ย้ายบ้านไปเจอกันที่ facebook.com/why dachshund? นะคะ
Group Blog
 
All blogs
 

ฝนตกตลอดวันกับบันทึกย้อนหลัง

----------------------------------------------------------------------------
10.50 : ข้างนอกฝนตก
----------------------------------------------------------------------------
ฉันรู้สึกว่ากาแฟของเช้าวันนี้รสชาติดีเป็นพิเศษ... อาจเพราะวันนี้ไม่รีบร้อน เป็นความไม่รีบร้อนที่เกิดขึ้นได้น้อยครั้งในสองสามเดือนที่ผ่านมา (ทำไมฉันจึงต้องทำโน่นนี่อยู่ตลอดเวลานะ และทำไมสิ่งที่ทำตลอดเวลาจึงไม่สร้างความสุขให้เหมือนเคย?)

ฉันรู้สึกว่ากาแฟของเช้าวันนี้รสชาติดีเป็นพิเศษ... อาจเป็นเพราะฉันชอบหน้าฝน อาจเป็นเพราะหมาสองตัวที่นอนอยู่ใกล้ อาจเป็นเพราะฉันไม่มีธุระใดๆ ที่ต้องทำให้ลุล่วงในวันนี้ ... ไม่มีเลยหรือ? เอิ่มมม... ถึงมีก็ไม่ทำ... อากาศดีอย่างนี้ฉันรับบทเป็นฆาตกรโรคจิตผู้ลงมือฆ่าเวลาอย่างเลือดเย็น!

----------------------------------------------------------------------------
บันทึกย้อนหลัง 26 สิงหาคม 50 สี่ทุ่มกว่าๆ ข้างนอกฝนตกเหมือนวันนี้
----------------------------------------------------------------------------
น้องชายกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย พอจอดรถเสร็จมะตูมก็วิ่งไปต้อนรับตามเคย น้องชายเข้ามาในบ้านแล้วแต่ฉันเริ่มแปลกใจทำไมมะตูมยังไม่เข้ามา สักพักมันก็วิ่งตรงมาหาฉันด้วยความเจ็บปวด กระโดดขึ้นตัก ร้องคราง ฉันพลิกตัวหมาดูซ้ายขวา ไม่พบรอยแผลใดๆ

ตื่นจากความสงสัยด้วยเสียงตะโกนของน้องชายที่วิ่งออกไปดูข้างนอก ตอนจอดรถเขาเห็นเงาบางอย่างตกลงจากต้นไม้ แต่เนื่องจากฝนที่ตกตลอดเวลาจึงคิดว่าคงเป็นกิ่งไม้ซักกิ่ง โชคดีที่เขาเปลี่ยนความคิดได้ทันเวลา เพราะสิ่งที่เราพบคืองูเขียวหางไหม้ชูคอท้าทายรออยู่ตรงนั้น โชคดีที่มันไม่ไปไหนทำให้เรารู้ว่าคนที่ทำร้ายเราเป็นใคร

ตื่นจากความสงสัยด้วยเสียงตะโกนของน้องชาย ฉันวิ่งไปหยิบกระเป๋าสตางค์บนห้องนอน มะตูมวิ่งตามขึ้นไปด้วย ห้องนอนคือที่ปลอดภัยที่สุดของมัน เวลาที่ใช้ในการค้นหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าถือเหมือนจะนานชั่วกัลป์ ซึ่งฉันไม่อาจรอได้ จึงหยิบกระเป๋าใบใหญ่มาทั้งใบ

จิตใต้สำนึกสั่งให้ฉันอุ้มหมาไว้ วิ่งลงจากห้องโดยสะพายกระเป๋าใบใหญ่พร้อมกับอุ้มหมาตัวใหญ่ (กว่ามาตราฐาน) ไปที่รถ โยนกุญแจรถให้น้องชาย (โยนจริงๆ นะ) เราบึ่งรถไปโรงพยาบาลสัตว์ที่เปิด 24 ชั่วโมงที่ใกล้ที่สุดแถวตลิ่งชัน ทิ้งงูตัวนั้นไว้เบื้องหลัง เนื่องจากน้องชายกับพ่อคะแนดูแล้วว่าเราคงไม่สามารถต่อกรกับมันได้ในยามนี้ สมรภูมิทำให้อีกฝ่ายเป็นต่อ เราอาจพลาดพลั้งและสูญเสียมากไปกว่านี้

มะตูมร้องครางตลอดเวลาที่ฉันอุ้มมันเอาไว้ มารู้ภายหลังว่าเราควรให้สุนัขที่ถูกงูพิษกัดอยู่นิ่งๆ เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ขอบคุณจิตใต้สำนึกของฉันที่ทำงานอย่างยอดเยี่ยม

กลับจากโรงพยาบาลสัตว์ น้องชายถือไฟฉายไปหางูอีกครั้ง คราวนี้เรารู้แล้วว่าควรจัดการกับมันอย่างไร ฉันจำคำพูดหนึ่งของตัวเองที่พูดอย่างคับแค้นใจได้ว่า “ถ้าเข้ามาบ้านนี้แล้วทำร้ายคนในบ้าน ฉันไม่ให้อยู่ จะไปไหนก็ไป” จนวันนี้ยังไม่มีใครพบเห็นมันอีก เราบอกเพื่อนบ้านให้ช่วยกันระวังด้วย

