เสน่หาตราใจ - ปราณธร


**SPOILER ALERT








ก่อนเขียนเอนทรี่นี้ได้ลองเสิร์ชหาความคิดเห็นของท่านอื่นๆ ดูว่ารู้สึกอย่างไรบ้างกับตัวละคร เรื่องราวและบทสรุปในนิยายเล่มนี้ พบว่าส่วนใหญ่ไม่ชอบคารมกัน ก็ไม่แปลกใจเพราะคารมเป็นพระเอกที่แหวกแนวกรอบของสังคมและคุณธรรมเบื้องต้นที่ควรมี เป็นพระเอกคนหนึ่งที่เลวสุดขีด ปลิ้นปล้อนตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ฟังดูไม่ดีเลยแต่เรากลับชอบที่คารมเป็นคารมตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง ความชอบของเราไม่ได้เป็นแบบกรี๊ดกร๊าด คลั่งไคล้หรือแบบที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงมักจะชอบผู้ชายเลว คำว่าชอบของเราคือชอบที่ผู้เขียนสร้างคารมให้ซื่อตรงต่อสันดานดิบของการเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะการโกหกหมอน้อยครั้งแล้วครั้งเล่า หรือการไขว่คว้าให้มีฐานะและอำนาจเพื่อให้อยู่ในจุดที่คารมคิดว่ามันเทียบเคียงและคู่ควรกับหมอน้อยโดยไม่สนวิธีการและไม่สนว่าต้องก้าวผ่านชีวิตใคร ทุกอย่างคารมล้วนทำเพื่อตัวเองแต่มักใช้หมอน้อยเป็นข้ออ้าง เหมือนกับที่ดร.เกรเกอรี่ เฮ้าส์บอกไว้ Everybody Lies – ทุกคนล้วนโกหก เราล้วนหาข้ออ้างเพื่อปกป้องตัวเอง เหตุผลสวยหรูแตกต่างกันไป ทว่าเมื่อมันไม่ใช่เรื่องจริงก็คือการโกหก จะร้ายหรือดีก็ในบริบทที่ต่างกันของแต่ละคน คารมก็โกหกแต่ในบริบทของคารมนั้นไม่เป็นที่ยอมรับเพราะตัวตนและสิ่งแวดล้อมของเขาอยู่นอกกฎของสังคมและกฎหมาย


จุดที่เป็นตลกร้ายคือเริ่มต้นจากขายตัว เพื่อไต้เต้าสร้างฐานะคารมกระโดดไปเป็นแมงดา แม้ตอนขายตัวคารมจะมีความรู้สึกต่อต้าน รังเกียจ ปฏิเสธวิธีการหาเงินที่แม่บังคับและตั้งคำถามว่าทำไมแม่ทำกับเขาแบบนี้ แต่คารมก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่หาเงินด้วยวิธีนี้และเมื่อต้องเลือกชีวิตใหม่เจ้าตัวกลับไม่อาจตัดขาดจากสิ่งที่เคยเป็น เขาเหมือนแม่ แม่ได้เงินจากการขายตัวของคารม คารมก็ได้เงินและอำนาจ อิทธิพลจากการขายผู้หญิงอื่น คารมกลับเป็นเหมือนแม่หรือทับซ้อนเงาของแม่ สุดท้ายคารมก็ตัดแม่ไม่ขาดถึงเขาจะมีคำถามมากมายในใจก็ตาม 


จุดดีจุดหนึ่งของคารมคือการบูชาหมอน้อยเพียงคนเดียว ในสายตาของคารมใครจะเป็นบ้าอะไรก็ได้แต่ขอมีเพียงหมอน้อยอยู่โลกจะดีขึ้น สำหรับหมอน้อยและคารมทั้งคู่ต่างยึดอีกฝ่ายเป็นหลักในชีวิต หมอน้อยอาจจะมาเจอคารมเร็วเกินไป ในช่วงวัยที่ยังเด็ก ยังตัดสินและพิจารณาบุคคลได้อย่างไม่รอบคอบเพียงพอ เลยเปิดรับคารมเข้ามาในชีวิตโดยดี (ถึงแม้หมอน้อยในวัยรุ่นตอนต้นนั้นจะมีบุคลิกที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าอายุก็เถอะ) ผสมกับการได้รับการปฏิบัติตัวที่ไม่ค่อยดีนักจากคนในไร่ การที่คารมไม่ได้มีท่าทีเย้ยหยันหรือจงชังก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หมอน้อยยอมรับเขาง่ายขึ้น ยิ่งหมอน้อยได้ช่วยชีวิตของคารมไว้สายสัมพันธ์ก็พันทั้งคู่ไว้ เริ่มต้นหมอน้อยอาจจะเพียงรู้สึกติดค้างที่ไม่สามารถช่วยคารมให้ถึงที่สุด ความสงสาร ความเห็นใจแต่มันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป การสูญเสียบุคคลที่มีค่าในเวลารวดเร็วก็เป็นจุดเร่ง เมื่อสูญเสียลุง อาทนาย หมอน้อยก็ไม่มีใครอีก คงเหลือเพียงคารมคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด สำหรับคารม หมอน้อยคือแสงสว่างในชีวิต ตอนรู้จักกันใหม่ๆ หมอน้อยให้ความอบอุ่น ห่วงใย ความรู้สึกที่เขาขาดแคลนและต้องการจากแม่ ต่อมาหมอน้อยให้ชีวิตเขา ช่วยเขารอดพ้นจากความตาย ดังนั้นสำหรับคารมแล้วหมอน้อยจึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง บางทีความรักของคารมนี่จิตมากๆ ทั้งการให้โบวี่ตาม stalk หมอน้อย ทั้งเรื่องตุ๊กตาที่แตกหัก สำหรับเราสองคนนี้เหมือนตัวแทนความรักของคนคู่หนึ่งที่ต่างขาดแคลนบางสิ่ง มีจุดที่ทั้งสองเหมือนๆ กันคือการขาดความรักจากสถาบันครอบครัว ตัวหมอน้อยดูจะทำใจและยอมรับสภาพได้ดีกว่าคารมทั้งยังโชคดีกว่าที่ยังได้รับความเอ็นดูและอุปการะจากพ่อเลี้ยง จากการตายของเกวลีและนายเบี้ยวทำให้เราคิดว่าหมอน้อยเองก็เป็นคนที่มีความเป็นสีเทาสูง ถึงหมอน้อยจะรู้ว่าคารมเป็นคนฆ่าทั้งสองคนแต่ก็เลือกที่จะปกป้องคารมและไม่บอกความจริง ในใจลึกๆ ของหมอน้อยอาจจะคิดว่ามันเป็นการทวงคืนความยุติธรรมอย่างที่ควรเป็นแล้วให้แก่ลุงของเธอ ยิ่งฉากที่เถียงกับทรงยศก็ช่วยตอกย้ำให้เข้าใจเช่นนี้ แล้วลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าหากเกิดกรณีที่ทั้งคู่ถูกบีบบังคับให้ทำเลวโดยมีอีกฝ่ายเป็นเดิมพัน คนคู่นี้คงตกลงปลงใจสู่เส้นทางสีดำโดยที่หมอน้อยลังเลบ้างหน่อยแต่คารมจะยินยอมโดยดี


