Warcraft : ถอนคำสาปหนังสร้างจากเกม?




Warcraft : The Beginning เป็นหนังที่สร้างมาจากเกม มันเป็นหนึ่งในความหวังว่าจะสามารถถอนคำสาปหนังที่สร้างจากเกมได้ เพราะมีผู้กำกับค่อนข้างดีอย่าง ดันแคน โจนส์ (Duncan Jones) ที่เคยกำกับหนังดีๆอย่าง Moon (และ Source Code สำหรับคนดูบางคน)

แต่มันถูกนักวิจารณ์สับเละ

ในขณะเดียวกัน เสียงของคนดูก็แตกออกแบบกระจัดกระจาย มีทั้งชอบ มีทั้งไม่ชอบ มีทั้งเฉยๆ

ส่วนในบล็อกนี้ ผมจะขอเป็นหนึ่งในตัวแทนของฝ่ายที่ไม่ได้รู้จักเกม Warcraft มากมาย เคยเล่นแค่ Warcraft II เมื่อนานมาแล้ว แถมไม่ได้เล่นเอาเนื้อเรื่องด้วย เลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกของ Warcraft เลยนอกจากมันมีมนุษย์ มันมีออร์ค แล้วสองเผ่าพันธุ์ก็มาทำสงครามกัน ฉะนั้นเอาเป็นว่า ถือว่าผมอยู่ในฝ่ายที่ไม่ได้รู้จักเกม Warcraft ก็แล้วกัน



ผมรู้แต่ว่ามันอิงจากเนื้อหาของเกม Warcraft ภาคแรกคือ Orcs & Humans บวกเนื้อหาของเวอร์ชั่นนิยายเข้าไป (น่าจะบวก World of Warcraft ไปด้วยกระมัง? อย่างที่บอก ผมไม่ได้เจาะลึกในโลกของ Warcraft นัก) และดูเหมือนว่าจะเล่าเรื่องถึงจุดเริ่มต้นของสงครามทั้งหมด เป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเกิดเกมภาคแรกขึ้น... ใช่ไหม?

ผมรู้ว่าเนื้อเรื่องของมันคือโลกของออร์คกำลังจะตาย ออร์คเลยเปิดประตูมิติข้ามมายังดินแดนฝั่งมนุษย์ที่เรียกว่า "อาเซร็อธ" แล้วก็ทำสงครามกับมนุษย์ แต่ในฝ่ายออร์คกลับมีสงครามภายในเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน 



เอาละ ปล่อยเนื้อเรื่องไปเถอะ แฟนๆ Warcraft คงอธิบายมันได้ดีกว่าผมแน่นอน ดังนั้นต่อไปนี้ผมจะขอพูดถึงสิ่งที่ผมชอบ 3 ข้อ และสิ่งที่ผมไม่ชอบ 3 ข้อ เกี่ยวกับหนัง Warcraft ในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่ง

3 สิ่งที่ชอบ :

1) เนื้อเรื่องฝั่งออร์ค

หนัง Warcraft ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของมนุษย์ อีกส่วนเป็นเรื่องของออร์คที่ข้ามประตูมิติมา นำโดย "กุลดัน (Gul'dan)" วอร์ล็อคที่ค่อนข้างจะชั่วร้ายหน่อย แต่ "ดูโรทาน (Durotan)" หัวหน้าเผ่าฟรอสต์วูล์ฟไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกุลดัน เลยเริ่มคิดจะไปจับมือกับมนุษย์ 

ในมุมของผม ส่วนที่เกี่ยวกับออร์คและดูโรทานเป็นส่วนที่ดีและดูสนุกมากที่สุดของหนังแล้ว 

ผมค่อนข้างชอบ cg ของฝ่ายออร์ค ชอบการแสดงและสีหน้าท่าทางของมัน ถึงแม้กุลดันจะดูเป็นผู้ร้ายสองมิติสุดๆ คือร้ายไปเลยไม่มีดี แต่... ฝ่ายออร์คก็ยังเป็นส่วนที่ดูสนุกอยู่ดี ผมรู้สึกแคร์คาแร็กเตอร์ของฝ่ายออร์คบางตัวมากกว่าฝ่ายมนุษย์เสียอีก โดยเฉพาะฉากที่ดูโรทานต้องตัดสินกันกับกุลดัน ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในเรื่องเลยทีเดียว





2) ความพยายามของดันแคน โจนส์ (ผู้กำกับ)

