บทที่ 3 รอไปเถอะยายโก๊ะ


 
บทที่ 3 รอไปเถอะยายโก๊ะ
 
“อ๊อด ช่วยด้วย” แพรชมพูวิ่งเข้าไปหาเพื่อน “เมื่อกี้มีใครก็ไม่รู้จะจับตัวพู่ไป มันต้องเป็นพวกโจรลักพาตัวแน่ๆ”
อิสระมองหญิงสาวที่ยืนหอบจนตัวโยน ครั้นมองตามเส้นทางที่เพื่อนเพิ่งวิ่งมา ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
“ไหน ไม่เห็นอะไรเลย”
“ก็นั่นไง” แพรชมพูชี้นิ้วไปยัง ‘พวกลักพาตัว’ ที่ตอนนี้เดินหนีไปอีกทางเห็นแต่หลังไวๆ 
“คุ้นนะ” อิสระมองตามอย่างข้องใจ
“คุ้นยังไง นั่นน่ะมันคนร้ายนะอ๊อด”
“ดูแล้วไม่น่าเป็นคนร้ายเลย”
“อ๊อดไม่เชื่อพู่หรือไง”
“เปล่า ไม่ใช่ไม่เชื่อ” เขารีบปฏิเสธ “แต่แค่รู้สึกคุ้นๆ แค่นั้น เราไปแจ้งความกันเถอะ ไปเดี๋ยวนี้เลย เผื่อจะจับคนร้ายทัน”
อิสระพูดด้วยสติ เขาหยิบกระเป๋าตัวเองมาสะพายบ่า แล้วฉวยสัมภาระของเพื่อนสาวมาช่วยถือให้
“ไปเถอะ”
“ไม่นะไม่ไป! ไม่เอา พู่กลัว”
แพรชมพูร้องโยเย แล้วสรุปที่คำว่ากลัว แต่จริงๆ แล้ว เธอไม่อยากยุ่งยาก แค่สลัดตัวเองให้พ้นออกมาได้ก็พอแล้ว เธอมาที่นี่เพราะต้องการมาหาเพื่อน มาเที่ยวให้ฉ่ำใจ แต่หากต้องมายุ่งยากเรื่องนี้เธอคงไม่มีกะจิตกะใจเที่ยว 
“ไม่ต้องแจ้งความหรอกพู่ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “จะเอางั้นเหรอ”
“อือ...อย่างนี้แหละ” หญิงสาวยืนยัน แล้วกำชับต่ออีกว่า “แล้วก็ห้ามโทรไปบอกที่บ้านพู่ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นเราสองคนอดเที่ยวแน่”
“ก็ได้” ชายหนุ่มรับคำ “แต่พู่ต้องรับปากก่อนว่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้ เรามาต่างที่ ยังไม่รู้จักอะไรเลยทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”
แพรชมพูยิ้มเหยเก “อื้อเข้าใจ” แล้วรับปากเพื่อให้อิสระสบายใจ
เสียงรถยนต์ที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วดึงความสนใจให้คนทั้งสองหันไปมอง เห็นรถจิ๊บเชโรกีสีแดงแล่นตัดแสงแดดออกจากสถานีไปอย่างรวดเร็ว
แพรชมพูมองตามหลังพลางยิ้มอย่างสะใจ แต่หารู้ไม่ว่าพรหมลิขิตกำลังจะเล่นตลกกับเธอแล้วในไม่ช้านี้
 