จุดบอดอย่างหนึ่งที่ทำให้ชอบคารมได้คงเพราะผู้เขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดกรรมเลวของคารมอย่างชัดเจนนัก ถ้าหากว่ามีการเล่าเรื่องถึงการค้ามนุษย์ที่ละเอียดและโหดร้ายคงทำให้เกลียดคารมแน่ๆ แน่นอนว่าคารมไม่ใช่คนดี ผู้เขียนบอกว่านี่เป็นนิยายแฟนตาซีเพราะตอนจบคนเลวแฮปปี้มีความสุขได้ครองรักกับคนที่รักแถมมีไร่ใหญ่โต ขัดกับความเชื่อของสังคมที่ว่าคนเลวย่อมได้รับกรรม การถูกยิงคนแทบเอาชีวิตไม่รอดหรือการเกือบต้องสูญเสียหมอน้อยไปเป็นบทลงโทษที่ดูเบาบางในความคิดของหลายคน เราแอบคิดว่าบางทีโลกเราจริงๆ มันอาจจะมีพวกอาชญากรที่กำลังหลั่นล๊ากับความสุขบนกองทุกข์ของคนที่พวกเขาย่ำยี(หรือเคยย่ำยี) แต่เพราะชีวิตจริงมันโหดร้ายและไม่ใช่เรื่องเล่าบนหน้ากระดาษที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อใครแบบนิยาย ดังนั้นเราคงไม่ตื่นตากับความรักโรแมนติกของ Serial Killers พวกขบวนการค้ามนุษย์ พวกค้ายาเสพติด พวกโกงบ้านเมืองทรยศชาติขายแผ่นดิน พวกข่มขื่นแล้วฆ่าเด็กหรือนักอาชญากรรมอื่นๆ แล้วจะช่วยภาวนาให้เวรกรรมตามทัน แม้ว่าบางทีเวรกรรมก็ทำงานชักช้าจนน่าเบื่อก็ตาม




Create Date : 24 ธันวาคม 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 16:32:49 น.
Counter : 1065 Pageviews.

7 comment
รอยรักในลางร้าย - tiara


**SPOILER ALERT






คิดว่าเพิ่งเขียนเอนทรี่เกี่ยวกับอติกันต์พี่ชายของหมอแต้มไปไม่นานนี้เองยังหวังว่าจะได้อ่านเรื่องของหมอแต้มบ้าง เผลอแป๊บๆ คุณ Tiara ปล่อยหมอแต้มเดี่ยวให้ได้อ่านกันแล้ว >_<

ในเล่มนี้หมอแต้มเรียนจบแล้วค่ะแต่ต้องไปชดใช้ทุนที่จ.น่านไกลหูไกลตาครอบครัวพอควร ซึ่งการย้ายไปทำงานต่างจังหวัดครั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์แย่ๆเพราะเจ้าตัวกลายเป็นเหยื่อของฆาตกรโรคจิตเอาเสียเองทำเอาทีมสอบสวนที่นำโดยหนูริซ่าและนายเต้หนีบหวานใจของแต่ละคนร่วมเดินทางมาช่วยคลี่คลายคดีในครั้งนี้

แนวการสืบสวนในเล่มนี้ต่างจากเล่มของพี่ชายค่ะ เคยเขียนไว้ว่าในเล่มของอติกันต์การดำเนินเรื่องจะเป็นไปในแนวการลงพื้นที่หาหลักฐานส่วนของหมอแต้มจะเป็นการใช้หลักจิตวิทยาเพื่อตามหาตัวฆาตกรค่ะนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหนูริซ่าจึงถูกรับเชิญมาในเล่มนี้ด้วย และในมุมของคนอ่านการเดาตัวคนร้ายไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ได้กลิ่นคนร้ายมาตั้งแต่ 2-3ฉากแรกที่ตัวละครนี้ปรากฏขึ้นมาแล้วค่ะพอรู้ตัวคนร้ายแล้วเราก็มาลุ้นว่าคนร้ายจะใช้แผนไหนจับตัวหมอแต้มไปแล้วหมอแต้มกับคุณคนนั้นจะหนีรอดออกมาได้อย่างไร แล้วหนูริซ่ากับนายเต้จะมาช่วยน้องสาวได้ทันท่วงทีไหมจริงๆ ก็รู้นะว่าทันแต่ที่ลุ้นคืออยากรู้ว่าหมอแต้มจะอยู่ในสถานกาณ์ที่แย่ขนาดไหนและจะใช้วิธีใดแก้ไขสถานการณ์นั้นลงไปได้

