Group Blog
 
All blogs
 

Review : เจลวิตามินบำรุงผม Oriental Princess Cuticle Hair Treatment ดูแลผมให้นุ่มลื่นได้ในราคาน่าคบ

  พบกันในหมวดของเรื่องผมอีกแล้ว Smiley
บล็อคนี้จะมารีวิวผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมกัน
แต่ก่อนอื่นขอมาเล่าเรื่องของเส้นผมให้ฟังกันสักนิดนะจ๊ะ



โครงสร้างของเส้นผมของคนเราจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น
คือ Medulla , Cortex  และ Cuticle     
ที่ชั้นด้านนอกสุดคือ Cuticle หรือที่เราเรียกกันว่า เกล็ดผม
มีเป็นลักษณะเกล็ดแข็งๆเรียงตัวกันคล้ายเกล็ดปลาซ้อนกันเป็นชั้นๆ 5-7 ชั้น
ทำหน้าที่ปกป้องแกนผมด้านในโดยจะถูกเคลือบด้วยไขมัน (lipids)
ซึ่งเป็นกลไกทางธรรมชาติของหนังศีรษะที่จะผลิตไขมันออกมาเคลือบ
เพื่อทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมและถนอมสุขภาพของเส้นผม

แต่ปัจจัยต่างๆในชีวิตประจำวันของเรานั้นมีผลทำร้ายเส้นผมมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม ฝุ่นควัน มลพิษ แสงแดด
รวมถึงการทำเคมี หรือความร้อนจากการจัดแต่งทรงผม
ที่สาวๆอย่างเราต้องโดนแน่ๆละจากไดร์เอย ที่รีดที่ม้วนเอย
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ก็ส่งผลให้เกล็ดผมของเราสูญเสียสมดุลตามธรรมชาติ
และเกิดเป็นปัญหาผมแห้งเสียในที่สุด!!!



จากโครงสร้างและสาเหตุของการเกิดปัญหาผมแห้งเสียที่เล่ามาทั้งหมด
จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของ Oriental Princess
ในไลน์ที่ชื่อว่า "CUTICLE HAIR TREATMENT "
ตามชื่อเลยก็คือเน้นการบำรุงให้ความชุ่มชื่นปรับสมดุลให้กับชั้นเกล็ดผม
โดยเน้นส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดจากพืชพรรณธรรมชาตินั่นเองจ้า

ซึ่งเค้ามีผลิตภัณฑ์มาครบตั้งแต่
แชมพู, คอนดิชันเนอร์, ทรีทเมนต์มาส์ก, เจลวิตามินบำรุงผม
แถมยังมีให้เลือกตามสภาพเส้นผมอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น
สำหรับผมธรรมดา (Normal Hair) , สำหรับผมยาว (Long Hair),
สำหรับผมแห้งเสียจากการทำเคมี (Damaged Hair),
สำหรับผมดัด (Permed Hair) และสำหรับผมชี้ฟู (Fluffy Hair)


สูตรในภาพที่ทางแบรนด์ส่งมาให้เค้าลองคือ
Oriental Princess
Cuticle Hair Treatment Restorative Complex
For Damage Hair

เป็นสูตรสำหรับผมแห้งเสียจากการทำเคมี
แต่ละสูตรสังเกตุความแตกต่างได้จากลายที่ขวด
สูตรนี้จะเป็นลายเส้นผมแบบแตกปลาย เห็นแล้วช้ำใจ Smiley
เลือกมาให้ได้เหมาะกับสภาพผมที่ผ่านการทำสีโดนเคมีมาอย่างโชกโชนมาก



ซึ่งตัวที่เค้าได้ลองใช้และจะนำมารีวิวให้ชมกันก็คือ

Oriental Princess
-----------------------------
Concentrated Cuticle Hair Treatment
Repairing Formula Plus Sunscreen

For Damaged Hair

ผลิตภัณฑ์เจลวิตามินบำรุงเส้นผมผสมสารป้องกันแสงแดดสูตรสำหรับผมเสีย

-------------------------------------------------------------------------------

ขนาด 125 ml ราคา 295 บาท
มีขายที่ช็อป OP ทุกสาขาจ้า



ส่วนผสมหลักของเค้าคือน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติได้แก่....

SUNFLOWER SEED OIL : น้ำมันสกัดจากเมล็ดของดอกทานตะวัน
มีส่วนประกอบสำคัญ คือ วิตามินเอและอี ช่วยคงความชุ่มชื่นให้กับเส้นผม
และทำให้ผมนุ่มน่าสัมผัส และยังมีคุณสมบัติเป็น Natural  Sunscreen อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Jojoba Oil  มีวิตามินอีสูงให้ความชุ่มชื่น
Evening Primrose Seed Extract ช่วยฟื้นฟูผมเสียให้แข็งแรงขึ้น

***สิ่งที่อยากให้สังเกตและชื่นชมมากๆคือสัญลักษณ์เล็กๆขวามือด้านล่าง
ที่เป็นรูปกระต่ายคือเป็นการแสดงว่า We never test on animals
คือผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ทำการทดลองในสัตว์
และ อีกสัญลักษณ์นึงคือ Reuse Recycle
หมายถึงบรรจุภัณฑ์สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
ถือเป็นแบรนด์ไทยที่น่าสนับสนุกมากๆรักสัตว์รักโลก เยี่ยมอ้ะ! Smiley




เนื้อและกลิ่นของผลิตภัณฑ์

เค้าบอกตัวนี้เป็นเนื้อเจลวิตามินซึ่งจะดูคล้ายออยใสๆไม่มีสี
กลิ่นหอมอ่อนๆ เท็กซ์เจอร์จะมีความข้นหยุ่นนิดๆไม่เหลวมากจ้า



วิธีการใช้สามารถใส่ได้ทั้งตอนผมเปียกและผมแห้ง
อย่างผมเค้าผ่านสมรภูมิมาเยอะทั้งฟอก ทั้งทำสี
เค้าจะใช้แบบสองขั้นตอนเลย คือหลังสระซับผมให้หมาด
กดเจลวิตามินมาประมาณ 1-2 ปั๊มกะตามความยาวผมเอาเนอะ
แล้วนวดๆลงบนเส้นผมเน้นส่วนปลายผมที่แห๊ง แห้ง
แต่เค้าจะลงแค่จากบริเวณกลางผมลงมาถึงปลายผมนะ
เพราะเค้าเป็นคนโคนผมมันง่ายตรงโคนไม่ค่อยมีปัญหาผมแห้งอยู่ละ
การบำรุงในจุดที่ใกล้ๆโคนผมมากไปจะทำให้โคนมันไวเกินเหตุ
ก็เลยจะเน้นบำรุงที่กลางถึงปลายผมซึ่งเป็นจุดที่จะแห้งเสียมากกว่าจ้า



ใส่เจลวิตามินเรียบร้อยก็ทำการเป่าผม
ตัวเจลวิตามินก็จะช่วยปกป้องเส้นผมลดการสูญเสียความชุ่มชื้นจากความร้อนไปในตัว
ซึ่งตอนผมหมาดๆหน่อยเค้าว่าเวลานวดๆตัวเจลวิตามินมันจะซึมผมได้ไวดีมาก
คือแบบปลายผมมันแห้งจริงอะไรจริง 555 ที่ผมจะไม่เหลือความมันเหนอะหนะเลย
แต่ที่มือก็มันนิดหน่อยค่อยไปล้างสบู่ออกเอานะจ๊ะ
แนะนำเทคนิคการเป่าผมให้แห้งแบบไม่ทำให้ผมชี้ฟูและดูแห้งเสียให้
วิธีที่เค้าทำมานานแล้วคือใช้ไดร์ที่มีวัตต์สูงๆเพื่อเป่าให้ผมแห้งไวที่สุด
โดนความร้อนในระยะเวลาน้อยที่สุด โดยเป่าผมให้ลู่ลงในทิศทางเดียว
ไม่เป่าแบบสะเปะสะปะ ถือไดร์แบบคว่ำลงไม่เป่าแบบหันไดร์จ่อไปที่ผมโดยตรง
การเป่าแบบนี้จะทำให้เกล็ดผมไม่กระเจิดกระเจิง พอเป่าไดร์ร้อนจนแห้งเสร็จ
ก็เป่าปิดท้ายด้วยลมเย็นอีกครั้ง วิธีนี้จะทำให้ผมดูทิ้งตัวสวยเรียงเส้นไม่ชี้ฟูจ้า



หลังเป่าผมแห้งดีเค้าจะกดเจลวิตามินออกมาอีกซัก 1/2 - 1 ปั๊ม
แล้วนวดเน้นบริเวณกลางถึงปลายผมอีกครั้ง เน้นนวดๆที่ปลายเยอะหน่อย
เป็นการล็อคความชุ่มชื่นเอาไว้ ซึ่งเมื่อผมแห้งแล้วจะไม่ใส่เจลวิตามิน
ในปริมาณที่เยอะเกินไป แม้ตัวเจลจะซึมได้ดีแต่จะทำให้ผมหนักเซ็ตทรงได้ยากจ้า
ระหว่างวันถ้าออกไปเผชิญกับสภาพแวดล้อมต่างๆแล้วรู้สึกผมแห้งค่อยใส่เพิ่มเอาเน่อ



ท๊าดา....สภาพผมหลังเป่าเสร็จโดยใช้เจลวิตามินใส่ทั้งตอนผมเปียกและผมแห้ง
จะเห็นว่าไม่ได้ทำให้ผมดูมันเหนอะหนะแต่อย่างใด ดูขึ้นเงาและเรียงเส้นสวยงาม
สำหรับเค้าสิ่งที่สังเกตได้คือจับแล้วผมนุ่มลื่นดี เวลาผมลื่นๆจับแล้วเพลินดีเนอะมันฟิน Smiley

***สีผมเค้าคือสีโทนแอชบราวมีช่อไฮไลท์โทนชมพูม่วง
เป็นสีเฉพาะที่เกิดจากการผสมสี ทำที่ร้าน Mark Thawin
ไม่ใช่สีสำเร็จรูปและต้องทำการฟอกสีก่อนค่ะถึงจะได้โทนประมาณนี้




สรุปเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมในรูปแบบเนื้อเจลวิตามินที่คุณภาพดีในราคาที่น่าคบหา
ขวดบะเริ่มราคาไม่ถึงสามร้อยบาทขวดนึงใช้จนลืมเลย
แถมถ้ามีบัตรสมาชิก Oriental Princess Society ทุกวันพฤหัสที่เป็น OPS Day ของเรา
ซื้อชิ้นแรกลด 15% ชิ้นที่สองลดได้ 50% ด้วย เหลือขวดไม่กี่บาทเองคุ้มมากมาย
เทียบราคากับคุณภาพแล้วคือดีงาม ผมนุ่มลื่นมากมาย
แต่เค้าว่าสูตรนี้เหมาะกับคนผมแห้งเสียจริงๆนะเนื้อมันค่อนข้างข้น
ถ้าผมไม่เยินมากใส่แต่น้อยก่อนเดี๋ยวจะทำให้ผมหนักไป
แต่ถ้าให้ดีคือเลือกสูตรที่เหมาะกับผมเราที่สุดจะให้ผลดีสุดจ้า

แถมท้ายไว้ให้กับการตอบปัญหาที่หลายคนคาใจ
"ผมแห้งเสียแบบแตกปลายทำอย่างไร?"
บอกเลยค่ะว่ามีวิธีเดียวค่อยๆเล็มตรงที่แตกปลายทิ้งไป
พักผมลดการทำเคมี รวมถึงการใช้ความร้อนในการจัดแต่งทรงลงบ้าง

แล้วบำรุงปลายผมให้เต็มที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผมแห้งเสีย
ปลายผมจะดูดีขึ้นได้จริงๆค่ะ แต่ถ้าดื้อและฝืนไม่ยอมเล็มทิ้ง
ผมที่แห้งมันจะยิ่งแตกปลายสูงขึ้นทำให้ผมพังมากขึ้นขู่ไว้เลย!
ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดๆทำให้ปลายผมที่แตกปลายแล้วให้กลับมาประสานกันได้ค่ะ

-------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณ
Oriental Princess ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมาให้ทดลองนะค้า
รายละเอียดข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเข้าไปชมหรือสอบถามได้ที่

www.orientalprincesssociety.com

https://www.facebook.com/orientalprincesssociety


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่Smiley




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2557    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2557 4:06:31 น.
Counter : 48843 Pageviews.  

Review : Philips ActiveCare ไดร์เป่าผมและเครื่องหนีบผมนวัตกรรมล้ำจากฟิลิปส์ [มีฮาวทูทำผมด้วยนะจ๊ะ]

  สวัสดีค่าบล็อคนี้จะมาชวนสาวๆอัพเดทไอเท็มเด็ดๆในการทำผมกัน
สืบเนื่องมาจากทรายได้ไปร่วมเวิร์คชอปสนุกๆ
กับทางแบรนด์ Philips ในงาน
Be Fabulous with Philips
แล้วได้รับผลิตภัณฑ์จัดแต่งผมมาสองชิ้น ซึ่งเค้าได้ลองหัดใช้ในเวิร์คชอปแล้ว
จัดว่าเป็นไอเท็มเด็ดที่มีนวัตกรรมที่น่าสนใจและมีวิธีใช้ที่ง่ายมากมาย
เลยขอมาเขียนบล็อครีวิวและแถมด้วยฮาวทูทำผมแบบง่ายๆให้ชมกันจ้า Smiley



สองไอเท็มเด็ดที่ว่าก็คือ......

เครื่องเป่าผมและเครื่องหนีบผม
Philips ActiveCare


อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมของฟิลิปส์ในกลุ่ม ActiveCare
จะเน้นในเรื่องการดูแลเส้นผมด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของเค้า
เหมาะกับสาวๆทุกคนที่กังวลว่าการจัดแต่งผมด้วยความร้อน
จะทำให้ผมแห้งเสียหรือไม่นั่นเองค่ะ มาดูรายละเอียดของแต่ละตัวกันเลยค่ะ



เครื่องเป่าผม
Philips Active Care
รุ่น HP8270


----------------------------------------------------------------------

ราคา 3,490 บาท

หาซื้อได้ตามโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปค่ะ




ในกล่องจะมีเครื่องเป่าผม พร้อมหัวเป่าผม 2 แบบถอดเปลี่ยนได้
หัวแบบด้านซ้ายใช้สำหรับเป่าผมทั่วไป
หัวแบบด้านขวาเหมาะสำหรับหยิก หรือผมดัด
เป็นการเป่าแบบยกลอนเพื่อให้ให้ลอนผมคลายตัวค่ะ



คู่มือการใช้พร้อมใบรับประกันสินค้า รับประกันสินค้าเป็นระยะเวลา 2 ปี
แต่ถ้าสินค้ามีปัญหาภายใน 7 วันสามารถเปลี่ยนสินค้าใหม่ได้เลยจ้า
โดยใช้ใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน



รายละเอียดข้อมูลด้านเทคโนโลยี
ของผลิตภัณฑ์

TempPrecision sensor
เซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้นของเส้นผมเมื่อผมเริ่มแห้งเซนเซอร์อัจฉริยะ
จะปรับอุณหภูมิความร้อนลดลงอัตโนมัติทำให้ผมมีสุขภาพดี

Ceremic Element
ช่วยปล่อยความร้อนอินฟราเรดมีคุณสมบัติให้ความร้อนที่พอเหมาะ
ทำให้ผมแห้งจากแกนผมออกสู่ภายนอก

Event Heat Distribution
การกระจายความร้อนอย่างทั่วถึงจึงไม่ทำให้ผมส่วนใดส่วนหนึ่ง
โดนความร้อนเกินขนาดจนหนังศรีษะร้อน

Ionic Care
ปล่อยประจุไฟฟ้าลบ เพื่อบำรุงเส้นผม ให้ผมเงางาม ไม่ชี้ฟู



จัดว่าเป็นเครื่องเป่าผมขนาดค่อนข้างใหญ่
กำลังไฟสูงคือ 2300W ซึ่งอยากบอกว่าโดนใจเจ้มาก!!! Smiley
ไดร์ปกติทั่วๆไปที่เราใช้กันจะประมาณ 1000W-1600W
ซึ่งสำหรับคนผมยาวแบบเค้ากว่าจะเป่าแห้งมันนานมาก เป่าจนเบื่อไม่แห้งซักที
เค้าเลยใช้ไดร์สองพันวัตต์อัพๆ ไซส์แบบที่ใช้ตามซาลอนมานานแล้ว

หลายคนจะเข้าใจผิดว่าไดร์ที่กำลังไฟสูงจะทำให้ผมเสียมากกว่า
อยากแก้ข่าวนะจ๊ะว่ามันไม่จริง การที่ใช้ไดร์กำลังสูงทำให้ผมแห้งไวกว่า
ใช้ระยะเวลาที่ผมต้องสัมผัสความร้อนน้อยกว่าจึงทำให้ผมแห้งเสียน้อยกว่าจ้ะ
รวมถึงถ้าเป็นไดร์ที่มีนวัตกรรมที่ช่วยดูแลเส้นผมด้วยก็จะช่วยเซฟสุขภาพผมได้มากฮะ

ปุ่มจะมีทั้งหมด 5 อย่าง แถมตรงกลางสองด้าน
ด้านนึงใช้ปรับ ความแรง ของลมปรับได้สองระดับ
อีกด้านคือใช้ปรับ ความร้อน มีสามระดับ แรง เบา
และโหมด TP คือ Themoprotect คือระดับอุณหภูมิที่เค้าเซ็ตมาแล้ว
ว่าเป่าผมได้แห้งดีและป้องกันเส้นผมจากการใช้ความร้อนสูงเกินไป
ปุ่มด้านบนรูปเกล็ดหิมะคือการเปลี่ยนโหมดเป็นการเป่าลมเย็น
ปุ่มด้านล่างเขียนว่า IONIC คือการเปิดปิดฟังก์ชั่นไอออนประจุลบช่วยบำรุงผม
ด้านหลังจะมีที่เปิดปิดโหมด SENSOR ซึ่ง
เป็นเซ็นเซอร์อัจฉริยะ
ตรวจจับความชื้นของเส้นผมซึ่งเค้าจะปรับอุณหภูมิความร้อนลดลงอัตโนมัติเมื่อเส้นผมเราร้อนเกินไป ระหว่างไดร์มิต้องแปลกใจน้าว่าทำไมไดร์ๆไปแล้วไดร์ลดอุณหภูมิลง อิอิ



ให้ดูปุ่มกันชัดๆด้ามจับขนาดถนัดมือดีจ้า



ขนาดไดร์เค้าขอจัดเป็นขนาดกลางค่อนข้างใหญ่น้ำหนักไดร์ประมาณครึ่งกิโล
สำหรับเค้าเทียบกับไดร์เก่าที่ใช้ตัวนี้เบากว่าอีก อิอิ เลยถือได้สบายๆไม่รู้สึกว่าหนัก
ด้วยกำลังไฟที่สูงทำให้ไดร์ผมได้แห้งเร็วดีจริงๆ เทคนิคการเป่าแห้งในแบบของเค้า
ที่จะทำให้ผมเรียงเส้นสวยงามโดยไม่ต้องไปง้อร้านคือการเป่าในทิศทางเดียวไม่ไดร์มั่วๆไปมา
คือเค้าจะเป่าลงอย่างเดียวโดยถือไดร์คว่ำลงแล้วชี้ลงลู่ไปตามความยาวผม
ไม่จ่อไดร์เข้าหาเส้นผมตรงๆ พอผมเริ่มแห้งดีค่อยเป่าเน้นที่โคนผมเช็คให้ชัวร์ว่าแห้งสนิท ทั่วดี
เพราะโคนผมนี่หล่ะสำคัญมากถ้าเป่าไม่แห้งจะกลายเป็นสาเหตุของรังแค
เมื่อหนังศีรษะไม่แข็งแรงจะส่งผลถึงสุขภาพของเส้นผมได้นะจ๊ะ
ถ้าใครอยากให้ผมเรียบเนี้ยบก็สามารถใช้ไดร์เป่าคู่กับหวีแปรงกลมๆได้ค่ะ
แต่ปกติแล้วเค้าไม่ค่อยไดร์เท่าไหร่แค่เป่าให้แห้งเพราะผมเค้าตรงเป๊ะอยู่แล้วไม่ได้ยืดฮะ



และนี่คือสิ่งที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าไดร์ตัวนี้เจ๋งมาก
คือเจ้าเทคโนโลยี SENSOR ที่ปรับลดระดับความร้อนอัตโนมัติ
ทำให้เราไม่ต้องกังวลเวลาจ่อไดร์ที่ผมช่อไดร์ช่อหนึ่งนานๆ
คือสามารถจ่อค้างได้เลยไดร์จะปรับลดอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ไม่ทำร้ายเส้นผม
เค้าลองเปิดไดร์ถือจ่อกับมือ พอเป่าไปสักแป๊บพอมือเริ่มร้อนไดร์จะลดอุณหภูมิเลยเจ๋งมากอ้ะ!