คืนนั้นนอนไม่หลับจนรุ่งเช้าและร้องไห้ออกมากลางดึก ข้างนอกฝนตกตลอดเวลาเหมือนวันนี้ ฉันโพสต์ระบายความกังวลใจบนกระดานพันทิป ห้องจตุจักร ซึ่งบัดนี้กระทู้นั้นตกหายไปเรียบร้อยแล้ว แต่มีอีกกระทู้ที่แอบคลิกเข้าคลังเพราะน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง วิธีรับมือเมื่อสุนัขถูกงูพิษกัด

หายดีแล้ว แผลปริศนาที่ขาหลัง หมอสันนิษฐานว่าเป็นรอยเขี้ยวที่ถากไป แผลงูกัดอยู่ที่ขาหน้า


กับมะแต้มที่ไม่ได้กล่าวถึงเลยในบันทึกนี้ ขอโทษด้วย


ตัวยาวขนาดนี้ ได้รับฉายาจากพ่อว่า ไอ้หมาหางไหม้



อาจเป็นเพราะฝนตกตลอดเวลาเหมือนวันนั้น ฉันจึงนึกย้อนกลับไป
มะตูมนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน โดยมีฉันเข้าออกโรงพยาบาลวันละ 3 เวลา และ 7,000 บาทคือค่ารักษาชีวิตอันเป็นที่รักของเราไว้




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2550    
Last Update : 13 ตุลาคม 2550 16:10:49 น.
Counter : 1829 Pageviews.  

เคยรู้สึกว่าตัวเองห่วยไหม

(3 colours : base on a true story! 13 july 2007)

-----------------------------------------------------
Blue : ให้หมัดกัดสิ!
-----------------------------------------------------

ในที่สุดความรู้สึกห่วยๆ ก็กลับมาเยือนฉันอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ผุดขึ้นตรงกลางหัวใจแล้วไหลเวียนไปทั่วร่างพร้อมกับการสูบฉีดโลหิต ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจห่อเหี่ยวอ่อนล้าอย่างไม่มีกำหนดหาย

ย้อนกลับไปหลายปีที่แล้ว ขณะนั่งจมอยู่กับความนึกคิดอันบรมห่วยของตัวเองอยู่บนถนนพระอาทิตย์ ในร้านขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเยียวยาจิตใจด้วยศาสตร์แห่งพลังธรรมชาติอันลี้ลับ พร้อมฟังเพลงที่เป็นเสียงน้ำไหล-ใบไม้ร่วงฉบับสังเคราะห์ คนแปลกหน้าคนหนึ่งถึงกับเดินมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของฉันผู้ซึ่งกำลังอยู่ในห้วงทุกข์กระจิดริด (แต่ได้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยภาพลวงขนาดมหึมา) ก่อนที่บทสนทนาอันระวังระไวจะจบลง คนแปลกหน้าได้บอกแก่ฉันด้วยความเมตตาว่า อันความรู้สึกห่วยแตกนี้แท้จริงแล้วเกิดจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลจนเคยตัว วิธีแก้ง่ายนิดเดียวนั่นคือการพลิกความสำคัญตนให้เหลือเพียงฟันเฟืองเล็กๆ ซึ่งหมุนไปเพื่อบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า อย่างง่ายๆ ก็คือการทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง ซึ่งฉันยืนยันว่าได้ทำเพื่อคนอื่นอยู่เสมอหากไม่เหลือบ่ากว่าแรง คนแปลกหน้าจึงสัมผัสบ่าของฉัน ถ้าเช่นนั้นก็ไม่สมควรจะรู้สึกว่าตัวเองห่วยอีกต่อไป หรือไม่ก็เพราะที่ฉันเคยทำมานั้นยังไม่เพียงพอ

เมื่อคนแปลกหน้าจากไปพร้อมกลุ่มเพื่อนของเขา ฉันพบว่ามีแผ่นพับที่มีเนื้อหาเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมการออกค่ายอาสาพัฒนาเยาวชนถูกทิ้งไว้สองสามใบ...