บ้านขนาดกะทัดรัดติดชายหาด ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองซึ่งต้องขับผ่านถนนคดโค้งลดหลั่นไปตามสันเขา เลาะชายทะเลของหาดต่างๆ ในเมืองภูเก็ตและเป็นพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวทำให้ธรรมชาติบริเวณอยู่ในสภาพที่สวยงามตลอดทั้งปี
หญิงสาวนั่งตากลมรอเพื่อนอยู่ภายในรั้วกว่าสองชั่วโมง เพราะร่างกายที่ป่วยออดแอดๆ จึงทำได้แต่คอยชะเง้อมองทาง จิตใจพะว้าพะวังจนดวงตาคู่สวยเริ่มอ่อนล้า รู้สึกผิดหวังเมื่อรถแต่ละคันที่แอบหวังล้วนขับผ่านหน้าบ้านไป
นิรชาเริ่มใจฝ่อนึกเป็นห่วงแพรชมพู เพราะเลยเวลานัดไปสองชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนมีเหตุขัดข้องอะไร
ตกลงเวลากันเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะมาถึงรอบเช้ามืด แต่นี่สายโด่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว พี่ติณณ์ของเธอที่อาสาจะไปรับให้ก็เงียบหายไปอีกคน
“นั่งตากลมอยู่ตรงนี้อีกแล้ว เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาหมาดๆ เดี๋ยวไข้ก็ขึ้นอีกหรอกค่ะคุณนิ”
ป้าทองแม่บ้านสูงวัยร่างท้วม ร้องทักขณะเดินออกมาจากห้องครัว
“นิไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า ตอนนี้ห่วงยายพู่มากกว่า ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเจอกับพี่ติณณ์หรือยัง ทำไมไม่พาเพื่อนนิมาส่งสักที นิกลัวยัยพู่จะไม่ยอมรอแล้วตะลอนไปเที่ยวที่อื่นจนคลาดกัน”
“เขาอาจจะเจอกันแล้วแต่แวะทำธุระที่ไหนก่อนก็ได้นะคะ คุณนิอย่าเพิ่งกังวลเลยค่ะ พี่ชายอาสาจะไปรับให้เองนี่นา”
“แต่มันนานเกินไปนะคะป้า ถ้าพี่ติณณ์จะแวะทำธุระที่ไหนก่อน ก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง นิกลัวอย่างเดียวว่าจะไม่เจอกันค่ะ”
“งั้นก็ลองโทรศัพท์ไปถามสิคะว่าถึงไหนแล้ว” ป้าทองยื่นข้อเสนอให้
“นิโทรเป็นสิบๆ รอบแล้วค่ะ แต่พี่ติณณ์ไม่รับสายเลย จะโทรไปหายายพู่นิก็ไม่ได้จดเบอร์ไว้ เขาเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ อ๋อ ป้าคะ...เห็นโทรศัพท์มือถือของนิไหม ไม่รู้ว่าหล่นตรงไหน นิเซฟเบอร์ยายพู่ไว้ในมือถือค่ะแต่หาโทรศัพท์ตัวเองไม่เจอ”
“เอ...ก่อนกลับจากโรงพยาบาลป้าเก็บโทรศัพท์ของคุณนิใส่กระเป๋าให้แล้วนะคะ ฝากให้คุณติณณ์เอากลับมาไว้ที่บ้าน คงต้องรอถามพี่ชายแล้วล่ะค่ะ แต่เดี๋ยวป้าจะเข้าไปค้นในห้องให้อีกทีนะคะ ตอนนี้คุณนิไปทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะ”
“นิยังไม่หิวค่ะ”
เธอกล่าว แล้วหันหน้ากลับไปยังถนนหน้าบ้าน
“ไม่หิวก็ต้องกินค่ะ เดี๋ยวจะเลยเวลายา”
“พู่จะถึงไหนหนอ...”
คนสูงวัยกว่ายืนมองแล้วออกความเห็นด้วยความเป็นห่วง
“ป้าว่าตอนนี้ห่วงตัวเองก่อนนะคะ คุณชมพู่เธอแข็งแรงค่ะ ไม่เป็นอะไรง่าย เดี๋ยวป้าจะจัดอาหารเช้ามาให้ที่นี่เลยก็แล้วกันนะคะ”
พูดจบป้าทองก็หันหลังเดินกลับไปทางเดิม
“ป้าคะ ขอนิรอยายพู่กับพี่ติณณ์ก่อนได้ไหมคะ” นิรชาเรียกเอาไว้
ป้าทองหันมาส่ายหน้ามองหญิงสาวพลางถอนหายใจ
“รอไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าเพื่อนมาเราก็ทานกับเพื่อนอีกได้”
นิรชายิ้มเฝื่อนๆ ตามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “นะคะป้า รออีกสักนิด”
“ทำไมดื้ออย่างนี้ล่ะคะ”
ป้าทองเดินกลับเข้ามานิรชาแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ รวบมือเย็นของหญิงสาว
“คุณนิเพิ่งจะฟื้นไข้ ต้องดูแลตัวเองมากๆ หน่อยสิคะ”
นิรชาซึ้งในความห่วงใยที่ป้าทองมีให้ นางเป็นแม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมานานจนเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ จึงวางใจที่จะพูดคุยปรึกษาปัญหาต่างๆ
แม้ผู้อาวุโสกว่าจะทำเสียงดุปราม แต่ลงท้ายก็ยอมตามใจ
“เอาเถอะค่ะ รอก่อนก็ได้ แต่ให้รอได้อีกแป๊บเดียวนะคะ”
“ค่ะ”
นิรชายิ้มแล้วพูดต่อ
“ถ้ายายพู่ไม่ได้เดินทางมาคนเดียว นิคงไม่ห่วงหรอกค่ะ แต่นี่เป็นผู้หญิงคนเดียว แถมยังโก๊ะๆ อีก”
นิรชาพูดพลางนึกภาพแพรชมพูที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอเรื่องพี่ชายกีดกันความรัก นึกแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า เพื่อนสนิทของเธอเจอกับพี่ติณณ์แล้วจะเป็นยังไง
หญิงสาวผ่อนลมหายใจ ภาวนาอย่าให้มีอะไร เพราะเธอไม่อยากให้แพรชมพูมีปัญหากับพี่ชายในขณะมาเที่ยวที่นี่
นิรชายิ้มอออกเมื่อรถเชโรกีสีแดงวิ่งผ่านประตูรั้วเข้ามา
“พี่ติณณ์มาแล้วค่ะป้า” คนพูด รีบลุกไปที่รถ
ป้าทองอมยิ้มมองนิรชาที่เดินตัวปลิวเข้าไปหาติณณ์ ผู้สูงวัยส่ายหน้าแล้วรีบเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมจัดอาหารขึ้นโต๊ะ
“เพื่อนนิละคะ” นิรชาชะเง้อมองเข้ามาไปในรถ แล้วประหลาดใจที่ไม่พบใคร
“พอดีนึกได้ว่าลืมของสำคัญ พี่เลยต้องกลับมาเอาก่อน”
เขาตอบห้วนแล้วเบี่ยงตัวเลี่ยงหนีเข้าไปหยิบของที่ลืม
“พี่ติณณ์คะ พู่บอกว่าจะมาถึงตั้งแต่เช้ามืดแล้วนะคะ ทำไมไม่ไปรับพู่ก่อน”