เป่าผมแห้งเรียบร้อยจะเห็นผลลัพธ์เลยว่าผมสลวยเรียงเส้นนะเออ
แต่อย่างที่บอกไว้ว่าผมเค้าคือผมตรงธรรมชาติแค่เป่าแห้งโดยใช้เทคนิคตามที่บอกไว้
ผมก็จะทิ้งตัวสวยแบบนี้ ซึ่งเทคโนโลยีของไดร์อย่างไอออนประจุลบ
ที่ช่วยคืนความชุ่มชื่นให้เส้นผมก็ทำให้ผมหลังเป่าแห้งไม่ดูแห้งกรอบจับแล้วนุ่มลื่นฮะ
สรุปเลยว่าตอนนี้เป็นไดร์ที่เค้าประทับใจและใช้ประจำค่ะ
สำหรับใครที่ไม่เคยใช้ไดร์ไซส์นี้ช่วงแรงอาจจะรู้สึกหล่ะว่าน้ำหนักเยอะหน่อย
แต่เดี๋ยวใช้ๆไปเรื่อยๆเราจะชินน้ำหนักเอง ถึงน้ำหนักมากกว่าไดร์ทั่วไปสักนิด
แต่มันใช้เวลาในการไดร์น้อยลงเค้าว่าก็เหมาะกับสาวๆยุคปัจจุบันที่ใช้ชีวิตเร่งรีบน้า
ถือซะว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้เราได้ออกแรงแขนเป็นการออกกำลังกายในตัวไปละกันเนอะ 555
แต่อย่างไรก็ตามแม้เค้าจะมีเทคโนโลยีช่วยดูแลเส้นผมแล้ว
เค้าก็ยังอยากแนะนำว่าก่อนไดร์หรือก่อนจัดแต่งทรงที่ต้องโดนความร้อน
ควรใส่ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็น ออย หรือสเปรย์กันความร้อนสักนิด
เพื่อช่วยเซฟผมไปอีกขั้นนึงก็จะช่วยให้ผมเราสุขภาพดีได้มากขึ้นจ้า Smiley



เครื่องหนีบผม
Philips Active Care
รุ่น HP8362


----------------------------------------------------------------------

ราคา 2,990 บาท

หาซื้อได้ตามโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปค่ะ




เครื่องหนีบผมมาพร้อมที่ห่อเก็บเรียบร้อนสวยงาม
เค้าชอบไอเดียนี้แฮะคือใช้เสร็จพันเก็บสายไฟมันไม่ระโยงระยางรกพื้นที่ดี



ในกล่องมีคู่มือการใช้และใบรับประกันสินค้า

รับประกันสินค้าเป็นระยะเวลา 2 ปี
แต่ถ้าสินค้ามีปัญหาภายใน 7 วันสามารถเปลี่ยนสินค้าใหม่ได้เลย
โดยใช้ใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานค่ะ




รายละเอียดข้อมูลด้านเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์

Gentle Sonic Vibrations
เทคโนโลยีระบบสั่นขณะใช้งานช่วยกระจายเส้นผม
เพื่อผลลัพธ์ในการรีดผมที่ดีกว่า ในระยะเวลาที่สั้นลง

Constant temperature
ให้ความร้อนคงที่ตั้งแต่โคนจรดปลายผม ช่วยถนอมเส้นผมให้ผมตรงสวยได้ดั่งใจ

Even Heat Distribution
ให้ความร้อนกระจายเท่ากันทั่วทั้งแผ่นรีดต่างจากเครื่องหนีบผมทั่วไป
จึงไม่มีส่วนใดของเส้นผมที่ได้รับความร้อนเกินขนาด

Ionic Care
ปล่อยประจุไฟฟ้าลบเพื่อบำรุงเส้นผม ให้ผมเงางาม ไม่ชี้ฟู



เครื่องหนีบผมเป็นแบบที่ตัวล็อคที่โคน
สามารถล็อคประกบขาที่หนีบไว้ด้วยกันได้เวลาเก็บหลังใช้งาน
ลักษณะของแถบแผ่นหนีบผมไม่กว้างมาก



ปุ่มกดมีทั้งหมด 4 ปุ่ม ปุ่มที่สามนับจากด้านบนคือปุ่มกดเปิด-ปิด
โดยเครื่องมีฟังก์ชั่นในการปิดอัตโนมัติถ้าไม่มีการใช้งานภายใน 60 นาที

ปุ่มบนสุดที่เป็นเครื่องหมาย - และ + คือปุ่มปรับอุณหภูมิ
โดยอุณหภูมิต่ำสุดคือ 130
°C และอุณหภูมิสูงสุดคือ 199°C

โดยในคู่มือแนะนำมาว่าสำหรับผมเส้นใหญ่ หยิก ยืดตรงยาก
แนะนำให้ใช้อุณหภูมิปานกลางถึงสูง (170
°C - 199°C)
เส้นผมปกติสุขภาพดี มีลอนปานกลางหรือลอนอ่อนๆ

แนะนำให้ใช้อุณหภูมิต่ำถึงปานกลาง (160°C และต่ำกว่า)
เส้นผมไม่แข็งแรง ผมสีอ่อน สีบลอนด์ หรือผมที่ผ่านการฟอกหรือย้อมสี

แนะนำให้ใช้อุณหภูมิต่ำ คือต่ำกว่า 160°C

ปุ่มถัดมา SONIC คือปุ่มปิดเปิดระบบสั่นซึ่งการสั่นของคลื่นโซนิค
ที่ช่วยให้การกระจายเส้นผมบนแผ่นที่หนีบจะทำงาน
เมื่อกดแผ่นหนีบเข้าหากันเท่านั้น วางไว้ปกติจะไม่เกิดการสั่นใดๆจ้า

ปุ่มล่างสุดรูปแม่กุญแจคือปุ่มล็อคปุ่มกด
หากเราไม่ได้กดปุ่มใดๆ 4 วินาที ฟังก์ชั่นล็อคปุ่มกดจะทำงานให้อัดโนมัติฮะ



สำหรับการหนีบผมตรงทั่วไปเค้าว่าสาวๆรู้กันอยู่แล้วเนอะ
ที่สำคัญคงเชี่ยวชาญกว่าเค้าเป็นแน่ เพราะผมเค้าตรงธรรมชาติ
เลยไม่เคยใช้ที่หนีบผมเลยแหละ แหะๆ แต่ในบล็อคนี้จะมาชวนสาวๆ
ใช้ที่หนีบสร้างทรงผมให้มากกว่าแค่หนีบให้เรียบตรงเป๊ะ
ด้วยการหนีบตรงลงมาธรรมดาแต่หมุนข้อมือดึงที่รีดให้หมุนเข้าตรงปลายผม
เพื่อสร้างปลายผมแบบงุ้มเข้าเบาๆทำให้ได้ลุคผมหวานๆกว่าการรีดปลายให้ตรง



แป๊บเดียวก็เสร็จแล้วสำหรับทรงนี้ม้วนงุ้มปลายเบาๆ
ทำให้ผมดูมีวอลลุ่มกว่าการรีดปลายตรงๆน้า
โดยเฉพาะใครที่ตัดผมบ๊อบที่ผมสะบัดเป็นเป็ดบ่อยๆ
เค้าว่าการหนีบผมด้วยวิธีนี้ช่วยได้เยอะเลยหล่ะ
หรือใครจะเก๋ไม่ม้วนปลายเข้าก็สามารถม้วนสะบัดออกได้ผมทรงสวอนเริ่ดๆได้เลย



ต่อกันด้วยอีกหนึ่งทรงที่เค้าภูมิใจนำเสนอเพราะเค้าก็เพิ่งหัดทำจนคล่องได้เช่นกัน 555
นั่นก็คือการม้วนลอนแบบลอนใหญ่คลายๆด้วยที่หนีบผม
ใครตามเค้าจะรู้ว่าปกติเค้าใช้แต่ที่ม้วนผมที่เป็นแกนไอรอนในการม้วนผมมาโดยตลอด
เพราะเค้ารู้สึกว่าแกนไอรอนมันม้วนง่ายกว่าเลยไม่คิดจะหัดม้วนด้วยที่หนีบผม
จนได้ไปเวิร์คชอปกับฟิลิปส์แหละเลยได้พี่ๆของทางฟิลิปส์แนะทริกง่ายๆในการม้วนผมด้วยที่หนีบให้
และแล้วก็ได้ค้นพบว่า.......เฮ้ย! มันง่ายจริงๆด้วยอ้ะ หลงกลัวมาตั้งนาน
เผลอๆพอทำคล่องแล้วจะใช้เวลาน้อยกว่าใช้แกนไอรอนอีกต่างหาก
ทริกที่เค้าได้มาคือวิธีการถือที่หนีบเราต้องถือแบบ "คว่ำลง"
แล้วใช้การค่อยๆหมุนข้อมือรูดเส้นผมผ่านที่หนีบผมไปจนสุดปลายแค่นี้เอง
พอม้วนเสร็จก็สร้างวอลลุ่มด้วยการใช้ไดร์ใส่หัวเป่าแบบอันใหญ่แล้วเป่าย้อนขึ้น
เป็นการย้ำลอนและช่วยให้ลอนและโคนผมพองมีวอลลุ่มสวยงาม
ปิดท้ายด้วยการก้มหัวแล้วสะบัดขึ้นจัดทรงให้เข้าที่อีกนิดเป็นอันเสร็จพิธี



แต่เค้าเชื่อว่าอธิบายเป็นภาพอาจจะงงๆกันได้เลยถ่ายฮาวทูเป็นคลิปสั้นๆให้ชมกัน
หวังว่าดูในคลิปแล้วจะเข้าใจได้มากขึ้นลองทำตามกันดูนะค้า Smiley



หลังม้วนผมด้วยที่หนีบผมก็สำเร็จออกมาเป็นทรงนี้
ได้ลอนคลายๆสบายๆโดยไม่ต้องใส่ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงเลย
แต่ถ้าใครผมตรงมากไม่ค่อยอยู่ลอนจะใส่สเปรย์หรือมูสช่วยเซ็ตก็ตามชอบจ้า
สำหรับผมเค้าซึ่งปกติตรงมากลองใช้เครื่องหนีบตัวนี้ม้วนผม
ลอนก็อยู่ทนได้เกือบทั้งวัน ซึ่งเคล็ดไม่ลับอีกหนึ่งข้อ
ก็คือระหว่างที่เพิ่งม้วนเสร็จ ผมยังมีความร้อนอยู่ห้ามสางผมโดยเด็ดขาด!!!
การสางในขณะผมยังร้อนจะทำให้ลอนคลายมลายหายสิ้น
แนะนำให้ม้วนทิ้งลอนแน่นๆเอาไว้ก่อน เชื่อเถอะอากาศร้อนๆชื้นๆแบบบ้านเรา
แค่ม้วนผมเสร็จเดินออกจากห้องแอร์ลอนก็คลายแล้วจ้า
ถ้าม้วนคลายไว้แต่แรกมันจะสวยแป๊บเดียวเสียเวลาม้วนไปเปล่าๆเน่อ
ยอมลอนแน่นสักแป๊บเพื่อผมที่สวยได้เกือบทั้งวันจะดีกว่า อิอิ