เกี่ยวกับตัวคนร้าย ... ในเรื่องนี้คนร้ายไม่ใช่คนปกตินักค่ะจัดว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตและน่าสงสารมากๆที่อาการป่วยของเขาเกิดจากความบกพร่องในการเลี้ยงดูไม่น่าเชื่อว่าเพราะจิตใจริษยาของผู้หญิงคนหนึ่งได้ย้อนกลับมาทำร้ายเด็กผู้ชายที่ตัวเองเคยรักและเลี้ยงดูมาผสมกับการใช้ความรุนแรงกับเด็กยังผลให้บุคลิกภาพของเขากลายเป็นคนนิยมความรุนแรงและถลำลึกกลายเป็นฆาตกรในที่สุดนัยว่าช่วงชีวิตของเด็กเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ภาวะแวดล้อมการเลี้ยงดูและทัศคติของผู้ปกครองมีผลต่อตัวเด็กทั้งนั้นเหมือนกับว่าปลูกอะไรก็ได้แบบนั้น จขบ.แอบสงสัยนิดๆ ว่ามันจะมี factors อื่นนอกจากการเลี้ยงดูที่มีผลต่อบุคลิกภาพของมนุษย์ด้วยรึเปล่าถ้าเด็กมีแนวโน้มหัวรุนแรงอยู่แล้วสังคมและการเลี้ยงดูก็เป็นตัวกระตุ้นตัวหนึ่งเท่านั้นทางกลับกันถ้าเด็กมีพื้นฐานจิตใจที่เข้มแข็งหรือปกติพอเป็นไปได้ไหมที่เด็กจะยังเติบโตมาเป็นมนุษย์ปกติหรืออาจจะนิยมความรุนแรงบ้างแต่ไม่ถึงขนาดชื่นชอบในการฆ่าหรือเกมไล่ล่า ส่วนตัวคนร้ายในเรื่องจขบ.รู้สึกสงสารสังเวชที่สิ่งแวดล้อมมันทำร้ายแต่ก็ไม่เห็นใจที่ได้รับจุดจบแบบนี้ค่ะ

เกี่ยวกับหมอแต้มที่จขบ.เคยกรี๊ดกร๊าดว่าอยากอ่านงานเดี่ยวของเธอเล่มนี้หมอแต้มมีความฉลาด ช่างสังเกตหลักฐานที่หมอแต้มทิ้งเอาไว้ช่วยริซ่าไว้เยอะนะถ้าไม่ได้หลักฐานพวกนี้ป่านนี้อาจจะงมหาจุดไม่เจอก็เป็นได้สงสารหมอแต้มที่ต้องมาการเป็นเหยื่อซะเอง คุณ Tiara แอบโหดเบาๆ กับแฟนหมอแต้มอะ ;_; ยังดีที่สภาพของหมอแต้มไม่แย่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับพระเอกแต่เรื่องบาดเจ็บทางจิตใจหนักหน่วงพอกันทั้งคู่ ส่วนพระเอกตัวจริงของเล่มนี้ ...เหมือนตอนแรกจะมีการสับขาหลอก ฮา แต่พอเรื่องเล่าไปสักพักแล้วก็รู้ตัวพระเอกได้ชัดเช่นเดียวกับตัวคนร้ายค่ะตัวพระเอกค่อนข้างน่าเห็นใจอยู่นะ ไอ้เรื่องการตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอย่างผิดๆนี่มันแย่ การใช้ความเงียบสงบขี้ปากเป็นเรื่องดีๆ อย่างหนึ่งค่ะสักวันความจริงมันจะปรากฏเองโดยที่เราไม่ต้องไปเหนื่อยแหกปากแก้ตัว (อันนี้ประสบการณ์ตรงค่อนข้างอิน._. ) โชคยังดีที่พระเอกโตขึ้นมาเอาถ่าน ถ้าถูกพ่อแม่โอ๋ไม่เอาถ่าน แล้วโตมาระรานตัวร้ายนี่ไม่รู้จะสงสารใครดี -_-; คู่พระนางในเล่มนี้เป็นตัวละครที่มีจุดเริ่มต้นในการมุ้งมิ้งและมีฉากมุ้งมิ้งได้ประหลาดดีค่ะคือไปสวีทกันระหว่างถูกจับตัวไป จะเป็นตายร้ายดีพี่ก็ยังสวีทกันได้อีกเนอะ เป็นความน่ารักที่เกิดขึ้นในเวลาน่าสิ่วหน้าขวานคนอ่านเครียดแทนตัวละครค่ะ

ตัวละครที่ทำให้รู้สึกสงสารจับใจคือเขื่อนค่ะ ยิ่งฉากไฟไหม้ทำให้รู้สึกแบบเธอเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ทำไมกันนะถ้าคนที่ให้กำเนิดเธอไม่เคยรักเธอ เธอไม่เคยรู้จักการได้รับความรับจะเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่เพราะคนที่ใช้งานเธอไม่เคยมอบอะไรให้เธอเลย T_T

