี่ยมเหนือมนุษย์
ดูกรโมฆบุรุษ ปาฏิหาริย์นั้นไม่ว่าเราจะแสดงหรือไม่แสดง ก็ไม่ได้ทำให้ใครพ้นทุกข์ไปได้
#ธรรมที่เราแสดงไว้แล้วต่างหากที่ทำให้สาวกของเราเข้าถึงฝั่งแห่งทุกข์ พ้นชาติชรามรณะได้
#โมฆบุรุษ
พระสุนักขัตตะสมกับเป็นโมฆบุรุษอย่างแท้จริง เพราะแม้พระศาสดาจะตรัสว่า #ปาฏิหาริย์ไม่ทำให้พ้นทุกข์ได้ แต่เขาก็ยังคงลุ่มหลงปาฏิหาริย์ฝ่ายเดียว ไม่สนใจการปฏิบัติสมณธรรมอื่นเพื่อการบรรลุธรรม
วันหนึ่ง พระสุนักขัตตะอยากมีตาทิพย์จึงเข้าไปกราบทูลพระศาสดาขอเรียนวิชาทิพยจักษุ พระศาสดาก็ทรงสอนให้เจริญ #อาโลกสัญญา
หลังจากปฏิบัติตามที่พระศาสดาทรงสอนแล้วไม่นานพระสุนักขัตตะก็มีตาทิพย์ สามารถมองเห็นเทวดานางฟ้าเสวยทิพย์สมบัติในอุทยานนันทวัน จิตลดาวัน ปารุสกวัน และมิสกวัน ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้ แต่เขาไม่ได้ยินเสียงเพราะไม่มีหูทิพย์ ได้แต่คาดเดาเอาว่าเทวดาพวกนี้คงมีเสียงไพเราะอ่อนหวานมาก
พระสุนักขัตตะเข้าไปกราบทูลพระศาสดาอีก ขอเรียนวิชาทิพยโสต แต่พระศาสดาทรงทราบว่าในอดีตชาติพระสุนักขัตตะเคยใช้ไม้ตีกกหูภิกษุผู้ทรงศีลรูปหนึ่งจนหูหนวก ด้วยบุรพกรรมนั้นพระสุนักขัตตะจึงไม่อาจมีหูทิพย์ได้ พระพุทธองค์จึงไม่ทรงสอน
พระสุนักขัตตะเข้าใจผิดว่าพระศาสดาไม่ทรงสอนเพราะริษยา เพราะตัวเขาเองก็เป็นเชื้อกษัตริย์เหมือนพระศาสดา ตอนนี้เขามีทิพยจักษุญานแล้ว ต่อไปถ้ามีทิพยโสตญาน เจโตปริยญาน และอาสวักขยญาน เขาก็จะเป็นพระสัพพัญญูเหมือนพระศาสดา พระศาสดาคงกลัวเขาเป็นคู่แข่งจึงไม่ทรงสอนให้ คิดดังนี้แล้วพระสุนักขัตตะก็ร้อนรน โกรธแค้น อยู่มาไม่นานนักก็ลาสิกขาบทกลับไปเป็นคฤหัสถ์ หันกลับไปนับถือพวกเดียรถีย์ตามเดิม
ที่มา
สุนักขัตตสูตร(อ่านพระสูตรเต็ม)👇
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=11&siri=1
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๑-๓๔.
มหาลิสูตร
ปาฏิกสูตร
อรรถกถามหาสีหนาทสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ สีหนาทวรรค
~~~~~~~~~~~@@@~~~~~~~~~~
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันต์สัมมาสัมพุทธะ สัพพัญญูผู้รู้แจ้งโลก
==============
งานแห่งชีวิตที่รัตนะ๕ตั้งใจที่สุด
จักช่วยพระศาสดาประกาศคำสอน
เพื่อเป็นเหตุให้กัลยาณมิตร
ผู้เคยสร้างเหตุมาด้วยดีแล้ว
ได้เข้าถึงธรรมคำตถาคต
ตามแต่อินทรีย์บารมีของท่านเหล่านั้น.
..
#ร่วมกันมุ่งมั่นศึกษาปฏิบัติและเผยแผ่แต่คำตถาคต


Create Date : 19 เมษายน 2564
Last Update : 19 เมษายน 2564 7:42:54 น. 0 comments
Counter : 133 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.