Group Blog
|
สุขสันต์วัน Valentine...เอาดอกไม้จาก Provence มาฝาก
ไม่ได้เขียน Blog ใหม่มาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้วครับ แต่วันสำัคัญเช่นนี้ก็ต้องแวะมาแบ่งปันความรักให้กับเืพื่อนๆชาว Bloggang หน่อยครับ
![]() ขอมอบดอกไม้สวยๆช่อนี้ ให้กับเพื่อนๆทุกคนครับ...ขอให้ทุกคนมีความสุขกับความรักอันยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นความรักจากใครก็ตาม..และก็ขอให้รับความรักเพิ่มเติมไปอีกนิดจาก "นาย Pompier" คนนี้...รักทุกคนนะ (เหมือนนักร้องยังไงไม่รู้นะ) หากมีเวลาไปเดินชมดอกไม้สวยๆในบล็อกเก่าๆ กันได้ที่... " ตลาดดอกไม้ " ในโพรวองซ์ ...ที่บ้านผม Aix-en-Provence ![]() " ตลาดดอกไม้ " ในโพรวองซ์ ...ที่บ้านผม Aix-en-Provence
สวัสดีครับ หลังจากที่ห่างหายจากการ พัฒนาบล็อกใหม่ไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน จริงๆก็ยังแอบเข้ามาดูเพื่อนๆ อยู่บ้างนะครับ แต่ว่าไม่ค่อยมีแรงถึงขนาดเขียนบล็อกใหม่ อันเนื่องมาจากกิจกรรมเยอะ ประกอบกับความสามารถเฉพาะตัวเรื่องความไม่ขยัน..
หลังจากได้พักผ่อนเต็มที่ มีพลังขึ้นมาก็เลยได้เข้ามารายงานตัว และพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้งครับ วันนี้ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนที่ตื่นเช้าแล้วเค้ามักได้เห็นอะไรสวยๆงามๆ ทำให้ลองตื่นเช้าดูบ้าง ออกมาจากบ้านไม่ไกลนัก ใช่ครับวันนี้จะพาไปเที่ยวในตัวเมือง Aix-en-Provence กันอีกครั้ง เป้าหมายอยู่ที่ "ตลาดดอกไม้.."..Marché aux fleurs (อ่านว่า มัค-เช่-โอ-เฟลอ) ![]() ตลาดดอกไม้นี้ตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้า Hôtel de Ville หรือ ที่ว่าการเมือง Aix-en-Provence เพื่อนๆคงจะพอจำกันได้นะครับ ผมเคยพูดถึงไว้ใน เที่ยวเมือง Aix-en-Provence ฐานที่ตั้งของ "นาย Pompier" (จำไม่ได้ก็ลองคลิ้กไปดูนะครับ) ![]() ![]() ![]() ตลาดดอกไม้นี้ไม่ได้มีขายทุกวันเหมือนตลาดผักผลไม้ ที่อยู่ใกล้ๆกัน (ใครพลาดยังไม่ได้เดินชมตลาดผักผลไม้ก็แวะไปดูนะครับ..."ไปจ่ายตลาด..แบบ Provence")...ก็แน่นอนละครับ ผักผลไม้อาจต้องกินทุกวัน..ดอกไม้คงไม่ต้องบริโภคทุกวันก็ได้เนอะ.. ![]() ![]() ![]() ตลาดดอกไม้นี้ จะมีให้เราเลือกซื้อกัน ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ ระหว่างเวลาประมาณ 8.00 -12.30 น.ครับ ใครต้องการจะได้ดอกไม้ไปฝากคนพิเศษในพิเศษละก็ จะต้องวางแผนให้ดี ไปผิดวันละก็ ...จบกัน ![]() ![]() ![]() ![]() พ่อค้าแม่ค้าที่มาขายดอกไม้กันนี้ ก็อัธยาศัยดีครับ น่ารักกันทุกคน จิตใจงามไม่แพ้ดอกไม้เลย... สนนราคาดอกไม้ก็สมน้ำสมเนื้อ แต่ยังไงก็ถูกกว่าตามร้านดอกไม้ ที่เป็นร้านๆแน่นอนครับ ดอกไม้ก็สวยสดกว่า...