พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ความเป็นจริงของ ตาทิพย์และ การมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ....... ก่อนที่เรา จะเข้าใจในเรื่องของตาทิพย์

ความเป็นจริงของ ตาทิพย์และ การมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ.......
ก่อนที่เรา จะเข้าใจในเรื่องของตาทิพย์ ให้เราเข้าใจว่า ภาพต่างๆ ที่เรารับได้นั้น เป็นเพียงข้อมูลเป็นพลังวิ่งมาเท่านั้น เมื่อผ่านเข้ามาถึง จักษุวิญญาณ ก็จะเปลี่ยนเป็นภาพ ทีนี้มันจะเป็นภาพอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับ ความทรงจำ ภพ ชาติของเรา แมลงวันเห็นภาพไม่เหมือนเราทั้งๆ ที่มองภาพเดียวกัน คนสายตาสั้นเห็นภาพไม่เหมือนคนสายตายาว
คนตาบอดสีก็เห็นแตกต่างกับคนตาดี ทั้งๆ ที่ วัตถุที่เห็นนั้นคือ สิ่งเดียวกัน
เราก็ย้อนกลับมาที่ตัว เมื่อตราบใดที่ จิตเราไม่สะอาด เวลาเรามองภาพนั้นภาพนี้ จึงมีการเสริมเติมแต่งเข้าไป ด้วยมโน สัญญา รูป เวทนา ด้วยอุปาทานขันธ์ ของตนที่มีอยู่ ให้เห็นไปตามสภาวะการปรุงของเรา ยกตัวอย่างเช่น
คนฝรั่งเห็นผี มันก็จะเห็นแต่ผีแบบฝรั่ง คนไทยก็เห็นผีแบบไทย หรือ เราเห็นเงามืดๆ ตอนกลางคืนเราก็จะเห็นภาพนั้นเพี้ยนไป อาจจะเห็นหมากลายไปเป็น เด็กนั่งอยู่ ทำนองนี้เป็นต้น
ก็ให้ทำความเข้าใจในเรื่องของจิตแบบนี้ก่อน คือ เมื่อใดก็ตามที่จิตไปสัมผัสกับอะไร จิตก็จะดึงเอาสภาวะความทรงจำของเราเอามาผูกเข้าด้วยกันเสมอ ทีนี้ ก็มาดูเรื่องของนิมิต เมื่อเราหลับตาลงไปกำหนดจิตให้เป็นสมาธิ จิตก็จะมารวมอยู่ที่ จักษุวิญญาณ อันทำให้เกิดอุคคหนิมิต หรือ นิมิตเบื้องต้น อุคคหนิมิต นี้ ในทางพุทธศาสนาถือว่า เป็น นิมิตที่ยังปนเปื้อน คือ ไม่สะอาด ไม่เป็นสิ่งที่ด และไม่สามารถควบคุมได้ แต่เป็นเริ่มต้นที่ดี ทีนี้ คนส่วนมากพอมีอุคคหนิมิต คือ เริ่มเห็นภาพนั้นภาพนี้ ก็จะมองตามอุคหนิมิตไป แต่เนื่องจากธรรมชาติของจิต อุคคหนิมิตนั้นย่อมแปรเปลี่ยนไป ต่างๆ นาๆ ตามสันดาน หรือสังโยชน์ของจิต ที่ดลบันดาล เรียกว่า พอจิตคิด จิตก็จะเปิด จิตจะแปรเปลี่ยนไปในทำนองนั้นทันที ทีนี้ หลายๆ คนมีกำลังจิตมาก พอจิตคิดไป อุคคหนิมิต วิ่งไปสู่สิ่งนั้นทันที มันก็แปรไปเป็น ภาพ เป็น เสียง เป็นอะไรต่างๆ นาๆ ที่ชัดเจนตามกำลังจิตที่มี
ตรงนี้เอง ด้วยความไม่เข้าใจ ในจิตตน ก็เข้าใจว่า สิ่งที่เห็นสิ่งที่สัมผัสนั้น คือ ความจริง ยกตัวอย่างเช่น ตาที่สาม และ ดร เทพนม เมืองแมน นี้แหละ เรียกว่า ได้แค่อุคคหนิมิต แล้วไม่เดินต่อ ในทางธรรม
ทีนี้อุคคหนิมิต นี้ บ้างก็ปนด้วยพลังภายนอก บ้างก็ปนด้วย ขันธ์ภายใน แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจจะควบคุมได้
บ้างก็จริง บ้างก้ไม่จริง แรกๆ ก็จริง พอนานๆไปกลายเป็น เพี้ยน
คนส่วนใหญ่ที่ ไม่เข้าใจ และเพี้ยนไป คือ ทำสมาธิ ได้เพียงแค่ อุคคหนิมิตแล้วหลงแค่ตรงนี้ ไม่เคยได้ถึงปฏิภาคนิมิต ก็ทีนี้พอ มี แต่อุคคหนิมิต ซึ่งนิมิตนี้มันติดตา ติดใจ ก็พอนานๆ ไป มันติดตัวเลย ถอนไม่ออก ก็จะกลายเป็น นิมิตที่ปนเปื้อนติดตัว ไม่กระจ่าง มั่วซั่ว แถมซวยอีก วันดีคืนดีมันก็สำแดงเดชประหลาด
ก็พลังจักรวาลนี้ก็เหมือนกัน เรียกว่า วาโยกสิณ แต่มันปน มันรับนั่นนี่เข้ามา เนื่องจากว่า มันยังไม่เป็น ปฎิภาคนิมิต ทีนี้ ตามคัมภีร์พระวิสุทธิมรรค กล่าวว่า ลมอุคคหนิมิตนั้น ไหวๆ เหมือนไอข้าวสุก
ก็สรุป ถอนอุคคหนิมิต คือ พยายามละ ละสิ้นแล้ว เจริญใหม่ อย่าเอากสิณโทษ เข้ามาปน เช่นตาเห็นนั่นนี่ ก็ละเสีย แล้วยึดกับ คำบริกรรม หรือ นิมิตที่เจริญเท่านั้น เช่น เจริญดวงแก้วก็เอาแค่ดวงแก้ว เห็นอะไรอย่างอื่นก็ละทิ้ง
จนกว่าจะได้ปฏิภาคนิมิต แล้วอยากจะเห็นนั่นนี่ ค่อยกำหนดจิตดู อย่านั่งไปเห็นไป มันเป็นกสิณโทษ แล้วจะถอนลำบาก เอาแต่คำบริกรรม จนเราคุมจิต ได้ดังใจ เรียกว่าเป็น นายของจิต ไม่ใช่ให้จิตเป็นนายเรา
ไม่เช่นนั้น มันก็เพี้ยน แบบ หลายๆ คน เพราะไม่รู้ เพราะอวิชชา ก็ฝากเอาไว้ให้ตาที่สามและ คนจะฝึกทั้งพลังจักรวาล เอาสมาธิตัวเดียว ฝึกให้ดี แล้วมันจะเป็น องค์ พละ คือ ศรัทธาในพระพุทธองค์ เพียร มีสติ สมาธิ ปัญญา แล้วจะมีกำลัง ไม่วกวน ถอยหน้าถอยหลัง


Create Date : 05 มีนาคม 2564
Last Update : 5 มีนาคม 2564 13:18:54 น. 0 comments
Counter : 283 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.