----------------------------------------------------
White : ที่พึ่งพิงของเฟืองชำรุด
----------------------------------------------------

ป้านิดากับลุงสัญญาเลี้ยงหมาแมวที่ถูกทอดทิ้งไว้ร่วม 300 ตัว ในจำนวนนี้ได้รวมที่ถูกทำร้ายและเจ็บป่วยเอาไว้ด้วย ในจำนวนนี้ได้รวมเป็ด ไก่ และหมูป่า 2 ตัวเอาไว้ด้วย

ตอนแรกที่ได้ข่าวการขอรับบริจาคเพื่อนำไปช่วยป้ากับลุงในการเลี้ยงดูสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้ ฉันคงแค่ช่วยสมทบทุนเหมือนที่ผ่านมา ถ้าไม่บังเอิญว่าได้ล้มป่วยลงเสียก่อนหน้านั้นหนึ่งวันด้วยโรคสิ้นหวังซึ่งผุดขึ้นตรงกลางหัวใจแล้วไหลเวียนไปทั่วร่างพร้อมกับการสูบฉีดโลหิต ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจห่อเหี่ยวอ่อนล้าอย่างไม่มีกำหนดหาย (ถึงแม้หมอจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะก็ตาม) เหตุการณ์ที่ถนนพระอาทิตย์ได้โอกาสย้อนกลับมา ดังนั้น ฉันจึงหมายมั่นกับตัวเองว่าจะลากสังขารไปเยี่ยมเยียนป้านิดากับลุงสัญญาและหมาแมวทั้งหลายให้ได้

ในฐานะเฟืองตัวหนึ่งซึ่งมักจะหมุนผิดทางเป็นประจำ ซึ่งมักจะหมุนผิดจังหวะเป็นประจำ และซึ่งมักจะคิดว่าตัวเองมีขนาดใหญ่กว่าความเป็นจริงเป็นประจำ ฉันอยากรู้ว่าเฟืองตัวอื่นๆ ทำหน้าที่ของเขาอย่างไรและฉันอยากมีโอกาสสักเล็กน้อยที่จะได้สัมผัสบางสิ่งซึ่งยิ่งใหญ่กว่า...

เฟืองขนาดเล็กที่เคยถูกทอดทิ้ง










บ้านป้านิดาสะอาด กลิ่นของความเศร้าสร้อยไม่มากจนฉุน ตอนที่ฉันไปถึงคนงานกำลังถมทรายให้ใหม่




เฟืองที่กำลังหมุน




ขอบคุณป้านิดากับลุงสัญญาที่ช่วยดูแลเฟืองที่ถูกทำให้ชำรุดเหล่านี้




ตัวนี้ชื่อสุดหล่อ-ผู้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไว้ใจมนุษย์หน้าไหนในโลกนี้อีก ป้านิดาบอกว่านอกจากลุงกับป้าแล้วมันไม่ยอมเข้าใกล้ใครเลย


ฉันยืนอยู่นิ่งๆ ร่วม 10 นาที สุดหล่อก็วิ่งวนอยู่รอบๆ ด้วยความร้อนรน อยากให้ฉันไปให้พ้นๆ เสียที แต่ฉันอยากคุยกับสุดหล่อเหลือเกินก็เลยอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น


โบว์ลิ่งผู้หล่อเหลา (เราสนิทกันเร็วมาก)


ตัวนี้พอเห็นว่าเป็นเนื้องอกเจ้าของก็เอามาปล่อยไว้ที่นี่ หัวใจคนทำด้วยอะไร?


ชื่อหมวย-ขาวสวยแต่ไม่อึ๋ม


ลืมเจ้าตัวนี้ไม่ได้เลยเชียว จากรูปร่างแล้วมีสายเลือดดัชชุนด์อย่างแน่นอน



----------------------------------------------------
Red : ผู้ชายจากดาวหมา ผู้หญิงจากดาวแมว
-----------------------------------------------------

(ไม่ได้ว่าใครนะ) คำข้างบนเกิดจากกระบวนการรื้อสร้างใหม่ของฉันเอง จากหนังสือ 3 เล่มที่เคยอ่านอันประกอบด้วย 'ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์' 'Cats are from Venus, Dogs are from Mars' และ 'กาแฟและชา หมาและแมว' ซึ่งเกี่ยวพันเชื่อมโยงสองเพศเข้าด้วยกันอย่างคาดเดาได้ไม่ยากนัก



ผู้ชาย ดาวอังคาร หมาและกาแฟ ถูกจัดให้อยู่ในหมวดกระตือรือร้น สนุกสนาน ก้าวร้าว เปิดเผยและเป็นกันเอง ผู้หญิง ดาวศุกร์ แมวและชา ถูกจัดให้อยู่ในหมวดรักสวยรักงาม ครุ่นคิด อ่อนโยน ลึกลับและมีพิธีรีตอง ซึ่งความแตกต่างดึงดูดสองขั้วเข้าหากัน

สำหรับฉันชาติก่อนคงเกิดเป็นกาแฟแล้วชาติต่อมาก็เกิดเป็นหมา ถึงได้ห่างไกลความเป็นแมวขนาดหนัก แต่ผู้ชายบางคนก็กลับเหมือนแมวเสียยิ่งกว่า ความแตกต่างดึงดูดสองขั้วเข้าหากัน ฉันจึงตกหลุมรักผู้ชายแมวๆ อยู่เสมอ คุณเข็ม-กฤตธีราตั้งข้อสังเกตไว้ในหนังสือของเธอว่า สาเหตุที่เราเห็นหมาถูกรถชนบนท้องถนนมากกว่าแมว เป็นเพราะแมวเลือกที่จะไม่ข้ามถนนเลยต่างหาก... ทำไมฉันไม่ฉลาดอย่างแมวบ้างนะ