และยังมีบริการจัดช่อดอกไม้ให้ด้วยนะครับ ![]() ![]() ![]() พ่อค้าแม่ค้าใจดีมากครับ..วันนั้นไปไม่ได้ซื้อ ถ่ายรูปอย่างเดียวเค้าก็เลยบอกว่า "un euro pour le photo" .....(หนึ่งยูโร สำหรับที่ถ่ายรูปนะ) ..เค้าล้อเล่นน่ะครับ..ว่าแล้วก็ขออีกรูปแล้วเปลี่ยนร้านดีกว่า ![]() ![]() ![]() ![]() สำหรับพระเอก นางเอกที่แสนสวยของเราวันนี้ ...เพื่อการกุศลครับ เค้าทั้งหลายไม่ประสงค์จะออกนามน่ะครับ...ผมเลยขออนุญาตไม่ลงชื่อพวกเค้าก็แล้วกันนะครับ... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ปิดท้ายสำหรับวันนี้ "นาย Pompier" ขอมอบดอกไม้สวยๆ ที่เห็นนี้ ให้กับเพื่อนๆ น่ารักๆทุกคนที่แวะมาเที่ยวด้วยกันเสมอมานะครับ...แล้วเจอกันใหม่.. ![]() เที่ยวเมือง Aix-en-Provence ฐานที่ตั้งของ "นาย Pompier"
นาย Pompier (ต่อไปจะเรียกแทนตัวเอง ว่า "ผม") ถูกเรียกตัวจากเมืองไทย ไปฝรั่งเศส โดยไปอยู่ที่เมือง ชื่อว่า Aix-en-Provence (อ่านว่า เอ็ก-ซอง-โพร-วองซ์) ซึ่งแต่เล็กจนโต ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน (คงเหมือนคนไทยโดยทั่วไปเมื่อพูดถึงประเทศฝรั่งเศส ก็คงนึกถึง ปารีส ไวน์ น้ำหอม หรือไม่ก็ ซีดาน)
เล่าเรื่องการเดินทางนิดหน่อย ความจริงเหตุการณ์ตอนนั้นก็เกิดมาหลายปีแล้ว แต่ยังพอจำความได้ ซึ่งในตอนนั้นยังทำ Blog ไม่เป็นหรือเรียกได้ว่าไม่รู้จัก ไม่งั้นก็คงทำไปนานแล้ว ผมเดินทางด้วยเครื่องบิน แน่นอนที่สุด ถ้านั่งเรือก็คงเป็นเดือน คราวนั้นไปลงที่ปารีส แล้วก็ต่อเครื่องที่ปารีส มาลงที่สนามบินเมืองมาร์เซย์ จากนั้นทางการฝรั่งเศส (ขนาดนั้น ดูเหมือนมีความสำคัญมาก) ส่งรถพร้อมพลขับมารับถึงสนามบิน พาผมมุ่งหน้าสู่เมือง Aix-en-Provence นั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง....จบเรื่องการเดินทาง ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นก็เป็นช่วงบ่าย อากาศกำลังดีเพราะเป็นเดือน ตุลาคม เย็นสบายแบบกำลังจะเข้าหน้าหนาว เอาเป็นว่าเมื่อเอาตัวเองเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็อยากรู้ว่าเมืองนี้มันเป็นอย่างไรก็ต้องออกไปสำรวจซะหน่อย โดยที่รู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่า เป็นเมืองเล็กๆ สามารถเดินได้... ดังนั้น รอช้าอยู่ไย...