การปรากฏตัวและมีส่วนร่วมในคดีของหนูริซ่า+คุณอิฐ นายเต้+หนูรันทำให้รู้สึกเหมือนงานเลี้ยงรุ่นที่ได้พบเจอตัวละครเก่า คุณอิฐ...คิดถึงค่า #แม่ยกโบกป้ายไฟ #LOL การจับประเด็นจิตวิทยา จิตวิทยาครอบครัวมาเล่นกับงานสืบสวนอีกครั้งทำให้เราคิดว่าคุณTiara ถนัดทางนี้จริงๆ นะ หลังจากจบสืบซ่อนรักแล้วไม่คิดว่าจะได้อ่านงานสไตล์นี้อีกส่วนตัวชอบและสนุกที่ได้อ่านค่ะแอบคิดว่าผู้เขียนมีขีดความสามารถในการขยับประเด็นให้มันหนักกว่านี้ได้แต่ก็ยังคงความเป็นนิยายรักไปด้วยกัน

สิ่งเดียวที่ติดใจในเรื่องนี้คือโรงนาค่ะ พอดีว่าคิดสภาพโรงนาในชนบทเมืองน่านไม่ออกและคำนี้ให้ภาพของความเป็นตะวันตกมากกว่า เลยทดลองเป็นคำว่ายุ้งข้าวแล้วมันก็ได้นะพอไปเสิร์ชดูก็พบข้อมูลเกี่ยวกับยุ้งข้าวเมืองเหนือที่น่าสนใจดี ลองอ่านดูได้ค่ะ

หลอง(ยุ้ง)ข้าวเรื่องเล่าวิถีล้านนา : //www.gotoknow.org/posts/453476






Create Date : 20 ธันวาคม 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 16:37:46 น.
Counter : 822 Pageviews.

8 comment
ให้รักเคียงเรา - นัธ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ

จากเรื่องหลังปกชีวิตของพระเอกในเรื่องแลดูดราม่า ชีวิตที่ผกผันของเด็กชายวัย 10 ขวบที่สูญเสียพ่อไปต่อหน้าต่อตา ต้องหนีเร่รอนระหกระเหินเพื่อเอาชีวิตรอด จนได้รับโอกาสใหม่กลายเป็นหนุ่มฮ็อทอนาคตไกลที่สาวๆ หมายตา ดูเผินๆ ชีวิตก็เพอร์เฟ็คดีแต่จริงๆ แล้วกลับมีปมทั้งเรื่องพ่อที่ถูกฆาตกรรม ต้องออกเร่ร่อนเป็นเด็กจรจัด ถึงจะได้พ่อบุญธรรมให้ชีวิตใหม่แต่กลับไม่เคยได้รับความรับแบบที่ครอบครัวควรมีให้กัน ตัวทิมเองโหยหาความรักจากครอบครัวอยู่ลึกๆ ทว่ามันก็มีกำแพงบางอย่างที่ขวางกั้นเขากับพ่อบุญธรรมไว้ ทิมรู้ตัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ใช่แบบคนในครอบครัวแต่เป็นชนิดต่างคนต้องพึ่งพา พ่อบุญธรรมต้องการให้ทิมช่วยประคับประคองบริษัท ขณะที่ทิมก็ยังทำงานให้พ่อเพื่อทดแทนคุณ ตัวปีแอร์ น้องชายที่เป็นลูกแท้ๆ ของพ่อบุญธรรมยิ่งช่วยตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ห่างเหินของพ่อลูก

อาจจะเพราะหัวใจที่ขาดซึ่งความรัก เมื่อได้เจอน้ำใจจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่มอบให้เด็กจรจัด ทำให้ทิมไม่สามารถลืมเธอลงได้ เงาของเด็กหญิงตัวน้อยประทับในความทรงจำไม่เคยลืม เป็นดอกไม้น้อยที่ผลิบานกลางใจ

จีน เริ่มความสัมพันธ์กับทิมแบบไม่น่าประทับใจนักแต่สุดท้ายเพราะหน้าที่บังคับทำให้จีนต้องใกล้ชิดกับทิมจนเป็นความรู้สึกดีๆ จีนเป็นพนักงานออฟฟิศที่เป็นหนี้สินบัตรเครดิทเพราะใช้จ่ายเกินตัว โชคยังดีที่จีนพยายามหาเงินทองเพื่อจ่ายหนี้สิน จุดนี้เป็นประเด็นสอนใจที่แทรกเอาไว้ ความรักของทิมกับจีนที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นใช่ว่าจะราบรื่นเพราะมีทั้งอุปสรรคอย่างต้องตา อริของจีนที่พยายามแข่งขันกันทุกทาง ปีแอร์ ที่เกลียดขี้หน้าทิมและพยายามทำลายทิมทุกทาง เจ พี่ชายของจีนที่แสนจะหวงน้องสาว ซ้ำยังเกลียดขี้หน้าทิมจนกลายเป็นกีดกันความรักของทั้งคู่ ความรักของคู่นี้จะไม่ปั่นป่วนขนาดหนักถ้าไม่เจอความหวังดีจากทั้งเลขาฯ คนสนิทกับเพื่อนสนิท นัยว่ารักมากเป็นห่วงกังวลมากแต่บางครั้งมันก็มากไปเกินพอดี

กับประเด็นเรื่องการควานหาตัวพยานปากเอกในคดีที่พ่อถูกฆาตกรรม บอกได้อย่างเดียวว่าโลกมันกลม ใกล้กันยิ่งกว่าทฤษฎี six degrees of separation พอเดาเรื่องราวได้ตั้งแต่มีการนัดพบเพื่อเจรจาซื้อไร่คืนครั้งแรก จุดนี้กว่าจะเฉลยก็จะจบเรื่องไปแล้ว เรื่องราวความรักของทั้งคู่เลยค่อนข้างจะเด่นและดึงดูดมากกว่าจุดนี้ แถมยังได้ประโยชน์จากจุดนี้ไปช่วยสนับสนุนความรักของทั้งคู่กลายๆ

