กฎหมาย
ว่าด้วย.. "การทำบุญที่ได้ลดหย่อนภาษี"
ออกกฎหมายภาษีการรับมรดกแล้ว ก็ต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยสินะ
ภาษีมรดก มันคืออะไรหว่าาา?
ใช้โทรศัพท์มือถือ ระหว่างที่รถติดไฟแดง ได้หรือไม่?
โพสภาพสยิวของตัวเองใน social network แล้วมีคนกดแชร์ เอาผิดใครได้มั๊ยนะ?
หลักสุจริต กับ การแจ้งความดำเนินคดี
10 คำถาม กรณีซื้อคอนโดฯแล้วเจ้าของโครงการโอนไม่ทันภายในกำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์
8 คำถาม เกี่ยวกับ หนังสือมอบอำนาจ
ค้ำประกัน-จำนอง แก้แล้ว แก้อีกได้นะ รู้ยัง!!!!!
คอร์รัปชั่น ฉันจะตามเธอตลอดไป...
ลูกจ้าง ไม่ได้รับเงินตามสิทธิ ทำไงดีนะ?
ไม่ต้องตีความกันต่อไป หมิ่นประมาท ไม่ใช่ความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์!!
กฎหมายเพิ่มประสิทธิภาพข้าราชการ!!
ขับรถออกจากบ้าน ได้ศึกษากฎบนท้องถนนกันบ้างหรือเปล่า?
ต่อไปนี้ ไม่ต้องกลัวการทวงหนี้อีกต่อไป!
ว่าด้วย อากรแสตมป์
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแบบกลุ่ม (Class Action) คืออะไร? ประเทศไทยมีหรือยัง?
ข่มขืน....ศพ
เมารัก..พอทำเนา แต่เมาแล้วขับ ผิดกฎหมาย!!
ตั้งรับ "ล้มละลาย" ใหม่ ขยายระยะเวลาขอรับชำระหนี้
อุ้มบุญ ลูกใคร???
กฎหมายลิขสิทธิ์ สำหรับ คนพิการ
ว่าด้วย...การเล่นแชร์
ค้ำประกัน จำนอง ที่เปลี่ยนไป!!
แปลงเพศแล้ว แต่งงานได้มั๊ย???
เอกสารสิทธิเกี่ยวกับที่ดินแต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร?
ว่าด้วย "เครื่องดื่มแอลกอฮอล์" กับ บุคคลา-กาละ-เทศะ ที่ต้องห้าม
ค้างจ่ายค่าส่วนกลาง นิติฯ สามารถระงับการให้บริการหรือการใช้ทรัพย์ส่วนกลางได้หรือไม่????
คุณมีสิทธิที่จะ "ตาย" เดี๋ยวนี้!!!!
แก้วิแพ่ง ห้ามฎีกา!!! จำกัดสิทธิกันไปหรือเปล่านะ???
การล่วงละเมิดทางเพศหรือคุกคามทางเพศในสถานที่ทำงาน กับแนวทางการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน
กฎหมายเบื้องต้นที่ควรรู้ ก่อน "ปั่น"
กฎหมายเบื้องต้นกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบนโลกไซเบอร์
เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับ พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551
กฎหมายเบื้องต้น กับ อุบัติเหตุรถตู้
ทำยังไงดี เมื่อมีคนมาละเมิดสิทธิของท่านบนโลกอินเทอร์เน็ต?
"รู้อวตาร์ แต่ไม่รู้ใจ" กฎหมายกับกรณีเทพไอทีถูกแจ้งความดำเนินคดี
ประเด็นว่าด้วยอำนาจในการบล๊อกเว็บไซต์ กรณีคลิปศาล รธน.
การหมิ่นประมาท เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ จริงหรือ?
มาทำความเข้าใจ พรบ.คอมพิวเตอร์ กันดีกว่า
บุคคลสาธารณะกับการหมิ่นประมาทผ่าน Social Media (Version ประชาชน)
บุคคลสาธารณะกับการหมิ่นประมาทผ่าน Social Media (Version ใช้สำหรับอ้างอิง)
ประเด็นว่าด้วยอำนาจในการบล๊อกเว็บไซต์ กรณีคลิปศาล รธน.