หน้าเดิน! มุ่งหน้าเข้าเมือง Aix-en-Provence ต่อไปนี้จะพาชมเมืองไปพร้อมๆ กันนะครับ จากที่พักของผม เดินแบบสบายเข้าตัวเมือง ก็ประมาณ 10 นาที คือถ้าเดินแบบเร่งรีบ ก็ 5 นาทีถึงแล้ว สิ่งแรกที่เห็นแล้วก็ประทับใจ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองด้วย ก็ได้แก่ La Rotonde เทียบได้กับว่าเป็น อนุสาวรีย์ชัยฯ ประจำเมือง เนื่องจากว่าเป็นวงเวียน และจุดนัดพบที่ดี เหมือนกัน... "ลาโคตง" ผมอ่านว่างั้น ออกเสียงแบบฝรั่งเศสยาก ยิ่งเอามาเขียนเป็นคำอ่านก็ยิ่งยากไปอีก เป็นวงเวียนน้ำพุ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1860 ซึ่งถือว่าอายุยังน้อยเมื่อเทียบกับน้ำพุอื่นๆ ภายในเมือง ซึ่งมีมากกว่าร้อยแห่ง "ลาโคตง" มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 เมตร ด้านบนเป็นรูปปั้นหญิงงาม 3 นาง ซึ่งหันหลังให้กัน (สงสัยไม่ถูกกันอาจแข่งกันสวย) โดยหันหน้าไปใน 3 ทิศทางโดยมีความหมายในตัวต่างกัน คือ นางแรก หันหน้าไปทางเมืองมาร์เซย์ แสดงถึง การเกษตร นางที่สอง หันหน้าไปทางเมืองอาวิญญง แสดงถึง ศิลปะ นางสุดท้าย หันหน้าเข้า Aix-en-Provence แสดงถึง ความยุติธรรม ซึ่งอันสุดท้ายนี้จึงเป็นเหตุและผลซึ่งกันละกันว่า ทำไมที่นี่เป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมที่มีคดีสำคัญๆมากมาย และยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยทางด้านกฎหมาย อันดับหนึ่งของฝรั่งเศส (อ้างอิง: ความเห็นส่วนตัว ใครจะไปอ้างอิงต่อโปรดพิจารณา) ชื่อว่า Université Paul Cézanne Aix-Marseille III ![]() เมื่อเดินผ่าน "ลาโคตง" มาแล้วจะเห็น ถนนสายหลักของเมืองชื่อว่า Cour Mirabeau ซึ่งผมอ่านว่า กูมิคาโบ เป็นถนนผ่านกลางเมือง มีขนาดใหญ่ใช้ได้เลย มีต้นไม่อยู่ริมทางเป็นทิวสวยงาม สองข้างทางเป็นตึกเก่าแก่ ซึ่งเมื่อหันหลังเข้า "ลาโคตง" แล้ว ตึกทางด้านขวามือ จะเป็นพวกสำนักงานต่างๆ และด้านซ้ายมือ จะเป็นพวกร้านกาแฟ ( Le café ) ![]() ![]() ร้านที่เห็นด้านบน ชื่อร้าน Les Deux Garçons (ผมอ่านว่า เล เดอ กักซง) เป็นร้านกาแฟเก่าแก่ ตั้งแต่ปี 1792 เห็นเขาว่ากันว่ามีดาราฮอลีวูดมานั่งดื่มบ่อยๆ ด้วยชื่อเสียงของร้านทำให้เมื่อแขกบ้านแขกเมืองมาเป็นต้องพามานั่งดื่มกาแฟกันที่นี่ ![]() พูดถึงร้านกาแฟไม่ใช่จะมีอยู่แค่ตรงถนน "กูมิคาโบ" เท่านั้น จะมีอยู่ทั่วไปในมุมต่างๆ ของเมือง ตกแต่งแตกต่างกันไป เลือกนั่งตามแต่ใครจะชอบแบบไหน และอยากนั่งมุมไหน และร้านกาแฟที่ว่านี้ ก็ไม่ใช่จะบริการกาแฟอย่างเดียวนะครับ ก็จะมีพวกเครื่องดื่มต่างๆ และอาหารจากเบาๆ ไปถึงหนักๆก็มี... ![]() นอกจากร้านกาแฟที่เต็มไปทั่วเมืองแล้ว ที่แน่นอนที่สุดสำหรับเมืองนี้ คือได้ชื่อว่า Ville d'Eau et Ville d'Art ซึ่งแปลว่า เมืองน้ำ หรือหมายถึงเมืองที่มีน้ำ(พุ) เยอะโดยอย่างที่บอกไปแล้วว่ามีมากกว่า 100 แห่ง หลายแบบ หลากสไตล์แตกต่างกันไป เอาไว้มีโอกาสจะพาดูน้ำพุโดยเฉพาะแล้วกัน อีกทั้งเป็นเมืองที่มีศิลปะอันสวยงามด้วยครับ ![]() ภาพนี้เป็นตึกเก่าแก่ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานต่างๆ และที่ทำการไปรษณีย์ ...