หญิงสาวมองใบหน้าเคร่งขรึมของพี่ชายที่หันกลับมา ดวงตาเขาดูกร้าวผิดปกติ เธอเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน
“พี่ติณณ์แวะเข้าไปดูเพื่อนนิหรือยังคะ”
“ดูแล้ว”
“แล้วเจอไหมคะ”
“เจอ”
“อ้าว...ทำไมไม่พามาบ้าน”
ติณณ์ไหวไหล่แทนคำตอบ แล้วเดินหนีเข้าบ้านไปดื้อๆ นิรชาได้แต่อ้าปากค้าง
“อ้าว... พี่ติณณ์ พี่ติณณ์คะ”
เสียงเรียกของนิรชาไม่ได้ทำให้เขาหันกลับมาอีก เธอเริ่มใจคอไม่ดี อาการอย่างนี้ต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง
ร่างสูงใหญ่เดินกลับมาที่รถ หลังจากหายเข้าบ้านไปพักหนึ่ง นิรชายืนรออยู่ที่เดิม ชายหนุ่มจ้องใบหน้าขาวซีดของน้องสาวก่อนเดินอ้อมไปขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อประตูรถอีกฝั่งถูกกระชากเปิด
“นิไปด้วยค่ะ”
“ไปไหน” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
“ก็ไปรับพู่”
นิรชาดึงประตูรถจะเข้าไปนั่งคู่คนขับ แต่ล๊อก... เธอเงยหน้ามองพี่ชายรอให้เขาปลดล๊อกประตูรถให้ แต่เขายืนมองเธอสีหน้ายุ่งยากใจ
“รออยู่ที่นี่”
“นิไม่รู้ว่าพี่ติณณ์เล่นอะไรอยู่ แต่นิเป็นห่วงพู่ค่ะ เราปล่อยให้พู่รอนานเกินไปแล้ว”
“นิ...” น้ำเสียงเขาดูเหนื่อยๆ “ถ้าไม่อยากกลับไปนอนที่โรงพยาบาลอีกก็รออยู่ที่นี่”
“ไม่ค่ะ นิจะไปด้วย นิไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่นั่งรถไปด้วยแค่นี้คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
หญิงสาวยังคงดื้อดึง ติณณ์ส่ายหน้า
“พี่ให้รอก็รอสิ” เขาออกคำสั่ง
นิรชากลับเดินไปเปิดประตูที่ฝั่งคนขับ ติณณ์ถึงกับหัวเสียกับความดื้อเงียบของน้องสาว
“กลับเข้าบ้านไป”
ติณณ์ไม่พูดเปล่า เขาดึงน้องสาวออกจากรถ คนตัวเล็กมิได้ขืนตัวแต่พอถูกลากห่างออกจากรถก็พูดลอยๆ
“นิไปรถสองแถวก็ได้”
“กลับเข้าบ้าน” น้ำเสียงคนเป็นพี่เริ่มขุ่น
นิรชาเดินไปยังประตูรั้ว ติณณ์ตะโกนเสียงดัง ราวกับจะให้ได้ยินกันไปสามบ้านแปดบ้าน
“ป้าทอง!”
สิ้นเสียงชายหนุ่ม คนถูกเรียกก็โผล่หน้าออกมาอย่างรวดเร็ว
“คุณติณณ์มีอะไรจะใช้ป้าเหรอคะ”
“ป้าช่วยพายายนิกลับเข้าบ้านทีครับ ผมจะรีบไป แล้วปิดประตูรั้วใส่กุญแจไปเลยนะ”
“เอ่อ คุณติณณ์ค่ะ...คุณนิเธอรอ...”
“ผมเข้าใจครับป้า” เขาพูดดักคอ “แต่นิยังป่วยอยู่ ต้องพักผ่อนครับป้า ผมเป็นห่วงน้อง ป้าเข้าใจนะครับ”
“ค่ะคุณติณณ์” ป้าทองรับคำ พลางวิ่งไปรั้งตัวนิรชาที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลนัก พร้อมปลอบโยน “เข้าบ้านนะคะคุณนิ คุณติณณ์อารมณ์ไม่ดีแล้ว”
“พี่ติณณ์ใจร้าย เพื่อนนิจะมาหา ก็แกล้งไม่ไปรับ ตกลงนิต้องเป็นตุ๊กตาซังกะตายอยู่ที่บ้าน มีเพื่อนไม่ได้เลยใช่ไหมคะ”
“เชื่อพี่นะคะคุณนิ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปจะเจ็บหนักอีก แทนที่จะได้เที่ยวกับคุณชมพู่ก็จะมานอนป่วยไปไหนไม่ได้เสียเปล่าๆ นะคะ”
“แต่พี่ติณณ์”
“ป้าเข้าใจค่ะ แต่คุณติณณ์คงมีเหตุผล ถ้าคุณนิวู่วามออกไปรับคุณพู่แล้วไข้ขึ้น จะทำยังไงคะ คุณชมพู่ก็หมดสนุกกันพอดีสิคะ เธออุตส่าห์มาตั้งไกล ทำตัวให้แข็งแรงรอเพื่อนอยู่ที่บ้านดีกว่าค่ะ”
ป้าทองพูดปลอบ ให้กำลังใจหญิงสาว พลางส่งสายตามามองชายหนุ่ม ที่ยังยืนจ้องหน้าน้องสาวอยู่ไม่ห่าง นางเข้าใจติณณ์ รู้ว่าเขาเป็นห่วงนิรชาแค่ไหน ทุกครั้งที่เธอป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็มีพี่ชายคนนี้ที่มาคอยเฝ้าคอยดูแลไม่ห่าง
พักหลังๆ มานี่ที่นิรชาเป็นลมบ่อยๆ เกิดจากมีความผิดปกติขั้นรุนแรงของหัวใจ ตั้งแต่นั้นมาติณณ์ก็เข้มงวด เฝ้าดูแลห่วงใยจนกลายเป็นหวงและห้าม จึงทำให้นิรชารู้สึกเหมือนตัวเองถูกคุมขัง
“ทำไมนิต้องอ่อนแออย่างนี้ จะทำอะไรด้วยตัวเองก็ไม่ได้สักอย่าง ต้องมีคนเฝ้า มีคนคอยดูแล แบบนี้จะเกิดมาทำไมคะ จะไปไหน ทำอะไรเหมือนๆ คนอื่นเขาบ้างก็ไม่ได้”
หญิงสาวพูดพลางร้องไห้
“คุณนิอย่าว่าตัวเองอย่างนั้นสิคะ รอเพื่อนอยู่ที่บ้านเดี๋ยวพี่ชายไปรับมาให้ค่ะ เชื่อป้านะคะ...คุณติณณ์ไปเถอะค่ะไม่ต้องห่วงคุณนิหรอกนะคะเดี๋ยวป้าดูแลให้ค่ะ”
ป้าทองหันมาบอกติณณ์ที่ยังยืนมองมา นางจ้องที่เขาแล้วเห็นรอยคราบสีน้ำตาลแก่ๆ บนเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดี
“เอ๊ะ! เสื้อคุณติณณ์ ไปโดนอะไรมาคะ”
ชายหนุ่มก้มมองรอยเปื้อนแวบหนึ่งก่อนตอบเสียงขุ่น
“เดินไปชนกับคนบ้ามาครับ...”
“แล้วจะไม่เปลี่ยนตัวใหม่ก่อนเหรอคะ ป้าจะได้รีบเอามาซัก เสียดายเสื้อค่ะ ทิ้งไว้นานมันจะซักไม่ออก”
“ช่างมันเถอะครับ” เขาตอบอย่างไม่สนใจ “ผมรีบ”
ป้าทองพยักหน้ารับรู้ “ไม่ต้องห่วงคุณนิหรอกค่ะ ป้าจะดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลย”
“ขอบคุณครับป้า” เขาพูดจบก็รีบเดินไปขึ้นรถ
“พี่ติณณ์” นิรชาร้องทัก “แล้วอย่าลืมไปรับเพื่อนนินะคะ”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับ
“เข้าบ้านนะคะคุณนิ”
ป้าทองประคองหญิงสาวเข้าบ้าน เมื่อติณณ์ขับรถออกไปแล้ว นิรชายอมเดินตามแรงฉุด พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะสบายใจนัก
 