ผมคิดว่าดันแคน โจนส์พยายามที่จะเล่าเรื่อง Warcraft ให้ออกมาดีที่สุดแล้ว เห็นได้จากการพยายามจะใส่ปมที่น่าสนใจให้กับทั้งฝ่ายมนุษย์และฝ่ายออร์ค และความพยายามจะเล่าเรื่องให้สนุกกับทุกๆฝ่าย ทั้งคนเล่นเกมและคนไม่ได้เล่นเกม


3) ดีไซน์ชุดเกราะ, อาวุธปืน และเวทมนตร์สวยดี

หนัง Warcraft ดึงเอาดีไซน์ที่มีอยู่ในเกมมาใช้เป็นประโยชน์ได้มากทีเดียว ผมชอบรายละเอียดของชุดเกราะ ดาบ และที่ชอบสุดก็คือปืน!

ในที่สุด มันก็มีหนังแฟนตาซีที่มีอาวุธปืนเจ๋งๆ!



เช่นเดียวกับดีไซน์ชุดเกราะและอาวุธ เวทมนตร์ก็ได้ความดีความชอบมาจากตัวเกมเหมือนกัน ดังนั้นมันจึงมีวิธีการใช้เวทมนตร์ที่ดูทรงพลังและสวยงามมาก นับเป็นส่วนที่ดูแล้วเพลินดี

อืม...





3 สิ่งที่ไม่ชอบ :

1) การเล่าเรื่องที่มีปัญหา

โจทย์ของหนัง Warcraft คือพยายามเอาใจทั้งแฟนเกมและคนที่ไม่ได้เล่นเกม แต่ปัญหาคือมัน "จัดหนัก" มากเกินกว่าที่หนังสองชั่วโมงจะรับไหว มันมีรายละเอียดมากมายผุดขึ้น มันมีสองฝ่ายคือฝ่ายออร์คกับฝ่ายมนุษย์ และทั้งสองฝ่ายก็เต็มไปด้วยตัวละครยั้วเยี้ยเต็มไปหมด

ผมนับถือดันแคน โจนส์ที่พยายามจะเล่าเรื่องอันสลับซับซ้อนให้สนุกและลงตัวที่สุด แต่ข้อมูลที่ปรากฏขึ้นบนจอมันเต็มไปหมด ต้องพยายามทำความเข้าใจรายละเอียดอะไรต่อมิอะไรมากมาย แฟนเกม Warcraft หรือ World of Warcraft อาจไม่ค่อยมีปัญหา แต่คนที่ไม่ได้เป็นแฟนเกมหรือไม่ได้เล่นเกม ผมคิดว่าจะต้องมีปัญหากันหลายคน

ด้วยความที่รายละเอียดและตัวละครมันมีมากมาย หนังจึงต้องแบ่งไปเล่าตรงนู้นทีตรงนี้ที รายละเอียดข้อมูลต่างๆเลยถูกบอกเล่าออกมาทีละนิดทีละน้อย คือถ้าพยายามทำความเข้าใจมันก็คงจะ...เข้าใจได้แหละ เพียงแต่พอสมองต้องแบกรับข้อมูลที่ไม่คุ้นเคยมากมาย (สำหรับคนที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับโลก Warcraft) มันก็รู้สึกเหนื่อย พอรู้สึกเหนื่อย ก็ขี้เกียจจะตามข้อมูลที่ปรากฏในเนื้อเรื่องต่อไปแล้ว

พอมาถึงกลางๆเรื่อง ผมชักอยากยกมือยอมแพ้ในการตามเรื่องราว แล้วหันไปสนใจ cg กับชุดเกราะสวยๆแทน... แต่ไหนๆดูแล้วก็คงต้องยอมใช้พลังสมองทำความเข้าใจมันซะหน่อย ไม่งั้นคงรู้สึกเสียดายเวลาน่าดู




2) ฉากแอ็กชั่นกับอารมณ์ในบางฉากมีปัญหา

ผมไม่อยากสปอยล์ แต่เอาเป็นว่าแบบนี้...