พอมาอยู่ฝรั่งเศสจำเป็นต้องใช้บริการไปรษณีย์บ่อยมากนะผมว่า ...ไปรษณีย์ (La poste)ที่นี่นอกจากไว้ส่งจดหมายและพัสดุแล้ว เค้าเป็นธนาคารด้วยนะ (ฝากเงินได้ดอกเบี้ยดีด้วยครับ) ![]() ติดๆ กันนั้น จะเป็นที่ว่าการเมือง เรียกว่า Hôtel de ville ผมอ่านว่า "โอเต็ลเดอวิล" สำหรับที่นี่ก็คงเหมือนที่ทำการอำเภอบ้านเรานะผมว่า...แต่มีกิจกรรมที่เห็นบ่อยก็คือ งานแต่งงาน ซึ่งจะมีจัดกันเป็นปกติทุกวันเสาร์ ขึ้นอยู่กับว่าจะกี่คู่เท่านั้นเอง ![]() ติดกันนั้น จะเป็นหอนาฬิกาประจำเมือง ด้านบนจะมีรูปปั้นซึ่งจะเปลี่ยนชุดไปตามฤดูกาล ตรงนี้สวยงามมากครับ เป็นจุดนัดหมายของชาวคณะที่นี่อีกจุดหนึ่งด้วย ![]() แถวๆ นี้ ก็อีกเช่นกันจะเต็มไปด้วย ร้านกาแฟ ซึ่งก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ผมและชาวคณะที่นี่ มานั่งกันบ่อย ถ้าใครมีโอกาสผ่านมาก็ลองสังเกตดูนะครับเผื่อจะเจอกันบ้าง ไม่ร้านสีแดง ก็สีเหลือง หรือไม่ก็เขียว มีสามสีนี่ล่ะครับ ![]() นี่เป็นโบสถ์ชื่อว่า Cathédrale Saint-Sauveur ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เก่ามั้ยล่ะ สภาพยังสวยงามสง่าอยู่ทุกวันนี้ ฝรั่งนี่เค้าดูแลของดีจริงๆ ![]() ฝั่งตรงข้ามกันเป็นตึก ซึ่งเคยเป็นมหาวิทยาลัย Aix-Marseille III สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1409 ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ LInstitut dEtudes Politiques dAix-en-Provence คือ สถาบันทางด้านการเมืองการปกครอง ซึ่งผู้ที่ศึกษาอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นหัวกระทิ มีการแข่งขันเพื่อเข้าไปเรียนสูง ![]() เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของฝรั่งเศส ไม่มีวันไหนที่เข้าไปในตัวเมืองแล้วเงียบเหงา ทุกวันจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว... ทำไมหรอครับ...ก็เพราะที่นี่อากาศดี ซึ่งเรียกได้ว่าดีตลอดปี ขนาดในฤดูหนาวก็ยังอากาศดี มีแสงแดดให้ความคอยให้ความอบอุ่น ทุกคนคงจะทราบนะครับว่า ฝรั่งจะถูกคอกันดีกับแสงแดดมาก (ผิดกับผมถ้าเจอเป็นหลบ) ประกอบกลับความสวยงามของเมืองเก่า อีกทั้งยังมีร้านค้า ที่เค้าเรียก Le Magasin Chic หมายถึง ร้านค้าหรูหรา อยู่ทุกซอกซอยของเมือง ให้จับจ่ายกันสนุก สบายกระเป๋า Aix-en-Provence เป็นเมืองขนาดเล็กกระทัดรัด สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ เป็นเมืองที่คนฝรั่งเศสเองอยากมาเที่ยวหรือมาอาศัยอยู่เลย ก่อนผมจะมาที่นี่ อาจารย์ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่สอนภาษาผมที่เมืองไทย ถามผมว่าจะไปอยู่ที่เมืองไหนในฝรั่งเศส ผมก็บอกไปว่าจะไปอยู่ที่เอ็กซองโพรวองซ์ อาจารย์ท่านนั้นก็บอกกับผมว่า"เธอนี่ช่างโชคดีจริงๆ" มารู้จัก นาย Pompier