สรุปสำหรับเครื่องหนีบผมตัวนี้เค้าว่าจุดเด่นเลยคือระบบสั่นแบบคลื่นโซนิคเลยหล่ะ
มันช่วยกระจายเส้นผมให้แผ่ไปทั่วบนแผ่นที่หนีบทำให้ผมได้รับความร้อนทั่วๆกัน
สามารถหนีบผมให้ตรงได้ง่าย หรือจะม้วนก็ติดลอนได้ง่าย
โดยเฉพาะการม้วนแม้แผ่นที่หนีบจะลื่นมากกกกไม่กินผมอยู่แล้ว
แต่เค้าว่าระบบสั่นช่วยให้สามารถรูดเส้นผมผ่านแผ่นที่หนีบได้ง่ายขึ้นด้วย
แต่แผ่นที่หนีบของรุ่นนี้หน้าจะแคบสักนิดแนะนำให้ระวังเวลาหมุนข้อมือ
ถ้าหมุนแบบสะดุดอาจทำให้ผมเลยเป็นรอยหยักได้จ้า
แต่เรื่องพวกนี้มันต้องใช้เวลาฝึกๆหัดๆจนชินมือเดี๋ยวก็คล่องฮับ Smiley



เป็นไงกันบ้างค้าสำหรับเทคนิคง่ายๆในแบบของเค้า
หวังว่าเพื่อนๆจะได้ไอเดียในการฝึกทำผมด้วยตัวเองไปบ้างน้า
เค้ากล้าบอกเลยว่าทำผมเองมาตลอดเพราะไม่ค่อยชอบเข้าร้าน
เพราะหลายครั้งที่ช่างผมกับเราสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจ
ภาพที่เราจินตนาการไว้มักจะไม่ค่อยตรงกันแหะๆ
เลยชอบที่จะหัดและลองทำผมเองมากกว่ายังไงทำเองก็ถูกใจตัวเองที่สุดอยู่ละ
ที่สำคัญเข้าร้านทำผมบ่อยๆมันเปลืองนั่นเองงงงง 555



ขอบคุณฟิลิปส์ที่เชิญทรายไปร่วมสนุกในเวิร์คชอปดีๆ
และมอบผลิตภัณฑ์สองชิ้นนี้กลับมาทดลองใช้นะคะ

สามารถเข้าไปชมรายละเอียดผลิตภัณฑ์ต่างๆเพิ่มเติม
หรือติดตามกิจกรรมดีๆของ Philips ที่มีออกมาเรื่อยๆได้ที่

//www.philips.co.th

https://www.facebook.com/PhilipsThailand

Instagram : //instagram.com/philipsthailand


แถมท้ายอีกนิดตอนนี้ฟิลิปส์มีเปิดให้ดาวน์โหลด e-book ฟรี!!!
คลิกเลยที่ >>> //philips.to/befabulous
เป็นคู่มือที่รวบรวมเคล็ด(ไม่)ลับในการใช้ชีวิตของสาวยุคใหม่
ซึ่งมีทั้งเมนูอาหารอร่อยสุขภาพดี เคล็ดลับที่จะทำให้คุณดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
ด้วยนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าจากฟิลิปส์ ไม่ว่าจะเป็นหม้อทอดไร้น้ำมัน
เตารีดไอน้ำ เครื่องจัดแต่งทรงผมและเครื่องเป่าผม
ผ่านรูปแบบอินโฟกราฟิคและเทคนิคฮาว-ทูแบบง่ายๆ
พร้อมลุ้นรับ SMS รหัสส่วนลดสำหรับนำไปซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าฟิลิปส์ที่ร่วมรายการ
และลุ้นรับผลิตภัณฑ์จากฟิลิปส์ฟรีด้วยจ้า คือคุ้มขนาดนี้ไปลองโหลดกันดูน้า


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่า

Smiley XOXO Smiley





 

Create Date : 08 มิถุนายน 2557    
Last Update : 26 มิถุนายน 2557 0:45:33 น.
Counter : 23153 Pageviews.  

Review Hair Color : สีผมใหม่น้ำตาลแมทลุคคุณหนู๊ คุณหนูกับสี Episode-Magnum by Mark Thawin

  สวัสดีค่ามีสีผมใหม่มาอัพเดทอีกแล้ว ฮี่ๆ
ไม่รู้จะดีใจไหมที่เป็นคนผมยาวเร็วด้วยกรรมพันธุ์ไม่ได้บำรุงอะไร
คือก็น่าดีใจที่ตัดผมแป๊บๆเดี๋ยวก็ยาวเหมือนเดิม
แต่เวลาทำสีนี่สิแป๊บเดียวโคนดำยาวเป็นตะขาบละเฮ้อ Smiley
ครั้งนี้ทางร้าน Mark Thawin เชิญมาให้เข้าไปลองรับบริการค่ะ
จริงๆทรายเคยไปงานที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยได้ลองใช้บริการเสียที
ครั้งนี้ได้ลองเปลี่ยนสีผมซึ่งบอกเลยว่าสีที่ได้กรี้ดดดดมาก คือสวยม๊ากกกกก
อยากรู้ว่าบริการเป็นอย่างไร สีที่ได้เป็นแบบไหนมาชมกันเลยจ้า



สี BEFORE ของอิชั้น สีปลายยังสวยยังชอบอยู่เลย
แต่คือโคนดำยาวมากกๆๆๆๆไม่ไหวแล้ว ฮือ เค้าเพิ่งทำสีไปเมื่อกลางเดือนกุมภาเองง่ะ
นี่ปลายเมษาเพิ่งผ่านไปสองเดือนครึ่งเองต้องต้องมาทำใหม่อีกแล้ว
สีเดิมที่ทำไปไม่ใช่สีนี้แต่สีนี้คือผมที่ผ่านการฟอกแล้วสีเฟดหมดแล้วจ้า
สีเดิมที่ทำก่อนหน้าเข้าไปชมได้ที่ >>>CLICK<<<



ขั้นแรกเลยก็ต้องทำการล้างสีผมที่โคนให้อ่อนเท่าปลายที่เคยฟอกสีก่อน
โดยที่ร้านนี้จะใช้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเป็นออร์แกนิกส์เน้นส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติ
แต่อย่างไรก็ตามการบลีชสีให้อ่อนลงต้องทำใจนะฮะว่าผมมันต้องแห้งลงบ้าง
ใครผมไม่แข็งแรงเท่าที่ควรไม่แนะนำให้เล่นสีอ่อนมากแบบเค้า
ซึ่งอันนี้ทางช่างที่ร้านจะทำการชี้แจงและวิเคราะห์สภาพเส้นผมเราก่อนเสมอ
ว่าสภาพผมเราพอจะบลีชสีไหวไหม ถ้าไม่ไหวเค้าจะแนะนำว่าอย่าเพิ่งทำ
เพราะที่ร้านซีเรียสมากเรื่องการทำผมลูกค้าแล้วเกิดปัญหาผมพังตามมาฮะ
นี่คือสิ่งที่เค้ารู้สึกดีนะบางร้านก็ฟังความต้องการลูกค้าอย่างเดียว
โดยไม่ดูเลยว่าสภาพผมมันไหวไหม พอทำไปแล้วผมพังก็ต้องตัดทิ้ง
ถามว่ามันคุ้มกันไหม? ลองฟังช่างดูบ้างอย่าเอาแต่ความต้องการของตัวเองเน้อ

โดยขั้นตอนการบลีชสีของที่นี่จะล้างสีที่โคนให้อ่อนเท่าปลายก่อน
แล้วค่อยๆนวดน้ำยาล้างสีไล่ลงมาที่ปลายเพื่อให้สีเฟดความอ่อนอย่างสม่ำเสมอ
ปลายผมที่เคยผ่านการฟอกและทำสีจะไม่ได้สีเสมอกับโคนเป๊ะๆนะฮะ
แต่เค้าจะทำให้สีไล่กันอย่างสม่ำเสมอที่สุดเวลาลงสีแล้วจะได้ดูกลมกลืน
เทคนิคอย่างนึงที่เค้าประทับใจคือในขั้นตอนการบลีชสีที่โคนมันจะใกล้หนังศีรษะมาก
แน่นอนว่าแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์แบบออร์แกนิกส์มันก็ต้องแสบหนังหัวบ้าง
ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนมีทั้งความร้อน เหงื่อ มลภาวะ หนังศีรษะเราอาจจะระคายเคืองง่ายขึ้น
จึงมีการใช้เครื่องฮีตเตอร์ให้ความร้อนครอบไว้เพื่อเร่งปฏิกิริยาให้สีอ่อนลงไวขึ้น
ทำให้ไม่ต้องทิ้งไว้นานเท่าปกติ ลดภาระหนังศีรษะที่จะต้องทนอาการแสบไปได้มากกก
ถือเป็นเรื่องที่เค้าให้ความใส่ใจในขั้นตอนการทำว่าลูกค้าจะรู้สึกไม่สบายระหว่างทำไหม ดีเนอะSmiley

---------------------------------------------------------------------------------------

อ้ออีกหนึ่งอย่างคือร้าน
Mark Thawin จะมีมาตรฐานอยู่ 7 ขั้นตอน
ซึ่งเค้าจะค่อยๆบอกไปละกันเนอะว่าแต่ละขั้นนั้นคืออะไร
ข้อแรก เลยคือเรื่อง "อากาศสะอาด"  ในร้านจะต้องไร้กลิ่นสารเคมี
ซึ่งข้อนี้เค้าเห็นด้วยมาก ปกติถ้าไม่ทำสีเค้าจะไม่เข้าร้านทำผมเลย
เพราะเกลียดกลิ่นฉุนๆในร้าน นั่งแล้วเวียนหัวแสบจมูกจริงๆนะ
แต่ที่นี่ตัดปัญหาไปได้เพราะเค้ามีเครื่องฟอกอากาศเป็นสิบจุด
พร้อมด้วยเครื่องฟอกอากาศไอออนิกช่วยฆ่าเชื้อไวรัส
บอกได้เลยว่าตอนบลีชสีได้กลิ่นอ่อนๆจากหัวเค้าเองนี่แหละ
แต่บริเวณอื่นในร้านไม่มีกลิ่นเคมีเลยจ้า เริ่ด!