จุดที่ชอบในเล่มคงเป็นปมภูมิหลังและความรู้สึกขาดความรักของทิม ดาร์กดี ส่วนคาเรคเตอร์คิดว่าทิมเนี่ยเป็นพระเอกที่พระเอ๊ก พระเอก แสนเพอร์เฟ็ค เก่ง เอาตัวรอดจากการเป็นเด็กจรจัดมาได้หลายปีโดยที่ยังไม่ได้ก้าวไปสู่โลกมืดมากนัก สร้างสามารถก่อร่างสร้างตัวและสร้างบริษัทขึ้นมาได้โดยที่ไม่ได้เรียบจบสูงอะไร พอเจอนางเอกก็รักนางเอกมาก ประเด็นนี้ได้เรื่องราวในอดีตมาสนับสนุนเลยโอเคนะ ตอนแรกที่เหมือนจะเป็นผู้ชายเย็นชาไม่เคยรักใคร พอมาเจอนางเอกแล้วอยากบอกว่าอันนี้ไม่ใช่เย็นชานะ เป็นรักนะแต่ไม่รู้จะแสดงออกยังไง น่ารักดีอะ แรกๆ เหมือนจะซึนแต่ก็ไม่ใช่ เพราะรุกหนักมาก แถมหวานซะ คนอ่านเหมือนนั่งกลางโรงงานน้ำตาล >_<

โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นผลงานของนักเขียนหน้าใหม่ที่เปิดตัวได้ดีนะคะ ในความรู้สึกส่วนตัวก็ชอบนะ เนื้อเรื่องจนจบแล้วให้ความรู้สึกแบบ feel good มากกว่าเป็นเรื่องเครียดๆ แบบเรื่องย่อบนปกหลัง จบจากเล่มนี้ยังมีตัวละครที่กระโดดไปมีเรื่องราวแยกเป็นของตัวเองอีกนะคะ ซึ่งคือเจ พี่ชายของจีน ก็คิดว่าจะตามไปอ่านต่อนะ

ในเรื่องนี้จุดที่อ่านแล้วไม่อินที่สุดคือโปรแกรม Line ค่ะ นี่สารภาพเลยว่าไม่เล่น Line -_-ll สติ๊กเกอร์อะไรเราไม่เคยมี ไม่เคยดาวน์โหลด ตกยุคตกสมัยมากค่ะ OTL

อ้อ ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนจขบ.บ้างแต่เวลาเจออะไรที่มันลงรายละเอียดแบบที่ชัดเจนเกินไปมันจะเกิดคำถามขึ้นมา อย่างการจัดกิจกรรมที่ลานปาร์คพารากอน อ่านแล้วเอ๊ะ ทำไมต้องปาร์คพารากอน ไปจัดกันหน้า CTW ได้ไหม ส่วนถ้าเป็นอะไรที่ลงรายละเอียดแบบร้านขนมฝรั่งเศสในห้างสรรพสินค้าหรู ก็จะเดามั่วเอาสนุกว่ามันจะใช่ Lenotre พารากอนปะอะ ร้านขนมฝรั่งเศสมันมีอะไรบ้างอะ บางทีก็ตลกตัวเองค่ะ





Create Date : 15 ธันวาคม 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 16:38:27 น.
Counter : 1162 Pageviews.

7 comment
เล่ห์ลุนตยา - พงศกร

ขออนุญาตกรีดร้องเบาๆ ก่อนเข้าเอนทรี่ คือพิมพ์ไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วเผลอกดปุ่ม back ผลคือหายวับ ชูปีดูวับทั้งหมดเลยค่า น้ำตาจะไหล T.T มันเป็นฟีลลิ่งที่แบบถึงจะพิมพ์ใหม่ก็ไม่ได้อารมณ์เท่าเดิม Y_Y

โอเคค่ะ กลับมาที่เรื่องราวของเรา

เล่ห์ลุนตยาเป็นผลงานผีผ้าเล่มล่าสุดของคุณหมอพงศกรค่ะ ในฐานะที่พยายามสะสมผีผ้าให้ครบ สำหรับเล่มนี้ก็ไม่พลาดแน่นอนค่ะ (ผีผ้าที่ขาดไปในคอลเลคชั่นตอนนี้มีอยู่เล่มเดียวคือรอยไหมค่ะ มันช่างแรร์ไอเท็มมากๆ) ลุนตยาในที่นี้เป็นผ้านุ่งของพม่าค่ะ ดังนั้นเหตุการณ์ในเรื่องจึงใช้พม่าสมัยช่วงต้นยุค 2520 เป็นฉากหลัง เล่าสลับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตสมัยก่อนที่ราชวงศ์อลองพญาของพม่าจะล่มสลายลงในช่วงปี 2425 โดยวิญญาณแค้นที่สิงอยู่ในผ้าลุนตยาคือวิญญาณของเจ้าหญิงมินพยู เจ้าหญิงโฉมงานผู้เป็นเจ้าของลุนตยาอาถรรพ์คนแรก

ลุนตยาผืนนี้ถูกทอโดยยายเอละวิน ยายของเอลดาตัวเอกของเรื่อง เมื่อสมัยยังสาวยายเอละวินเป็นข้าหลวงในตำหนักของเจ้าหญิงมินพยู ด้วยเหตุผลใดไม่มีใครทราบข้าหลวงที่ถักทอลุนตยาได้งามที่สุดกลับสูญเสียดวงตาเป็นเพียงหญิงตาบอด ความสงสัยนี้เก็บงำอยู่ในใจของเอลดาไม่คลาย

อาถรรพ์แรกของลุนตยาเกิดขึ้นเมื่ออะพินยาเพื่อนของเอลวินถูกดึงเล็บยา(ขวัญหรือจิตของมนุษย์)ออกไป กลายเป็นเด็กบ้า แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดเกิดขึ้นอีกเมื่อเอลดาได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษท่ามกลางความไม่เห็นด้วยและดูแคลนของเลธะจีผู้เป็นน้าชาย

