ภาษีมรดก มันคืออะไรหว่าาา?
ภาษีมรดก มันคืออะไรหว่า?? "มรดก" หรือ มฤดก (inheritance หรือ estate) คือ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ ของผู้ตาย เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ ทั้งหมดนี้เรียกรวมๆ ว่า "กองมรดก" หลักกฎหมายเดี่ยวกับมรดก ได้บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ว่าด้วย มรดก โดยหลักการทั่วไปนั้น จะอยู่ในมาตรา 1599-1601 ดังนี้ "มาตรา 1599 เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้แต่โดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น" "มาตรา 1600 ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดก" "มาตรา 1601 ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน" เมื่อวันก่อน (5 สิงหาคม 2558) กฎหมายฉบับหนึ่งได้ประกาผสราชกิจจานุเบกษาแล้ว ซึ่งอีก 180 วันจะมีผลใช้บังคับทั่วประเทศ กฎหมายฉบับดังกล่าวคือ "พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558" สาระสำคัญเบื้องต้น ตามนี้ครับ - มรดกที่เจ้ามรดกตายก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และ มรดกที่คู่สมรสของเจ้ามรดกได้รับจากเจ้ามรดก ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ (มาตรา 3) - ทุกๆ คน (ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ไม่ว่าจะเป็น... (1) บุคคลผู้มีสัญชาติไทย (2) บุคคลธรรมดาผู้มิได้มีสัญชาติไทยแต่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง (3) บุคคลผู้มิได้มีสัญชาติไทยแต่ได้รับมรดกอันเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย หากได้รับมรดก ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายฉบับนี้ทั้งสิ้น (มาตรา 11) - มรดกที่ได้รับ ไม่ว่าจะได้มาคราวเดียวหรือหลายคราว ภายหลังจากหักภาระหนี้สินแล้ว ก็จะเหลือเป็น "ทรัพย์สินสุทธิ" ซึ่งหากมีมูลค่าเกินกว่า 100 ล้านบาท ผู้รับมรดกมีหน้าที่เสียภาษีในส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ตามกฎหมายฉบับนี้ (มาตรา 12) - ทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์, หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, เงินฝากหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่เจ้ามรดกมีสิทธิเรียกถอนคืนหรือสิทธิเรียกร้องจากสถาบันการเงินหรือบุคคลท่ีได้รับเงินนั้นไว้, ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน และ ทรัพย์สินทางการเงินที่กําหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา ล้วนถูกนำมาเป็นฐานคำนวณภาษีทั้งสิ้น (มาตรา 14) - วันที่จะใช้ในการคำนวลมูลค่าภาษีนั้น ให้ถือตามราคาหรือมูลค่า การคํานวณมูลค่าของทรัพย์สินให้ถือตามราคาหรือมูลค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับ ทรัพย์สินนั้นเป็นมรดก ดังต่อไปนี้ (1) กรณีเป็น อสังหาริมทรัพย์ ให้ถือเอาตามราคาประเมินทุนทรัพย์ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน หักด้วยภาระที่ถูกรอนสิทธิ ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในกฎกระทรวง (2) กรณีเป็นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ถือเอาราคาของ หลักทรัพย์น้ันในเวลาสิ้นสุดเวลาทําการของตลาดหลักทรัพย์ในวันท่ีได้รับมรดก (3) กรณีอื่นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในกฎกระทรวงแต่หลักเกณฑ์ดังกล่าวให้กําหนด เป็นการทั่วไปโดยไม่มีลักษณะเป็นการเฉพาะเจาะจง ถ้าจําเป็นต้องคํานวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กรมสรรพากรประกาศกําหนด (มาตรา 15) - คำนวณแล้วเสียภาษีมรดกในอัตราร้อยละ 10 ของมูลค่ามรดก ในส่วนที่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าผู้ได้รับมรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานให้เสียภาษีในอัตรา ร้อยละ 5 (มาตรา 16) - ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะผ่อนชําระภาษีภายในเวลาไม่เกิน 5 ปีก็ได้ ชำระครบตามหลักเกณฑ์ ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ทั้งนี้ ถ้าผ่อนชำระเกิน 2 ปี อาจมีการประเมินเงินเพิ่มบางส่วน (มาตรา 23) - ชำระภาษีเกิน ขอคืนได้ แต่ต้องดำเนินการขอคืนภายใน 5 ปี (มาตรา 24) - เมื่อต้องชำระแต่ไม่ชำระ จะกลายเป็น "ภาษีค้าง" อธิบดีมีอํานาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน ของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีได้ทั่วราชอาณาจักร โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง (มาตรา 25) - หากไม่เห็นด้วยกับผลการประเมินภาษี >> อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินภาษี หากยังไม่พอใจอีก >> สิทธิฟ้องต่อศาลภาษีอากรได้ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคําวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ (มาตรา 26) ทั้งนี้การอุทธรณ์คำสั่งไม่เป็นเหตุทุเลาการเสียภาษี (มาตรา 27) - กรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษี... (1) มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในกําหนดเวลา >> ให้เสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชําระ (2) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง >> ให้เสียเบี้ยปรับอีก 0.5 เท่าของเงินภาษีที่ต้องเสียเพิ่ม (มาตรา 29) - ผู้ใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีโดยไม่มีเหตุอันสมควร >> ปรับไม่เกิน 500,000 บาท (มาตรา 33) - ผู้ใด.. (1) โดยรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคําเท็จ หรือตอบคําถามด้วยถ้อยคํา อันเป็นเท็จ หรือนําพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ (2) โดยความเท็จโดยเจตนาละเลยโดยฉ้อโกงหรือใช้อุบายโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ (3) แนะนําหรือสนับสนุนให้บุคคลอื่นใดกระทําการตาม (1) หรือ (2) >> จําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (มาตรา 37) เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติฉบับนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ตอนแรกได้ข่าวว่าจะมีการกำหนดฐานทรัพย์สินที่มาคำนวณเสียภาษีการรับมรดกที่ 50 ล้าน แต่ทำไปทำมา เป็น 100 ล้านนี่.. จะมีท่านๆสักกี่คนเชียวที่จะต้องจ่ายภาษีการรับมรดก แล้วท่านๆที่มีเงินเกินจำนวนดังกล่าว.. เค้าก็คงมีนักกฎหมายหรือที่ปรึกษาทางการเงินควรช่วยวางแผนการเงินอยู่แล้วม๊างงงง?! ก็ไม่รู้สินะ พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> //www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/072/1.PDF
Create Date : 17 สิงหาคม 2558 |
| |
|
Last Update : 17 สิงหาคม 2558 14:18:11 น. |
| |
Counter : 557 Pageviews. |
| |
|
|