บทที่ ๑ ปิดฉากรัก ขณะที่ดีเจของเดอะเคเอสกำลังสร้างความสนุกสนานให้แขก บรรยากาศในห้องรับรองพิเศษที่ติดกับห้องทำงานวศินกลับดุเดือดเลือดพล่านไม่ต่างจากในภาพยนตร์แอ็คชั่นของฮอลลีวูด วศินเดินเข้ามากวาดตามองทั้งห้อง บอดี้การ์ดห้าคนที่ยืนเรียงแถวรอพากันก้มศีรษะแสดงความเคารพ ชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงหน้านายถาวร ชายวัยห้าสิบเศษที่นั่งคอพับสะบักสะบอม ใบหน้ายับเยินเขียวช้ำ เลือดสีแดงไหลจากแผลสดทั้งบนใบหน้าและลำตัวส่งกลิ่นคาวคลุ้ง เจ้านายหนุ่มชำเลืองมองวิโรจน์ลูกน้องมือขวาที่ยืนห่างออกไปประมาณเมตรกว่าๆ ใช้สายตาแทนคำถาม ทำให้ฝ่ายที่ถูกมองรีบอธิบาย “ฟิวส์ขาดนิดหน่อยครับนาย มันพูดจายั่วโมโห” วศินพยักหน้าแล้วยกมือส่งสัญญาณให้หยุด เขาไม่ติดใจสิ่งที่วิโรจน์ทำเพราะรู้ดีว่านายถาวรเป็นคนยังไง เขาย่อตัวนั่งตรงหน้าชายวัยกลางคน จับปลายคางบวมเป่งให้เงยขึ้น “ถือว่าโชคดีที่ยังไม่ตาย” เขามองสำรวจคนตรงหน้าที่นั่งตัวสั่นเทิ้มและพยายามหลบตาเขา “นายก่อเรื่องเฮงซวยครั้งที่เท่าไหร่จำได้ไหม” คำถามแรกจากชายหนุ่มทำเอาคนฟังตาเหลือก “ยกโทษให้ผมด้วยครับนาย ผมผิดไปแล้ว” นายถาวรลูกน้องจอมกะล่อนของคุณตารีบยกมือไหว้เขาปลกๆ ส่วนวิโรจน์มองด้วยสายตาเย็นชา วศินรู้ดีว่าลูกน้องมือขวาของเขาเกลียดการกระทำและความกะล่อนของนายถาวรแค่ไหน “เมื่อกี้มึงไม่ได้พูดแบบนี้นี่หว่า...” วิโรจน์ชายหนุ่มเลือดร้อนที่มีแต่ความจงรักภักดีต่อเจ้านายตะคอกใส่ทุกครั้งที่ถูกจับตัวมานายถาวรก็มักพูดประจบสอพลอเอาตัวรอดเสมอ วศินรู้สึกเอือมระอากับคนที่ไม่เคยสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำหลายครั้งหลายหน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณตายังไว้ใจผู้ชายคนนี้ให้มารับผิดชอบดูแลโรงแรมปราณทอง “อย่าไปฟังมันครับนาย ไอ้โรจน์มันเกลียดผม มันใส่ร้ายผม ผมไม่ได้หักหลัง ไม่เคยด่าว่าเจ้านายเลยสักนิด” คำพูดพล่อยๆ ทำให้คนฟังนึกอยากตัดหางปล่อยวัดนายถาวรเสียเดี๋ยวนี้ “นายพูดถูกถาวร ฉันไม่ควรฟังวิโรจน์” วศินพูดพลางมองคนสภาพยับเยินตรงหน้า เหมือนว่าถาวรจะไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ เพราะยังมีรอยยิ้มอย่างทะนงตัวออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยเลือด ซ้ำยังพูดใส่ร้ายวิโรจน์ต่ออย่างหน้าไม่อาย “ใช่ครับใช่ไอ้โรจน์มันเกลียดผมชอบหาเรื่องใส่ร้ายผมนายอย่าไปฟัง” วศินลุกยืน คำพูดเขาคงทำให้คนหน้าตาเขียวช้ำเข้าใจผิดถึงยังชะล่าใจอยู่อีก เขาเห็นนายถาวรยิ้มเย้ยใส่วิโรจน์ที่ยืนเขม้นมองตาเขียว คงคิดว่าเขาจะเชื่อคำพูดกะล่อนของตัวเอง นายถาวรชักจะมั่นใจในการประจบสอพลอที่ช่ำชองของตนมากเกินไปแล้ว วศินมองชายตรงหน้าอย่างนึกสังเวช “ฉันฟังวิโรจน์ไม่ได้หรอก เขาไม่เคยพูดอะไร” นายถาวรสะดุ้งเบิกตาโพลงกับประโยคหลังของเขา คงรู้ตัวว่าทำพลาดตอนนี้ถึงได้เริ่มมองหาทางหนี ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นไปไม่ได้ “จะ...