หลายปีผ่านไปเอลดาสำเร็จการศึกษากลับมาทำงานใช้ทุนที่สถาบันผ้า การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้มีเพื่อนร่วมโรงเรียนติดตามมาเพื่อเดินทางท่องเที่ยวด้วย ในกลุ่มนี้ก็คือภุมรี แทนไท และแอนโธนี ตัวแอนโธนีคนนี้จะเป็นเหตุสำคัญให้วิญญาณแค้นของเจ้าหญิงมินพยูตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

การกลับมาครั้งนี้ของเอลดาไม่ได้ราบรื่นไปทุกอย่าง เมื่ออูซอรีนายทหารของกองทัพพม่าได้ติดตาต้องใจและปรารถนาในตัวของเอลดา ทั้งๆ ทีตัวเขามีภรรยาอยู่แล้วซ้ำยังเกี่ยวดองเป็นน้องเขยกับเอลดา อูซอรีวางแผนลวงให้เอลดามาทำงานให้กับรัฐบาลที่เมืองอินเล เพื่อนๆ ของเอลดาไม่ปล่อยให้เอลดาเดินทางไปคนเดียว ทั้งหมดต่างเดินทางไปที่อินเลด้วยกัน รวมถึงหมอติณณ์เทพ เพื่อนชายข้างบ้านที่มีความห่วงใยให่แก่เอลดามาตั้งแต่เยาว์วัย

ก่อนที่จะออกเดินทางไปอินเล เอลดาได้รู้ประวัติของลุนตยาผืนสุดท้ายที่ผู้เป็นยายทอ เจ้าของลุนตยาผืนนี้คือเจ้าหญิงมินพยู เจ้าหญิงที่แสนงามและเป็นที่โปรดปรานของพระนางสุภยลัต ความงามและความเมตตาที่ได้รับก่อให้อีกฝ่ายหนึ่งบังเกิดจิตริษยา จนสุดท้ายกลายเป็นเรื่องราวเมื่อเจ้าหญิงมินพยูถูกใส่ความว่าลักลอบติดต่อกับนายพันโทเดวิดแห่งกองทัพอังกฤษผู้เป็นปู่น้อยของแอนโธนี 

เหตุการณ์ที่อินเลเริ่มรุนแรงเมื่อเอลดาถูกอูซอรีใช้กำลังบังคับขืนใจแต่หมอติณณ์เทพเข้ามาช่วยไว้ได้ ขณะที่แทนไทก็แยกไปช่วยภุมรี ด้วยอำนาจของพระพุทธคุณและสิ่งศักสิทธิ์ทั้งคู่สามารถช่วยเอลดาและภุมรีได้ และต่างแยกย้ายกันหนีไป แทนไท ภุมรีและแอนโธนีหลบหนีโดยการใช้รถยนต์ ขณะที่หมอติณณ์เทพพาเอลดาหนีไปทางเรือ เป้าหมายของทั้งสองกลุ่มคือการกลับไปที่บ้านของเอลดาในมัณฑะเล อูซอรีเองก็ติดตามหาตัวเอลดาอย่างไม่ลดละ

กลุ่มของแทนไทเดินทางกลับมาถึงมัณฑะเลก่อน และวิญญาณของเจ้าหญิงมินพยูเข้าสิงภุมรีอีกครั้ง เจ้าหญิงต้องการทวงคืนความยุติธรรมโดยการแลกกับชีวิตของแอนโธนี่ สายเลือดของพันโทเดวิดที่ทำให้เจ้าหญิงมินพยูต้องโทษถึงแก่ชีวิต แอนโธนี่ผู้เข้าใจความเจ็บปวดของเจ้าหญิงยอมรับความตายโดยดี กลับเป็นเจ้าหญิงมินพยูที่ลังเลในการเอาชีวิตของแอนโธนี่ ประกอบกับโยดะยาเปียงทูนจีเกลี้ยกล่อมเจ้าหญิงมินพยู ท้ายที่สุดวิญญาณแค้นของเจ้าหญิงสามารถปล่อยวาง ปลดปล่อยแอนโธนี่ให้เป็นอิสระ ยุติความคั่งแค้นในที่สุด


ความรู้สึกหลังอ่าน ...

เอิ่ม ขอบอกว่าแอบเงิบกับฉากวิญญาณแค้นเจ้าหญิงมินพยูอาละวาดในบ้านเอลดาค่ะ ที่เงิบเนี่ยเพราะเรื่องราวมันดูก่อตัวรุนแรงตั้งแต่ตอนอยู่ในอินเล เจ้าหญิงเก็บสะสมเล็บยาเพื่อจะมาแก้แค้น สุดท้ายไปๆ มาๆ เกิดปลงขึ้นมาได้ ปลดปล่อยแอนโธนี่แล้วไปที่ชอบๆ ทิ้งให้คนอ่านเงิบเบาๆ ว่าที่ลงทุนลงแรงมาทั้งหมดมาจบอีรูปแบบนี้ คนอ่านเหวอนิดๆ จะว่าเข้าใจก็เข้าใจว่าผู้เขียนคงไม่อยากให้เกิดการสูญเสียในเรื่องอีกแต่มันก็ให้ความรู้สึกของการปาหมอนว่าเอาแบบนี้เลยนะ O_oll