คงจะสงสัยกันนะครับว่า Pompier นั้นหมายความว่าอย่างไร
วันนี้จะพา นาย Pompier คนนี้มาให้รู้จักกันครับ Pompier (อ่านว่า ปอง-ปิ-เอ) nm. พนักงานดับเพลิง, ตำรวจดับเพลิง, กองดับเพลิง อ้างอิง พจนานุกรม ฝรั่งเศส-ไทย ของ น.อ.ศิริ พงศทัต ร.น. Pompier (อ่านว่า ปม-ปิ-เย่) แปลว่า พนักงานดับเพลิง ผู้มีหน้าที่ดับเพลิง กู้ภัยต่างๆ ซึ่งคนทั่วไปเห็นว่าเสียสละ เป็นขวัญใจประชาชน เป็นอาชีพในฝันของชายชาตรี และเป็นชายในฝันของสาวๆอันนี้ อ้างอิง จาก นาย Pompier ![]() ทราบความหมายกันไปแล้วนะครับ อันดับต่อไปจะพาไปดูหน้าค่าตา ของนาย Pompier ครับผม ![]() ขอบคุณภาพนี้ด้วยนะครับ เอามาจาก //perso.orange.fr/pochoirs/pochoirdivers2.htm ภารกิจสำคัญที่สุดของนาย Pompier ก็คือการดับเพลิง ซึ่งเขาได้รับการฝึกฝน มาเผื่อการนี้ เป็นอย่างดี ![]() ต่อมาคือ ช่วยเหลือชีวิตซึ่งตกอยู่ในอันตราย ในทางสาธารณะ (ถ้าไม่ใช่ทางสาธารณะ ก็จะเป็นหน่วยกู้ภัยอื่น เช่น samu แต่ในความเป็นจริงแล้ว นาย Pompier คนนี้ก็ทำทุกที่นั้นแหละ) ![]() สำหรับเมืองไทยเราแล้ว หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เกี่ยวกับเพลิงไหม้ สิ่งที่เราจะนึกถึง ก็คือ 199 หรือ 191 ซึ๋งผมคิดว่าคนไทยเราน่าจะ คุ้นเคยกับ 191 มากกว่า ไม่ว่ามีเหตุอะไรเกิดขึ้นก็ 191 ตั้งแต่ งูเข้าบ้าน สามีภรรยาทะเลาะกัน (ที่บ้านผมเค้าเรียก "ผัวเมียตีกัน") จนกระทั่ง ฆ่ากันตาย แต่สำหรับที่ฝรั่งเศสนี่ อาจจะคล้ายๆ กัน ไม่ว่ามีเหตุอะไรเกิดขึ้น หากเป็นภัยต่อชีวิต พวกเราจะนึกถึง นาย Pompier เป็นคนแรก ( อันนี้ เอาเป็นว่าตั้งแต่กุญแจบ้านหาย แล้วต้องการงัดบ้านหรือหาช่างกุญแจ นายคนนี้ก็ทำได้ หรือจะเป็นน้องเหมียว (ไม่ว่าคนหรือแมว) ขึ้นต้นไม้แล้วลงไม่ได้ นาย Pompier ช่วยได้ จนไปถึงที่เลือดตกยางออก) สำหรับที่นี่ หมายเลขสำคัญที่ต้องจำไว้ ได้แก่ 18 ![]() ที่บอกว่านาย Pompier เนี่ยะเป็นอาชีพที่ชายชาตรีต้องการจะเป็นอันดับต้นๆ และเป็นอาชีพที่สาวๆ หมายปอง โดยเคยมีการทำวิจัย ว่าเป็นอาชีพอันดับหนึ่งที่ผู้หญิงอยากแต่งงานด้วย ก็ให้ดูหมอนี่แล้วกัน เอาเป็นว่านี่เป็นมาตรฐานขั้นต่ำของพวกเค้า ![]() ![]() |
pompier
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Link
|