ที่บ้านป้านิดาแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อันจำกัดแต่ชาวแมวยังรักษาความเป็นตัวเองได้อย่างดี เย่อหยิ่งและไม่ฟูมฟาย ผิดกับชาวหมาที่ถ้าไม่ซึมเศร้าหวาดระแวงก็เรียกร้องจนน่าสงสาร ตอนนี้คิดว่าฉันต้องเรียนรู้ความเป็นแมวเสียบ้างแล้ว




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2550 16:46:44 น.
Counter : 1013 Pageviews.  

super stars tag

ในที่สุดก็โดน Tag กะเขาเข้าให้แล้ว โดยคนรักดัชชุนด์เหมือนกัน กติกามีอยู่ว่าให้หารูปดาราที่ชื่นชอบมา 10 คน พร้อมเหตุผลที่ชอบเขาและเธอ แล้วส่งต่อให้เพื่อนอีก 5 คน

ขอโทษคุณหลานด้วยค่ะที่ส่งการบ้านช้า โชคดีที่การบ้านเป็นเรื่องถนัด โชคร้ายที่ 10 อันดับมันน้อยไป มีเก็บไว้ในใจมากกว่านั้น (อ่านกันให้ตาแฉะ)


10 ซูเปอร์สตาร์ที่ฉันหลงรัก


สองอันดับแรกมาเป็นคู่จากเรื่อง My Own Private Idaho โดย กัส แวน ซองต์ เรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพ การค้นหาตัวเองและยอมรับมันให้ได้ของชายหนุ่มที่แตกต่างกันสองคน ทั้งคู่เล่นได้อินจนอดคิดไม่ได้ว่าสองคนต้องหลงรักกันจริงๆ แน่ๆ


1. ริเวอร์ ฟินิกซ์ รับบทเป็นไมค์-หนุ่มขายตัว ติดยา และเป็นโรคอะไรไม่รู้ ทำให้เป็นลมหมดสติอยู่เรื่อยๆ ประทับใจเขาตั้งแต่ Indiana Jones and the Last Crusade เล่นเป็นมิสเตอร์โจนส์ในวัยหนุ่ม แม้จะปรากฎบนจอไม่ถึง 5 นาที Stand by Me ได้รับตำแหน่งดาวรุ่งดวงใหม่ที่ฮอลลีวูดจับตามองตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ Running on Empty เข้าชิงออสการ์แซงหน้านักแสดงรุ่นเดียวกัน

เขาเหมือน จอห์นนี่ เด็ปป์ ในภาคที่จับต้องได้ (เพราะเด็ปป์น่ะดูเหนือจริงเกินไป) เหมือน เจมส์ ดีน กลับชาติมาเกิด (แล้วก็จากไปอีกครั้ง) ฟินิกซ์มักรับบทเป็นตัวละครที่ค่อนข้างมีปัญหาทางจิตใจ บางครั้งก้าวร้าว บางครั้งจมอยู่กับความเศร้ามากมาย นั่นอาจเป็นสาเหตุให้เขาเข้าหายาเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นมังสวิรัติที่เคร่งครัด และต่อต้านการทารุณสัตว์อย่างจริงจัง เขาเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดด้วยวัยเพียง 23 ปี จากไปโดยไม่มีคำลา ว่ากันว่าคำพูดสุดท้ายของเขาคือ "ไม่เอาปาปารัซซี ผมต้องการหมอ" ฟินิกซ์ล้มลงและหมดลมหายใจหน้า Viper Room ผับของจอห์นนี เด็ปป์ในวันฮัลโลวีน ฉันไว้อาลัยให้เขาด้วยการกินมังสวิรัติเป็นเวลาเกือบ 5 ปี





2. คีนู รีฟส์ รับบทสก็อตต์-เด็กหนุ่มฐานะดีที่หนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตข้างถนน เพราะรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง แต่ในที่สุดเขาก็หักหลังเพื่อนรัก (ฟินิกซ์) ด้วยการกลับไปใช้ชีวิตไฮโซตามเดิม เด็กรุ่นน้องอาจรู้จักเขาจากหนังไตรภาค The Matrix ส่วนรุ่นฉันต้อง Speed เร็วกว่านรก หนังเอ็กชั่นบนรถเมล์ที่ทำให้หนุ่มไทยตัดผมสั้น ทรงคีนู รีฟส์ กันทั่วเมือง ที่ลืมไม่ได้อีกเรื่องคือ Little Buddha รับบทเป็นพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะในฉากปลงพระเกศา คีนู รีฟส์ หันหลังให้กล้อง พอตัดผมเสร็จก็หันกลับมามอง... นาทีนั้นเอง สาบานได้ว่าฉันได้ยินคนทั้งโรงหนังส่งเสียงฮือฮาเพราะตะลึงในความงาม เพื่อนๆ ต่างยืนยันว่ารอบที่พวกมันดูก็เกิดปรากฏการณ์นี้เช่นกัน!