ฉากแอ็กชั่นตอนต้นเรื่องที่มนุษย์กับออร์คเจอกันครั้งแรก ค่อนข้างจะโอเค, ฉากประลองระหว่างดูโรทานกับกุลดัน ก็เร้าอารมณ์ดี, ฉากสงครามตอนไคลแม็กซ์ก็... ใช้ได้

แต่โดยรวมแล้วฉากต่อสู้ของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะแปลกๆ วิธีการตัดต่อ วิธีการวางมุมกล้อง วิธีการแสดง บางฉากก็ดูสนุกอย่างที่ว่าไปข้างต้น แต่บางฉาก ดูแล้วต้องอุทานในใจว่า "อะไรวะ" มัน... บรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก รู้สึกแปลกๆ รู้สึกเหมือนจังหวะจะโคนจะยังไม่ได้ รู้สึกเหมือนมันฟันดาบใส่กัน แต่มันไม่มีความกดดันหรือการเร้าอารมณ์ให้ตื่นเต้นหรืออะไรทำนองนั้น 




บางคนอาจรู้สึกว่า แค่ฟันๆดาบใส่กันโช้งเช้งๆก็สนุกแล้ว จะเอาอะไรมาก

แต่ผมรู้สึกว่า... ถ้ามันไม่เร้าอารมณ์พอ จะโช้งเช้งๆยังไงก็ไร้ความหมาย

มันเหมือนนั่งดูนักมวยมือสมัครเล่นต่อยกันแบบห่วยๆ กับนักมวยมืออาชีพต่อยกันแบบเจ๋งๆน่ะ ผู้ใหญ่ที่เคยดูมวย อธิบายแบบนี้คงเข้าใจใช่ไหม?

และช่วงที่มีปัญหาสุดๆ คือฉากแอ็กชั่นกลางเรื่องที่ออร์คกับมนุษย์ต้องมาเผชิญหน้าหาข้อตกลงกัน ฉากนี้ม้นควรจะต้องถึงจุดพีคด้วยเนื้อหาของมัน แต่... สุดท้ายผมได้แค่อุทานว่า "อะไรวะ..." ไอเดียดี แต่เสียของอย่างบอกไม่ถูก ขาดอารมณ์ร่วมแบบรุนแรง

หรืออย่างฉากไคลแม็กซ์นี่ชัดเจนมาก ฉากไคลแม็กซ์จะแบ่งฉากแอ็กชั่นเป็นสองเหตุการณ์ เหตุการณ์หนึ่งคือทัพของกษัตริย์บุกประจัญบานกับพวกออร์ค ส่วนอีกการณ์คืออันดูอินกับจอมเวทหนุ่มกำลังสู้กับตัวร้ายอีกตัว

ไอ้ฉากสงครามน่ะ โอเคอย่างที่ว่ามาข้างต้น 

แต่ไอ้อีกฉากน่ะ... มัน... แปลกๆ มัน... ไม่ค่อยสนุกยังไงไม่แน่ใจ

เหตุการณ์สองเหตุการณ์นี้เล่าเรื่องตัดสลับกันไปมา แต่ไหงอันนึงสนุก อันนึงไม่ค่อยสนุกซะงั้น? มันยังไงกันหว่า...?




3) ตัวละครฝ่ายมนุษย์... ช่างแม่มเหอะ

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้รู้สึกว่าดูหนัง Warcraft ไม่สนุกมากอย่างที่ควร สำหรับผมแล้ว นอกจากปัญหาด้านการเล่าเรื่อง ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง นั่นคือปัญหาเรื่องตัวละคร

ผมไม่แคร์ตัวละครฝั่งมนุษย์เลยสักตัว ใครเป็นใครตายก็ช่างแม่มเหอะ

ผมชอบทราวิส ฟิมเมล (คนที่แสดงเป็นเซอร์ อันดูอิน ลอธาร์) จากซีรีส์ Vikings แต่ในหนังเรื่องนี้... โอเค เขามีโมเมนต์ที่ได้จะแสดงอารมณ์ แสดงสีหน้าออกมา แต่พอมาถึงฉากสำคัญตรงกลางเรื่อง ผมไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครมากนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการแสดง หรือเป็นเพราะจังหวะการเล่าเรื่องมันทำไม่ถึงกันแน่ ทั้งๆที่ฉากนั้นมันควรจะต้องรู้สึกแบบ... "ย๊ากกกกกกกกกก" อะไรประมาณนี้