“บ้าชะมัด! ก๋ากั่นออกขนาดนั้นมีอะไรต้องห่วง”
ติณณ์สบถ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่สถานีขนส่ง ดวงตาขุ่นละจากเส้นทางถนนข้างหน้าหันมองโทรศัพท์มือถือของนิรชา ของสำคัญที่เขาบอกเธอว่าลืม มันยังอยู่ในห้องนอนของเขาตั้งแต่วันที่ป้าทองฝากไว้
ชายหนุ่มเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของน้องสาวขึ้นมาดูเมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังต่อเนื่อง มุมปากได้รูปหยักยิ้มเมื่อรายชื่อ ‘ชมพู่’ ปรากฏบนหน้าจอ แต่เสียงดังไม่นานก็เงียบไป ชายหนุ่มกดปิดเครื่องแล้วโยนไว้ที่เบาะ
“รอไปเถอะยายโก๊ะ...”
 
 
 
กาลาตารี
 
สืบรัก ทะเลใจ (In Love, in Summer)
กาลาตารี
www.mebmarket.com
สืบรักทะเลใจ นวนิยายแนวโรแมนติกคอมเมดี้ พล็อตเรื่องได้แนวคิดมาจากการสูญเสีย ผู้เขียนนึกถึงการจากกัน    โดยเฉพาะ ‘ความตาย’ สิ่งที่ไม่มีใครหลีกพ้น    จึงนำเสนอเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับการสูญเสีย และยังพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้หนึ่งชีวิตที่จากไปหวนกลับคืนมา     แล้วอะไรจะเกิดขึ้น!    เมื่อสิ่งที่เขาเลือกทำมันเป็นเรื่องที่ฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ    ลองมาสัมผัสนิยายคอมเมดี้ ที่มีทั้ง ความรัก ความแค้น การสืบสวน เป็นนวนิยายหลากหลายอารมณ์จริงๆ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกาลาตารี-----“ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณถึงชอบทำงานนี้นัก ทั้งที่ไอ้คนพวกที่คุณช่วยเขาไม่เคยจะทำตามคำพูดของตัวเองได้เลยสักครั้ง ออกจากศูนย์บำบัดไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็กลับไปสูบยากันอีกแล้ว ถามจริงๆ เหอะ ทำไมคุณยังมีแรงทำต่อได้อีก”หญิงสาวยิ้มให้กับเสียงที่เล็ดลอดออกจากโทรศัพท์มือถือ ขณะก้าวย่างไปตามบาทวิถีอย่างสบายๆท่ามกลางแสงตะวันที่เริ่มโรยรา และสายลมยามเย็นที่ปัดเส้นผมกับกระโปรงของเธอจนพลิ้วไหวเธอ เอ่ยตอบต่อชายผู้เป็นที่รักแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นฉิวอยู่บนทางจราจรที่พลุกพล่าน“ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาค่ะ ฉันรู้แต่ว่าคนเราทุกคนมีค่าทั้งนั้น แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่ผิดพลาดในการใช้ชีวิตเท่านั้น ถึงเราจะให้อภัยเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเขายังไม่กลับตัว เราก็ให้เขาได้อีกค่ะ จะครั้งที่สอง สาม ฉันเชื่อว่าสักวันเขาจะกลับตัวได้เอง”“เหลือเชื่อจริงๆ คุณนี่มัน แม่พระมาเกิดชัดๆ”หญิงสาวหัวเราะร่าอารมณ์ดี“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าอยากจะทำความดีให้มากที่สุด ทำไปจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต”“เฮ้อ... เพราะคุณเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักคุณ แต่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ ที่คุณไม่ได้รักผมมากกว่าคนพวกนั้นเลย”

 
 




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2562   
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2562 13:31:13 น.   
Counter : 267 Pageviews.  