พอทิ้งไว้จนครบเวลาสีโคนและปลายได้ที่แล้วก็มาทำการล้างออก
มาถึงมาตรฐานข้อที่สอง คือ "การนอนสระผมอย่างถูกสุขลักษณะ"
เตียงสระที่นี่เป็นแบบไฮโดรลิกจะปรับเอนตามลักษณะของสรีระของเรา
เพื่อไม่ทำให้เกิดปัญหาเจ็บคอปวดหลังจากการผิดรูปของหมอนรองกระดูก
เหยยยยคือเค้าตัวเล็กและเตี้ยนะแต่มันปรับให้รับหลังเราพอดีอ้ะ
คอจะพาดพอดีขอบอ่านไม่ต้องเกร็งไม่ต้องเงยมากว่าปกติ
เหมือนนอนชิลๆบนที่นอนเลยบอกได้ว่าสบายสุดตั้งแต่เคยนอนเตียงสระผมมา เกือบหลับ!
ได้ข่าวว่าเตียงนี้นำเข้าจากต่างประเทศราคาอลังการงานสร้างนะฮร้า

ข้อที่สาม คือ "เรื่องน้ำที่ไม่มองข้าม"
น้ำที่ใช้ในร้านทั้งตึกต้องผ่านเครื่องกรองน้ำ OMG!!!
เพราะน้ำต้องสัมผัสเส้มผมและหนังศีรษะโดยตรง
จึงต้องมั่นใจว่าปราศจากสิ่งสกปรกและสารเจือปน



ขั้นต่อมาคือการเช็คว่าสีที่บลีชไปมีตรงไหนไม่สม่ำเสมอไหม
เค้าจะมีการเก็บงานเช็ครายละเอียดอีกหนึ่งรอบ
เช็คแบบจุดเล็กจุดน้อยทั่วหัวเลย ละเอียดจริงจัง!



หลังขั้นตอนการบลีชเสร็จเรียบร้อยจะทำการเตรียมผมก่อนลงสีผม
ด้วยการใช้เครื่อง NANOMOIST เป็นเครื่องพ่นไอน้ำความละเอียดสูงระดับนาโน
ในการเติมความชุ่มชื่นให้กับเส้นผม ซึ่งเครื่องจะพ่นไอน้ำที่ละเอียดมากๆ
สามารถส่งผ่านเข้าไปในแกนผมได้ ผมจะชุ่มชื่นขึ้นทันที
ซึ่งครูหญิงที่ดูแลผมให้ทรายบอกว่าเครื่องนี้ละเอียดขนาดที่ว่า
เมื่อพ่นใส่กระดาษทิชชู่ ละอองสามารถทะลุผ่านได้แบบสบายๆเลย



ได้เวลาลงสีผม วู๊วๆๆตื่นเต้น สีผมที่ใช้เป็นของญี่ปุ่นซึ่งทางร้านไม่ขอบอกยี่ห้อนะค้า
ซึ่งเป็นสีเฉพาะที่ใช้ในซาลอนเท่านั้น ต้องทำการผสมสีไม่ใช่สีสำเร็จที่หาซื้อได้ทั่วไปค่ะ
มาถึง
ข้อที่สี่ ก็คือ "ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์" ไม่ว่าจะเป็นแฮร์แคร์หรือแฮร์คัลเลอร์
เหมือนที่บอกไปตั้งแต่ตอนบลีชสีผม โดยสีผมของที่นี่จะเป็นแบบไม่มีแอมโมเนีย!
จึงไม่มีกลิ่นฉุนและจะไม่ทำให้ผมเสียมากขึ้นกว่าเดิม
โดยปกติแอมโมเนียจะใช้ในการเปิดเกล็ดผมออกเพื่อให้สีซึมเข้าไปได้
แต่สีของที่ร้านจะใช้สาร MEA  ในการนำพาเม็ดสีเข้าสู่เส้นผมแทน
ไม่ต้องทำให้เกล็ดผมเปิดอ้าออก หลังทำสีผมจึงไม่เสียไปมากกว่าก่อนทำจ้า

เทคนิคของที่นี่คือการผสมสีสีถ้วยสำหรับใช้ลงบริเวณโคนผมและปลายผม
โดยมีความเข้มข้นและสีต่างกันเพื่อให้ทำออกมาแล้วสีเสมอกัน
เนื่องจากบริเวณโคนคือผมที่งอกใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการทำสี
แต่ปลายเป็นผมที่เคยโดยสีผมอื่นๆมาก่อนแล้ว บางครั้งการลงสีเหมือนกัน
จึงอาจประสบปัญหาว่าโคนกับปลายสีต่างกันมากเกินไป

สีที่เค้าทำนั้น อาจารย์ Mark เป็นคนเลือกให้เองโดยเค้ารีเควสว่า
สีอะไรก็ได้แต่ขอให้เป็นโทนสว่าง และให้เฟดออกแล้ว
ไม่ออกส้ม
อาจารย์เลยเลือกให้เป็นโทนน้ำตาลแมท แต่จะทำสีเข้มกว่าที่ต้องการนิดนึง
เพราะผมเค้าเป็นผมที่ผ่านการล้างสียิ่งสระไปเรื่อยๆสีมันจะยิ่งอ่อนลงอยู่แล้วจ้า

การลงสีรอบนี้คือลงที่โคนก่อนแล้วค่อยลงที่ปลาย
พอลงครบทั้งหัวแล้วก็ทำการรูดสีที่โคนให้ผสมกับที่ปลาย
เพื่อให้สีที่ติดผมเกิดการเบลนไล่เฉดไม่แบ่งเป็นขั้นๆ
เริ่มตั้งแต่ลงสีใช้เวลาทิ้งไว้ประมาณ 35 นาที ก็ไปทำการล้างออก
โดยหลังล้างมีการทำทรีทเมนต์บำรุงผมให้เลยในตัว
เป็นการบำรุงแบบ 5 ขั้นตอน เหมาะกับผมที่ผ่านเคมีมาอย่างโชกโชนแบบเค้า
แต่ตอนทำทรีทเมนต์ทำที่เตียงสระผมอีกห้องซึ่งแสงน้อยเค้าเลยไม่ได้ถ่ายมาจ้า
จะบอกว่ามีการมาส์กผมทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีได้
และด้วยความที่เตียงสบาย หมูเผลอหลับ 555



กรี้ดดดๆๆๆมาแล้วสีผมที่ได้ตื่นเต้นมาก ตอนผมเปียกสีจะเข้มยังไม่ค่อยเห็นสีจริง
ก่อนเป่าแห้งครูหญิงได้ทำการสไลด์ปลายให้เค้าด้วย จะได้ม้วนผมง่ายขึ้น
เพราะผมเดิมเค้ามาแบบตัดตรงเป๊ะ เวลาม้วนผมมันจะจัดทรงยากนิดนึง
หลังจากดัดเสร็จก็ทำการเป่าให้แห้ง มาถึงมาตรฐาน
ข้อที่ห้า พอดี
ก็คือ "เป่าผมด้วยไดร์ Ionic" เป็นไดร์แบบที่ปล่อยประจุลบออกมา
จึงไม่ไปทำลายความชุ่มชื้นของเส้นผม และเป็นไดร์แบบที่ไม่มีแร่ใยหิน
ซึ่งในไดร์ปกติจะใช้ฉนวนเป็นแร่ใยหินที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอดได้

และ
ข้อที่หก คือ "แปรงหวีผมที่ไม่สะสมเชื้อโรค"
ที่นี่จะใช้แปรง Silver Nano Nylon ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรค
และแบคทีเรียได้ในขณะแปรงผม ใส่ใจในทุกรายละเอียกมากเนอะ



พอเป่าผมแห้ง กรี้ดดดดดกับสีผมเลย มันสวยมากกกก!!!
เป็นสีน้ำตาลนัวๆนวลๆดูละมุนละไมที่สำคัญคือดูไม่ซ้ำใครนี่แหละ อิอิ
สีนี้ทางร้านตั้งชื่อไว้ว่า "Episode-Magnum Color" ชื่ออลัง 555
ในการทำสีทุกครั้งทางร้านจะตั้งชื่อสีขึ้นมาเองไม่ใช่สีสำเร็จ
ดังนั้นไม่สามารถไปหาซื้อสีมาทำตามได้ฮะ
ต้องมาแล้วแจ้งชื่อสีหรือเปิดรูปให้ทางร้านดูเท่านั้น
เป็นสิ่งที่เค้าปลื้มมากเพราะเป็นคนไม่ชอบทำสีซ้ำกับใคร
ช่วงไหนเทรนด์สีไหนมาเค้าจะเลี่ยงไม่ทำสีแบบนั้นแบบว่าอาร์ตอ่าฮร่ะ Smiley

และก็มาถึง
ข้อที่เจ็ด ข้อสุดท้าย คือ "ทีมสไตล์ลิสมืออาชีพ"
โดยทางร้านจะแบ่งราคาค่าบริการตามระดับช่าง
มีทั้ง Top Stylist , Senier Stylist , Stylist ฯลฯ
สำหรับผมเค้าวันนี้ได้รับการดูแลสีผมโดย Stylist พี่อ้อย , ครูหญิง
และ เซ็ตจัดแต่งทรงโดย Sytlist พี่ต้น จ้า



ทรงที่เซ็ตจะเป็นการม้วนลอนด้วยแกนประมาณ 30 mm
โดยม้วนแบบถือแกนคว่ำลงแล้วพันรอบแกนม้วนเข้ากรอบหน้า
ถือแกนลักษณะเดียวกับที่เค้าเคยสอนม้วนด้วยแกน Spiral อ่าฮะ
ลอนที่ได้จะเป็นลักษณะคลื่น Wave ไม่ใช่แบบหลอดๆเหมือนเราถือแกนตั้งขึ้น
ซึ่งพอสางออกเบาๆก้มหัวแล้วสะบัดได้ผมลอนคุณหนูที่ซู้ดดดดดด Smiley
ไว้ขอเค้าลองหัดม้วนให้คล่องก่อนนะจะทำฮาวทูสอนม้วนแบบนี้ให้ชมกันฮ้าฟ



ท๊าดา~ นี่คือทรงที่ได้กรี้ดดดป่ะล่า Smiley
ได้ลอนแบบคลื่นนุ่มๆพองๆผมแลดูหนาได้ใจ ปลื้มฝุดๆ
ผมเค้าไม่ได้ตัดเอาความยาวออกนะฮะ
แต่พอม้วนแล้วลอนมันเด้งขึ้นเลยดูสั้นลงจ้า