จะ...เจ้านายครับ ขะ...เข้าใจผิดนะครับ ที่ผมพูดเมื่อกี้ คือ...ผมจะบอกว่า...คือ...” “หยุด!” วศินตวาดดังลั่น “เลิกหาข้อแก้ตัวซะที!” ถาวรเป็นคนไม่ซื่อ พูดจากลับกลอกเชื่อถือไม่ได้ ชอบสร้างปัญหาให้เขาตลอด ทุกครั้งที่ทำผิดมักได้รับโอกาสให้แก้ไขใหม่เสมอจนเคยตัว ที่เขายังให้โอกาสและกักตัวนายถาวรไว้ไม่ปล่อยให้ไปตายด้วยน้ำมือเสี่ยชัย เพราะเห็นแก่ป้าวันดีที่มาขอร้อง บางทีเขาก็นึกสงสารนางที่มีสามีไม่ได้เรื่อง เขารู้จักสนิทสนมกับป้าวันดีพอๆ กับป้ารำภาแม่บ้านของคุณตาที่อยู่ด้วยกันมากว่ายี่สิบปี เพราะช่วงหนึ่งที่คุณยายปราณของเขาป่วยป้าวันดีซึ่งเป็นพนักงานของโรงแรมปราณทองในช่วงนั้นมาเป็นคนดูแลคุณยายปราณที่บ้าน เขาจึงได้เจอกับนางทุกวัน ป้าวันดีดูแลคุณยายปราณจนกระทั่งท่านเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ จากนั้นก็ยังเจอกันบ้างประปรายเวลานางมาเยี่ยมป้ารำภาที่บ้านคุณตา ความสัมพันธ์อันนี้ทำให้เขาอยากดูแลครอบครัวของนางตอบแทนที่นางเคยดูแลคุณยายปราณของเขาอย่างดี นายถาวรก็มีอายุมากแล้ว หากเขาลงโทษหรือไล่ออกจากงานครอบครัวที่อยู่ข้างหลังก็จะต้องลำบาก ซึ่งก็ไม่พ้นป้าวันดีกับลูก แต่แทนที่นายถาวรจะทำตัวให้ดีขึ้น กลับหลงระเริงทำความผิดซ้ำซาก และไม่เคยยอมรับผิดในสิ่งที่ทำ ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ถาวรก็ปลิ้นปล้อนกะล่อนเอาตัวรอดตามเคย แต่ความผิดครั้งนี้หนักหนาเกินจะปล่อยตัว “วิโรจน์” “ครับนาย” “เอาไปขัง ห้ามใครเข้าพบ” “ครับ” วศินยืนนิ่งเมื่อถาวรถลันเข้ามากอดขาเขาแน่น “อย่าขังผมเลยนะครับนาย ผมขอร้อง ปล่อยผมไปเถอะครับ” นายถาวรละล่ำละลัก“ผมมีครอบครัวที่ต้องดูแลนะครับนาย ผมสัญญาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีก อย่าขังผมเลยนะนาย นะครับนาย อย่าเอาผมไปขังเลยนาย...นาย...” “ลากออกไป!” วิโรจน์หันไปบอกลูกน้องในความดูแลของตนอีกทอด ชีวิตที่ถูกกำหนดให้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมและไม่รู้ว่าจะได้ออกไปข้างนอกอีกเมื่อไหร่ ทำให้ถาวรแหกปากร้องขอความเห็นใจไม่ยอมหยุดขณะถูกหิ้วปีกขึ้นไปห้องลับตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม ห้องลับนี้อยู่ชั้นบนสุดของตึกเดอะเคเอส บันไดทางขึ้นอยู่ในห้องทำงานของวศิน มีตู้หนังสือปิดซ่อนประตูทางเข้ามิดชิด