บทที่ 2 จุดนัดพบ



บทที่ 2 จุดนัดพบ




สถานีขนส่งจังหวัดภูเก็ตในช่วงเวลาเช้ามืดยังไม่มีผู้คนพลุกพล่าน มุมหนึ่งของจุดพักผู้โดยสาร หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ รูปร่างบอบบางแต่งกายทะมัดทะแมง ผิวขาว ผมดำหยักศกมัดรวบลวกๆ เธอผุดลุกผุดนั่งด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะชายหนุ่มวัยที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่ส่ายหน้า
“เดินไปเดินมาอยู่ได้ ไม่เมื่อยหรือไง”
“ทำไมนานจังนะ”
เธอชะเง้อมองรถที่วิ่งเข้ามาอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งๆ ไม่รู้ว่ารถคันที่จะเข้ามารับ ยี่ห้อไหน สีอะไร แต่ก็มองๆ เผื่อไว้แค่นั้น
“ใจเย็นๆ น่าพู่ เดี๋ยวนิก็มา”
แพรชมพู หรือ ชมพู่ คนที่ถูกเอ่ยนามหันมามองเพื่อนชายก่อนกระแทกตัวนั่ง
“ใครจะใจเย็นเท่าอ๊อดล่ะ”
เธอประชด เพื่อนเธอก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ มัวแต่เรื่อยๆ มาเรียงๆ ใจเย็นไม่มีใครเกิน
“โทรเข้ามือถือก็ไม่ติด โทรหาเป็นสิบๆ รอบ” คนพูดยื่นโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดให้อีกฝ่ายหนึ่งดู
อิสระรับโทรศัพท์มามองหน้าจอแล้วยื่นกลับคืน แพรชมพูก็เป็นอย่างนี้ ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักเธอ ก็เห็นล้นๆ เกินๆ อาจจะขี้โวยวายไปนิด วู่วามไปหน่อย แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่า เพราะนิสัยเปิดเผยของเธอทำให้ใครต่อใครวางใจ โดยเฉพาะเขากับนิรชาที่ไว้ใจ เพื่อนคนนี้ชนิดที่มีเรื่องอะไรก็มักจะบอกเล่าให้กันฟังอยู่เสมอ
“คิดดูสิอ๊อด นิบอกกับพู่เองนะว่าบ้านอยู่ไม่ไกลจากสถานี แล้วทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึงถ้าไม่ใช่...” ดวงตาหวานดั่งตากวางเบิกกว้างเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
“ไม่ใช่อะไร”
“ก็... ถ้าไม่ใช่ว่านิจะแกล้งพู่ไง ต้องอย่างนี้แน่ แฟนอ๊อดนิสัยไม่ดี”
อิสระหัวเราะเมื่อได้ฟังเหตุผล เป็นตุเป็นตะของแพรชมพูจบ
“นิจะทำแบบนั้นทำไม”
“ก็งอนที่ตอนแรกพู่บอกจะไม่ชวนอ๊อด แต่สุดท้ายก็แอบพามานี่ไง เพื่อนนะเพื่อนไม่เข้าใจเหตุผลกันบ้างเล้ย เราก็แค่อยากจะเซอร์ไพรส์”
หญิงสาวบ่นพลางนึกถึงวันที่คุยกับนิรชา เธอบอกเพื่อนว่าเดินทางคนเดียว เพื่อให้นิรชาสบายใจว่าจะไม่มีปัญหากับพี่ชาย แต่วันนี้เธอพาอิสระมาด้วย นิรชาอาจรู้แล้วแกล้งไม่มารับ แหมก็เซอร์ไพลส์ให้คนรักได้เจอกันแค่นั้น ทำเป็นกลัวพี่ชายไปได้
“คิดมากน่า นิจะรู้ได้ยังไงเรายังไม่ได้ไปเจอกันเลย” อิสระเอ่ยสรุป
“ไม่แน่หรอก นิอาจจะแอบดูเราอยู่ก็ได้ อ๊อดก็แบบนี้ ชอบพูดเข้าข้างแฟนตัวเอง อะไรก็นิๆ เชอะ!”
แพรชมพูแกล้งประชด เธอรู้จักนิรชากับอิสระตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เพื่อนทั้งสองคนของเธอรักกันดี อาจเพราะนิรชาจะเป็นคนออกแข็งๆ ใจร้อน ซึ่งต่างกับอิสระที่ใจเย็น ทำให้ทั้งคู่ไปด้วยกันได้ดี และเธอก็เห็นว่าเพื่อนรักทั้งสองคนเหมาะสมกันดีที่สุด
แต่คงไม่ใช่ความคิดเดียวกับพี่ชายนิรชา คนนั้นหวงน้องสาวยิ่งกว่าอะไร เพื่อนสาวมักเล่าให้ฟังเสมอว่าโดนพี่ชายกีดกันความรัก แรกๆ ก็ทะเลาะกันเบาๆ แต่นานวันพี่ชายของนิรชาแผลงฤทธิ์มากขึ้น ลงทุนถึงขั้นแอบบินตรงจากภูเก็ตเพื่อจับผิดนิรชาที่มหาวิทยาลัย คิดแล้วยังเสียดายที่ตอนนั้นเธอคลาดกับเขา อยากรู้นักว่าผู้ชายที่ไม่เคยเข้าใจความรักจะมีหน้าตายังไง
แต่ช่างเถอะ นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญคือ แม้นิรชากับอิสระจะคบกันจนกระทั่งเรียนจบ ทว่าพี่ชายของฝ่ายหญิงก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นด้วยอยู่ดีที่ทั้งคู่ยังคบกัน
“คอยดูเถอะ ถ้าเจอตัวนะพู่จะต้องเทศน์ให้หูชา มัวแต่กลัวพี่ชาย”
“ไม่ใช่มั้ง” อิสระยิ้มขำๆ “บางทีนาฬิกาปลุกอาจเสีย”
“ตั้งใจให้เสียใช่ไหม” แพรชมพูย้อน
“อ้าว เป็นงั้นอีก ถ้าอย่างนั้นนาฬิกาปลุกไม่เสีย แต่ท้องเสีย”
“หือ”
“รถเสียเอ้า”
“ไม่ได้ เสียไม่ได้ ถ้าเสียก็ต้องโทรบอกสิ”
“พู่อยากหาเรื่องนิมากกว่ามั้ง” อิสระหัวเราะ
“อย่ามาขัดใจพู่นะ ไม่งั้นจะย้ายข้างไปอยู่กับฝ่ายพี่ชายยายนิซะเลย”
“แล้วมั่นใจเหรอ ว่าพี่ติณณ์จะรับพู่เป็นพวก”
แพรชมพูนิ่งไปนิด ตรึกตรองแล้วทำจมูกยู่
“นั่นสิ ผู้ชายแบบพี่ยายนิจะต้องเป็นพวกหัวใจแห้งแล้ง ชีวิตขาดสีสัน ดุ โหดร้าย ป่าเถื่อน ทารุณ”
หญิงสาวบ่นเรื่อยเปื่อยเพราะเสียอารมณ์กับการรอคอย
“อ๊อด” จู่ๆ ชมพูแพรก็เรียกขึ้น “สงสัยจังเลยว่าทำไมอ๊อดถึงยังคอยยายนิ ทั้งๆ ที่โดนขวางขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่น คงเผ่นไปนานแล้ว”
อิสระนึกขำเมื่อเห็นดวงตาแจ๋วแหววจ้องมา
“รักไง” เขาตอบพลางยิ้มให้ “น้ำเน่าหน่อย แต่เราเชื่อว่า ถ้าเราแสดงความจริงใจให้พี่ติณณ์เห็นได้ พี่เขาจะยอมรับเรา”
“แค่รักเหรอ ทำไมล่ะ ทำไมถึงรัก เพราะอะไรถึงรัก”
“เอ๊า พูดอย่างนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
หญิงสาวส่ายหน้าดิ๊ก ก็ไม่ใช่นักปรัชญาลึกซึ้งอะไรนี่นา จะให้เข้าใจอะไรเล่า
อิสระเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ระบายลมหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบคำถามเพื่อนผู้ยังไม่เคยมีประสบการณ์รักว่า
“ของแบบนี้ ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไงเมื่อไหร่ และทำไมต้องรัก พอรู้อีกทีก็รักไปแล้ว”
“แหวะหมั่นไส้” แพรชมพูแกล้งทำน่าขยะแขยง
“เอาไว้พู่ได้เจอใครสักคนที่จูนกันได้ก็จะรู้เองว่า ความรู้สึกที่เราพูดถึงมันหมายความว่ายังไง”
หญิงสาวนิ่วหน้า พยายามทำความเข้าใจกับถ้อยคำที่เพื่อนบอก แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“แค่ที่บอกนั่นแหละ ความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก แต่ที่เหมือนๆ กันคือมันจะมาหาเราแบบที่เราไม่ทันตั้งตัวเลยหล่ะ คิดมากไปก็เท่านั้น” เขาเสริม
“พู่ไม่คิดมากให้ปวดหัวหรอก” เธอตอบก่อนลุกเดินวนไปมาอยู่อย่างเดิม “ใช้แค่ความรู้สึก...แค่ความรู้สึก โอ๊ยปวดหัวไม่เห็นจะเข้าใจ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างขำๆ “ไหนว่าไม่คิด แล้วจะท่องจำทำไม อย่างกับจะไปกาข้อสอบ อยู่เฉยๆ บ้างเถอะ ลุกๆ นั่งๆ เห็นแล้วเวียนหัว”
“ค่ะ ค่า น่าเบื่อจริงผู้ชายขี้บ่น”
“อ้าว... เป็นงั้นไป”
อิสระกลั้นยิ้มก่อนจะร้องทักเมื่อเห็นแพรชมพูทิ้งตัวลงนั่งแป๊บๆ ก็เด้งตัวลุกขึ้นยืนอีก
“จะไปไหนอีก”
“ไปหาซื้อขนม นั่งนานๆ ง่วง เบื่อ ถ้ารู้ว่าบ้านยายนิอยู่ตรงไหนในเมืองภูเก็ต พู่จะโบกรถโดยสารไปเองเลย ไม่ต้องง้อใครมารับ”
ประโยคหลังเหมือนจงใจประชดเจ้าถิ่น แพรชมพูหันหลังกำลังจะเดินไป แต่ยังไม่ทันจะก้าวขา อิสระก็ลุกตาม
“มันยังมืดๆ อยู่เลยอันตรายนะพู่ เราไปด้วยดีกว่า ช่วงนี้ยังมีข่าวที่น่าห่วงอยู่นะ”
“โหย...ไม่ต้องตาม อ๊อดนั่งรอยายนิอยู่นี่แหละ เดี๋ยวซื้อมาฝาก พู่ไปไม่นานหรอก”
พอเห็นสีหน้าเพื่อนไม่ได้เออออกับเธอด้วย แพรชมพูเลยต้องให้เหตุผลเพิ่มเติม
“ร้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“รีบๆ ซื้อก็แล้วกัน”
“ได้”
แพรชมพูรับปาก แล้วรีบสาวเท้าไป
อิสระได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังที่เคลื่อนห่างไปอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง เพราะช่วงนี้ที่นี่มีข่าวแปลกๆ แต่ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าข่าวที่ได้ยินมานั่นมันจริงหรือแค่ข่าวโคมลอย เขามาภูเก็ตเพราะเป็นห่วงแฟนสาวเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ความจริงแล้ว เรื่องที่แพรชมพูบ่น เขาก็รู้สึกกังวลใจ เพียงแต่ไม่ได้โวยวายแบบเธอ
ปกตินิรชาจะเป็นคนที่รักษาเวลา แต่การที่เธอผิดนัดเป็นชั่วโมงๆ เขาก็เริ่มสังหรณ์ใจว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ สิ่งที่เขาห่วงที่สุดก็เรื่องสุขภาพ เพราะนิรชาร่างกายไม่แข็งแรง เธออาจออกมารับเขากับแพรชมพูไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดกลัวเลย
เสียงเครื่องยนต์ที่วิ่งผ่านหน้าสถานี ก็ช่างชวนให้เขาหันตาม คิดแล้วก็นึกขำตัวเอง กล่าวหาแพรชมพูไปหยกๆ แต่เขาเองก็เทียวมองตามรถทุกคันที่สิ่งผ่านเข้ามาไม่ต่างจากเธอ
อิสระมองตามรถจิ๊บเชโรกีสีแดง ที่ขับวนผ่านหน้าไปสองสามรอบ...สงสัยวนหาที่จอด เขาคิด และเพ่งมองเข้าไปในรถคันดังกล่าว แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มเป็นผู้ขับขี่ เขาจึงละความสนใจ