ตรงกันข้าม ผมชอบตัวละครของฝ่ายออร์คหลายตัว ทั้งๆที่หน้าตามันก็คล้ายๆกัน แต่ผมรู้ว่า โอเค ไอ้นี่อยู่ฝ่ายดูโรทาน ไอ้นี่อยู่ฝ่ายกุลดัน แต่ดูเหมือนจะเริ่มมีปัญหา และเริ่มรู้สึกว่าดูโรทานมันถูกเว้ย อะไรแบบนี้ คือไปๆมาๆกลายเป็นว่าตัวละครฝ่ายออร์คมีความน่าสนใจกว่ามาก มีความเกรี้ยวกราด มีความลังเล มีความสับสน มีความทรงเกียรติ ฯลฯ ผสมผสานกันอยู่ในหมู่ตัวละครออร์ค แต่ฝ่ายมนุษย์... รู้สึกว่ามันผ่านหัวไปหมด ไม่มีอะไรให้จดจำสักเท่าไหร่เลย

ถ้ามันเล่าเรื่องแค่ฝ่ายออร์คเพียงอย่างเดียว บางทีผมอาจจะชอบหนังเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ แต่พอเนื้อเรื่องและตัวละครฝ่ายมนุษย์มันไม่ค่อยน่าสนใจ เลยมองว่ามันน่าเบื่อไปโดยปริยาย



ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอันดูอินกับกาโรนา หญิงที่คล้ายจะเป็นลูกครึ่งออร์คลูกครึ่ง... อะไรสักอย่าง รู้สึกว่ามันไปกันไม่ได้เลยจริงๆให้ตายเหอะ ไม่ใช่เรื่องรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของความเข้ากันได้ในตัวละครทั้งสองฝ่ายด้วย แต่ผู้กำกับก็อยากจะให้ตัวละครสองตัวนี้มีความผูกพันกันอยู่ลึกๆเสียเหลือเกิน เข้าใจแหละว่าเป็นการปูไปสู่ฉากท้ายๆหรือไม่ก็ภาคสอง แต่มัน... ไม่ค่อยเวิร์คแฮะ มันเหมือนฮัลค์กับแบล็กวิโดว์ใน Avengers : Age of Ultron น่ะ แบบนี้น่าจะเรียกว่า "สูตรเคมีไม่ลงตัว" ได้มั้ยนะ?

อ้อ พอพูดถึงกาโรนา จริงๆตัวละครของเธอควรจะน่าสนใจ เพราะเมื่อถึงเวลา เธอจะต้องเลือกระหว่างฝ่ายมนุษย์กับฝ่ายออร์ค... แต่สุดท้ายก็... รู้สึกเฉยๆกับตัวละครตัวนี้ บางทีคงจะเป็นตัวละครฝ่ายออร์คเพียงไม่กี่ตัวที่ผมไม่รู้สึกแคร์อะไรมากละมั้ง หรือว่าเธอไม่ใช่ฝ่ายออร์ค? นั่นสินะ ก็ตลอดทั้งเรื่องเธออยู่กับฝ่ายมนุษย์นี่นา ความน่าสนใจมันเลยถูกกลืนหายไปกับฝ่ายนั้นด้วยเลย เฮ้อ...





เอาเป็นว่าโดยรวมแล้ว ผมให้ Warcraft

5/10

มันไม่ใช่หนังห่วยแบบที่นักวิจารณ์สับกันเละ ถ้าเป็นดาว ผมก็จะให้สองดาวครึ่งเต็มห้า หรือสองดาวเต็มสี่ แต่ไม่ใช่หนึ่งดาวแน่ๆ

ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่ใช่หนังดีหรือสนุกมากมาย คือมันมีอะไรน่าสนใจอยู่บ้าง มันมีส่วนที่สนุกอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วมันยังไปไม่ถึงจุดที่จะต้องร้องว่า "โอ้ว สนุกสุดยอดไปเลย"

มันดีกว่าหนังที่สร้างจากเกมส่วนใหญ่มั้ย? มันยังถอนคำสาปหนังสร้างจากเกมไม่ได้อยู่เหมือนเดิม แต่ลองจัดอันดับคร่าวๆในใจแล้ว ผมรู้สึกว่ามันคงอยู่ในระดับต้นๆของบรรดาหนังประเภทนี้แน่ๆ 

มันเป็นหนังที่ต้องลองดูด้วยตาของตัวเอง แล้วสรุปด้วยตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบ (หรือเฉยๆ) 



Create Date : 11 มิถุนายน 2559
Last Update : 12 มิถุนายน 2559 19:59:46 น.
Counter : 2764 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมาหัวโจก
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



All Blog