ภาพข้างบนจาก Constantine ซึ่งพี่รีฟส์เท่มากๆ ขนาดนักวิจารณ์ที่คอยจิกกัดว่าเขาเล่นหนังห่วย ยังต้องยอมรับว่าบท John Constantine ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเขา ฮ่าๆๆๆๆ แม้จะไม่ประทับใจหนังรักโรแมนติกที่เขาเล่นซักเรื่อง แต่ตีตั๋วเข้าไปเพื่อดูหน้าพี่รีฟส์ ก็คุ้มแล้ว ใบหน้างดงามและอ่อนเยาว์ที่ผู้หญิงอย่างฉันโคตรอิจฉา ทุกวันนี้แม้ฉันจะอาศัย คีนู รีฟส์ เพื่อประติดประต่อความทรงจำที่มีต่อ ริเวอร์ ฟินิกซ์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันชอบเขาน้อยกว่าฟินิกซ์นะ ฮ่า ฮ่า

ปล. วง Dogstar ของเขาเคยมาเล่นที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้ไปดูหรอก กลัวหูแตกเพราะเสียงกรี๊ดของสาวๆ





3. จอห์น มัลโควิช ฉันยอมเสียเงินซื้อตั๋วเรื่อง Eragon เพื่อเข้าไปดูลุงจอห์นแค่แว๊บเดียว นอกจากนั้นลุงยังเป็นเหมือนศูนย์กลางที่เชื่อมต่อไปยังดาราอีกหลายคนที่ฉันชื่นชอบ ดูได้จากบล็อกเก่าชื่อ แผนผัง : การเดินทางของความคลั่งไคล้ (คลิกอ่านได้ค่ะ) มัลโควิชเป็นดาราคุณภาพ เขาสามารถใส่ความพิเศษเข้าไปในบทธรรมดาที่สุดได้ และหนังที่ฉันไม่คิดว่าจะมีใครได้รับเกียรติแบบนี้บ่อยนัก คือ Being John Malkovich บทภาพยนตร์หลุดโลก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณเข้าไปอยู่ในสมองของจอห์น มัลโควิชได้? ส่วนเรื่องที่ลุงจอห์นเศร้าลึก และกินใจฉันทั้งดวงคือ Mary Reilly ดัดแปลงจากนิยายคลาสสิก เกี่ยวกับคนสองบุคลิกภาพ Dr.Jekyll and Mr.Hyde นอกจากลุงจะหม่นเศร้าแล้ว แม่สาวบานฉ่ำนางเอกของเรื่องก็ยังหม่นไม่น้อยไปกว่ากัน เรื่องนี้จูเลีย รอเบิร์ตส์เลยโดนแฟนคลับสวดยับห้ามเล่นหนังแนวนี้อีก เรื่องที่เท่มากๆ คือ Ripley's Game รับบท Mr. Ripley บทเดียวกับที่ แมตต์ เดม่อน เล่น แต่เป็นภาคที่คุณริปลีย์ชราลง (แต่รสนิยมสูงขึ้น) ส่วนเรื่องที่ร้ายน่าตบก็ Dangerous Liaisons หนังย้อนยุคคอสตูมอลังการซึ่งพี่รีฟส์หน้าใสก็เล่นกับเขาด้วย





4. ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด คนนี้ขอลักไก่ เพราะเคยเพ้อไปแล้วใน ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด ไม่ได้เลี้ยงดัชชุนด์ (คลิกอ่านได้ค่ะ) อีกอย่างกำลังจะปลดเขาออกจากพื้นที่ของหัวใจ เพราะไปมีลูกกับ แมกกี้ จิลเลนฮาล เสียแล้ว ซาร์สการ์ด เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าไม่ได้แต่งงานกับแมกกี้ (พี่สาว) เขาก็จะแต่งกับ เจค (น้องชาย) แทน” ดูพูดเข้าดิ ขอเขียนถึงครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกปลดตาม แบรด พิตต์ และ จอห์นี เด็ปป์