เช้ามืดอย่างนี้ผู้คนในสถานียังไม่มากเท่าไหร่ แต่พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มทยอยตั้งของขาย
แพรชมพูถือแก้วกาแฟร้อนมายืนเลือกขนม หญิงสาวเงยหน้ามองสบตาคนขับรถจิ๊บเชโรกีสีแดงที่แล่นผ่านหน้า เป็นชายหนุ่ม หน้าตาดูเคร่งเครียด เธอเห็นเขาจอดรถแล้วเปิดประตูเดินลงมา รูปร่างสูงโปร่งผิวเข้มแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ขนาดมองจากที่ไกลๆ ตรงนี้ เธอยังรู้สึกว่า เขาหล่อ!
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดโทษเพื่อนสาวที่เป็นต้นเหตุ ทำให้เธอต้องคอยมองตามทุกคันราวคนโรคจิต
แพรชมพูเลิกสนใจคนอื่น เธอหันมาสั่งขนมกับแม่ค้า จ่ายเงินเสร็จก็หมุนตัวเดินกลับ แต่ความซุ่มซ่ามทำให้เธอกระแทกเข้ากับใครบางคน
“อุ้ย ขอโทษค่ะ” หญิงสาวร้องบอกพลางก้มเก็บของที่หล่น
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น มองดูอีกฝ่ายเต็มตา จึงรู้ว่าเป็นชายหนุ่มหล่อคนที่เธอเพิ่งชมเมื่อครู่ ดูมีอายุราวสามสิบต้นๆ ยิ่งอยู่ใกล้ก็เห็นความคมคายบนใบหน้า ที่แสดงอารมณ์ขึงตึงราวแบกโลกเอาไว้บนบ่า
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เธอกล่าวพลางมองหน้าเขา นอกจากจะไม่มีเสียงตอบกลับแล้ว ฝ่ายนั้นยังทำหน้าไร้อารมณ์เหมือนกับหุ่น มากกว่าจะเป็นคนที่ขับรถได้
คนอะไรหน้าดุชะมัด!
เธอแอบบ่น แหละเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ หญิงสาวจึงค้อมศีรษะเชิงขอโทษแล้วเดินหนี
“จะไปไหน”
เสียงถามเข้มจากชายหนุ่มคนเดิม เขาสาวเท้าตามเธอ แพรชมพูหันมองรอบตัวก็ไม่พบใครอื่นนอกจากเธอ หญิงสาวมองสบดวงตาสีนิลพลางขมวดคิ้วอย่างงงๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาคุยกับเธอหรือใคร มองไปที่หูก็ไม่เห็นว่ามีสมอล์ทอร์คสักอัน
คงไม่ใช่เรา เพราะไม่รู้กัน
ผู้ชายคนนี้ยังดูหนุ่มแน่น แต่งตัวดีมีรสนิยม แต่สมองเลอะเลือนเกินวัย จะหล่อแค่ไหนก็ชักไม่น่าไว้ใจแล้วสิ...หญิงสาวแอบนินทาเขาในใจขณะเร่งฝีเท้า
“นี่เธอ!”
เขาเร่งเดินตามมายืนดักหน้าเธอไว้
“ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง”
“คะ”
หญิงสาวขานตอบเหมือนจะใช้มันย้อนถามกลับว่า ‘ถามฉันหรือคะ’
“ฉันถามว่าจะไปไหน”
ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งขณะมองเธอราวเพ่งหาเลขท้ายสามตัวบนต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ เธอต้องก้าวเท้าออกห่างจากเขาระยะหนึ่ง แล้วใช้รอยยิ้มผูกมิตร แต่รอยยิ้มของเธอค้างได้ไม่นานก็หุบลง เมื่อเขายังแสดงสีหน้ารำคาญ ซ้ำยังมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
จะโกรธแค้นอะไรกันนักหนา เดินชนแค่นี้ ตัวเขาแทบไม่กระดิกเลยด้วยซ้ำ เป็นเธอเสียอีกที่เซเสียหลักจนแทบหกล้มหน้าคว่ำ ยังดีที่ตั้งหลักทัน ไม่งั้นคงล้มแผละลงไปกองกับพื้นแล้ว
หญิงสาวหมดความอดทน ไม่คิดจะสนใจเขาอีก เธอทำผิด ก็ขอโทษแล้ว และมันก็ควรจบ...แพรชมพูหมุนตัวเตรียมเดินหนี เพราะไม่ชอบใจในท่าทางหยิ่งยโสของชายหนุ่ม
“เอาไง ตกลงจะไปไหนคิดออกยัง...”
คนตัวโตกว่า ยังก้าวตามมาถามย้ำ จนเธอแน่ใจว่าเขาพูดด้วย หญิงสาวหันกลับไปหาเขาแล้วตอบไม่เต็มเสียง เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้านี้จะมาไม้ไหน
“ไป...จะไปหาเพื่อน”
พูดจบก็ขยับหนี
“ถ้าหาเพื่อนก็มาทางนี้”
เขาไม่พูดเปล่า แต่ฉวยมือเธอพาเดินออกไปยังลานจอดรถ หญิงสาวตกใจพยายามสลัดมือออก แต่ไม่หลุด
“อ้าวเฮ้ย...จะพาฉันไปไหน ไม่ไป๊” เธอสะบัดมือแล้วร้องบอกความกลัวแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ
เขาหันมาทำหน้า บ่งบอกว่า เบื่อหน่ายเต็มที่
“ก็ไหนว่าจะไปหาเพื่อน”
“ปล่อยมือฉันนะ” เธอพยายามขัดขืน ตะคอกถามเขา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
เขาขมวดคิ้วมองหน้าเธอ “ตกลงจะเอายังไงกันแน่ เธอมาหาเพื่อนที่นี่ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ เอ๊ย ใช่ๆ ฉันจะไปหาเพื่อนแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“งั้นก็ตามมาดีๆ มัวพูดมากอยู่ได้ฉันมารับเธอนี่ก็เสียเวลามากพอแล้ว มาเร็วๆ รถอยู่ทางนี้”
“ไม่! ไม่เอา ไม่ไป”
ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใครเธอไม่รู้จัก อยู่ดีๆ จะมารับได้ยังไง ใครจะบ้าไปด้วย ถ้านิรชาจะให้คนอื่นมารับเธอแทนนิรชาก็ต้องโทรมาบอกสิ แต่เธอไม่ได้รับสายจากเพื่อนเลย ตานี่ต้องเป็นพวกสิบแปดมงกุฎหรือไม่ก็โจรเรียกค่าไถ่แน่ๆ
“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ปล่อยฉันนะ แล้วฉันจะไม่เอาเรื่อง”
“ใครจะเอาเรื่องใคร” เขาหันมาถาม
“คุณไง...คุณไม่รู้หรือกว่าเพื่อนฉันเป็นใคร พ่อแม่เขาใหญ่โตมากนะที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลเขา”
น้ำเสียงเบ่ง อวดดี ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจ ไม่ฟังที่เธอพูด แถมยังทำเสียงดุกลับ
“เงียบๆ แล้วเดินตามมาดีๆ น่ารำคาญจริงพวกผู้หญิงจัดการเธอเสร็จฉันจะได้รีบไปทำธุระ”
“ฉันไม่ไป! ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ปล่อย ฉันรู้จักกับน้องสาวของมาเฟียที่นี่นะ เขาต้องไม่ชอบใจแน่ถ้ารู้ว่าฉันถูกรังแก พี่ชายเพื่อนฉันเขาเป็นเจ้าถิ่นคุมแถวนี้หมดใครๆ ก็กลัว เขาโหดมากด้วยคุณต้องไม่อยากเจอแน่” เธอตัดสินใจบอกเพื่อเอาตัวรอด
คราวนี้ชายหนุ่มสะดุดกึก ขึงตามองสำรวจแพรชมพูตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าที่เคร่งขรึมเมื่อครู่ยิ้มเยาะ แต่หญิงสาวไม่สนใจ เธอคิดเพียงว่า อย่างน้อยเขาก็จะได้รู้สึกกลัวบ้างล่ะ จะได้ไม่มายุ่งกับเธออีก
“พี่ชายเพื่อนโหดมากไหม” เขาเน้นคำหลัง
“มากๆ”
หญิงสาวยืนยัน แล้วพูดซ้ำให้น่ากลัวลงไปอีกเพื่อความสมจริง
“โหดเหี้ยมอำมหิตเลยล่ะ เวลาไม่ชอบหน้าใครนะ พี่ชายเพื่อนฉันเขาจะจับไปซ้อมๆ ๆ จับถ่วงน้ำทะเลไปเลยก็มี ยิ่งท่าทางกวนๆ อย่างคุณรับรองได้เลยว่า เขาต้องซ้อมคุณน่วมแน่ ถ้ายังไม่อยากลงไปเป็นอาหารปลาในทะเลก็ปล่อยฉันซะ แล้วฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่เขาหรอก”
“ขนาดนั้นเชียว”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ดวงนิลดำขลับจ้องหน้าหญิงสาวแน่วนิ่ง
“ใช่! ขนาดนี้แหละ”
“แล้วฉันต้องกลัวเขาใช่ไหม”
“อ้าว...ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณอยากเจ็บตัวรึเปล่า”
“นิสัยเขาแย่ขนาดนั้น เธอยังคิดจะคบกับน้องสาวเขาอีกหรือ ไม่กลัวถูกเขาจับโยนลงทะเลรึไง ท่าทางขวางๆ อย่างเธอ น่าจะได้ไปเป็นอาหารปลาก่อนฉันซะอีก” เขาย้อน
แพรชมพูแสร้งยิ้มภาคภูมิใจ เพื่อสร้างภาพให้คนตรงน่าหวาดกลัวและเชื่อถือ ทั้งที่เหม็นขี้หน้าพี่ชายเพื่อนเต็มที
“พี่ไม่ทำกับฉันแบบนั้นแน่ เขารักฉันจะตาย เหมือนเป็นน้องสาวอีกคนหนึ่ง ถ้าพี่เขารู้ว่ามีใครมาทำมิดีมิร้ายกับฉันแล้วละก็ รับรองเขาไม่เอาไว้แน่!”
“น่ากลัวชะมัด”
“ใช่ๆ เขาน่ากลัวมาก”
แพรชมพูกล่าวย้ำและหากในวินาทีที่เธอกำลังคิดว่า ตนเองกำลังจะได้รับชัยชนะจากการเจรจาต่อรอง ก็กลับเห็นรอยยิ้มดุๆ ผุดตรงมุมปาก แล้วพูดบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ถ้างั้นฉันก็รับรองได้เหมือนกันว่า เธอเองก็ไม่อยากเจอเขา ไปได้แล้วอย่าเรื่องมาก” ชายหนุ่มออกแรงฉุดให้เธอเดินตามไปที่รถ แต่แพรชมพูสะบัด ขัดขืนสุดฤทธิ์
“ไม่! จะพาฉันไปไหน ไม่ไปๆ”
เขาทำสีหน้าหงุดหงิดใส่คนที่พยายามสะบัดมือออก ชายหนุ่มมองเธออย่างงงๆ แต่ไม่มีเวลามาเรื่องมาก เพราะเสร็จจากธุระนี้แล้วยังต้องไปสะสางที่อื่นอีก
“อย่าเรื่องมากได้ไหม”
“บ้าหรอจะไปไหน ฉันไม่ไปกับคุณ ปล่อยมือฉันสิ ปล่อยนะ ปล่อยๆ ๆ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
พอรู้ตัวว่าผิดแผน แพรชมพูก็ตะโกนร้องสุดเสียง แต่ตรงที่เธอยืนอยู่ไม่ค่อยมีใครผ่าน เธอเริ่มใจเสียกวาดตามองรอบตัวคิดหาทางออก
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต”
“โรคจิต?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ทวนคำพูดของแพรชมพู
“โรคจิตยังไง ก็บอกแล้วว่าให้ตามมาดีๆ ดันสะดีดสะดิ้งร้องโวยวายอย่างกับจะมีใครฉุดไปข่มขืนอย่างนั้นแหละ”
ถ้าไม่ใช่เพราะไปรับปากไว้แล้ว เขาไม่มาเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้แน่
“หรือไม่จริง” แพรชมพูเถียงเสียงสั่น
“ไม่จริง” เขาทำเสียงแข็งแล้วพาก้าวเดิน “ตามมาได้แล้ว ฉันมีธุระที่ต้องทำอีกเยอะ จะมาเสียเวลากับเธอไม่ได้”
ชายหนุ่มไม่บอกเปล่า แต่ยังออกแรงลากเธอไปด้วย จู่ๆ เขาก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาถาม
“อ้าว...แล้วกระเป๋าล่ะ เอาไว้ตรงไหน”
แต่ตอนนี้ เธอไม่คิดจะฟังอะไรทั้งสิ้น สัญชาตญาณบอกกับเธอว่า นี่เป็นวิกฤตที่อันตรายที่สุดสำหรับลูกผู้หญิง เธอควรหาทางหนี!
เมื่อเห็นชายหนุ่มหันรีหันขวาง เหมือนเขากำลังจะมองหาอะไรสักอย่าง แพรชมพูก็นึกถึงกาแฟร้อนในมือ และแล้วปฏิกิริยาทางกายก็ตอบรับไว้พอๆ กับสมอง
เธอสาดกาแฟร้อนๆ ใส่หน้าอกชายที่ไม่ทันระวังตัว สีน้ำตาลแก่ๆ ของกาแฟไหลแผ่เป็นวงกว้างทั่วตัวเสื้อ เขาร้องดังลั่น รีบปล่อยมือเธอแล้วดึงเสื้อสะบัด
หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจในผลงาน
“เธอทำบ้าอะไร!”
เขาจับชายเสื้อสะบัดคลายความร้อน มองตัวต้นเหตุด้วยใบหน้าขึงโกรธ
แพรชมพูยิ้มทะเล้นใส่คนอารมณ์เดือด “โชคดีนะ” กล่าวแล้ววิ่งหนีออกไปพร้อมๆ หัวใจเต้นตึกตัก
“อ้าวเฮ้ย! แล้วนั่นจะไปไหน กลับมาก่อน! โธ่เว้ย!”
กาลาตารี
 