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวิเคราะห์มุมมองเชิงกฎหมาย หาได้มีเจตนารมณ์ในการที่จะสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดหรือใช้ช่องว่างของกฎหมายในการกระทำความผิดแต่อย่างใด เพราะโดยส่วนตัวนั้น เห็นว่า การเผยแพร่คลิปดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำคลิป ผู้เผยแพร่ หรือบุคคลทั่วๆไปที่เห็นคลิปแล้วส่งต่อนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อ อำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตย อันเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ และอาจส่งผลต่อมุมมองในแง่ลบต่อความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการเป็นแน่
ประเด็นที่อยากนำมาวิเคราะห์ สืบเนื่องจาก ได้บังเอิญอ่านข่าวเรื่อง
ศาลรธน.จี้บล็อกคลิปทีมสอบปชป.สรุปพรรคตรงข้ามจัดฉาก
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๒๙๒๐ ประจำวันพุธ ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จาก
//www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=8550
เนื้อหาตามข่าวโดยสรุป คือ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญและทนายความเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำและผู้เผยแพร่คลิปเกี่ยวกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดที่ ๒ ทางยูทูป (Youtube) เนื่องจากเป็นการกระทำที่มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔(๒)(๕) และกระทรวงแทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) จะเร่งดำเนินการสกัดกั้นการเผยแพร่
นอกจากนี้ ได้เห็นข่าว
กระทู้ถามถึง กระทรวงไอซีที ใช้อำนาจอะไรปิดกั้น คลิปฉาวศาล รธน.
จาก มติชนออนไลน์ วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ จาก
//matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1289276409&grpid=&catid=02&subcatid=0202
ที่เกิดข้อซักถามว่า การที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) สามารถสกัดกั้นคลิปศาลรัฐธรรมนูญชุดที่ ๓ ที่เพิ่งถูกโพสได้ในเวลารวดเร็วนั้น ท่านใช้อำนาจกฎหมายใด
พออ่านข่าวทั้งสองแล้ว ผู้เขียนเกิดคำถามในเชิงกฎหมายขึ้นมาหลายประการ ดังนี้
คำถามที่ 1
การแอบถ่ายคลิปในศาลเป็นการกระทำอันละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
แม้ในปัจจุบัน ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมิได้มีบทบัญญัติที่ชัดเจนในการลงโทษผู้กระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเอาไว้ หากแต่เพียงอาศัย
ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๑๕
ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจออกระเบียบต่างๆเพื่อใช้บังคับในศาลเท่านั้น
โดยอำนาจตามข้อกำหนดดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญได้ออก
ระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาระเบียบและความเรียบร้อยในที่ทำการหรือบริเวณที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญและการเข้าฟังการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐
มาใช้บังคับ โดยกำหนดข้อห้ามต่างๆ อาทิ ห้ามนำอาวุธ สัตว์ เครื่องมือสื่อสาร หรือสิ่งของที่น่าจะเป็นอันตรายเข้ามา หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญ แต่ก็มิได้มีการกำหนดบทลงโทษกรณีฝ่าฝืนระเบียบดังกล่าวไว้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี
"ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจาณาและการทำคำวินิจฉัยด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๖"
ได้
ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ในการนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ
กรณีที่เกิดประเด็นปัญหาในเรื่องความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลขึ้นนั้น ย่อมสามารถที่จะนำมาตรา ๓๑-๓๓ แห่ง ปวิพ. มาใช้บังคับได้
มาตรา ๓๑
ผู้ใดกระทำการอย่างใด ๆ ดังกล่าวต่อไปนี้ ให้ถือว่ากระทำความผิดฐาน
ละเมิดอำนาจศาล
(๑)
ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลตามมาตราก่อนอันว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อยหรือประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
(๒) เมื่อได้มีคำขอและได้รับอนุญาตจากศาลให้ฟ้องหรือสู้คดีอย่างคนอนาถาแล้ว ปรากฏว่าได้นำคดีนั้นขึ้นสู่ศาลโดยตนรู้อยู่แล้วว่าไม่มีมูลหรือได้สาบานตัว ให้ถ้อยคำตามมาตรา ๑๕๖ ว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าฤชาธรรมเนียมได้ ซึ่งเป็นความเท็จ