เทียบ BEFORE & AFTER ให้ชมกัน



สีผมเปลี่ยนลุคเปลี่ยนเลยเนอะ
โทนสีน้ำตาลแบบนี้ขับผิวให้ผิวดูนวลๆดีจัง
สีนี้ไม่ต้องกลัวทำได้ทั้งคนผิวขาวและผิวสองสีจ้า
ถ้าใครอยากได้สีแบบเค้าเป๊ะๆเลย ก็ต้องยอมล้างสีผม
แต่ถ้าอยากได้แค่สีใกล้เคียงไม่อยากล้างสีโทนที่ได้จะเข้มกว่าเค้าฮับ



โฉมหน้าชัดๆของ
Stylist พี่อ้อย และ ครูหญิง
ที่เนรมิตสีผมสวยๆให้ครั้งนี้นะค้า สวยงามโดนใจที่ซู้ดขอบคุณมากคร้าบ



โฉมหน้า
Sytlist พี่ต้น ผู้เซ็ตลอนผมงามๆให้
ลอนไฮโซววววมาก ขอบคุณมากๆนะค้า



สีผมแบบแสงธรรมชาติตอนกลางวัน
กับลอนผมทรงเดียวกันแต่คลายแล้ว แหะๆ
ผมเค้าตรงมากมันคลายลอนไวไปหน่อยเสียดายเนอะ
อยากให้ลอนที่พี่ต้นเซ็ตให้อยู่ซักสามวันจะได้ไม่ต้องเซ็ตเอง 555



นี่แหละคือสี 
"Episode-Magnum Color"
น้ำตาลแมทสูตรเฉพาะของร้าน
Mark Thawin



เป็นสีซอฟต์ๆที่ให้ลุคที่ไม่ซ้ำใคร
แอบดีใจอ้ะคนมาถามสีผมเยอะเลย กรี้ดๆ

--------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับเรื่องราคาต้องยอมรับว่าราคาปกติค่อนข้างสูงค่ะ
แต่ก็ตามระดับของมาตรฐานร้านอ่าน้า
ทำสีโดยทั่วไปแบบไม่ได้ล้างสีจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท
รายละเอียดต้องสอบถามจากร้านโดยตรง
เนื่องจากเค้าจะต้องดูความยาว ความหนา สีผมเดิม
รวมถึงสีผมที่เราอยากได้ว่าต้องทำการล้างสีหรือไม่ ฯลฯ
ซึ่งสามารถสอบถามเข้าไปได้ที่แฟนเพจของร้านตามลิงค์ด้านล่างนี้จ้า

https://www.facebook.com/Markthawin

//www.markthawin.com


ร้านจะตั้งอยู่ใน Town in Town ถนนเส้นหลักเลย สังเกตง่ายตรงข้ามอบอร่อยฮะ
รายละเอียดเบอร์โทรและแผนที่ตามภาพด้านล่างนี้จ้า



แต่ถ้าใครมีงบจำกัดสามารถเลือกเป็น Salon Solution ที่ชั้น 3
คือบริการแบบเดียวกันแต่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์ได้จ้า
ราคาก็จะย่อมเยาว์กว่าฮะ โทรสอบถามได้ตามรายละเอียดด้านล่างจ้า



Disclaimer : Sponsored Content By Mark Thawin , All Free.

--------------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณร้าน
Mark Thawin ที่เชิญไปทดลอง
สัมผัสประสบการณ์การเปลี่ยนสีผมในครั้งนี้นะค้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่ะ Smiley




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 23:02:56 น.
Counter : 22312 Pageviews.  

Review : สีผมใหม่ชมพูพีชม่วงสีโทนหวานๆแต่ได้ลุคแซ่บ! by Schwarzkopf



 อัพเดทๆมาเห่อสีผมใหม่ให้ชมกันอีกแล้วจ้า
เอา Before & After แปะให้ชมกันก่อนเลย
เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกแล้ว ข้ามเฉดกันไปเล้ย!
สีบีฟอร์อย่าได้ถามเลยว่าสีอะไรมันเกิดจากการทำสีซ้ำซ้อนไปมาหลายรอบ
เริ่มจากแดง พอแดงเฟดแล้วต่อด้วยบลอนด์สองรอบ ต่อด้วยแอช
ท้ายสุดนั่นคือเทาๆดำๆ ซึ่งเป็นโทนเข้มแล้วหลายเสียงทักมาว่าไม่เหมาะ
ทำสีเข้มแล้วหน้าแก่ นอยไปพักใหญ่เลยพยายามสระผมบ่อยๆ
เพื่อให้สีเข้มเฟดออกไวๆพอสีเฟดแล้วก็ได้สีที่เห็นในภาพอ่าจ้า
แลเหมือนจะสวยแต่ของจริงคือเน่ามากโคนดำด้านนอกบลอนด์ๆทองๆ
ด้านในและปลายออกเทาๆเขียวๆเพราะเคยฟอกสีมา
สรุปคือด่างทั้งหัวนั่นเองแหะๆ เมื่อสภาพเกินจะรับได้จึงพึ่งช่างผม
ขอกลับไปซบอก
Schwarzkopf Professional อีกครั้ง
ซึ่งเมื่อครั้งก่อนโน้นที่ทำสีแดงราสป์เบอร์รี่กับทาง
Schwarzkopf Professional
ก็ได้สีที่ชัดอิ่มสวยอยู่ได้น๊าน นาน และมีแต่คนทักว่าผมสวยมาก
โดยเค้าทำที่ 
Schwarzkopf Professional ASK Academy
ไม่ใช่ร้านทำผมและไม่ได้รับทำผมสำหรับลูกค้าทั่วไป แต่เป็นสถานสำหรับเทรนด์ช่างผม
เพื่ออัพเดทเทรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ให้กับช่างผมจากร้านทำผม
ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของทาง
Schwarzkopf Professional โดยผู้เชี่ยวชาญโดยตรงค่ะ
ถ้าใครอยากทำสีผมแบบเค้าสามารถ
ทำได้ที่ ร้านซาลอนในเครือชวาร์สคอฟ
เช่น
ร้านชลาชล, คัตโตะ, ทูบีวัน, ลาโมน, แฮร์เทค, อาร์ทแฮร์,
วีนัส, เค2002, แฮร์บิวด์ ฯลฯ
สังเกตจากป้ายชวาร์สคอฟที่ติดหน้าร้านได้ค่ะ
ร้านในเครือของเค้าจะได้รับการเทรนวิธีทำสีผมมาจากที่
ASK Academy เช่นเดียวกันจ้า



จากสีผมเดิมที่ไม่มีความเสมอกันเลยซักจุด แหะๆ
"พี่ทิน" ช่างผมวันนี้เลยเจองานหนักเพราะต้องทำการปรับพื้นสีผมใหม่หมดเลย
เริ่มขั้นแรกด้วย การล้างสีแบบ Gentle คือการล้างสีผมแบบอ่อนโยน
โดยใช้ผงฟอกสีผมผสมกับ
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 9% และแชมพู!
อ่านไม่ผิดค่ะผสมแชมพูเข้าไปด้วยเพื่อเจือจางและทำให้สีถูกฟอกออกอย่างอ่อนโยน
เป็นเทคนิกของช่างผมที่ทำให้ตัวฟอกค่อยๆทำปฏิกิริยากับเส้นผม
ซึ่งอัตราส่วนในการผมเค้าเองก็มิทราบ แต่ไม่แนะนำให้ไปทดลองทำกันเอง
การฟอกสีผมถ้าไม่ใช่ช่างผมผู้ชำนาญจะเกิดปัญหาสีด่างและผมพังได้ง่ายมากกกค่ะ



ทำการล้างสีผมโดยทาทิ้งไว้แล้วห่อแร็พ 35 นาที
จากนั้นล้างออกโดยสระแชมพูหนึ่งครั้ง เสร็จแล้วมาดูสีผมที่ได้
นี่แหละผลของการทำสีมากมายหลายรอบเกิดปัญหาว่าล้างสีผมเก่าไม่ออก!
สีที่ได้จึงไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวจะต้องล้างสีซ้ำอีกหนึ่งครั้ง
แต่ด้วยสภาพปลายผมที่ค่อนข้างแห้งเค้าเลยตัดสินใจบอกพี่ทินว่าตัดทิ้งโลด
ผมไม่รักดีตัดออกไปซะ ไม่คิดมากทำลืมๆเดี๋ยวผมใหม่ก็ยาวออกมา อิอิ

***พี่ทินฝากเตือนการทำสีผมด้วยแว็กซ์หรือทรีทเมนต์แบบที่หมักแล้วสระออก
เป็นสีผมในกลุ่มที่ใช้ซิลิโคนแบบคุณภาพไม่ดีซึ่งจะยึดเกาะที่เกร็ดผม
ทำให้การทำสีผมในครั้งต่อๆไปทำไม่ค่อยติด และล้างสีผมก็ไม่ค่อยออก
จะประสบปัญหาผมด่างได้ง่าย ดังนั้นถ้าอยากทำสีขอให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพดีๆด้วยนะจ๊ะ




มาชำระกรรมเก่ากันต่อด้วยการฟอกสีผมแบบเต็มขั้น
โดยพี่ทินแบ่งผมเค้าออกเป็นสองเลเยอร์ช่อบนกับช่อล่าง เริ่มทำที่ช่อล่างก่อน
โดยใช้ผงฟอกสีผมผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 9%ลงแบบเว้นโคนผมจนทั่ว



เมื่อลงช่อล่างทั่วแล้วก็ลงบริเวณช่อบนโดยเว้นโคนเช่นกัน
เสร็จแล้วค่อยทำการลงโคนให้ทั่วอีกหนึ่งครั้ง
เนื่องจากโคนผมคือผมที่งอกใหม่ยังไม่ผ่านเคมี
จึงจะฟอกสีออกได้ง่ายและทำสีได้ติดดีกว่าบริเวณที่เคยทำสีผมจ้า



หมักทิ้งไว้แบบนี้ 40 นาที จนสีเริ่มเฟดออกในระดับที่ต้องการ
พี่ทินเตือนเลยว่าแสบหนังหัว ซึ่งแสบจริงอะไรจริงแต่เพื่อความสวยเราต้องทน!
หลังการฟอกสีผมติดๆกันแบบนี้หนังศีรษะจะแห้งและลอกได้
จึงต้องบำรุงหนังศีรษะด้วยหลังทำสี และควรให้ช่างดูและวิะเคราะห์
สภาพผมและหนังศีรษะเราก่อนว่าฟอกไหวไหม ไม่ควรลองเองนะคะ