มีจุดที่อ่านแล้วติดใจอยู่บ้างค่ะ อย่างประเด็นของเล็บยา คนแรกที่ถูกเจ้าหญิงมินพยูเอาเล็บยาไปคืออะพินยาเพื่อนของเอลดาในวัยเด็ก ภายหลังจากที่เจ้าหญิงเอลดาคืนเล็บยาให้แล้วอะพินยาก็กลับมามีพัฒนาการอีกคน แต่ แต่ แต่ว่าในเรื่องไม่ได้พูดถึงนายทหาร 2 รายและหญิงสาวในค่ายทหารที่อินเลที่ถูกเอาเล็บยาไป จุดขัดแย้งมันอยู่ตรงนี้ค่ะ คืออะพินยาแค่เป็นบ้าแต่ 3 รายหลังกลายเป็นศพ การพบศพในค่ายทหารไม่ใช่เรื่องเล็ก มีการตามหาตัวฆาตกรเหมือนกันแต่สุดท้ายประเด็นนี้ก็ไม่ได้รับการกล่าวถึง ดังนั้นภุมรีในความรู้สึกคนอ่านเลยมือเปื้อนเลือดกลายๆ แม้จะบอกว่าทำไปเพราะไม่รู้สึกตัว มีวิญญาณของเจ้าหญิงมินพยูสิง ภายหลังจากหลบหนีออกจากค่ายทหาร ประเด็น 3 ศพนี่ก็ถูกตัดทิ้งไปเลย ทั้งๆ ที่ตัวแทนไทก็เห็นคาตาว่ามีศพอยู่กับภุมรีตอนที่เข้าไปช่วยหญิงสาว สิ่งที่ขาดไปในจุดนี้คือความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกที่ต้องรับผิดชอบของตัวละครค่ะ ผลคือคนอ่านรู้สึกว่ามันขาดเหตุขาดผลที่ควรจะเป็นไป

หรือฉากสุดท้ายที่คนขับรถบอกว่าเห็นผู้หญิง ซึ่งคือวิญญาณของเจ้าหญิงมินพยูติดไปกับผ้าลุนตยาที่เอละวินยกให้ภุมรี มันก็ขัดกับฉากในตอนที่เจ้าหญิงมินพยูจากไป คนอ่านงงว่าตลกดวงวิญญาณของเจ้าหญิงมินพยูจะไปสู่วัฏสงสารหรือจะติดไปกับผ้ากันแน่ เอาไงคะพี่  

พระนางตัวจริงของเรื่องเอลดา/ติณณ์เทพ คู่นี้ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์ผ้าสักเท่าไหร่ ความซวยเลยไปตกกับภุมรี/แทนไทเต็มๆ คู่นี้ได้เล่นบทสนับสนุนแต่ก็เป็นบทสนับสนุนหลักที่ช่วยผลักดันเรื่องราว นัยว่าถ้าไม่มีภุมรี วิญญาณเจ้าหญิงมินพยูคงไม่ได้อาละวาด ส่วนคู่เอลดา/ติณณ์เทพก็ปล่อยให้เค้าหวานกันไปเถอะ แทนไทในเรื่องสามารถสัมผัสสิ่งที่มองไม่เห็นได้แต่ก็ไม่มีความสามารถในการควบคุมพลังของตัวเอง ดังนั้นเจ้าตัวยังต้องพึ่งพาให้ติณณ์เทพและพ่อ(ที่ก็มีญาณพิเศษ)สอนการควบคุมพลังของตัวเอง

ในส่วนข้อมูล รายละเอียดเสริมต่างๆ ค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะกับผ้าพม่า ในเรื่องผู้เขียนใส่เรื่องราวเพื่อบอกเล่าความงามและความน่าสนใจของผ้าพม่า ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ชอบค่ะ ส่วนจุดอื่นที่ชอบเป็นฉากย่อยๆ ของเรื่อง เช่นฉากที่เลธะจีมาลาแม่ เป็นฉากหนึ่งที่แสดงความรักของแม่ลูกและคนในครอบครัว

ฉากที่อูซอรีตามล่าเอลดาและติณณ์เทพมาถึงโรงพยาบาล ฉากนี้ขำมากถึงมากที่สุด เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องที่ตลกมากอะ ถึงมันจะฮาเอาจริงแต่ก็ช่วยแก้ไขปัญหาให้จบด้วยดี อีกนัยนึงก็สะท้อนความเป็นพ่อแม่รังแกฉันของอูซอรีได้ดีที่สุด อูซอรีเลยกลายเป็นตัวร้ายที่ epic fail ที่สุดที่เจอมา

ฉากใกล้จบของเรื่องที่โยดะยาเปียงทูนจีพาชาวคณะไปกราบไหว้พระสถูปของพระเจ้าอุทุมพร จุดนี้ทำให้เก็ทว่าทำไมติณณ์เทพต้องมีเชื้อสายไทย อ๋อ มันแบบนี้นี่เอง ถ้านี่เป็นความตั้งใจของผู้เขียนโดยตรงก็นับว่าผูกเรื่องได้แหล่มเลย

ส่วนตัวคิดว่าโครงเรื่อง การผูกเรื่อง การเล่าเรื่อง รายละเอียดต่างๆ ผู้เขียนทำได้ดีค่ะ (เรื่องของผ้าต่างๆ เรื่องราชวงศ์อลองพญา เรื่องเชื้อสายโยเดียของติณณ์เทพ) แต่มีหลายจุดและหลายฉากที่ขาดความสมเหตุผลซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยและอารมณ์ในการอ่านก็พลอยชะงักงัน ผีเจ้าหญิงไม่น่ากลัว ตอนแรกที่โผล่มาด้วยสภาพที่บรรยายออกมาแล้วขนแขนสแตนอัพ หลังจากนั้นก็ชิลด์ๆ การเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมของเจ้าหญิงมินพยูทำให้รู้สึกเศร้าใจได้ไม่สุด ไม่แน่ว่าเพราะตัดไปตัดมาหรือฉากเฉลยเรื่องมันรวบรัดตัดจบไปกันแน่

อืม ในบรรดาผีผ้าด้วยกัน (ไม่นับรอยไหมเพราะยังหาซื้อไม่ได้ แรร์ ไอเท็มแท้) ยังหาเล่มที่เนื้อเรื่องจี๊ดใจสุดๆ ไม่เจอค่ะ เล่ห์ลุนตยาก็อยู่ในระดับเดียวกับเล่มอื่นๆ ส่วนตัวที่ติดตามผีผ้าเพราะเสน่ห์ของผ้าในแต่ละเล่มค่ะ คิดว่ามันเป็นจุดเด่นมากๆ ของซีรี่ย์นี้ค่ะ





Create Date : 05 ธันวาคม 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 16:40:06 น.
Counter : 1434 Pageviews.