(๓) เมื่อรู้ว่าจะมีการส่งคำคู่ความหรือส่งเอกสารอื่น ๆ ถึงตนแล้วจงใจไปเสียให้พ้น หรือหาทางหลีกเลี่ยงที่จะไม่รับคำคู่ความ หรือเอกสารนั้นโดยสถานอื่น
(๔) ตรวจเอกสารทั้งหมดหรือฉบับใดฉบับหนึ่งซึ่งอยู่ในสำนวนความหรือคัดเอาสำเนาเอกสารเหล่านั้นไปโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา ๕๔
(๕) ขัดขืนไม่มาศาลเมื่อศาลได้มีคำสั่งตามมาตรา ๑๙ หรือมีหมายเรียกตามมาตรา ๒๗๗
มาตรา ๓๒
ผู้ใดเป็นผู้ประพันธ์ บรรณาธิการหรือผู้พิมพ์โฆษณา ซึ่งหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์อันออกโฆษณาต่อประชาชน ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะได้รู้ถึงซึ่งข้อความหรือการออกโฆษณาแห่งหนังสือ พิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์เช่นว่านั้นหรือไม่ ให้ถือว่าได้กระทำผิดฐาน
ละเมิดอำนาจศาล
ในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่าง ดั่งจะกล่าวต่อไปนี้
(๑) ไม่ว่าเวลาใด ๆ ถ้าหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์เช่นว่ามานั้น ได้กล่าวหรือแสดงไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ซึ่งข้อความหรือความเห็นอันเป็นการเปิดเผยข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์อื่นๆแห่งคดี หรือกระบวนพิจารณาใดๆแห่งคดี ซึ่งเพื่อความเหมาะสมหรือเพื่อคุ้มครองสาธารณประโยชน์ ศาลได้มีคำสั่งห้ามการออกโฆษณาสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าโดยวิธีเพียงแต่สั่งให้พิจารณาโดยไม่เปิดเผย หรือโดยวิธีห้ามการออกโฆษณาโดยชัดแจ้ง
(๒) ถ้าหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ ได้กล่าวหรือแสดง
ไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ในระหว่างการพิจารณาแห่งคดีไปจนมีคำพิพากษาเป็นที่สุด ซึ่งข้อความหรือความเห็นโดยประสงค์จะให้มีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือศาล หรือเหนือคู่ความ หรือเหนือพยานแห่งคดี ซึ่งพอเห็นได้ว่าจะทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไป
เช่น
ก. เป็นการแสดงผิดจากข้อเท็จจริงแห่งคดี หรือ
ข. เป็นรายงานหรือย่อเรื่องหรือวิภาค ซึ่งกระบวนพิจารณาแห่งคดี อย่างไม่เป็นกลางและไม่ถูกต้อง หรือ
ค. เป็นการวิภาคโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งการดำเนินคดีของคู่ความ หรือคำพยานหลักฐาน หรือนิสัยความประพฤติของคู่ความหรือพยาน รวมทั้งการแถลงข้อความอันเป็นการเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของคู่ความ หรือพยาน แม้ถึงว่าข้อความเหล่านั้นจะเป็นความจริงหรือ
ง. เป็นการชักจูงให้เกิดมีคำพยานเท็จ
เพื่อประโยชน์แห่ง มาตรานี้ ให้นำวิเคราะห์ศัพท์ทั้งปวงใน มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช ๒๔๗๖ มาใช้บังคับ
ในส่วนของการถ่ายภาพหรือถ่ายคลิปในบริเวณศาลนั้น โดยทั่วไป ศาลจะมีการทำประกาศของศาลกำหนดห้ามเอาไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลก่อน ดังนั้น การถ่ายคลิปโดยที่มิได้รับอนุญาตจากศาลก่อนนั้น ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาล ว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อย ย่อมเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๑) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ สามารถอนุโลมนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าองค์กรศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตยของประเทศ และเป็นอำนาจหนึ่งของปวงชนชาวไทยที่อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใส ตลอดจนอาจถูกตรวจสอบถึงความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นได้ก็ตาม แต่สิทธิดังกล่าว มิใช่ว่าจะสามารถทำได้โดยอิสระและล่วงละเมิดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย เพราะ
สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายนั้น จะต้องเริ่มขึ้นจากการใช้สิทธิโดยสุจริต และไม่ขัดต่อกฎหมาย กรณีคลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้น เกิดขึ้นจากการบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐานโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมไม่อยู่ในวิสัยที่จะได้รับความคุ้มครองแต่อย่างใด
ทั้งนี้
การกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้น มิใช่การกระทำที่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ บัญญัติไว้เป็นความผิดแต่อย่างใด
คำถามที่ ๒
การเผยแพร่คลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่
กรณีที่มีการแอบถ่ายคลิปแล้วนำมาเผยแพร่ต่อนั้น มีความกล่าวคำหนึ่งที่ว่า ภาพๆหนึ่งสามารถสื่อความหมายได้ดีกว่าคำพูดพันคำ (A picture say more than thousand words) เฉกเช่นเดียวกัน การถ่ายคลิปศาลรัฐธรรมนูญย่อมสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่าง และในกรณีที่มีการส่งต่อคลิปดังกล่าวไปยังบุคคลที่สามไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดหรือไม่ว่าจะส่งต่อผ่านสื่อในรูปแบบใดถึงคนที่สาม เมื่อผู้ที่มีส่วนได้เสียหรือถูกกล่าวพาดพิงในจเรื่องนั้นๆ รู้สึกว่าสิ่งที่แสดงออกมาอาจพาดพิงและสร้างความเสียหายให้แก่ตน การส่งต่อดังกล่าว ย่อมอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ และมาตรา ๓๒๘ ได้เช่นเดียวกัน แต่ส่วนจะเป็นความผิดหรือไม่นั้น ย่อมต้องขึ้นอยู่กับพิจารณาพยานหลักฐานต่างๆในชั้นศาลต่อไป
ทั้งนี้
การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น มิใช่การกระทำที่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ บัญญัติไว้เป็นความผิดแต่อย่างใด
(ในประเด็นว่าด้วย การหมิ่นประมาทเป็นความผิดตาม พรบ.คอมฯหรือไม่นั้น โปรดอ่าน
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=onizugolf&month=10-11-2010&group=1&gblog=4
)
คำถามที่ ๓
การเผยแพร่คลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการกระทำความผิดตาม พรบ.คอมฯ มาตรา ๑๔(๒) (๕) หรือไม่
ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๔(๒)(๕) นั้น ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ไว้ ดังนี้
มาตรา ๑๔
ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒)
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการ ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕)
เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
ตามเนื้อความในข่าวที่มีการกล่าวอ้างว่า การเผยแพร่คลิปศาลรัฐธรรมนูญ โดยการนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๔(๒) หรือไม่นั้น ประเด็นที่จะพิจารณาในส่วนนี้ ต้องแยกพิจารณาเป็น ๒ ส่วน คือ
๑. คลิปศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น เป็น ข้อมูลเท็จ หรือไม่
ประเด็นนี้ต้องแยกพิจารณาเป็น ๒ กรณีย่อยอีกชั้นหนึ่ง คือ กรณีที่คลิปดังกล่าวนั้น เป็นคลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้นถูกถ่ายขึ้นมาจากเหตุการณ์จริง และ กรณีที่คลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้นถูกทำขึ้นมา เพราะผลของทั้งสองกรณีนั้น
ย่อมแตกต่างกัน
๑.๑ กรณีที่มีการแอบถ่ายคลิปดังกล่าวขึ้นมาจากเหตุการณ์จริง
เมื่อการแอบถ่ายจากเหตุการณ์จริง หากมิได้มีการจัดฉาก คลิปดังกล่าวย่อมถือเป็น
ข้อมูลจริง
เมื่อนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ย่อม
ไม่เข้าองค์ประกอบตามมาตรา ๑๔(๒) แห่ง พรบ.คอมฯ
เนื่องจาก การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานนี้ได้นั้น องค์ประกอบข้อหนึ่งคือ ข้อมูลดังกล่าวจะต้องเป็น ข้อมูลเท็จ ส่วนการได้มาซึ่งคลิปดังล่าวนั้นจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นอีกส่วนหนึ่ง
๑.๒ กรณีที่คลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้นถูกทำขึ้นมา หรือแม้แต่จะเป็นกรณีที่มีการถ่ายขึ้นจริงๆ แต่ได้ทำการตัดต่อคลิปดังกล่าว
เมื่อมีการจัดฉากเพื่อสร้างคลิปขึ้นมา ไม่ว่าจะมีเจตนาภายในอย่างใด คลิปที่ถ่ายขึ้นนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่
เป็นเท็จ
เมื่อนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ย่อม
เข้าองค์ประกอบในส่วนแรกตามมาตรา ๑๔(๒) แห่ง พรบ.คอมฯแล้ว
(ในกรณีที่มีการทำคำบรรยายใต้ภาพในคลิปศาลรัฐธรรมนูญ จะถือเป็นการทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลเท็จหรือไม่นั้น ผู้เขียนเห็นว่าไม่น่าใช่ แต่ การเพิ่มคำบรรยายลงไปในคลิป อาจเข้าข่ายเป็นการเติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการอื่นใด อันอาจเป็นความผิดตาม มาตรา ๑๖ แห่ง พรบ.คอมฯ)
๒. การนำคลิปศาลรัฐธรรมนูญ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชน หรือไม่
ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาว่า การถ่ายคลิปศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาโดยมีเจตนาเพื่อที่จะทำลายความน่าเชื่อถือในองค์กรศาลหรืออำนาจตุลาการนั้น เป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศหรือไม่?
ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ
นั้น ปรากฎอยู่ใน
ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ ความผิด ลักษณะ ๑ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
หมวด ๑ ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา ๑๐๗-๑๑๒) หมวด ๒ ความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (มาตรา ๑๑๓-๑๑๘) หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร (มาตรา ๑๑๙-๑๒๙) และ หมวด ๔ ความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ (มาตรา ๑๓๐-๑๓๕)
ในส่วนของคลิปศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อ องค์กรศาล และอำนาจตุลาการ ซึ่งทั้งยังเป็นการกระทำที่ปรากฎขึ้นในราชอาณาจักรไทย หาได้มีส่วนเกี่ยวจข้องกับรัฐต่างประเทศไม่ ดังนั้นประเด็นที่จะต้องพิจารณาจึงเกี่ยวกับกรณีใน
หมวด ๒ ความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (มาตรา ๑๑๓-๑๑๘)
เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติต่างๆตามประมวลกฎหมายอาญาช้างต้น พบว่า มีอยู่ ๒ มาตรา ที่อาจเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับประเด็นคลิปศาลรัฐธรรมนูญ คือ
มาตรา ๑๑๓ และ มาตรา ๑๑๖
ดังนี้
มาตรา ๑๑๓
ผู้ใด
ใช้กำลังประทุษร้าย
หรือ
ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
เพื่อ
(๑) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(๒)
ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้
หรือ
(๓) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษ ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา ๑๑๖
ผู้ใด
กระทำให้ปรากฏต่อประชาชน
ด้วยวาจา หนังสือ หรือ
วิธีอื่นใด
มิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายรัฐธรรมนูญหรือ
มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(๑) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
(๒) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
(๓) เพื่อให้ประชาชน
ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
กรณีที่น่าพิจารณาคือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๓(๒) แต่การถ่ายคลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้น
มิได้เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้างอำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้
การกระทำดังกล่าวย่อมไม่น่าที่จะถือว่าเป็นความผิดตามมาตรานี้
ส่วนในกรณีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๖(๓) นั้น การเผยแพร่คลิปศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการกระทำให้ปรากฏต่อประชาชนด้วย วิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน เพราะการได้มาซึ่งหลักฐานดังกล่าว เกิดขึ้นจากการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้เขียนเห็นว่า
ไม่น่าเป็นความผิดตามมาตรานี้เช่นกัน
เมื่อพิจารณาจากฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว แม้การเผยแพร่คลิปอาจส่งผลเป็นการทำลายความเชื่อมั่นขององค์กรศาลหรืออำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตยของรัฐ แต่ผู้เขียนเห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจยังไม่ถึงขนาดเป็นความผิดต่อความมั่นคงของประเทศ ส่งผลให้ไม่น่าที่จะสามารถนำพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มาใช้ได้
คำถามที่ ๔
พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถอ้างใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ในการบล๊อกเว็บไซต์ได้หรือไม่ เพียงใด
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการระงับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีได้ ตามมาตรา ๒๐ ดังนี้
มาตรา ๒๐
ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่
อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ ในภาคสอง ลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา
หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจ
ขอให้มีคำสั่ง
ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้
ตามมาตราดังกล่าวได้กำหนดอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรณีที่เกิดการกระทำความผิดอันอาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อให้ดำเนินการออกคำสั่งระงับการทำให้เเพร่หลายซึ่งข้อมูล หรือก็คือ
การบล๊อกเว็บไซต์
นั่นเอง
ประเด็นนี้จะต้องพิจารณาให้ดีว่าสามารถที่จะทำได้หรือไม่ และมีขั้นตอนใดบ้างที่จะต้องดำเนินการก่อนที่จะร้องขอคำสั่งจากศาล เพราะการบล๊อกเว็บไซต์นั้น อาจเสี่ยงที่จะเป็นความผิดตาม มาตรา ๑๐ แห่ง พรบ.คอมฯ ได้ด้วย
มาตรา ๑๐