5. อีธาน ฮอร์ค โด่งดังมากๆ จาก Dead Poets Society หาดูไม่ยากแต่ไม่ได้ดูซักที เพราะฉันหลงรักเขาจาก Before Sunrise มากพอแล้ว กำกับโดย ริชาร์ด ลิงเคลเตอร์ หนังรักที่มีแต่บทพูดโต้ตอบกันไปมาระหว่างหนุ่มอเมริกันกับสาวปารีเชียง ซึ่งบังเอิญมาพบกันบนรถไฟ แล้วตัดสินใจลงจากรถไฟก่อนถึงจุดหมาย เพื่อใช้เวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน ชอบฉากที่ทั้งคู่แอบมองกันไปมาในร้านขายแผ่นเสียง พออีกฝ่ายมองมาก็ทำเก๊กใส่ เขาเผลอก็แอบมองต่อ (เคยทำบ่อยๆ) หนังทิ้งปริศนาไว้ว่าทั้งคู่จะไปเจอกันตามที่นัดหมายหรือไม่ แล้วทั้งคู่มีอะไรกันหรือเปล่าในค่ำคืนนั้น กว่าปริศนาจะถูกไขกระจ่างก็อีก 9 ปีต่อมา (นานโคตร) ใน Before Sunset ซึ่งฮอร์คดูแก่โทรมลงไปเยอะ บทบาทที่เขาแสดงทั้งใน Sunrise และ Sunset รวมถึงเรื่องก่อนๆ อย่าง Reality Bites, Hamlet หรือ Great Expectation ฉันว่ามันมีลักษณะร่วมที่คล้ายๆ กันอยู่ ลักษณะของคนหนุ่มที่คิดเอาเองว่าตัวเองห่วย ในขณะที่อยากทำอะไรซักอย่างให้คนอื่นยอมรับ ก็เลยสรุปเอาเองว่าชีวิตจริงของฮอว์คคงไม่ต่างจากบทที่เขาเล่นมากนัก เขาเลยดูน่าสงสารมากตอนที่เลิกกับภรรยา-อูม่า เธอร์แมน แม้ว่าฮอว์คจะมีลูกแล้วสองคน แต่ในเมื่อเขาเลิกกับภรรยาแล้ว ฉันก็เลยกลับมารักเขาได้อีกครั้ง อิ อิ





6. มาร์ค วอลเบิร์ก สุดเท่ แต่ใน Shooter อยู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่าพี่มาร์กี้กล้ามใหญ่ไปหน่อย หลงรักเพราะดูมีคุณสมบัติของความเป็นชายชาตรีอยู่ครบถ้วน ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยน ปกป้องเราได้ แถมฉลาดมาดนิ่ง เท่สุดๆ ใน The Italian Job (ดูแล้วอยากขับมินิขึ้นบันไดมั่ง) แต่ถ่อยเหลือเกินใน The Departed เรื่องนี้จับมาร์กี้ กับ แมตตี้-แมตต์ เดม่อน มาประชันความเหมือนกันให้เห็นกันไปเลย ย้อนกลับไปเรื่องแรกที่ประทับใจคือ Fear ที่ต้องมอบตำแหน่งคนโรคจิตที่ฉันรักให้ อีกเรื่องที่ยังคาใจคือฉากสุดท้ายของ Boogie Night ได้ยินคำร่ำลือถึงทีเด็ดของวอลเบิร์กในฉากนี้ แต่เวอร์ชั่นที่ได้ดูโดนเซ็นเซอร์ซะงั้น เฮ้อ...





7. แมตต์ เดม่อน ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งหนึ่ง คู่หูสองคนกอดคอกันขึ้นรับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่พวกเขาช่วยกันเขียนและแสดงนำ (Good Will Hunting) แทนที่จะกรี๊ดอีกคนคือมิสเตอร์เพอร์เฟ็ค เบ็น เอฟเฟล็ค ซึ่งดูดีกว่าด้วยประการทั้งปวง ฉันกลับกรี๊ดคนเตี้ยกว่าที่ถูกเพื่อนค่อนแคะว่าหน้าตารูปร่างเป็นฝรั่งบ้านนอก แต่ฉันไม่แคร์ เขาดูเป็นเด็กเนิร์ดดีออก ใน Good Will Hunting ยังเล่นเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ได้เลย เพื่อนแย้งว่าก็เขียนเองเล่นเองนี่ เชอะ ไม่สน ฉันยังเชียร์เดม่อนต่อไปเรื่อยๆ โดยแอบหวังว่าคงมีซักเรื่องที่เข้าตาเพื่อนสาว ใน The Talented Mr. Ripley เขาเล่นได้ร้ายลึกและมีเสน่ห์สุดๆ แต่เพื่อนก็ดันไปมองแต่ จู๊ด ลอว์ ผู้มีแสงสว่างในตัวเอง (ปัจจุบันแสงสว่างอันนั้นหายไปแล้ว) Ocean's Eleven ดารานำเยอะเกินจนไม่สามารถโดดเด่นเกินหน้าใครได้ และแล้วชัยชนะของฉันก็มาถึงใน The Bourne Identity เดม่อนรับบท เจสัน บอร์น สายลับผู้สูญเสียความทรงจำและถูกไล่ล่าจากรัฐบาล รูปร่างหน้าตาอย่างเขาจึงชนะใจเพื่อนฉันได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลมาจากความพยายามและทุ่มเทให้บทบาทที่เขาได้รับ ยกเว้น The Brothers Grimm นะ นั่นไม่ใช่เดม่อนแบบที่ฉันชอบ ปัจจุบันเขาแต่งงานแล้วกับผู้หญิงที่แถมลูกมาด้วยหนึ่งคน





8. วิโนน่า ไรเดอร์ สาวหน้าใสตาโตคนนี้ออกแนวเพี้ยนๆ เพ้อๆ ตั้งแต่เด็ก ด้วยการแต่งตัวแบบโกธิคใน Beetle Juice เรื่องที่ทำให้หลงรักและร้องไห้คือ Welcome Home, Roxy Carmichael ไรเดอร์รับบทเด็กสาวเจ้าของห้องนอนสีดำ ผู้ฝังใจว่าตัวเองคือลูกสาวของดาราดัง-ร็อกซี่ คาร์ไมเคิลที่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านเกิด และคาร์ไมเคิลกำลังกลับมาเพื่อตามหาเธอ Edward Scissorhands รับบทนำคู่กับ จอห์นนี เด็ปป์-คู่หมั้นในขณะนั้น เรื่องของชายหนุ่มอาภัพผู้มีมือเป็นกรรไกรจึงไม่สามารถโอบกอดคนรักได้ เด็ปป์น่ะรอดตัวจากเรื่องนี้เพราะแสดงได้น่ารักน่าสงสาร แต่ไรเดอร์ไม่เหมาะกับวิกผมบลอนด์อย่างแรง สำหรับคนที่ไม่รู้ กัปปิตันแจ็ค สแปโรว์ของเราในวันนี้ เคยมีรอยสักที่ต้นแขนว่า Winona Forever ปัจจุบันเหลือเพียง Wino Forever ไรเดอร์เพิ่งยอมรับว่าหลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเด็ปป์จบลง เธอต้องเข้ารับการรักษาอาการทางจิตเพราะสภาพจิตใจของเธอย่ำแย่มาก (เธอเคยคบกับ แมตต์ เดม่อน อยู่พักนึงด้วย)

ไรเดอร์ได้ร่วมงานกับผู้กำกับรุ่นใหญ่หลายคน (Night on Earth, Dracula, The Age of Innocence) ได้เล่นหนังเท่ๆ อย่าง Reality Bites, Girl Interrupted ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ โพรไฟล์เจ๋งสุดๆ แต่อยู่ๆ พลังดาราของเธอกลับวูบลง จนราวกับว่าชื่อวิโนน่า ไรเดอร์กำลังจะหายไปจากโลกฮอลลีวูด แล้วเธอก็กลับมาสร้างปรากฎการณ์ด้วยการขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ข้อหาขโมยเสื้อในห้างหรู แฟนๆ พากันใส่เสื้อยืดสกรีนคำว่า Free Winona เพราะไม่อยากเชื่อว่าเธอจะทำตามข้อกล่าวหาจริง แต่ฉันเชื่อ... บอกแล้วว่าเธอเพี้ยน





9. จูเลียตต์ ลิวอิส ผู้หญิงอีกคนที่ฉันหลงรัก ลิวอิสเลือกเล่นหนังแต่ละเรื่องส่วนมากจะไม่ธรรมดา เธอให้การแสดงที่บ้าระห่ำจนน่าประทับใจเอาไว้ใน Natural Born Killers และ Strange Days ขณะเดียวกันก็แสดงน่ารักๆ ได้ใน What's Eatting Gilbert Grape (ร่วมกับ จอห์นนี่ เด็ปป์ และ ลีโอนาร์โด ดีคาปรีโอ) และThe Other Sister ที่ใช้ประโยชน์จากบุคลิกเอ๋อๆ ของเธอได้เต็มที่ จริงๆ แล้วโพรไฟล์เธอก็เจ๋งไม่แพ้ใคร แต่รู้จักเธอจากการเป็นแฟนของ แบรด พิตต์ ทั้งคู่แสดงด้วยกันใน Kalifornia สงสารจับใจตอนมิสเตอร์สมิธ (พิตต์) ทิ้งเธอไปหานางหงส์เหิน กวินเน็ธ พัลโทรว ลิวอิสให้สัมภาษณ์ทำนองว่า การต้องเลิกกับคนรักโดยที่ยังรักเขาอยู่มันเจ็บปวดมากแค่ไหนทุกคนรู้ แต่กรณีของเธอมันทรมานกว่านั้นหลายเท่า เพราะเธอต้องทนเห็นภาพเขาตามบิลบอร์ดและนิตยสารแทบทุกเล่ม เนื่องจากเขากำลังเป็นดาราเนื้อหอมคนใหม่แห่งฮอลลีวูด

ปัจจุบันลิวอิสกำลังประสบความสำเร็จกับการเป็นนักร้องนำวงร็อค Juliette and the Licks เพื่อนที่เคยไปงานดนตรี Glasstonbury และมีโอกาสได้ดูการแสดงสดของลิวอิสบนเวทีบอกว่า เธอเจ๋งจริงและเพี้ยนได้ใจ





10 L/มัตซึยามะ เคนอิชิ ไม่แน่ใจว่าชอบ L ในร่างของเคนจัง หรือชอบเคนจัง ในบท L กันแน่ หลงรัก L ตั้งแต่เป็นลายเส้นในหนังสือการ์ตูน พอถูกสวมบทบาทโดยมัตซิยามะ ใน Death note ทั้งสองภาค ยิ่งชอบมากขึ้นเป็นทวีคูณ ก็เคนจังหน้าตาน่ารักกว่า L ลายเส้นตั้งเป็นกอง ปกติมักจะแอบชอบผู้ชายที่เจอในร้านเค้กเป็นประจำ แต่ต้องไม่อ้วนนะเพราะมันหมายถึงมีการใช้สมองอยู่ตลอดเวลา ร่างกายจะเปลี่ยนของหวานเป็นพลังงานเพื่อสนับสนุนการทำงานของสมอง ซึ่งตรงกับ L (เคนจัง) ทุกอย่าง ที่สำคัญคือ L เก่งที่สุด!

นอกจากนี้วันเกิดของ L ตรงกับวันที่ ริเวอร์ ฟินิกซ์ เสียชีวิต




เขียนซะเพลิน ถึงคราวต้อง tag คนอื่นต่อมืดแปดด้าน เพราะคนที่รู้จักก็โดน tag ร่วมชะตาเดียวกันแล้ว

มีใครอยากโดน tag หัวข้อนี้ อีกมั๊ยคะ




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2550 2:21:21 น.
Counter : 786 Pageviews.  

เสื้อสำหรับดัชชุนด์

มะแต้มมะตูมกลับมาแล้วฮับ มาพร้อมกับสิ่งประดิษฐ์อันน่ามหัศจรรย์ ซึ่งได้รับมาจากน้องที่ออฟฟิศ นั่นก็คือ.... "เสื้อกันหญ้าทิ่มพุงสำหรับหมาโหลดดดดด"



วิธีใช้แสนง่ายเพียงผูกเข้ากับลำตัว


เหมือนแหนม


สุนัขโหลดของคุณก็จะหมดปัญหา คันพุง หรือเป็นผื่นแดง เพราะโดนหญ้าทิ่มแทงอีกต่อไป


ต้องขอบคุณเสื้อกันหญ้าทิ่มพุงนี่จิงๆ ค่ะ




 

Create Date : 26 มีนาคม 2550    
Last Update : 26 มีนาคม 2550 1:56:01 น.
Counter : 671 Pageviews.  

เอารูปหมาสุดที่รักมาติดบ้านกันมั๊ยเล่า



*นิตยสารน้องใหม่ในเครือคุณนายมาร์ธา สจ๊วต Blueprint ฉบับที่ 1 ประจำซัมเมอร์ 2006 แนะนำว่าหากคุณเบื่อภาพประดับผนังแบบเดิมๆ ลองขยายรูปถ่ายสัตว์เลี้ยงสุดรัก ใส่กรอบเท่ๆ แล้วนำมาติดโชว์ให้เห็นเต็มตาเสียเลยสิ ภาพถ่ายขนาดโปสการ์ด (4x6 นิ้ว) สามารถนำไปให้ร้านขยายได้ถึง 20x24 นิ้ว ในขณะเดียวกันภาพถ่ายดิจิตอลทั่วไปที่ความละเอียดเพียง 2 ล้านพิกเซล สามารถนำมาขยายได้ถึง 20x30 นิ้ว และไม่จำเป็นว่าต้องติดรูปที่ห้องรับแขกเท่านั้น เพ่ิมความสนุกด้วยการแขวนรูปไว้ในห้องอื่นๆ เช่นห้องครัว หรือ ห้องน้ำ

แต่ทำไมต้องเป็นดัชชุนด์ ก็เพราะรูปร่างที่ไม่สมส่วนและท่าทางเด๋อด๋าของมันจะทำให้คุณอมยิ้มได้ทุกครั้งน่ะสิ 5555




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2549 13:20:27 น.
Counter : 581 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

มะแต้มมะตูม
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ ’พื้นที่ของคนรักดัชชุนด์’ เรียก ดัชชุนด์ อาจฟังไม่คุ้นหู ถ้าเรียกว่า หมาไส้กรอก คงนึกออกกันทุกคน นึกออกตั้งแต่รูปร่างไปจนถึงบุคลิกฮาๆ เลยทีเดียว

เนื่องจากได้รับความนิยมมานานนับร้อยปี ผ่านมาแล้วทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดของความนิยม เจ้าหมาไส้กรอกก็เลยมีเรื่องน่าสนใจอยู่มาก บางเรื่องก็ขำ บางเรื่องก็เศร้า

คลิกที่เมนู group blog ด้านซ้ายมือ เพื่อไปยังหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับดัชชุนด์และมะแต้มมะตูมได้เลยค่ะ

คลิกเพื่อฟังเพลงมาร์ชของดัชชุนด์

"I can assure you that there's no dog like this dog. No companion as comical, as loving or as adaptable. His goal in life is to love you, protect you, and be your very best friend." ~Ann Carey~

"Observation... Walk a Poodle, Husky, German Shepard, Collie or whatever other kind of dog and few people take notice. Walk a Dachshund and everybody takes notice."

"If you've never owned dachshunds, no explanation is possible. If you have owned dachshunds, no explanation is necessary." ~Benny Archuleta~

Dachshunds range in size from 6 pounds to 32 pounds. But it doesn't matter what size they are, they're great!

"A mans best friend is a dog. Outside a dog, a mans best friend is a book. Inside a dog it's to dark to read." ~Groucho Marx~

"A dog is the only thing on earth that loves you more than you love yourself." ~Josh Billings~

Friends' blogs
[Add มะแต้มมะตูม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.