มีแต่คนในไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักในส่วนนี้ เคเอสผับตั้งอยู่บนที่ดินแปลงเดียวกับโรงแรมเดอะเคเอส ปริ๊นเซส ใจกลางเมืองกรุง ผับสร้างแยกออกจากโรงแรมระดับห้าดาว เป็นอาคารขนาดใหญ่สี่ชั้น แต่ชั้นที่สี่ออกแบบพรางตา คนทั่วไปจึงมองเห็นแค่สามชั้น การตกแต่งสวนที่ลานจอดรถใช้รูปแบบเดียวกับโรงแรม มีทางเท้าเชื่อมหากันระหว่างผับกับโรงแรมเพื่อความสะดวก พื้นที่การใช้งานของผับแบ่งโซนชัดเจน ชั้นหนึ่งกับชั้นสองเป็นผับเปิดโล่ง ทางขึ้นเป็นบันไดเหล็กสองด้านซ้ายขวาจากบนชั้นสองสามารถมองลงมาเห็นชั้นล่างซึ่งเป็นแดนซ์ฟลอร์และมีโต๊ะเก้าอี้ไว้คอยบริการ ชั้นสามมีห้องสนุกเกอร์ โดยมากลูกน้องจะรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ในห้องนี้มีพนักงานบริการเฉพาะส่วนแยกต่างหากจากงานผับสองชั้นล่างอย่างสิ้นเชิง และมีห้องวีไอพีคาราโอเกะที่จัดไว้เป็นพิเศษด้วย วศินวางแผนคร่าวๆ กับปัฐกรณ์ เกี่ยวกับการจัดการปัญหาภายในโรงแรมปราณทองที่นายถาวรก่อเอาไว้ เพราะปัฐกรณ์จะต้องเป็นคนเข้าไปเคลียร์ “ดูแลครอบครัวเขาด้วย อย่าให้ต้องมาลำบากเพราะเรา” เขาสั่งกำชับเรื่องการคุ้มครองดูแลลูกเมียนายถาวร เพราะคิดว่าพวกอันธพาลต้องมาสร้างความวุ่นวายแน่ๆ “นายจะจัดการกับนายถาวรยังไงครับ” คำถามของปัฐกรณ์ทำให้เขาต้องถอนหายใจกับสิ่งที่ไม่อยากทำแต่จำเป็นต้องทำ “ขังไว้ก่อน จนกว่าเราจะเคลียร์ปัญหาเสี่ยชัยจบ” “นายจะไปห่วงคนแบบนั้นทำไมครับ” วิโรจน์พูดขัดขึ้นหลังจัดการกับนายถาวรเสร็จแล้วเดินเข้ามาสมทบ ท่าทีบ่งบอกชัดว่าขัดใจเรื่องที่เขายังเก็บนายถาวรเอาไว้ “สร้างปัญหาให้ขนาดนี้ ผมว่าปล่อยให้มันโดนไอ้พวกนั้นจับไปฆ่าทิ้งซะก็จบเรื่อง เราแค่จัดการปัญหาที่มันก่อไว้ก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ถ้าพวกนั้นมันดื้อดึงก่อความวุ่นวายผมว่าปัญหานี้ไม่จบง่ายๆ แน่” “เอาน่า...ถ้าปล่อยให้ตายไปเราอาจเดือดร้อนกว่านี้ อ้อ อย่าลืมดูแลหายารักษาด้วยล่ะ เดี๋ยวได้ตายจริงๆ เพราะฝีมือนาย” วิโรจน์ถอนหายใจก่อนน้อมรับคำสั่ง “ครับนาย” วศินเข้าใจความโกรธเกลียดที่วิโรจน์มีต่อถาวร แต่หากปล่อยให้นายถาวรหลบหนีตามลำพังข้างนอก อาจถูกคู่อริฆ่าทิ้งจริงๆ อย่างที่วิโรจน์ว่า ถาวรเป็นลูกน้องของคุณตา ก่อนโดนสั่งขัง ถาวรทำงานอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมปราณทองซึ่งเป็นธุรกิจเก่าแก่แห่งแรกของครอบครัวที่ตั้งอยู่ชานเมือง คุณตาปล่อยให้ถาวรดูแลเพราะรายนั้นรู้จักทุกส่วนของโรงแรมดีที่สุดรองจากคุณตาที่เกษียณตัวเองตั้งแต่วศินกลับจากนิวยอร์ก อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ทำให้ชายร่างท้วมวัยกลางคนกล้าเอาพื้นที่ห้องสัมมนาให้นักเลงเจ้าถิ่นอย่างเสี่ยชัยเช่าเปิดบ่อนแล้วตัวเองก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน หนีทั้งคนของเขาและลูกน้องของเสี่ยชัย คนที่เป็นทั้งผู้มาเช่าพื้นที่และเป็นทั้งเจ้าหนี้ที่นายถาวรไปกู้เงินมาเล่นการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว ถ้าเขาไม่รีบจับตัวมากักบริเวณไว้ ก็อาจโดนลูกน้องเสี่ยชัยฆ่าทิ้ง “ให้ผมกับลูกน้องไปคอยเฝ้ารับมือคนพวกนั้นที่โรงแรมดีไหมครับนาย” วิโรจน์เสนอตัวเพราะทุกวันนี้เหล่านักเลงอันธพาลพวกนั้นยังมาป้วนเปี้ยนในโรงแรม จนมีผลกระทบถึงแขกที่เข้ามาใช้บริการ เจ้านายหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างใช้ความคิด วิโรจน์เป็นลูกน้องที่ฝีมือดีไว้ใจได้ทุกเรื่อง แต่...ความใจร้อนบุ่มบ่ามของลูกน้องคนนี้ยังทำให้เขาเป็นห่วง “นายไปไม่ได้หรอก” เขาเงยหน้ามองสบตาลูกน้องคนสนิท “นายไปหาบอดี้การ์ดมาเพิ่มคัดสรรมาดีๆ หน่อย ส่วนคุณปัฐกรณ์ช่วยรับผู้จัดการคนใหม่มาดูแลที่ปราณทอง ปัญหาเสี่ยชัยที่มีอยู่ตอนนี้เราจะค่อยๆ สะสางไป” “แล้วถ้าพวกนั้นมันกลับมาหาเรื่องมาถล่มโรงแรมละครับนาย” “ตำรวจไง แจ้งตำรวจไป” เขาบอกยิ้มๆ แกล้งพูดแหย่คนอารมณ์ร้อน “มีเอาไว้จับผู้ร้าย” “โธ่นาย...” วิโรจน์ลากเสียง “ก็รู้ๆ อยู่ว่าตำรวจในพื้นที่เป็นคนของพวกมันไม่อย่างนั้นเราคงโดนจับข้อหาเปิดโรงแรมบังหน้ามีบ่อนอยู่เบื้องหลังไปนานแล้ว มันไม่กล้าทำเพราะกลัวไอ้คนจ่ายใต้โต๊ะให้จะเดือดร้อนไปด้วย พวกมันถึงได้เงียบเป็นเป่าสาก” “ฉันรู้...แต่ขืนให้พวกนายไปเฝ้าก็เหมือนเอานายไปล่อให้มันกลับมาหาเรื่องเราน่ะสิ” วศินขยับตัวลุก “เอาล่ะ ตามนี้ก็แล้วกัน อ้อคุณปัฐ เรื่องผู้จัดการคนใหม่ขอด่วนๆ เลยนะ หาคนเก่งๆ มีฝีมือ ผมจ่ายเงินเดือนให้เต็มที่ตามความสามารถผู้จัดการคนนี้เขาต้องทำงานหนักหน่อย เพราะต้องตามแก้ปัญหาที่นายถาวรก่อเอาไว้” “ครับคุณศินผมจะจัดการให้เร็วที่สุด” บนเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์ในห้องนอนหรูของบ้านทรงสเปนเนื้อที่กว้างขวาง หญิงสาวคร่อมอยู่บนชายที่เธอพร่ำเรียกว่าที่รัก ร่างกายเปลือยเปล่าโชว์ผิวขาวเนียน เคลื่อนเอวขึ้นลงเป็นจังหวะ ส่งเสียงร้องครางใบหน้าบิดเบ้ไม่ต่างจากคนที่นอนรองรับอารมณ์อยู่ด้านล่าง ชายหญิงที่กำลังมัวเมาในราคะทาบทับร่างบดเบียดกันและกันด้วยความรื่นรมย์ จนไม่ทันสังเกตว่ามีบุคคลที่สามก้าวเข้ามายืนกำหมัดขบกรามแน่นอย่างพยายามข่มอารมณ์ เพล้งงงง! แจกันใบใหญ่ถูกทุ่มลงพื้นแตกกระจาย