สี่สิบนาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่ตอนรอจริงนี่ช่างนานนักแสบหนังหัวยิบๆ
พอล้างตัวฟอกสีออกจะสะอาด พี่ทินรีบบำรุงหนังศีรษะให้ทันทีเลย
ด้วย BC Bonacure Sensitive Soothe Scalp Serum
เป็นเซรั่มที่มีส่วนผสมหลักสกัดจากว่านหางจระเข้ที่ช่วยละอาการระคายเคือง
ขอบอกว่าเค้ากรี้ดมากเพราะพอใส่ลงไปปุ๊บจากหนังศีรษะแสบๆยิบๆ
มันดีขึ้นแบบทันตา อาการแสบหายไปเกือบหมดปลาบปลื้มอ้ะ
ซึ่งเค้าบอกตัวนี้สามารถใช้ในคนที่มีอาการหนังศีรษะแห้งคันเป็นรังแคได้ด้วย
แนะนำมากสำหรับใครที่ทำเคมีมากๆสบายหนังศีรษะขึ้นจริงจัง
ตัวนี้มีขายตามซาลอนในเครือชวาร์สคอร์ฟกล่องนึงมี 8 หลอด หลอดละ 7ml
ราคาหน้ากล่อง 1,260 บาท แต่ส่วนใหญ่ตามร้านเค้าจะมีส่วนลดพิเศษราคาจะถูกกว่าหน้ากล่องฮะ



อื้อหือสีผมที่ได้หลังฟอกสีแซ่บลื้มมมมม Smiley
จะสังเกตได้ว่าโคนผมจะสว่างกว่าปลายนิดนึง
อย่างที่บอกไว้ว่าโคนผมคือผมที่ไม่เคยผ่านเคมีเวลาฟอกหรือทำสีก็จะง่ายกว่านั่นเอง
ใจจริงเค้าก็ชอบสีนี้นะแต่คิดว่าไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยผมสีนี้ได้ขอลงสีต่อดีกว่า 555
ก่อนจะทำสีต่อพี่ทินก็ทำการตัดผมให้เข้าทรงก่อน เพราะตอนแรกแค่ตัดเอาความยาวออกไป
ยังไม่ได้ตัดให้เข้าทรง ซึ่งทรงที่เค้ารีเควสก็คือตัดตรงธรรมดานี่หล่ะอยากให้ผมดูหนาหน่อย
แต่มีการสไลด์ปลายนิดๆเพื่อให้ปลายผมดูพลิ้วๆเวลาม้วนผมออกมาแล้วดูไม่เป็นก้อนๆจ้า
แอบจับผมตัวเองแล้วโล่งใจ ผมเค้าค่อนข้างแข็งแรงแม้ผ่านการทำสีอย่างโชกโชน
หลังฟอกสีผมแน่นอนว่าผมต้องแห้งลงแต่ก็ไม่ได้แห้งมากจนผมขาด จับแล้วยังลื่นใช้ได้ เย้ๆ



มาถึงขั้นตอนลงสีเนื่องจากโคนสว่างกว่าพี่ทินเลยผสมสีให้โคนสีผมเข้มกว่าปลาย
เพื่อให้เวลาสีเฟดแล้วได้สีไล่เฉดที่ดูกลมกลืนกัน โดยบริเวณโคนจะออกโทนม่วง
ใช้สี
Igora Royal ผสมทั้งหมด 3 เบอร์ได้แก่
เบอร์ 0-22 Concentre anti-orange

เบอร์ 9.5-22 Pale Blue
เบอร์ 5-99 Light Brown Violet Extra

ถ้าเค้าจำไม่ผิดคือผสมกับ
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 6%



ส่วนของปลายผมใช้สีชมพูพาสเทลผสมม่วงนิดๆโดยผสมสองเบอร์คือ
เบอร์ 0-89 Concentre rouge violet
เบอร์ 9.5-18 Pastel Rose
ผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 6%
โดยวิธีการลงพี่ทินจะนวดๆตรงรอยต่อระหว่างสีตรงโคน
ให้ค่อยๆเบลนเข้ากับสีที่ปลายด้วย เพื่อสีที่ได้จะไล่เฉดกลมกลืนกัน
สำหรับเทคนิกการทำสีโทนพาสเทลคือจะผสมสีทิ้งไว้พักนึงก่อนแล้วค่อยลงบนเส้นผม
สีที่ผสมไว้จะทำปฏิกิริยาไปพักนึงทำให้สีที่ได้ไม่เข้มมากนักจะได้สีในโทนเบาๆแบบพาสเทล



หลังลงสีทั่วศีรษะทิ้งไว้แป๊บเดียวไม่เกิน 15 นาทีก็ล้างออก
ด้วยการสระผมสองรอบแล้วลงทรีทเมนต์ สีที่ได้จะซอฟต์ๆเบาๆ
คือตอนนี้จิตใจว้าวุ่นแอบลุ้นมากว่าสีที่ได้จะเป็นสีอะไร Smiley



ท๊า ดา........มาแล้วสีผมของเค้า อร๊ายยยยยยแซ่บเว่อร์ๆๆๆ
โคนผมจะเข้มกว่านิดนึงพอสระๆแล้วสีเฟดจะกลมกลืนกับตรงปลายกรี้ดๆๆ



เทียบสี Before & After งามสุดพลัง!
สีก่อนหน้านี่วินเทอร์สุดๆ ส่วนสีใหม่ก็เข้ากับซัมเมอร์ที่จะถึง อิอิ



ทำสีให้ไม่พอเซ็ตม้วนลอนให้สวยงาม
ขอบคุณ
Schwarzkopf Professional
และขอบคุณพี่ทินมากๆค่ะที่ดูแลสีผมให้วันนี้
สวยคุ้มค่าการรอคอยมากๆกับการทำสีผม 7 ชั่วโมงเต็ม  Smiley



สีผมกับแสงธรรมชาติ ฟรุ้งฟริ้งมุ๊งมิ๊งมาก



ตรงโคนจะออกโทนม่วงๆไล่เฉดปลายจะออกชมพูพีชๆ



เป็นสีที่เหมาะแก่การม้วนลอนจริงๆ



แอบคล้ายสายไหมอยู่นะ 555
เดี๋ยวสระแล้วเฟดสีจะอ่อนลงเรื่อยๆ



หลังทำสีผมถ้าอยากให้สีติดทนต้องงดสระผมอย่างน้อย 2 วันนะคะ
ให้สีได้มีเวลาทำปฏิกิริยากับเส้นผมก่อน ทำสีปุ๊บสระปั๊บไม่เหลืออะไรแน่นอนจ้า



ปิดท้ายเทียบให้ดูระหว่างสีผมเวลาอยู่ในร่มกับสีผมตอนออกแดดสวยแซ่บไปคนละแบบเนอะ
ขอบอกว่าตั้งแต่ทำผมสีนี้ไปไหนจะมีคนมองแล้วยิ้มให้เสมอ 555
สำหรับเพื่อนๆที่นิยมทำสีผมแบบเค้าแนะนำว่าให้ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสำหรับผมทำสีโดยตรง
จะช่วยยืดระยะเวลาของสีผมสวยๆให้อยู่ทนนานขึ้น โดยเฉพาะแชมพูควรใช้แบบ Sulfate-Free
ในช่วงเดือนแรกที่ทำสี เพราะซัลเฟตเป็นตัวที่ชะสีผมให้หลุดออกไวมาก
ของชวาร์สคอฟแบบไม่มีซัลเฟตจะเป็นรุ่น BC Bonacure Color Freeze Sufate-Free จ้า

------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณ Schwarzkopf Professional สำหรับการเมคโอเวอร์สีผมในครั้งนี้
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปชมหรือสอบถามได้ที่

https://www.facebook.com/SchwarzkopfProfessionalThailand

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

Smiley XOXO
Smiley




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 20:50:45 น.
Counter : 19362 Pageviews.  

Review : Schwarzkopf BC Fibre Forceแฮร์แคร์ที่ช่วยปลุกชีพผมเสียแบบขีดสุดด้วยการเติมเคราตินให้เส้นผม!




 สวัสดีค่าเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2556 ที่เพิ่งผ่านมา
ทาง Schwarzkopf Professional ได้ชวนทรายไปลองทำทรีทเมนต์ดูแลเส้นผม
ด้วยผลิตภัณฑ์ในไลน์ใหม่ของเค้าที่บอกว่าเนี่ยล่ะที่สุดของที่สุดในการกู้ชีพผมเสีย



กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม
BC Fibre Force

บีซี ไฟเบอร์ ฟอร์ส


--------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

เป็นนวัตกรรมใหม่แห่งการฟื้นฟูเส้นผมที่การันตีว่า
แม้ผมจะถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจากการทำเคมีจนแห้งเสียมาก
ก็ยังสามารถกลับฟื้นมีชีวิตชีวา นุ่มสลวย และยืดหยุ่นราวกับเกิดใหม่
ด้วยนวัตกรรม ไมโครไนซ์ เคราติน เทคโนโลยีแรกที่เคราตินอนุภาคขนาดเล็ก
จะตรงเข้าทำงานลึกถึงชั้นเซลล์เมมเบรนของโครงสร้างผม
เพื่อเติมเต็ม ความแข็งแรงให้กับเส้นใยของเส้นผม

ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 5 ชิ้น ได้แก่
BC Fibre Force Shampoo
BC Fibre Force Spray Conditioner
BC Fibre Force Conditioner
BC Fibre Force Fortifier Treatment
BC Fibre Force Infusion

ราคาต่อชิ้นประมาณ 790-1,200 บาท
สามารถหาซื้อได้ตามร้านซาลอนในเครือชวาร์สคอฟ
เช่น ร้านชลาชล, คัตโตะ, ทูบีวัน, ลาโมน, แฮร์เทค, อาร์ทแฮร์,
วีนัส, เค2002, แฮร์บิวด์ ฯลฯ
สังเกตจากป้ายชวาร์สคอฟที่ติดหน้าร้านได้ค่ะ




สภาพผมบีฟอร์ อุ๊ตะ!!! อายไหมเนี่ย แหะๆ
เค้าเป็นคนโคนผมมัน ผมยาวมาก ปลายผมแห้งเสียจากการทำสี
ถามว่าปกติดูแลเส้นผมอย่างไร? ตอบได้ว่าไม่ดูแลอะไรเลย แหะๆ
ก็ใช้แค่แชมพูทรีทเมนต์แค่นั้น ไม่เข้าร้านทำผม ไม่อบไอน้ำ ไม่ทำอะไรเลยจริงๆ
ซึ่งจัดว่าเป็นโชคดีที่ผมเดิมจริงๆของเค้าค่อนข้างแข็งแรงมาก
แม้ผมจะผ่านการทำสีฟอกสีมาอย่างโชกโชน สภาพโดยรวมยังไม่แย่นัก
เยินสุดคือปลายผมแห๊ง แห้ง เพราะผมยาวมากด้วยสารอาหารมันก็ไม่ถึงอ่าน้า



