7 อันดับหนังที่อยากขอบคุณประจำปี 2015
สารภาพว่าไม่ได้ดูหนังไปซะทุกเรื่องหรอกครับ แต่ภายในปีนี้ก็ได้ดูไปหลายเรื่องอยู่พอตัว

อันดับตรงนี้ไม่ใช่อันดับคุณภาพตามแบบนักวิจารณ์

แต่เป็นหนังที่ให้ความรู้สึกว่า “ผมอยากจะขอบคุณมัน” = มันอาจไม่ได้ดีสุดยอด แต่มีอะไรกระทบใจเป็นพิเศษนั่นเอง



อันดับ 7 :

Star Wars : The Force Awakens

ผมอยากขอบคุณมันที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง ได้ออกผจญภัย ได้ควงไลท์เซเบอร์ ไม่ว่าหนังจะมีปัญหายังไง ไม่ว่าหนังจะเหมือนรีเมคภาค IV : A New Hope มากแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรผมก็เห็นว่ามันดีกว่าภาค I, II, III แน่ๆ 

อ้อ และผมชอบตัวร้าย “ไคโลเรน” ครับ ใครมีปัญหา?


(แฟนอาร์ต Star Wars The Force Awaknes ที่น้องสาวผมวาดเอง)


อันดับ 6 :

Mission : Impossible - Rogue Nation

ผมอยากขอบคุณหนังสายลับที่ยังมีกลิ่นอายแบบหนังแอ็กชั่นระทึกขวัญอยู่บ้าง Kingsman : The Secret Service อาจดูสนุกกว่า แต่ M:I  มันมีสไตล์หนังสายลับแบบเก่าอยู่ แอ็กชั่นโชว์สตันท์ของทอม ครูสดูเพลินมาก และผมชอบฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องที่เป็นการ “ใช้สมอง” ล่อให้ผู้ร้ายมาติดกับ รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก





อันดับ 5 :

Sicario 

ผมอยากขอบคุณที่... เอ่อ... แปลกดี ผมไม่แน่ใจว่าผมชอบเรื่องนี้ที่อะไร แต่ผมชอบมันมาก ผมชอบมุมกล้อง โดยเฉพาะภาพถ่ายจากมุมสูง ผมชอบการแสดงของเบนิซิโร เดล โทโร ผมชอบฉากแอ็กชั่นที่มีอยู่น้อยนิดของมัน ผมชอบภารกิจแทรกซึมในฉากไคลแม็กซ์ ถึงจะมีปัญหากับตัวละครของเอมิลี บลันท์อยู่เยอะก็ตาม 

อ้อ ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึงเกม Hitman... ถ้าใครสงสัยว่าเกม Hitman ควรเอามาทำเป็นหนังแบบไหนละก็ ลองดูเรื่องนี้เป็นแบบได้เลยครับ



อันดับ 4 : 

The Martian

ผมอยากขอบคุณริดลีย์ สก็อตต์ที่กลับมาคืนฟอร์มในหนังไซ-ไฟอีกครั้ง ผมอยากขอบคุณริดลีย์ สก็อตต์ที่ดัดแปลงนิยายให้กลายเป็นหนังได้ค่อนข้างครบถ้วน ซื่อตรง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตอนท้ายให้น่าตื่นเต้นขึ้น แต่ก็โอเคเลยสำหรับผม แม้ตอนจบจะแปลกๆไปหน่อย แต่มันก็ถือว่าโอเคสำหรับหนัง ขอบคุณที่ไม่ใส่ดราม่าตามแบบฮอลลีวู้ดเข้าไปเหมือนกับหนังแนวเซอร์ไววัลทั่วไป แต่ยังคงอารมณ์ขันของมาร์ก วัตนีย์ไว้เหมือนกับนิยายต้นฉบับ





อันดับ 3 : 

Ex Machina

ผมอยากขอบคุณหนังไซไฟเล็กๆแต่กลับตั้งคำถามเรื่องความเป็นมนุษย์ได้น่าสนใจเอามากๆ ไม่มีดาราใหญ่ ไม่มีฉากแอ็กชั่น กล้าจะเล่าเรื่องเล็กๆแต่พอดูจบแล้วรู้สึกว่ามัน “หลอน” พิลึก




อันดับ 2 : 

Mad Max : Fury Road

ผมอยากขอบคุณในความบ้าบิ่นของผู้กำกับจอร์จ มิลเลอร์ ผมอยากขอบคุณที่แสดงให้เห็นว่าหนังที่สนุกและดีไม่จำเป็นต้องมีเนื้อเรื่องซับซ้อนตัวละครซับซ้อน ทั้งพล็อตและตัวละครดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงตั้งแต่ต้นยันจบ แต่วิธีการนำเสนอกลับอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ฉากแอ็กชั่นที่สุดมันเร้าใจ การแสดงที่สื่อถึงเรื่องราวของตัวละครออกมาได้เยี่ยมแม้จะไม่ต้องพูดอะไรกันมากมาย ข้อเสียคือ ครึ่งเรื่องหลังเหมือนดีกรีจะแผ่วลง... ก็ครึ่งแรกดันจัดเต็มซะขนาดนั้น!





อันดับ 1 : 

Inside Out

ผมอยากขอบคุณอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่สร้างแรงบันดาลใจเล็กๆให้ผม ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไรมากมาย บางครั้งมีความรู้ท่วมหัวแต่พอประมาทขึ้นมาก็เอาตัวไม่รอด ผมยังต้องได้รับแรงบันดาลใจในการปรับปรุงตัวอีกมากมาย และ Inside Out ก็เป็นหนังที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีมากมาย Inside Out พูดถึงอารมณ์ของมนุษย์ซึ่งไม่มีดีที่สุดและไม่มีแย่ที่สุด บางอารมณ์อย่างความเศร้ามันก็มีประโยชน์อยู่ในตัวของมัน ผมทั้งหัวเราะและซาบซึ้งไปกับอนิเมชั่นเรื่องนี้ บางทีที่ผมเลือกมันให้อยู่อันดับหนึ่งแบบนี้ อาจจะเพราะว่ามันเป็นอะไรที่ “ส่วนตัว” มากๆก็เป็นได้





โฆษณาแฝง :






Create Date : 31 ธันวาคม 2558
Last Update : 31 ธันวาคม 2558 11:12:27 น.
Counter : 2013 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมาหัวโจก
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



All Blog