เสียงที่ดังลั่นห้องดึงอารมณ์ร่างเปลือยให้หยุดชะงักทั้งคู่เบิกตากว้างตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายตัวโตราวยักษ์ปักหลั่นยืนทำหน้าถมึงทึง “วศิน!” วศินจ้องมองวิภาที่ผละออกจากชายชู้และรีบคว้าผ้าห่มข้างกายมาพันตัวชายหนุ่มไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แต่สิ่งที่เขาพบมันคือความจริง หล่อนมิอาจปกปิดความชั่วความผิดที่กระทำลงไป “ตั้งแต่เมื่อไหร่!” เขาตวาด “นานแค่ไหน! พวกแกรวมหัวกันสวมเขาให้ฉันนานแค่ไหนแล้ว!” วศินอารมณ์เดือดเดินดิ่งเข้าไปชกหน้าชายโฉดแล้วกระชากลงจากเตียง ร่างผอมของชายอ่อนวัยกว่ากระแทกพื้นเสียงดังพลั่ก “ไอ้ไกร…” เขาเรียกเสียงต่ำ ขบกรามแน่น เพ่งมองชายตรงหน้า “แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงหา!” วศินตะคอกถามชายรุ่นน้องที่นั่งก้มหน้าตัวสั่น เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มที่เขาไว้ใจมอบหมายงานที่ดีให้และรักเหมือนน้องชายจะกล้าทรยศหักหลัง ถ้าวันนี้ไม่บังเอิญกลับเข้ามาแต่งตัวใหม่เพื่อไปงานเลี้ยงมื้อค่ำ ก็คงไม่รู้ว่ากำลังโดนเมียรักสวมเขา ภาพการระเริงสวาทของคนทั้งสองเมื่อครู่นี้กระจ่างชัดจนไม่อาจหาคำใดมาบิดเบือนความจริงที่เห็นได้ ประตูห้องที่ปิดไม่สนิท เสื้อผ้ากองกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง บ่งบอกว่าวิภาทำแบบนี้บ่อยจนชะล่าใจ เขาต้องออกจากบ้าน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ มีปัญหาใหญ่ๆ ต้องจัดการตลอดเวลา แต่เมียรักที่ถูกตัณหาราคะครอบงำถือโอกาสนี้มาหาความสำราญกับคนหนุ่มรุ่นน้อง คงคิดไม่ถึงว่าผัวตัวจริงจะกลับบ้านก่อนกำหนด หล่อนทำแบบนี้ได้ยังไง! วศินจินตนาการเรื่องราวได้แค่นั้น หัวใจของเขาก็แหลกสลายไม่มีชิ้นดี เขามองไกรสรที่กลัวจนลนลาน ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าสบตาเขา ร่างเปลือยเปล่าถดหนีเมื่อเขาสาวเท้าเข้าไปใกล้ “ออกไป!” วศินข่มอารมณ์เอ่ยปากไล่ “นายครับ” “ออกไป! รีบออกไป! ก่อนฉันจะหมดความอดทน!” เขาย้ำ เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มหนีก่อนที่ตัวเองจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ ไกรสรเป็นเสมือนน้องชาย เป็นลูกน้องที่ติดสอยห้อยตามเขามานาน ทำงานดีไม่เคยบกพร่อง ส่วนเรื่องตัณหาราคะ ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง! วศินยืนมองไกรสรลุกออกจากห้องด้วยความสมเพช ส่วนวิภายังขดอยู่บนเตียง หล่อนนั่งตัวสั่นเหมือนคนเห็นผี ชายหนุ่มมองภาพเมียรักแล้วประเมินอารมณ์ตัวเองไม่ถูก ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอหล่อนในสภาพที่น่าดูแคลนอย่างนี้ เขารักวิภามาก หล่อนเป็นคนเก่ง โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง เขากับหล่อนเข้าขากันได้ดี จึงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโดนสวมเขา ทั้งชีวิตที่ทำงานอยู่กับตัณหาราคะสุรานารี เห็นการมีเซ็กซ์เป็นสิ่งธรรมดาของมนุษย์ที่หาได้ง่ายดายมากสำหรับชีวิตคนกลางคืนอย่างเขาที่ต้องคุมผับ คุมบาร์ ดูแลโรงแรม แต่เขาไม่เคยทำตัวเหลวไหล แม้จะมีผู้หญิงเข้ามาเสนอตัวมากมาย เขาก็ไม่เคยคิดนอกใจเมีย ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ความเสียใจถูกเก็บซ่อนไว้ใต้ใบหน้าที่เคร่งขรึม สองมือยกเสยผมที่ปรกหน้า เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นพร้อมกับจิตใจที่รุ่มร้อน วศินพยายามตั้งสติ พยายามระงับอารมณ์ที่บ้าคลั่ง เพราะหากทำอะไรหล่อนด้วยโทสะ นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว ยังจะพากันเสียหายไปหมด เมื่อนึกถึงความเป็นจริง จึงยอมข่มอารมณ์ตัวเองไม่เอาชีวิตมาแลกกับชายหญิงคู่นี้ เพราะนั่นจะทำให้ทุกๆ อย่างที่เขาสร้างมาด้วยความยากลำบากต้องย่อยยับ ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงดึงลิ้นชักหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเขียนแล้วเดินกลับมาโยนให้วิภา วิภามองแผ่นกระดาษที่ปลิวไปตกข้างตัว หล่อนเลื่อนมือออกไปกำมันไว้ “ศิน...อย่าไล่วิไปไหนเลยนะ” น้ำเสียงหล่อนสั่น “ผมไม่ได้ไล่ คุณต่างหากที่เลือกจะไป” วศินมองวิภาด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าไม่อยากเห็นผมเป็นฆาตกรก็รีบเก็บข้าวของออกไป” “ศิน...” “ไปซะ!!!” ชายหนุ่มมองวิภาเล่นบทโศกอย่างนึกเหยียด เขาต้องการจากกันด้วยดี อย่างน้อยก็ทำเพื่อตัวเอง การแยกทางกับวิภาไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อน แต่เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบผัวเมียเหมือนเดิมต่อไป เขาคงเป็นบ้า หรือไม่ก็อาจเป็นฆาตกรได้โดยไม่รู้ตัว “ผมช่วยคุณได้เท่านี้” พูดจบคนตัวสูงก็เดินออกจากห้องไป วิภาร่ำไห้มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความสับสนในใจ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา วศินไม่เคยขัดใจหล่อน เขารักและดีกับหล่อนทุกอย่าง แต่หากมีอะไรที่ทำให้เขาโกรธหรือเกลียด วศินจะมีความร้ายกาจในแบบเฉพาะตัวที่ไม่มีใครกล้าเสี่ยง เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่ทำให้หล่อนเผลอปล่อยตัวปล่อยใจ ด้วยตัณหาราคะที่ไม่เคยคิดจะหยุดของตัวเอง หล่อนไม่ได้ต้องการจะเลิกกับวศิน ไม่คิดจะจริงจังกับเด็กรุ่นน้องอย่างไกรสร หล่อนแค่นึกสนุกเท่านั้น ไม่น่าปล่อยให้ตัวเองทำผิดพลาดขนาดนี้เลย