สืบรัก ทะเลใจ (In Love, in Summer)
กาลาตารี
www.mebmarket.com
สืบรักทะเลใจ นวนิยายแนวโรแมนติกคอมเมดี้ พล็อตเรื่องได้แนวคิดมาจากการสูญเสีย ผู้เขียนนึกถึงการจากกัน โดยเฉพาะ ‘ความตาย’ สิ่งที่ไม่มีใครหลีกพ้น จึงนำเสนอเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับการสูญเสีย และยังพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้หนึ่งชีวิตที่จากไปหวนกลับคืนมา แล้วอะไรจะเกิดขึ้น! เมื่อสิ่งที่เขาเลือกทำมันเป็นเรื่องที่ฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ลองมาสัมผัสนิยายคอมเมดี้ ที่มีทั้ง ความรัก ความแค้น การสืบสวน เป็นนวนิยายหลากหลายอารมณ์จริงๆ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกาลาตารี-----“ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณถึงชอบทำงานนี้นัก ทั้งที่ไอ้คนพวกที่คุณช่วยเขาไม่เคยจะทำตามคำพูดของตัวเองได้เลยสักครั้ง ออกจากศูนย์บำบัดไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็กลับไปสูบยากันอีกแล้ว ถามจริงๆ เหอะ ทำไมคุณยังมีแรงทำต่อได้อีก”หญิงสาวยิ้มให้กับเสียงที่เล็ดลอดออกจากโทรศัพท์มือถือ ขณะก้าวย่างไปตามบาทวิถีอย่างสบายๆท่ามกลางแสงตะวันที่เริ่มโรยรา และสายลมยามเย็นที่ปัดเส้นผมกับกระโปรงของเธอจนพลิ้วไหวเธอ เอ่ยตอบต่อชายผู้เป็นที่รักแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นฉิวอยู่บนทางจราจรที่พลุกพล่าน“ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาค่ะ ฉันรู้แต่ว่าคนเราทุกคนมีค่าทั้งนั้น แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่ผิดพลาดในการใช้ชีวิตเท่านั้น ถึงเราจะให้อภัยเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเขายังไม่กลับตัว เราก็ให้เขาได้อีกค่ะ จะครั้งที่สอง สาม ฉันเชื่อว่าสักวันเขาจะกลับตัวได้เอง”“เหลือเชื่อจริงๆ คุณนี่มัน แม่พระมาเกิดชัดๆ”หญิงสาวหัวเราะร่าอารมณ์ดี“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าอยากจะทำความดีให้มากที่สุด ทำไปจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต”“เฮ้อ... เพราะคุณเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักคุณ แต่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ ที่คุณไม่ได้รักผมมากกว่าคนพวกนั้นเลย”




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2562   
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2562 13:23:14 น.   
Counter : 185 Pageviews.  

บท 1 ไม่คาดฝัน


 

 
บทที่ 1 ไม่คาดฝัน
 
 
“ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงชอบทำงานนี้นัก ทั้งที่ไอ้คนพวกที่คุณช่วยเขาไม่เคยจะทำตามคำพูดของตัวเองได้เลยสักครั้ง ออกจากศูนย์บำบัดไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็กลับไปสูบยากันอีกแล้ว ถามจริงๆ เหอะ ทำไมคุณยังมีแรงทำต่อได้อีก”
หญิงสาวยิ้มให้กับเสียงที่เล็ดลอดออกจากโทรศัพท์มือถือ ขณะก้าวย่างไปตามบาทวิถีอย่างสบายๆท่ามกลางแสงตะวันที่เริ่มโรยรา สายลมยามเย็นปัดเส้นผมกับกระโปรงของเธอจนพลิ้วไหว
 “ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาค่ะ ฉันรู้แต่ว่าคนเราทุกคนมีค่าทั้งนั้น แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่ผิดพลาดในการใช้ชีวิตเท่านั้น ถึงเราจะให้อภัยเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเขายังไม่กลับตัว เราก็ให้เขาได้อีกค่ะ จะครั้งที่สอง สาม ฉันเชื่อว่าสักวันเขาจะกลับตัวได้เอง”
เธอเอ่ยตอบต่อชายผู้เป็นที่รักแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นฉิวอยู่บนทางจราจรที่พลุกพล่าน
“เหลือเชื่อจริงๆ คุณนี่มัน แม่พระมาเกิดชัดๆ”
หญิงสาวหัวเราะร่าอารมณ์ดี
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าอยากจะทำความดีให้มากที่สุด ทำไปจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต”
“เฮ้อ... เพราะคุณเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักคุณ แต่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ ที่คุณไม่ได้รักผมมากกว่าคนพวกนั้นเลย”
“อิจฉาเหรอคะ” เธอถาม “คุณน่ะโชคดี มีพร้อมกว่าคนพวกนี้ตั้งเยอะ ฉันเองยังอิจฉาคุณเลยค่ะ ถ้าชีวิตฉันมีพร้อมอย่างคุณ ฉันคงจะช่วยใครๆ ได้มากกว่านี้”
เสียงเขาหัวเราะอย่างไม่จริงจัง บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงกำลังอารมณ์ดี อานุภาพของมันมากพอที่หญิงสาวจะรับรู้ได้
“แล้วใกล้ถึงบ้านรึยัง” คนปลายทางถามอย่างเป็นห่วง เพราะทุกครั้งที่เธอไปทำงานที่ศูนย์บ้าๆ นั่น เขาไม่เคยวางใจจนกว่าจะรู้ หรือเห็นว่าเธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วนั่นแหละ เขาจึงโล่งอก
“ใกล้แล้วค่ะ” เธอตอบ “ถึงสี่แยกแล้ว แต่... เอ๊ะ...แป๊บนะคะ”
หญิงสาวหยุดชะงัก เมื่อสายตาเหลือบปะทะเข้ากับร่างของชายคนหนึ่งที่นั่งคุดคู้อยู่กับเสาไฟฟ้าริมทาง เธอเดินไวๆ ไปหาเขา โดยไม่ทันฟังเสียงจากโทรศัพท์ที่ยังเรียกดังอยู่ไม่ขาด
เข้าใกล้พอประมาณ เธอก็แตะมือตรงบ่าของชายตรงหน้า แล้วเรียก
“คุณวิชัย ใช่คุณวิชัยรึเปล่าคะ”
คนถูกเรียกหันกลับมา ผมเผ้ารกรุงรังหนวดเคราล้อมกรอบจนทำให้ใบหน้าซูบซีดดูอิดโรย หญิงสาวพอจะเดาได้ว่า เขาไปทำอะไรหลังจากศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดที่เธอทำงานอยู่ หากกระนั้น ในใจกลับเวทนาสงสาร
“ไหวรึเปล่าคะ ลุกขึ้นก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันช่วย”
“ผมอยากได้เงิน” เขาพูดเสียงแผ่ว “ขอเงินผมหน่อยเถอะ ขอเงินหน่อย...”
“คุณจะเอาเงินไปทำอะไร ฉันว่า...”
เอาเงินมาให้กู!” เมื่อไม่ได้ดั่งใจ จากที่ขอดีๆ ก็กลายเป็นตะคอกทันควัน
เสียงตะคอกของวิชัยที่ดังเข้าเครื่องโทรศัพท์ ทำให้คนฟังจากปลายสายร้องถามด้วยความร้อนรน แต่โทรศัพท์อยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะได้ยิน
หญิงสาวรีบตั้งสติ ถอยออกห่างเล็กน้อย แต่วิชัยก็ยันตัวลุกขึ้นตามเธอ เขาแบมือ แล้วขู่ลั่น
“เอาเงินมา กูจะเอาเงิน!!”
“คุณวิชัยคะ ใจเย็นๆ นะ ฉันว่าคุณกลับไปที่ศูนย์กับฉันก่อนไหม พวกเราช่วยคุณได้”
หญิงสาวเจรจาพลางก้าวถอย กะระยะไว้ว่าถ้าหากชายตรงหน้าจะทำอะไร เธอยังพอวิ่งหนีได้
แต่การณ์ไม่เป็นดังคาด เมื่อจู่ๆ วิชัยก็พุ่งเข้าหาเธอแบบไม่ให้ตั้งตัว มือผอมแกร็นของเขายึดไหล่เธอ พละกำลังที่มากจนทำให้เจ็บ
หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือพร้อมสะบัดหนี แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนความเจ็บจะฝังลึกลงเนื้อ เธอสลัดของในมือทิ้ง โทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าจึงร่วงหล่นไปพร้อมๆ กัน จากนั้นก็ออกแรงผลักและถีบอีกฝ่ายเต็มแรง
ชายร่างผอมแกร็นกระเด็นห่างออกไป และในจังหวะเดียวกันแรงผลักก็ทำให้เธอกลิ้งไปอยู่บนถนน
หญิงสาวพลิกตัวรวดเร็วตามสัญชาตญาณ แต่วินาทีนั้น เสียงแตรที่ลั่นลากมาแต่ไกลทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง
ไฟหน้าของรถบรรทุกกะพริบถี่ แสงที่เจิดจ้าเป็นวงสว่างกว้างขึ้นทุกขณะ เวลานั้นสิ่งที่หญิงสาวทำได้ก็เพียงแต่ยกมือขึ้นบัง
ไม่นานก็มีเสียงดังโครม ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์
ความวุ่นวายเกิดขึ้นในเวลาต่อมา หากแต่ไม่มีสักคนเดียวที่จะสนใจโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กๆ ที่ตกอยู่ริมทาง
“เกิดอะไรขึ้น คุณเป็นอะไรรึเปล่า รัมภา! รัมภา!”
และเสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ยังคอยเรียกถามอยู่ โดยไม่รู้ว่า อีก ‘หนึ่งชีวิต’ ได้ลาลับจากไปโลกนี้ไปแล้ว
 
 
 
กาลาตารี


 
--
 
 
 


 
สืบรัก ทะเลใจ (In Love, in Summer)
กาลาตารี
www.mebmarket.com
สืบรักทะเลใจ นวนิยายแนวโรแมนติกคอมเมดี้ พล็อตเรื่องได้แนวคิดมาจากการสูญเสีย ผู้เขียนนึกถึงการจากกัน โดยเฉพาะ ‘ความตาย’ สิ่งที่ไม่มีใครหลีกพ้น จึงนำเสนอเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับการสูญเสีย และยังพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้หนึ่งชีวิตที่จากไปหวนกลับคืนมา แล้วอะไรจะเกิดขึ้น! เมื่อสิ่งที่เขาเลือกทำมันเป็นเรื่องที่ฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ลองมาสัมผัสนิยายคอมเมดี้ ที่มีทั้ง ความรัก ความแค้น การสืบสวน เป็นนวนิยายหลากหลายอารมณ์จริงๆ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกาลาตารี-----“ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณถึงชอบทำงานนี้นัก ทั้งที่ไอ้คนพวกที่คุณช่วยเขาไม่เคยจะทำตามคำพูดของตัวเองได้เลยสักครั้ง ออกจากศูนย์บำบัดไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็กลับไปสูบยากันอีกแล้ว ถามจริงๆ เหอะ ทำไมคุณยังมีแรงทำต่อได้อีก”หญิงสาวยิ้มให้กับเสียงที่เล็ดลอดออกจากโทรศัพท์มือถือ ขณะก้าวย่างไปตามบาทวิถีอย่างสบายๆท่ามกลางแสงตะวันที่เริ่มโรยรา และสายลมยามเย็นที่ปัดเส้นผมกับกระโปรงของเธอจนพลิ้วไหวเธอ เอ่ยตอบต่อชายผู้เป็นที่รักแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นฉิวอยู่บนทางจราจรที่พลุกพล่าน“ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาค่ะ ฉันรู้แต่ว่าคนเราทุกคนมีค่าทั้งนั้น แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่ผิดพลาดในการใช้ชีวิตเท่านั้น ถึงเราจะให้อภัยเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเขายังไม่กลับตัว เราก็ให้เขาได้อีกค่ะ จะครั้งที่สอง สาม ฉันเชื่อว่าสักวันเขาจะกลับตัวได้เอง”“เหลือเชื่อจริงๆ คุณนี่มัน แม่พระมาเกิดชัดๆ”หญิงสาวหัวเราะร่าอารมณ์ดี“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าอยากจะทำความดีให้มากที่สุด ทำไปจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต”“เฮ้อ... เพราะคุณเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักคุณ แต่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ ที่คุณไม่ได้รักผมมากกว่าคนพวกนั้นเลย”




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2562   
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2562 13:12:49 น.   
Counter : 161 Pageviews.  

คำโปรย


คนคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับการสูญเสียนี้ และพยายามทำให้ทุกๆ อย่างกลับมาเหมือนเดิม แล้วอะไรจะเกิดขึ้น? ถ้าสิ่งที่เขาทำมันอยู่เหนือกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ
...........
สืบรักทะเลใจ เป็นนิยายรักคอมเมดี้ เนื้อหาเป็นเรื่องการสืบสวน แต่เน้นหนักไปแนวรักค่ะ

 




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2562   
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2562 13:40:20 น.   
Counter : 192 Pageviews.  


พิญาดา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ลายปากกา










สงวนลิขสิทธิ์ งานเขียนในบล็อก "พิญาดา" ตามกฎหมาย
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง เผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต




...
[Add พิญาดา's blog to your web]