บทที่ ๔ ตามหาพ่อ ปานวาดแอบแม่ออกตามหาพ่อติดต่อกันหลายวันเธอใช้เวลาหลังเลิกเรียนเที่ยวตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ ที่คิดว่าพ่อจะไป แต่ก็ไม่มีวี่แววจะพบตัว “ผู้จัดการถาวรออกไปแล้วครับ มีคนใหม่มาทำงานแทนแล้วยืนอยู่ตรงนั้น” ชายในชุดซาฟารีสีดำเหมือนกลุ่มชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามพ่อวันนั้นชี้นิ้วไปที่คนร่างท้วมวัยยี่สิบกว่าๆ เขากำลังยืนคุยกับพนักงานตรงประตูทางเข้าดูวุ่นวายเหมือนกำลังวางแผนงานเตรียมการต้อนรับคนสำคัญ พ่อของเธอลาออกจากงานตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมคนในครอบครัวไม่มีใครรู้ อยู่ๆ พ่อก็หายตัวไปแล้วมีผู้จัดการคนใหม่มาทำงานแทน การหายตัวไปของพ่อมีลับลมคมในกว่าที่เธอคิด “มาตามหาที่นี่คงเสียเวลาเปล่านะ มีคนมาถามหาเขาหลายคนแล้ว ผมก็บอกคนพวกนั้นไปแบบที่บอกคุณนี่แหละ นายถาวรไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้วครับ” คำพูดของชายชุดดำยิ่งชวนสงสัยมีคนอื่นมาถามหาพ่อของเธอทำไม? “พอจะรู้ไหมคะคนที่มาถามหาพ่อ... เอ่อ...คนที่มาถามหาผู้จัดการถาวรเป็นใคร” “ไม่รู้ครับ ดูคล้ายพวกนักเลงอันธพาลมากันหลายคน บางครั้งมาเฝ้าทั้งวันทั้งคืน” คำบอกเล่าของพนักงานชุดดำทำให้ปานวาดยิ่งสงสัย พ่อเธอไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนักเลงอันธพาล “รบกวนหน่อยนะคะ” เธอยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้ “ถ้าผู้จัดการถาวรเข้ามา คุณช่วยเอาเบอร์โทรศัพท์นี้ให้เขาด้วย ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยทีนะคะบอกให้เขาโทรมาที่เบอร์นี้” ชายชุดดำรับกระดาษจากมือหญิงสาวไปอ่านแล้วยัดเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ “ถ้าเจอเขาผมจะช่วยจัดการให้นะครับ” ”ขอบคุณมากค่ะ” เธอก้มศีรษะให้เขาแล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับ แต่รถเบนซ์คันหรูสีดำขับสวนเข้ามาจอดพร้อมกับพนักงานวิ่งกรูออกไปต้อนรับ ทำให้หญิงสาวเปลี่ยนใจ รีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อซุ่มดูเหตุการณ์ ร่างบางหลบอยู่หลังต้นสนมังกรในกระถางขนาดใหญ่ที่วางเรียงเป็นแถวอยู่ด้านหน้าโรงแรม ดวงตากลมโตจ้องมองรถหรูที่ผู้จัดการคนใหม่กับชายชุดดำกุลีกุจอออกไปต้อนรับ เธอขยับตัวเข้าไปใกล้คนเหล่านั้นอาศัยกระถางต้นไม้เป็นที่กำบัง บางทีอาจมีข่าวคราวของพ่อจากคนเหล่านั้น หญิงสาวคิดไปเรื่อยเปื่อยเพราะหมดปัญญา สถานที่อื่นๆ แหล่งข่าวอื่นๆเธอก็ไปตามหาหมดทุกที่แล้ว มีทางเดียวเป็นความหวังคือที่นี่ถึงเวลาแล้วที่ต้องเข้ามาสืบหาความจริงจากสิ่งที่ใกล้ตัวพ่อมากที่สุด นั่นคือที่ทำงาน... ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีหรูหรา ผมสีน้ำตาลเข้มรับกับกรอบแว่นตากันแดดสีดำที่สวมปิดบังใบหน้าเขาก้าวลงจากรถตรงดิ่งเข้าไปภายในโรงแรม ปานวาดแอบมองอย่างนึกสงสัยทำไมเขาดูรีบร้อนทั้งที่ในรถยังมีอีกคนหนึ่งที่ยังจัดข้าวของไม่เสร็จ พอคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่เบาะหลังรถคันดังกล่าวเงยหน้าโผล่ออกมานอกรถ หญิงสาวก็ตกใจยกมือทาบอก เมื่อเขาเป็นชายคนเดียวกันกับที่เคยมาหาแม่! ดูจากการแต่งตัวของคนพวกนั้นและรถเบนซ์ที่หรูหราราคาหลักล้านหรืออาจเป็นสิบๆ ล้าน ความไฮโซที่เห็นอยู่ตอนนี้ทำให้เธอนึกหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมคนพวกนั้นถึงมาสนใจอาหารจากร้านเล็กๆ ของแม่ ผู้ชายคนนั้นเดินไปหาผู้จัดการคนใหม่ เขายื่นเอกสารบางอย่างให้ผู้จัดการยืนพูดคุยกันอยู่ตรงนั้นไม่นานทั้งคู่ก็พากันเดินเข้าไปในโรงแรม ปานวาดคิดปะติดปะต่อเหตุการณ์คนพวกนั้นต้องมีแผนอะไรสักอย่างที่จู่ๆ ก็มาสั่งอาหารของแม่ทุกวันจนไม่ต้องวางขายหน้าร้านเหมือนเมื่อก่อน ไม่แน่ พวกเขาอาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพ่อ ผู้ชายที่ใส่แว่นตาดำเธอก็คุ้นๆ หน้าแต่นึกไม่ออกว่าเคยพบที่ไหน “พี่นิ่มๆ” ปานวาดเรียกพนักงานหญิงในชุดไทยประยุกต์สวยงาม ผู้เป็นเพื่อนบ้านของเธอ ที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรมหลังจากยืนรอรับแขกในรถเบนซ์จนครบทุกคนแล้ว “อ้าววาดมาทำอะไรมาดักรอพ่ออีกหรือไง” คนในชุดไทยเลิกคิ้วถาม ปานวาดยิ้มให้ก่อนเอ่ยถาม “วาดอยากรู้ว่าผู้ชายที่ลงจากรถเมื่อกี้ใครเหรอพี่ ใช่คนดังหรือเปล่าคุ้นๆ หน้านะแต่นึกไม่ออกหนูเห็นคนมายืนรอรับเต็มเลย คิดว่าน่าจะใช่ดาราแน่ๆ” สาวชุดไทยยิ้ม “ไม่ใช่ดาราหรอกคุณวศินเจ้าของโรงแรมน่ะ” “อ๋อ...แล้วอีกคนที่เดินตามไปพร้อมผู้จัดการล่ะพี่ คนนั้นก็...เอ่อ... หน้าตาก็หล่อดีเหมือนกันนะ” ปานวาดยิ้มแหยๆ แกล้งเขินอาย “คนนั้นคุณปัฐกรณ์ผู้จัดการใหญ่ถามทำไมมีอะไรหรือเปล่า” “ไม่มีๆ ขอบคุณมากค่ะพี่นิ่ม” ปานวาดบอกแล้วยิ้ม “ถ้าไม่มีอะไร พี่ขอตัวไปทำงานก่อนนะวันนี้เจ้านายมาคงวุ่นวายน่าดู” “ค่ะพี่ ตามสบายจ้ะ” ปานวาดมองตามหลังพนักงานต้อนรับหญิงพลางครุ่นคิด จากที่ตั้งใจจะกลับบ้านปานวาดตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงแรม เลือกนั่งโซฟาที่ใกล้ทางเข้าออกแต่อยู่ในมุมที่ปลอดสายตาคนที่สุดเพื่อรอดูหน้าเจ้าของโรงแรมที่รู้สึกคุ้นตาให้ชัดๆอีกครั้ง แต่การมารอใครสักคนในล็อบบี้ที่มีอากาศเย็นสบายกับร่างกายที่อ่อนล้าเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อน ทำให้หญิงสาวเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว