Group Blog
 
All blogs
 
เตรียมสอบสัมภาษณ์งานญี่ปุ่น ฉบับมือใหม่ By ออยเซนเซ



เตรียมสอบสัมภาษณ์งานญี่ปุ่น ฉบับมือใหม่ By ออยเซนเซ

เล่าประสบการณ์ก่อน

จริงๆแล้วออยเซนเซ เคยสอบสัมภาษณ์งานเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานของตัวเองเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เคยเข้าไปนั่งในห้องสัมภาษณ์งานของคนอื่น ในฐานนะล่ามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนค่ะ

ประสบการณ์การทำงานกว่า 5 ปี ที่นอกจากจะมีหน้าที่สอนภาษาญี่ปุ่นให้กับนักฝึกอบรมที่จะไปทำงานประเทศญี่ปุ่น ก็ยังมีอีกหน้าที่ คือล่ามสอบสัมภาษณ์งานคัดเลือกนักฝึกอบรม ซึ่งบริษัทจัดขึ้นเดือนละหลายๆครั้ง บ่อยจนเดาได้เลยว่านายจ้างญี่ปุ่นจะถามคำถามอะไร และเดาถูกด้วยว่าจะเลือกใครหรือไม่เลือกใคร 

การสอบสัมภาษณ์งานในแต่ละครั้ง จะมีนายจ้างญี่ปุ่นจากหลากหลายบริษัท มาจากหลากหลายเมือง ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาเพิ่งจบใหม่ รวมถึงวัยทำงานรุ่นลุงๆป้าๆแล้วก็มี มีทั้งที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว หรือเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ที่บริษัทเราอยู่แล้ว ตรงส่วนนี้เราไม่ต้องแปล คือให้เขาแสดงความสามารถให้เต็มที่ แต่ส่วนมากจะเป็นนักศึกษาอาชีวะ มีฝีมือแต่ยังไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ

คนเคยเรียน กับคนยังไม่เคยเรียน จะเข้าสอบสัมภาษณ์เหมือนกัน ขั้นตอนเหมือนกัน คำถามเดียวกัน เพียงแต่จะผ่านล่าม มีล่ามแปลให้ ซึ่งก็คือหน้าที่ออยเซนเซค่ะ บางทีเห็นน้องๆเก่งๆมีฝีมือ แต่พลาดตรงลืมทักทาย ผลการเรียนดีแต่แต่งตัวไม่สุภาพ นายจ้างก็ไม่เลือก รู้สึกเสียดายโอกาศดีๆแทน เซนเซก็เลยอยากจะนำประสบการณ์มาแชร์ เผื่อจะมีประโยชน์กับน้องๆมือใหม่ ที่เตรียมตัวสัมภาษณ์งานทั้งในญี่ปุ่น และไทยค่ะ

วิธีการสมัครงานทั่วไป เช่น ควรเขียนเรซูเม่อย่างไร ส่งเรซูเม่ไปแล้วควรโทรตื้อไหม เซนเซขอข้ามนะคะ หรืออาจจะไปเปิดสอนเต็มๆ ในคอร์สเตรียมสอบสัมภาษณ์งานญี่ปุ่น(กั๊กไว้ก่อน 55) มีเพลนจะเปิดคอร์สจริงจัง แต่ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง เอาไว้ก่อนดีกว่าเนอะ ใครอยากเรียนเต็มๆ รบกวนติดตามนะคะ เดี๋ยวเซนเซพร้อมเปิดคอร์สแล้วจะประกาศในเฟสบุ๊ค ในส่วนนี้จะพูดเฉพาะ วันสัมภาษณ์งานนะคะ

---------------------------------------
10 วิธีสัมภาษณ์งานบริษัทญี่ปุ่นให้ผ่าน
---------------------------------------

1.คำไหนคำนั้น และตรงต่อเวลา

นัดสัมภาษณ์วันไหน ต้องไป ไม่ชัวร์อย่านัด เพราะถ้านัดแล้วไม่ไป ไม่มีโอกาสครั้งที่ 2 นะคะ หรือถ้ามี เขาก็จะดอกจันไว้ในเรซูเม่หนูแล้วว่า คนนี้ไม่รักษาสัญญา ถ้ามีคนที่ดีกว่าก็ไม่ได้รับเลือกค่ะ 

ตรงต่อเวลาในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ตรงเป๊ะจริงๆนะคะ คือไปให้ถึงก่อนเวลา ซัก15-30 นาที ครึ่งชั่วโมงอาจเหมือนนานไป ถือซะว่าไปสังเกตุการณ์ ลืมอะไรจะได้หาได้ทัน

2.อย่าลืมทักทาย 

ถ้าเป็นบริษัทไทย อาจไม่ซีเรียสเรื่องการทักทาย เราแค่ส่งยิ้มทำท่านอบน้อมให้กับคนที่เดินผ่าน เขาก็เอ็นดูเราแล้วค่ะ แต่บริษัทญี่ปุ่นต้องกล่าวคำทักทายทุกคนนะคะ กรรมการที่สัมภาษณ์น่ะแน่นอนอยู่แล้ว เดินผ่านใครแบบเฉียดๆ ก็ต้องทักทาย ไม่ว่าจะใส่สูทหรูไปจนถึงแม่บ้านนะคะ 

ยิ่งไม่รู้จักยิ่งต้องทัก เพราะเราไม่รู้เลยว่าคนไหนเป็นหัวหน้า ถึงเราจะทักเจอคนอื่น หรือทักไปแล้วเขาไม่ทักตอบก็ไม่เห็นเป็นไร การทักทายไม่ใช่เรื่องเสียหายนะคะ 

ถ้าเห็นอยู่แล้วว่าเป็นคนไทยชัวร์ๆ ก็ยกมือไหว้สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ งามๆ เห็นว่าเป็นชาวญี่ปุ่นอาจจะโค้งคำนับ กล่าวこんにちは。 ชัดๆ หรือทักทายแบบไทยต่อด้วย ทั้งสองเวอร์ชั่นก็ดีค่ะ (อย่าลืมว่า กรรมการอาจจะแอบมองมารยาทคุณอยู่)



คำพูดมารายาทต่างๆ ก็ห้ามลืมนะคะ เช่น ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ ขออนุญาติ 失礼します。สัมภาษณ์เสร็จก็ขอบคุณงามๆ ทั้งไทยญี่ปุ่ยแล้ว พูด 失礼いたしました。ก่อนจะปิดประตูห้องสำภาษณ์นะคะ

3.แต่งกายให้ปัง

ต่อให้บอกว่า คนแต่งตัวดีๆอาจทำงานไม่เอาไหน คนแต่งตัวมอมแมมอาจเป็นคนขยัน อันนั้นก็จริง แต่ยังไงการสร้างความประทับใจแรกพบ ด้วยการแต่งตัวดีก็ยังดีกว่าไม่ใช่หรือ ยิ่งในวันสัมภาษณ์ เค้าจะมองว่าหนูเป็นคนรู้จักกาละเทศะหรือไม่ ก็ดูจากการแต่งกายนี่แหละค่ะ



แต่งกายให้ปัง ในความหมายของเซนเซคือไม่ใช่แต่งเวอร์นะคะ คือแต่งแบบสุภาพตามมารยาทสากล เอาที่เรามองตัวเองแล้วแบบ เออ คนนี้น่าคบ น่าทำงานด้วย น้องๆนักศึกษาก็ชุดนักศึกษา สาวๆรวบผมให้เรียบร้อย จะแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ดูงานที่เราสมัคร งานเกี่ยวกับอาหาร แต่งหน้าไว้เล็บยาว ไม่ได้แน่ งานต้องรับ งานโรงแรม ไม่แต่งหน้าเลย ปล่อยหน้ามันก็อาจจะมองว่าว่าไม่สุภาพได้ค่ะ



น้องผู้ชายยิ่งต้องดูแลเรื่องความสะอาด หนวดเคราควรโกนให้เรียบร้อย ไม่ใส่ต่างหู ไม่ไว้เล็บยาวด้วยนะ ส่วนเพศอื่นๆ แนะนำให้แอ๊บเป็นเพศเดิมไว้ก่อนค่ะ ญี่ปุ่นละเอียดละออกับเรื่องนี้มาก เอาไว้ให้เขารับเรา ให้เขาเห็นฝีมือในการทำงานของเรา ค่อยเผยความเป็นตัวเองออกมา จะแต่งตัวสไตล์ไหน ทำผมทรงอะไร ก็ไม่มีใครมาว่า (แต่ต้องอยู่ในกฎบริษัทนะ)


4.วางตัวให้เนี๊ยบ
เนี้ยบตั้งแต่เข้าห้อง
- เคาะประตูก่อนเข้าห้องซัก 2 ก๊อก เปิดประตูเข้าไปพร้อมกล่าวคำว่า 失礼します。(ขออนุญาตค่ะ) 
- ทักทาย こんいちは พร้อมโค้งคำนับตามมารยาทญี่ปุ่น หรือจะต่อด้วยกล่าวสวัสดีแล้วไหว้งามๆแบบไทยด้วยก็ได้
- ห้ามนั่ง!!! จนกว่าจะได้ยินคำว่า どうぞ、座ってください。/お掛けてください。
เนี้ยบขณะตอบคำถาม
เวลาสัมภาษณ์ไม่ต้องถึงกับขนาดนั่งหลังตรงเด๊ะ เกร็งไปหมดทุกสัดส่วน เพียงแต่ระวัง ไม่เอามือท้าวโต๊ะ ท้าวเก้าอี้ ท้าวคาง ท้าวสะเอว กอดอก คือเอามือวางๆบนตักเฉยๆ ออกท่าทางวาดมือไปมาได้บ้าง แต่อย่ามาก มีน้องคนนึงดีทุกอย่าง แต่นั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วส่ายเก้าอี้ไปมาตลอด พอออกจากห้องสัมภาษณ์นายจ้างนินทาว่า ใหญ่มาจากไหนนะคนนี้ แล้วกาหัวเรซูเม่ น่าเสียดายค่ะ

อีกอย่างนายจ้างญี่ปุ่นเคยขอให้เซนเซช่วยจับตาดูหน่อย ว่าเวลาพักหรือระหว่างรอ น้องๆคนไหนทำอะไรกันบ้าง คนไหนอ่านโบชัวร์บริษัท คนไหนเสวนากับเพื่อนรอบข้าง คนไหนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาใช้โทรศัพท์ เคยมีแบบ เอาเศษขยะไปวางทางเดิน แล้วดูว่าใครเก็บ ใครเมิน จดมาให้หมด แล้วคัดเลือกเอาจากพฤติกรรมตรงนี้ โดยไม่สนผลการเรียน หรือการตอบคำถามในห้องสัมภาษณ์เลยก็มี ฉนั้นน้องๆเข้าใจนะคะ ว่าควรวางตัวอย่างไร (อย่าลืมว่า กรรมการอาจจะแอบมองพฤติกรรมคุณอยู่)

อีกอย่างในห้องสัมภาษณ์ ไม่มีกฎห้ามเอาปากา สมุดโน๊ตเข้าไปจริงไหม ฟังแล้วจดบันทึกบ้างก็ดี อาจจะดูเป็นคนขี้ลืม แต่หลายคนกลับมองว่า เป็นคนละเอียดรอบครอบ สนใจและจริงจังในเรื่องที่ทำอยู่ ใครๆก็อยากเลือกมาทำงานด้วยค่ะ

เนี๊ยบหลังจบการสัมภาษณ์
จุดนี้หลายคนลืมให้ความสำคัญ สัมภาษณ์จบถอนหายใจ1เฮือก แล้วรีบเผ่นออกจากห้องเลย อย่าลืมเก็บเก้าอี้เข้าที่เดิม แล้วกล่าวคำขอบคุณ ก่อนออกจากห้องพูดว่า 失礼します。/失礼いたしました。แล้วค่อยๆปิดประตู ระวังอีกนิด ตอนเปิดประตูจะออก อย่าหันก้นให้นายจ้าง ให้หันข้างเปิด แล้วเดินถอยหลังออกจากห้อง ถ้าทำไม่ได้ขนาดนี้ ก็ไม่เป็นไร บางสายงานไม่ต้องการคนที่มีมารยาทขนาดนั้น แต่ถ้าทำได้เราก็จะมีบุคลิคที่ดี ในสังคมการทำงาน สิ่งเหล่านี้ฝังอยู่ในสายเลือดของชาวญี่ปุ่นเขาทำกันทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะวันสัมภาษณ์งานนะจ๊ะ

5.ตอบเสียงดังฟังชัด 
ความตื่นเต้น ประหม่าเกิดขึ้นได้เสมอในห้องสัมภาษณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็ช่าง ท่องไว้ว่า เวลาตอบคำถามต้องตอบให้เต็มเสียง จะพูดผิดพูดถูกไม่เป็นไร สำคัญที่พูดแล้วคนฟังได้ยินหรือเปล่าค่ะ 



เป็นเหมือนกันไหมค่ะ เวลาคุยกับคนที่พูดงุ้งงิ้งๆ ไม่ค่อยได้ยิน อะไรนะๆ หลายๆรอบแล้วหงุดหงิด ไม่อยากคุยด้วย น้องๆบอกว่า เซนเซ...ก็หนูกลัวพูดผิดหนูไม่มั่นใจ-- เลือกเอานะ บางคนพูดผิด นายจ้างมองว่ามีความพยามนะ เราออกเสียงไม่ถูก มันก็ดูตลกน่ารักสำหรับเขา มีน้องคนนึงแนะนำตัวว่า 私はきゅうじゅう歳です。เสียงดังฟังชัด นายจ้างฮากันทั้งห้อง บรรยากาศต่อจากนั้นก็ไม่ตรึงเครียด ตรงกันข้าม น้องอีกคนนึงตอบช้าคิดนาน พูดเบาเพราะกลัวผิด นายจ้างต้องคอยนาน ต้องถามตลอดอะไรนะๆ หลายครั้งอารมณ์ก็เสีย บรรยากาศก็ตรึงเตรียด กดดันตัวเอง ให้เสียความมั่นใจไปกันใหญ่


ขณะตอบคำถามนอกจากน้ำเสียงที่มั่นใจแล้ว สายตาก็สำคัญนะคะ ควรมองไปที่นายจ้างขณะพูดหรือถาม บ่อยครั้งที่ห้องสัมภาษณ์ที่มีล่าม น้องๆจะหันไปคุยกับล่าม โดยไม่สนใจนายจ้างค่ะ มันอาจจะไม่ใช่จุดตัดสิน แต่ถ้าทำได้หนูจะมีบุคลิคที่ดูดี น่าร่วมงานด้วย แบบเอาใจนายจ้างไปเลยค่ะ

6.ใช้ภาษาสุภาพง่ายๆไม่ต้องยาก

ถ้ามั่นใจว่าหนูใช้ภาษายกย่องถ่อมตนได้ดี และใช้ได้ตลอดรอดฝั่งก็ใช้ไปเถอะจ๊ะ แต่สำหรับคนที่ไม่เก่งเรื่องภาษายกย่องถ่อมตน เซนเซว่าใช้ภาษาสุภาพทั่วไปก็พอแล้วค่ะ และถ้าใครไม่เก่งศัพท์หรือไวยากรณ์ระดับสูงยากๆยาวๆ ก็ไม่เป็นไร ใช้ไวยากรณ์ง่ายๆ ศัพท์ง่ายๆ คนฟังก็เข้าใจง่ายด้วย



อย่าลืมว่าสอบสัมภาษณ์ คือเค้าดูว่าหนูสามารถสื่อสารได้หรือไม่ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้หรือเปล่า อย่างเช่นหนูนึกประโยคหรือคำพูดนึงไม่ออก หนูหาคำที่ใกล้เคียงกันมาอธิบายได้หรือไม่ ย้ำว่าเป็นการใช้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อสื่อสารในการทำงานจริง ไม่ใช่สอบวัดระดับความสามารถภาษาญี่ปุ่นค่ะ


7.ไม่เข้าใจให้ถาม

บางครั้งเราไม่เข้าใจคำถาม เราอาจจะขอให้พูดซ้ำ หรือพูดช้าลงได้ และไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือน่าอายที่จะบอกว่าเราไม่เข้าใจคำถาม เพราะถ้าหนูไม่เข้าใจ แต่หนูแกล้งทำเป็นเข้าใจ แล้วตอบคนละเรื่อง นายจ้างจับได้นะคะ แล้วเค้าจะกาหัวเรซูเม่หนูทันทีว่า คนนี้แกล้งทำเป็นเข้าใจ ถ้ามีคนดีกว่า เค้าก็จะไม่เลือกหนูแน่นอน 



ปัญหาอันดับหนึ่งของคนไทยที่ทำงานกับนายจ้างญี่ปุ่น คือ ไม่เข้าใจแต่ทำเป็นเข้าใจ ไม่กล้าพูดว่าไม่เข้าใจ เพราะกลัวถูกว่าถูกตำหนิ เป็นเหตุให้ตัดสินใจเองโดยพละการ งานเกิดความผิดพลาดเสียหายบ่อยครั้ง เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม นายจ้างจะไม่เลือกคนที่มีแนวโน้มจะเป็นแบบนี้เข้าทำงานค่ะ


8.ถามคำถามที่เข้าท่า เมื่อนายจ้างเปิดโอกาส

ไม่ถึงกับต้องขนาดเตรียมคำถามไป เพราะเซนเซเจอหลายคน ระหว่างสัมภาษณ์นายจ้างพูดไปแล้วว่าเริ่มงานวันไหน พอสัมภาษณ์จบ นายจ้างถามว่ามีอะไรจะถามไหม น้องก็ถามว่าเริ่มงานวันไหนคะ นายจ้างมองว่าคนนี้พูดไม่รู้เรื่องก็กาหัวเรซูเม่ ทั้งๆที่ตอบดีมาตลอด แต่นายจ้างไม่เลือก เซนเซเสียดายแทนค่ะ



พอได้คุยกับน้องๆถึงได้รู้ คือน้องบอกว่า น้องเตรียมคำถามมาถาม รู้แหละว่านายจ้างพูดไปแล้ว แต่มันตื่นเต้นเลยลืมไป ถ้าไม่มีคำถามจริงๆก็บอกว่า หนูตื่นเต้น ตอนนี้ยังนึกอะไรไม่ออก ก็ดูน่าเอ็นดูดีค่ะ



คำถามที่เราถามดูได้ว่าเราเป็นคนแบบไหน เช่นบริษัทมีจัดท่องเที่ยวประจำปีหรือเปล่า อันนี้อาจถูกมองว่าเป็นคนชอบเที่ยว ถ้างานบริษัทเป็นสไตล์ชอบพาเที่ยวก็แล้วไป แต่ถ้าไปถามบริษัทที่เขาอยากได้คนตั้งใจทำงานมากๆ ไม่อยากให้พนักงานติดเที่ยว เขาก็จะไม่เลือกหนูค่ะ


9.เตรียมตัวตอบคำถาม

เตรียมเอาไว้ก่อนว่าคำถามอะไรที่น่าจะถูกถามแน่ๆ (คำถามที่ถามบ่อยในการสัมภาษณ์งาน เซนเซจะเขียนในบทต่อไปนะคะ) ส่วนคำตอบให้เตรียมไปคร่าวๆ ลองหัดพูดให้คล่องๆ หน้ากระจก 


10.เป็นตัวของตัวเอง

บางครั้งนายจ้างอาจไม่เลือกคนที่ตอบฉะฉาน แต่กลับเลือกคนตอบเนิบๆนิ่มๆ

บางครั้งนายจ้างอาจไม่เลือกคนที่ผลการเรียนดี แต่เลือกคนที่ผลการเรียนแย่ 

บางครั้งนายจ้างอาจไม่เลือกคนที่มีประสบการณ์ แต่เลือกคนไร้ประสบการณ์
งาน
บางอย่างคนตัวสูงไม่เหมาะ เหมาะกับคนตัวเตี้ย
บางงานคนอายุน้อยไม่เหมาะ เหมาะกับคนอายุมาก

บางครั้งนายจ้างสัมภาษณ์เป็นวันๆ แต่เลือกแบบแปลกๆ เช่นเลือกที่ กรุ๊ปเลือด เลือกเพราะถูกชะตาเฉยๆ หรือเลือกเพราะเกิดวันเดียวเดือนเดียวกับนายจ้าง หรือแม้กระทั่งเลือกเพราะได้รับการแนะนำไว้ล่วงหน้า(เด็กเส้น)ก็มี 



ที่เซนเซต้องการจะบอกคือ ก่อนสัมภาษณ์ให้หนูเตรียมใจเอาไว้ว่า หนูอาจจะสัมภาษณ์ ไม่ผ่าน แต่ไม่ใช่ว่าหนูไม่ดี ให้คิดว่างานนั้นไม่เหมาะกับหนู ถ้าหนูเข้าไปทำงานในที่ๆไม่เหมาะกับนิสัยและความเป็นตัวของเรา อาจจะรู้สึกอึด เพราะฉนั้นถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร เป็นตัวของตัวเองและเก็บประสบการณ์ครั้งนี้ไปใช้ในครั้งต่อไป

พอคิดแบบนี้ได้ หนูจะไม่เครียด แล้หนูจะสัมภาษณ์งานได้อย่างไร้แรงกดดัน ลดความเครียดและประหม่าลงได้ค่ะ 




บทต่อไป 10 คำถามที่ต้องเจอในวันสัมภาษณ์งานบริษัทญี่ปุ่น




Create Date : 12 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2560 19:02:59 น. 0 comments
Counter : 9658 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BeeryKiss
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 81 คน [?]








New Comments
Friends' blogs
[Add BeeryKiss's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.