มาเริ่มทำพิธีปลุกชีพเส้นผมกันเลยดีกว่า
ขั้นตอนแรกสระผมด้วย
BC Fibre Force Shampoo
เป็นแชมพูที่เค้าบอกว่าทำความสะอาดล้ำลึกแต่อ่อนโยน
ขอบอกว่าฟองหนานุ่มมากกก กลิ่นละมุนๆหอมกำลังดีไม่ฉุน
นอนสระไปเคลิ้มไปนอกจากฟองนุ่มแล้ว
มือพี่อาร์ทที่สระให้ยังนวดได้นุ่มด้วยเค้าเพลินเลย

***พี่อาร์ทบอกว่าผมที่แห้งเสียไม่ควรสระด้วยน้ำอุ่นนะคะ
ความร้อนจะยิ่งไปเปิดเกล็ดผมทำให้ผมยิ่งแห้งยิ่งอ่อนแอ ใช้น้ำธรรมดาดีสุดจ้า




เมื่อสระจนสะอาดแล้วซับผมให้หมาดๆ
แล้วทำการแบ่งผมเป็นช่อเล็กๆ ค่อยๆหวีสางผมเบาๆ



เมื่อสางผมแล้วก็ทำการนวด

BC Fibre Force FortifierTreatment
ลงไปทีละช่อ การนวดจะช่วยให้ทรีทเมนต์ซึมดีขึ้น
สาเหตุที่ควรสางผมก่อนคือจะทำให้ทรีทเมนต์
เข้าไปซ่อมแซมเส้นผมได้ทั่วถึงดีกว่า



หน้าตาของ
BC Fibre Force FortifierTreatment แบบที่ใช้ในซาลอน
ถ้าเราซื้อไปใช้เองจะเป็นกระปุกแบบรูปแรกด้านบนนู้นไม่ใช่ขวดใหญ่บึ้มแบบนี้จ้า



อยากสวยต้องใจเย็น ความสวยต้องการเวลา อิอิ
พี่อาร์ทค่อยๆแบ่งผมทีละช่อเล็กๆ สาง แล้วนวดทรีทเมนต์
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะทั่วศีรษะ ดูความยาวผมเค้าสิ
ไม่ใจเย็นจริงทำมิได้นะนี่ คารวะพี่อาร์ทเลยค่า
ผมเค้าปลายแห้งเว่อร์ดูดทรีทเมนต์สุดๆป้ายหายๆ
กว่าจะทำจนทั่วใช้ทรีทเมนต์ไปสองถ้วยเต็มๆ !!! Smiley



จากนั้นพันแร็พโพกผ้าไว้เพื่อให้ความร้อนจากหนังศรีษะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น
จะทำให้ทรีทเมนต์ซึมเช้าไปในเส้นผมได้มากขึ้น พันทิ้งไว้แบบนี้ 20 นาทีจ้า

***ถ้าทำเองที่บ้านทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที แต่ถ้าวันไหนว๊างว่าง
พี่อาร์ทแนะนำว่าหมักปลายผมที่แห้งๆทิ้งไว้ทั้งวันตั้งกะเช้ายันเย็นได้เลย
จะใช้หมวกคลุมผมคลุม หรือจะใช้ร่วมกับหมวกอบไอน้ำก็ได้ถ้ามี
แต่ถ้าไม่มีเวลาอยากผมสวยแบบเร่งด่วน ลงทรีทเมนต์เสร็จแล้วคลุมหมวกคลุมผม
เสร็จแล้วราดด้วยน้ำอุ่นด้านนอกไปเลยทำซัก 5 นาทีก็ล้างออกได้จ้า




ครบเวลาก็ทำการล้างทรีทเมนต์ออกให้เกลี้ยง
เสร็จแล้วลง
BC Fibre Force Conditioner ที่ปลายผม
นวดๆแล้วล้างออกให้สะอาด ถ้าเราทำเองที่บ้านก็ทำแบบเดียวกันจ้า
แชมพู - ทรีทเมนต์ - ครีมนวด อย่างเค้าหนังศีรษะมัน
ก็จะลงทรีทเมนต์และครีมนวดแค่กลางถึงปลายผมเท่านั้นค่ะ



ขั้นต่อมาจะเป็นขั้นตอนที่จะมีเฉพาะในซาลอนเท่านั้น
ไม่สามารถหาซื้อไปทำเองที่บ้านได้
คือการใส่
BC Fibre Force Infusion
เป็นทรีทเมนต์ผมแบบไม่ต้องล้างออก
ซึมซาบเข้าไปเติมเคราตินให้เส้นผมฟื้นบำรุงผมได้ทันที



โดยจะใช้วิธีการแบ่งช่อเล็กๆหวีสางผมเบาๆแล้วใส่

BC Fibre Force Infusion
ลงไปทีละช่อ ทำแบบนี้จนกว่าจะทั่วศีรษะ
ของเค้าเหมือนเดิม เน้นที่กลางถึงปลายผมจ้า



การหวีสางผมในขณะผมเปียกเป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วเนอะว่าไม่ควรทำ
เพราะผมที่เปียกจะขาดง่าย ซึ่งพี่อาร์ทแนะนำว่าเราสามารถหวีได้
แต่ต้องหวีอย่างเบามือและที่สำคัญต้องใช้หวีอย่างดีเท่านั้น
เพราะหวีดีๆซี่หวีจะไม่คมจะไม่ไปบาดเส้นผมให้เกิดการขาดหรือบางลงจ้า
เวลาซื้อหวีลงทุนสักนิดเลือกหวีดีๆไว้ซักอัน เพื่อสุขภาพเส้นผมของเราเนอะ



ด้วยระดับความยาวผมและความหิวกระหายการบำรุง
ผมเค้าใช้
BC Fibre Force Infusion ไปทั้งหมดสองหลอดถ้วน
แอบบีบเนื้อทรีทเมนต์ออกมาดูจะเป็นน้ำใสๆที่ซึมได้ไวมากไม่ใช่น้ำมันเหนอะๆค่ะ



และการบำรุงขั้นตอนสุดท้ายได้แก่

BC Fibre Force Spray Conditioner
เป็นสเปรย์บำรุงให้ความชุ่มชื่นแก่เส้นผมแบบไม่ต้องล้างออก
ใช้พ่นบนผมเปียกก่อนทำการเป่าไดร์เซ็ตทรง



ไดร์ผมให้แห้งกัน หลายคนไดร์ผมเองที่บ้านมักจะประสบปัญหาผมชี้ฟู
เพราะเราเป่าๆไดร์ๆกันแบบมั่วๆไร้ทิศทางทำให้เกล็ดผมกระเจิดกระเจิง
ถ้าอยากได้ผมที่เรียบตรงสวยเวลาเป่าผมให้ถือไดร์เป่าลงจากโคนมาปลาย
เหมือนเวลาที่เราไปไดร์ที่ร้าน จะทำให้ผมเรียบและลื่นกว่ามากจ้า



ปิดท้ายหลังไดร์เติมความชุ่มชื่นอีกนิด
ด้วยการพ่น
BC Fibre Force Spray Conditioner
ลงไปอีกรอบนึงเน้นแค่ปลายผมแห้งๆเท่านั้น

***
ถ้าเราใช้ BC FibreForce Infusion ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นเคราตินเข้มข้น
ที่ช่วยเติมเต็มเคราตินอนุภาคขนาดเล็กภายในโครงสร้างภายในของเส้นผม

อาจทำให้ผมรู้สึกหนืดๆเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติของหลักการทำงานของเคราตินค่ะ
สามารถแก้อาการนี้ได้ด้วยการใช้BC Fibre Force Spray Conditioner
พ่นซ้ำลงไปเล็กน้อย ช่วยทำให้ผมลื่นสลวยขึ้นจ้า




เสร็จเรียบร้อยครบทุกขั้นตอนกับการทำทรีทเมนต์บำรุงเส้นผมด้วย
BC Fibre Force
โดยพี่อาร์ทจาก
Schwarzkopf Professional ASK Academy ขอบคุณมากนะค้า







เทียบ BEFORE & AFTER เอาให้ชมกันหลายๆมุมเลย
ผลลัพธ์ชัดเจนเนอะ ปลาบปลื้มดูเรียบลื่นและเงางามขึ้นมากอ้ะ
อยากให้ได้สัมผัสมากคือผมหลังทำนุ่มและลื่นขึ้นจริงจัง
แต่บริเวณปลายผมที่ใส่ตัวบำรุงแบบอัดหนักจะหนึบนิดๆแค่นั้นจ้า
คงไม่ต้องอธิบายว่าดูดีขึ้นแค่ไหนเนอะเพราะภาพมันฟ้องมาก ฮี่ๆ



สรุปผลสำหรับการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
ในไลน์
BC Fibre Force เป็นครั้งแรก

หลังทำครั้งแรกจะสัมผัสได้ทันทีค่ะว่าสภาพเส้นผมดูแข็งแรงขึ้น
เรียบ ลื่น และนุ่มขึ้น แต่บอกเลยว่าไม่เหมือนการทำทรีทเมนต์ตัวอื่นๆ
ที่หลังทำจะลื่นเว่อร์นุ่มเว่อร์น้า เพราะตัวนี้คือ Daily Care ที่ต้องใช้เป็นประจำต่อเนื่อง
เค้าจะค่อยๆเข้าไปเติมเคราตินให้โครงสร้างเส้นผมทำให้ผมเราแข็งแรงขึ้น
และมีสุขภาพดีขึ้นจากภายใน โดยจะเห็นผลชัดเจนหลังจากใช้ไป 4-6 สัปดาห์จ้า
บอกแล้วว่าความสวยต้องใช้เวลา ผมเราโดนทำร้ายมาตั้งนานทั้งเคมี ความร้อน มลภาวะ
จะทำการคืนชีพให้เส้นผมดีขึ้นเหมือนเกิดใหม่ก็ต้องใช้เวลากันหน่อยหล่ะ
สำหรับผลิตภัณฑ์ในไลน์นี้เหมาะสำหรับคนที่ผมพังแห้งเสียแบบขีดสุด
เรียกว่าเหมาะสำหรับผมที่ตายไปแล้ว (ฟังดูน่ากลัวนะ555)
เพราะเค้าช่วยฟื้นฟูที่โครงสร้างเส้นผมจากภายในจริงๆจ้า

--------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณ Schwarzkopf Professional
ที่เชิญทรายไปสัมผัสประสบการณ์เส้นผมเกิดใหม่ในครั้งนี้ค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปชมหรือสอบถามได้ที่

https://www.facebook.com/SchwarzkopfProfessionalThailand

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยนะค้า
ขอบคุณค่ะ

Smiley XOXO
Smiley




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2556    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 20:50:36 น.
Counter : 15501 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.