13 comment
จุมพิตไม่ปรารถนา - พลิ้วอ่อน

**SPOILER ALERT





เอิ้ว ออกตัวแรงเลยว่าไม่ใช่คอโรแม้ง 18+ นิยายผู้ใหญ่ค่า ปัญหาหลักๆ ของเราคือถ้าเป็นนิยายแนวนี้แล้วภาษาไม่ได้ บทบรรยายหยาบกระด้าง อ่านแล้วจะเกิดอาการอยากซัดหนังสือทิ้งทันทีค่ะ โดยเฉพาะกับนิยายผู้ใหญ่ของไทยนี่แหละ เจอมาเยอะ เขวี้ยงทิ้งมาแยะเช่นกัน นานๆ จะหานักเขียนที่ใช่ สำหรับคุณพลิ้วอ่อน เราเคยผ่านงานของเธอมาเล่มเดียวแต่จากความประทับใจในเล่มนั้นก็ทำให้เราไว้ใจเลือกงานของเธอมาอ่านอีกหน

จุมพิตไม่ปรารถนา ... เป็นเรื่องราวของจุมพิตรากับฟรานที่จับพลัดจับผลูร่วมทริปอิตาลีด้วยกัน ใช่ว่าทั้งคู่ไม่รู้จักกันมาก่อนนา ฟรานเป็นเพื่อนของพี่ชายค่ะแล้วทั้งคู่ยังมีความหลังฝังลึกในใจเมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น แต่ด้วยจังหวะชีวิตทำให้ต้องจากกันไป มาเจอกันอีกก็ตอนก่อนขึ้นเครื่องบินไปอิตาลีนี่แหละ

อิตาลีกับหนุ่มสาวที่มีความหลังฝังใจสุดท้ายมันก็เกิด something wrong ขึ้นมาจนได้ค่ะ ทั้งจุมพิตราและฟรานไม่อาจปฏิเสธว่ามีความรู้สึกลึกซึ้งกับอีกฝ่าย ปัญหาคือทั้งคู่ต่างมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วทั้งคู่ มิหนำซ้ำคู่หมั้นของฟรานก็กำลังมีเด็กน้อยในครรภ์ จุมพิตราไม่สามารถทำลายครอบครัวหนึ่งลงได้และตัวเธอก็มีคู่หมั้นที่แสนดีเฝ้ารออยู่เช่นกัน

เนื้อเรื่องง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน อ้อ มีซิ เรื่องคู่หมั้นแต่มันก็ไม่ได้ซับซ้อนดราม่ามาก เอาว่าอ่านจบแล้วมีทั้งจุดที่ชอบและไม่ชอบปนเปกันไปค่ะ

เอาจุดที่ชอบก่อนนะ คือคุณพลิ้วอ่อนยังใช้ภาษาได้ดีเช่นเคย อ่านได้ลื่นไหลเพลินดีค่ะ บทบรรยายระหว่างที่พระนางไปเที่ยวอิตาลี บทสนทนาของทั้งคู่ก็อ่านสนุก อ่านแล้วอยากไปเที่ยวอิตาลี >_< เราชอบที่คนเขียนวางเรื่องราวสมัยเด็กเอาไว้ ทำให้เรารู้สึกว่าทั้งคู่มันมีอะไรเกี่ยวพันอยู่ลึกๆๆๆในหัวใจ มันสลัดไม่หลุดและรอวันที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเพื่อบอกว่าเราเป็นของกันและกัน มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากความรักหรือความสัมพันธ์ฉาบฉวยเพียงชั่วครู่

จุดที่ไม่ชอบ ... ก็ตรงทั้งคู่มีคู่หมั้นด้วยกันแล้วทั้งคู่นั่นแหละค่ะ ถึงจะบอกว่าไม่ได้รัก ไม่ได้มีใจให้ แต่มันก็คือพันธะแหละ แล้วการมีสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นมันก็คือเรื่องผิด เอาว่าถ้าไม่ได้ห้อยป้ายพระเอกนางเอก มันก็คือชู้ดีๆ นี่แหละค่ะ จุดนี้เลยเป็นจุดใหญ่ๆ จุดเดียวที่ตะขิดตะขวงใจ แถมยังแอบสงสารคู่หมั้นของนางเอกเบาๆ เป็นคนดีที่ไม่ใช่แถมถูกพี่ชายนางเอกหมั่นไส้ โถ น่าสงสารพ่อคุณ ส่วนคู่หมั้นพระเอกก็หาทางลงได้ดีค่ะ ดีกว่าฝ่ายนางเอกแหละนะ

โดยรวมคือชอบค่ะถ้าไม่ติดไอ้ข้อเสียข้อเดียวอันนั้นคงชอบหมดใจเลยแหละค่ะ ยังโอเคกับงานคุณพลิ้วอ่อน ถ้ายังไงจะหาเล่มอื่นๆ มาอ่านค่ะ หุหุ






Create Date : 25 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 16:49:10 น.
Counter : 1818 Pageviews.

9 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

a murder suicide
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



fat NEET and sometimes Hikki.
living in the small and blind world, kind of closed mind, a light level of bipolar, not much friendly with human.



All Blog