บทที่ ๓ คุ้มครอง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวรังสิต ที่ร้านข้าวแกงซึ่งดัดแปลงต่อเติมจากทาวน์เฮาส์สองชั้น มีคนยืนออกันเต็มหน้าร้านดูเหล่าอันธพาลชายสามคนที่รื้อค้นข้าวของและพูดจาข่มขู่ก่อความวุ่นวายเพื่อตามหาตัวนายถาวร “ฝากบอกมันด้วย ถ้าไม่ติดต่อมา ฉันจะกลับมาที่นี่อีก ถ้ามันยังไม่ไปพบเสี่ย พวกฉันจะมาอาละวาดเรื่อยๆ จำไว้” นักเลงวัยรุ่นคนหนึ่งข่มขู่เสียงดัง “โธ่พ่อคู้ณ...อย่ามาอีกเลยนะ ฉันติดต่อเขาไม่ได้หรอกไม่รู้หายไปไหน พ่อหนุ่มจะมาใหม่อีกรอบก็คงไม่เจอเขาหรอก เขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว” ป้าวันดีหญิงวัยห้าสิบคอยวิ่งห้ามหยิบฉวยปกป้องข้าวของจากวัยรุ่นอันธพาลที่คว้าหม้อไหของนางขว้างปาเป็นว่าเล่น แต่เรี่ยวแรงหญิงวัยกลางคนหรือจะสู้เด็กวัยรุ่นชายที่มีถึงสามคน “ไม่สนโว้ย พวกฉันต้องตามหาตัวมันให้เจอ ป้าไม่ยอมบอกก็เดือดร้อนต่อไป” คนอันธพาลหน้าสั้นผิวดำตะโกนโหวกเหวก คว้าหม้อพะโล้เหวี่ยงขึ้นฟ้า “ยะ...อย่า...” แต่นางร้องห้ามไปก็ไม่เป็นผลนักเลงอันธพาลคนเดิมคว้าหม้ออีกใบที่อยู่ข้างกันโยนตาม หม้อลอยละลิ่วร่วงกระแทกพื้นรูปทรงบิดเบี้ยวน้ำแกงหกเรี่ยราดจนนางวันดีหมดแรงที่จะห้ามปราม ได้แต่ยืนดูอย่างหมดอาลัยตายอยาก “เฮ้ย! หยุดนะ!” หนุ่มร่างใหญ่สองนายร้องห้ามขณะวิ่งตรงมาที่ร้านข้าวแกง “เฮ้ย! หนีเร็ว!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนบอกเพื่อน สามอันธพาลทิ้งข้าวของแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างคล่องแคล่วเพราะรู้จักเส้นทางแถวนี้ดี “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่าหนี ฉันบอกให้หยุด! หยุดดดด!” นักเลงพวกนั้นวิ่งหายลับสายตาไป สองหนุ่มบอดี้การ์ดร่างโตไล่กวดไม่ทัน ไม่รู้จะไปตามพวกนั้นที่ไหน จึงเดินย้อนกลับมาที่ร้านป้าวันดี “เผลอแป๊บเดียวเอาซะจนได้ ไอ้พวกนี้” หนุ่มนายหนึ่งบ่นอุบขณะเดินกลับมายืนมองแกงที่หกเรี่ยราดเต็มพื้น นึกเห็นใจป้าทองดีซึ่งกำลังเก็บข้าวของที่กองเกลื่อนถ้าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยนางอาจร้องไห้โฮไปแล้วก็ได้ สองหนุ่มช่วยหญิงกลางคนเก็บข้าวของพลางบอก “ไปแจ้งความเถอะป้า เดี๋ยวผมพาไป” “ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่มพวกนั้นคงไม่มากันแล้วล่ะ มันคงรู้แล้วว่าป้ามีบอดี้การ์ดมาคอยอารักขา” ป้าวันดีพูดติดตลกทั้งที่ในใจขมขื่น ก้มหน้ารับความขาดทุนวันนี้อย่างจำยอมขณะทำความสะอาดพื้น บ่อยครั้งที่คนมาตามตัวนายถาวรนางก็รู้ว่ามีอยู่เรื่องเดียวคือทวงหนี้การพนัน นางนึกเอะใจอยู่แล้วตั้งแต่ที่นายถาวรไม่ได้กลับเข้าบ้านเป็นเดือนๆ ไปหาที่โรงแรมก็ไม่เจอ นางไปขอพบคุณตาทองที่บ้านจึงรับรู้เรื่องราว การกระทำของสามีทำให้นางลำบากใจและอึดอัด นายถาวรได้รับโอกาสแก้ตัวหลายครั้ง แต่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ได้รับมีแต่จะเหยียบย่ำกระทืบซ้ำจมดิน