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิ ชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ หากการกระทำของเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นจากความไม่เหมาะสมหรือไม่มีความจำเป็นอย่างเพียงพออาจเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ด้วยอีกโสดหนึ่ง
มาตรา ๑๕๗
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมิ่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น การพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการสกัดกั้นการเผยแพร่คลิปศาลรัฐธรรมนูญนั้น จะต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะเว็บไซต์มีหลายประเภท นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาถึงขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆก่อนการที่จะดำเนินการบล๊อกเว็บไซต์ เพราะการบล๊อกเว็บไซต์โดยปราศจากอำนาจตามกฎหมาย ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร ทั้งยังอาจเป็นผลเสียต่อการถูกดำเนินคดีต่อไปในภายภาคหน้าด้วย
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
การติดต่อประสานงานกับผู้ให้บริการต่างๆก่อนที่จะมีคำสั่งบล๊อกเว็บไซต์นั้น ต้องเข้าใจในเบื้องต้นว่าผู้ให้บริการ ตลอดจนเว็บไซต์นั้นมีหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น
- เว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นกระดานข่าว (Web Board) อาทิ ww.pantip.com เป็นต้น ผู้ที่มีอำนาจดำเนินการจัดการและรับผิดชอบคือเว็บมาสเตอร์ของเว็บไซต์ บุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการที่จะลบ แก้ไข ดำเนินการอื่นใด ในกรณีที่พบเห็นว่ามีการโพสคลิปศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมา หากพนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทางเว็บมาสเตอร์ลบแล้วไม่ลบ ภายในระยะเวลาอันสมควร การสั่งปิดเว็บไซต์กรณีนี้ อาจเป็นสิ่งที่กระทำได้
- เว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นบล๊อก (Blog) อาทิ //www.bloggang.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ย่อยของ //www.pantip.com ที่ได้อนุญาตให้สมาชิกเข้าไปใช้พื้นที่ในเว็บไซต์ในการเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆ ตามแต่ความต้องการของสมาชิก กรณีที่สมาชิกนำคลิปศาลรัฐธรรมนูญมาแผยแพร่ในบล๊อกของตน เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งมายังทางเว็บไซต์พันทิปให้ดำเนินการลบคลิปดังกล่าวออกจากบล๊อกของสมาชิก หากเว็บไซต์พันทิปเข้าไปดำเนินการโดยพลการ กล่าวคือ ไม่ได้แจ้งหรือขออนุญาตจากสมาชิกเจ้าของบล๊อกเสียก่อน การกระทำดังกล่าวของเว็บไซต์พันทิปอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นความผิดตาม มาตรา ๙ แห่งพรบ.คอมฯ ด้วย
มาตรา ๙
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของข้าน้อย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากบทความนี้มีข้อบกพร่องประการใด ข้าน้อยขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่หากบทความนี้จะมีประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อย ขอคุณความดีนี้ จงบังเกิดแก่คณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้แก่ข้าน้อย ตลอดจนวงการนิติศาสตร์สืบไป
ด้วยความปรารถนาดี
@Onizugolf
อ้างอิง
- กระทู้ถามถึง กระทรวงไอซีที ใช้อำนาจอะไรปิดกั้น คลิปฉาวศาล รธน., มติชนออนไลน์, วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ จาก //matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1289276409&grpid=&catid=02&subcatid=
- ศาลรธน.จี้บล็อกคลิปทีมสอบปชป.สรุปพรรคตรงข้ามจัดฉาก, หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้, ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๒๙๒๐ ประจำวันพุธ ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จาก //www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=8550
- ภาสพงษ์ เรณุมาศ, "ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ (Contempt Of Constitutional Court)" จาก //www.pub-law.net/publaw/view.asp?PublawIDs=1426
บทความนี้ สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่กรุณาแสดงที่มาและแนบลิ้งไว้ด้วย (เพราะอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาเป็นระยะ) และต้องไม่ใช้เพื่อการแสวงหาประโยชน์ในทางธุรกิจ
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 1 มกราคม 2554 17:33:09 น.
0 comments
Counter : 840 Pageviews.
Share
Tweet
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
onizugolf
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [
?
]
aston27
Webmaster - BlogGang
[Add onizugolf's blog to your web]
Bloggang.com