นางเห็นด้วยที่วศินจับนายถาวรไปกักตัวไว้รอจนกว่าเสี่ยชัยจะถูกจับเข้าคุก จึงคอยห้ามปรามไม่ให้ลูกสาวตามหาพ่อที่หายตัวไปเพราะกลัวลูกสาวจะเข้าไปวุ่นวายให้เสียเรื่อง นางไม่เคยเล่าเรื่องนี้หรือเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านมาของพ่อให้ลูกสาวฟัง เพราะไม่อยากให้ลูกมีปมด้อยลูกๆ รู้แค่ว่าพ่อชอบเล่นการพนันและไม่ค่อยกลับบ้านเท่านั้น “ปิดร้านเร็วจังแม่ ปานวาดกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้วถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นพื้นที่ที่เคยวางหม้อข้าวหม้อแกงตอนนี้ว่างเปล่า “ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าน่ะสิ ร้านถึงปิดเร็วแบบนี้” นางวันดีพูดประชด แต่ลูกสาวคนโตที่เดินเอาของไปเก็บในบ้านไม่ได้ยิน หญิงวัยกลางคนลากสายยางมาฉีดน้ำล้างทำความสะอาดพื้น ปานวาดกลับออกมาในชุดลำลองพร้อมทำงาน “ขายดีหรือไล่แจกชาวบ้านเขาละแม่ หมดไวเกิ๊น...” หญิงสาวพูดแหย่มารดาแล้วเดินมาแย่งสายยาง “แม่ไปนั่งพักเถอะเดี๋ยววาดล้างพื้นเอง ขายยังไงเลอะเทอะไปหมด หม้อนั่นก็ด้วยไม่ต้องล้างนะเดี๋ยวจัดการให้” ป้าวันดีเดินไปนั่งพักอย่างหมดเรี่ยวแรง มองลูกสาวคนโตที่กำลังเก็บทำความสะอาดร้าน ใบหน้าแห้งกร้านของนางบ่งบอกว่าหนักใจ ไม่รู้ว่ากลุ่มคนอันธพาลพวกนั้นจะกลับมารังควานอีกเมื่อไหร่ หากพวกมันมาทุกวันก็เท่ากับว่านางต้องขาดทุนทุกวัน “ไพยังไม่กลับอีกเหรอแม่” เสียงปานวาดที่ถามถึงน้องสาวฉุดความคิดของคนเป็นแม่หลุดจากภวังค์ “เออยังเลย...ไม่รู้มีกิจกรรมอะไรนักหนา” นางถือโอกาสบ่นลูกสาวคนเล็กที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่หก พักหลังๆ มานี้ไพลินทำตัวเหลวไหลกลับบ้านมืดค่ำ ไม่เคยช่วยหยิบจับงานวันๆ ยุ่งอยู่แต่กับการแต่งตัว “จะเข้ามหาลัยอยู่แล้วไม่รู้มันจะเอาตัวรอดไหม แม่ล่ะอดห่วงไม่ได้จริงๆ” “เอาน่าแม่เดี๋ยววาดช่วยดูน้องเองแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ปานวาดเก็บสายยางแล้วเดินไปล้างหม้อล้างจานที่วางระเกะระกะรออยู่ในอ่าง “พ่อติดต่อกลับมาบ้างหรือยัง” “โอ๊ย ช่างหัวมันเถอะ ตายไปซะได้ก็ดีชอบสร้างแต่ปัญหามาให้ครอบครัว พอกันทั้งพ่อทั้งลูกไม่เคยอยู่ติดบ้าน” นางบ่นระบายอารมณ์ “แม่ก็พูดไป โทรหาพ่อบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่ขายของจนลืมสามีล่ะ” ลูกสาวคนโตพูดแหย่ แต่มันทำให้คนฟังถอนหายใจเสียงดัง “โทรไม่ติด ขายโทรศัพท์ใช้หนี้พนันหมดแล้วมั้ง” พูดประชดแล้วก็เบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากมีพิรุธให้ลูกสาวจับได้ “ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อแกน่ะ เพื่อนฝูงเขาเยอะ คงไปซ่อนตัวหนีเจ้าหนี้อยู่ที่ไหนสักแห่ง พ่อแกหายหน้าหายตาเป็นประจำอยู่แล้วจะห่วงทำไม คอยช่วยแม่ดูน้องก็พอปรามๆ มันหน่อยอย่าให้มัวแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ” “เดี๋ยววาดไปตามที่ทำงานพ่ออีกทีเผื่อจะเจอ” เธอหมายถึงที่โรงแรมปราณทองรังสิต ที่เธอเจอกับชายแปลกหน้าวันนั้น บางทีย้อนกลับไปที่นั่นอีกครั้งเธออาจได้ข่าวคราวบ้าง “ไม่ต้องๆ ไม่ได้อยู่ที่นั่นแม่ไปมาแล้ว” “มีที่อื่นอีกไหมแม่ วาดจะได้ลองไปตาม” “ไม่ต้องตามแล้ว มาช่วยแม่ทำงานดูแลน้องให้กลับมาสนใจเรียนก็พอ จะจบมอหกอยู่แล้ว ยังไม่รู้จะไปเรียนต่ออะไรเลย” ป้าวันดีพูดตัดบท ไม่อยากให้ลูกสาวเข้าไปยุ่ง นายถาวรอาจทำให้ปานวาดเดือดร้อนเหมือนตนวันนี้ “น้องมันเก่งเอาตัวรอดได้น่าแม่ เชื่อสิ” “พ่อแกยิ่งกว่าเอาตัวรอดได้ซะอีก” ป้าวันดีย้อนลูกสาว “โธ่แม่...” ปานวาดหมดหนทางจะต่อปากต่อคำ “แม่ไปอาบน้ำก่อนล่ะเหนียวตัวชะมัด ล้างหม้อเสร็จแล้วก็ตามเข้าไปกินข้าวเลยนะแม่จะรอ” “จ้ะแม่” หญิงสาวมองตามหลังแม่ที่เดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทีแปลกๆ พ่อหายไปทั้งคนแต่ดูแม่ไม่ค่อยห่วงสักเท่าไหร่ ปานวาดเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายพยายามเร่งตัวเองให้จบไวๆ เพราะอยากออกมาทำงานหาเงินช่วยแบ่งเบาภาระแม่ ปีหน้าไพลินก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัย ค่าใช้จ่ายที่บ้านเพิ่มอีกเป็นสองเท่า แม่คนเดียวไม่ไหวแน่ๆ เธอต้องเรียนจบภายในปีนี้เท่านั้น “มาหาใครคะ” หญิงสาวที่กำลังล้างทำความสะอาดข้าวของให้แม่ รีบละมือเดินออกมาหาชายร่างสูงโปร่งแต่งตัวดีที่มายืนเมียงๆ มองๆ อยู่หน้าร้าน “ป้าวันดี อยู่ไหมครับ” “มีธุระอะไรเหรอคะ” ปานวาดเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย นอกจากเพื่อนบ้านละแวกนี้แล้วก็ไม่ค่อยเห็นแม่สุงสิงกับใคร ยิ่งคนแต่งตัวดีดูภูมิฐานมาถามหาแม่อย่างนี้ยิ่งไม่เคยมี “จะสั่งแกงไปเลี้ยงแขกครับ” “อ๋อ...” ปานวาดลากเสียงยาว “รอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวเข้าไปตามให้” หญิงสาวกุลีกุจอยกเก้าอี้มาให้ลูกค้านั่ง แล้วรีบเข้าไปตามแม่ที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่ในครัว ปัฐกรณ์มาที่ร้านป้าวันดีตามคำสั่งของวศิน ซึ่งได้รับแจ้งจากลูกน้องของวิโรจน์ว่ามีอันธพาลมาอาละวาดทำลายข้าวของวศินจึงคิดหาทางออกให้ป้าวันดีมีรายได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับพวกอันธพาลอย่างวันนี้ ปัฐกรณ์แบ่งออเดอร์บางส่วนจากโรงแรมมาให้ป้าวันดีทำอาหารสำหรับจัดเลี้ยงแขกที่จะเข้ามาสัมมนาในวันพรุ่งนี้ และยังขอเบอร์โทรศัพท์นางไว้เพื่อสั่งอาหารครั้งหน้า งานว่าจ้างนี้ทำให้ป้าวันดีไม่ต้องวางขายข้าวแกงหน้าร้านให้พวกนักเลงเจ้าถิ่นมาคว่ำหม้อเล่นอีก ป้าวันดีออกมาคุยกับปัฐกรณ์สักพักก็กลับเข้าบ้านสีหน้าแช่มชื่นถือเป็นข่าวดีสำหรับหญิงวัยห้าสิบที่ไม่ต้องหนักใจกับเรื่องการทำมาหากินเพราะวศินยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีกครั้ง