Group Blog
 
All Blogs
 

เลือกประกันรถยนต์ประเภท 1 2 3 หรือ 3+ ชนิดไหนดี



ประกันภัยรถยนต์ประเภท1หรือชั้น1เหมาะกับ

-รถใหม่ป้ายแดงหรือรถที่อายุไม่เกิน 6ปี หรือรถใหม่ที่ยังผ่อนกับไฟแนนซ์

-ผู้เอาประกันที่อาศัยในเมืองใหญ่ มีความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุการสูญหายและไฟไหม้

-ผู้เอาประกันที่ไม่อยากวุ่นวายกับการจ่ายเงินค่าซ่อมรถเองการขึ้นศาลในกรณีเกิดอุบัติเหตุ


ประกันภัยรถยนต์ประเภท2+ เหมาะกับ

-รถที่อายุมากกว่า5ปีขึ้นไปซึ่งบริษัทประกันภัยบางแห่งไม่รับทำประกันชั้น1

-รถที่ผ่อนกับไฟแนนซ์หมดแล้ว

-ผู้เอาประกันที่อาศัยในเมืองใหญ่ มีความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุการสูญหายและไฟไหม้

-ผู้เอาประกันต้องการความคุ้มครองซ่อมรถยนต์คันที่เอาประกันหากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับยานพาหนะทางบก


ประกันภัยรถยนต์ประเภท2หรือชั้น2เหมาะกับ

-รถที่อายุมากกว่า5ปีขึ้นไปซึ่งบริษัทประกันภัยบางแห่งไม่รับทำประกันชั้น1

-รถที่ผ่อนกับไฟแนนซ์หมดแล้ว

-ผู้เอาประกันที่อาศัยในเมืองใหญ่ มีความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุการสูญหายและไฟไหม้

-ผู้เอาประกันที่สนิทสนมกับอู่ซ่อมรถสามารถนำรถไปซ่อมโดยออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด


ประกันภัยรถยนต์ประเภท3+ เหมาะกับ

-รถที่อายุมากกว่า5 ปีขึ้นไปและเป็นรถที่ผ่อนกับไฟแนนซ์หมดแล้ว

-ผู้เอาประกันที่อาศัยในเมืองเล็กๆ ใช้รถน้อย ขับอยู่ในรัศมีใกล้ๆบ้านมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดอุบัติเหตุการสูญหายและไฟไหม้

-ผู้เอาประกันต้องการความคุ้มครองซ่อมรถยนต์คันที่เอาประกันหากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับยานพาหนะทางบก


ประกันภัยรถยนต์ประเภท3หรือชั้น3 เหมาะกับ

-รถที่อายุมากกว่า5 ปีขึ้นไปและเป็นรถที่ผ่อนกับไฟแนนซ์หมดแล้ว

-ผู้เอาประกันที่อาศัยในเมืองเล็กๆ ใช้รถน้อย ขับอยู่ในรัศมีใกล้ๆบ้านมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดอุบัติเหตุการสูญหายและไฟไหม้




หากต้องการคำแนะนำในการทำประกันภัยรถยนต์ ปรึกษาผมได้ครับ




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2556 22:12:13 น.
Counter : 1865 Pageviews.  

ความแตกต่างระหว่างประกันภัยประเภท 1, 2, 3, 2+ และ 3+

หากจะอธิบายกันตามภาษาชาวบ้านแบบง่ายๆที่ไม่สนใจรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันสามารถอธิบายแบบง่ายๆได้ดังนี้


ประกันภัยรถยนต์ทั้งประเภท1,2, 3, 2+ และ3+จะให้ความคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก(ผู้เสียหายที่ถูกเราขับรถไปชน)

แต่จะแตกต่างกันเรื่องความคุ้มครองของรถที่เอาประกันภัย(รถของเราเอง)


ประกันประเภท3 ไม่คุ้มครองรถที่เอาประกันภัย(รถของเรา)ไม่ว่าในกรณีใดๆ


ประกันประเภท3+ จะซ่อมรถคันที่เอาประกันภัย(รถของเรา)เฉพาะในกรณีที่เราขับไปชนกับพาหนะทางบก(รถยนต์ทุกชนิดมอเตอร์ไซค์ สามล้อ จักรยานและพาหนะทางบกอื่นๆ)

แต่ไม่คุ้มครองกรณีรถหายหรือรถเกิดไฟไหม้


ประกันประเภท2 จะคุ้มครองรถคันที่เอาประกันภัย(รถของเรา)เฉพาะกรณีรถหายหรือรถเกิดไฟไหม้


ประกันประเภท2+ จะคุ้มครองรถคันที่เอาประกันภัย(รถของเรา)ในกรณีรถหายหรือรถเกิดไฟไหม้ และ

จะซ่อมรถคันที่เอาประกันภัย(รถของเรา)ในกรณีที่เราขับไปชนกับพาหนะทางบก(รถยนต์ทุกชนิดมอเตอร์ไซค์ สามล้อเครื่องและพาหนะทางบกอื่นๆ)


ประกันประเภท1 จะคุ้มครอง(ซ่อมหรือชดใช้)รถที่เอาประกันภัย(รถของเรา)ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เกิดการสูญหาย หรือเกิดไฟไหม้

ในการเกิดอุบัติเหตุรถคันที่เอาประกัน(ของเรา)ก็จะได้รับความคุ้มครอง(ซ่อมหรือชดใช้)ไม่ว่าเราจะไปชนกับสิ่งของอะไร(เสาไฟฟ้าตู้โทรศัพท์ เสาไฟจราจร ผนังกำแพงฯลฯ)โดยไม่จำเป็นว่าสิ่งที่ถูกชนจะต้องเป็นยานพาหนะทางบก


หากต้องการทำประกันภัยในราคายุติธรรมหรือต้องการหารายได้พิเศษจากการแนะนำประกันภัยให้แก่ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ติดต่อผมได้ครับ 888UP888@ จีเมลดอท คอม





 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2556 22:05:04 น.
Counter : 5108 Pageviews.  

คนส่วนใหญ่รับกรมธรรม์มาเสร็จแล้วก็ดูแค่ชื่อตัวเองกับทะเบียนรถแล้วก็เก็บไว้ในเก๊ะหน้ารถ

บริษัทประกันภัยหลายๆแห่งเล่นกลกับตัวเลขกับผู้เอาประกันด้วยนะครับ  คือ
หากมีการเคลมเยอะๆ แทนที่บริษัทจะขึ้นค่าเบี้ยประกันไปเยอะๆ  กลับขึ้นราคาไปนิดเดียวหรือลดราคานิดหน่อย.....แต่ลดความคุ้มครองซะเยอะเลย  


ผมแนะนำให้ดูความคุ้มครองเปรียบเทียบกันปีต่อปีเลยครับว่าลดไปเท่าไหร่
ต้องดูในตารางกรมธรรม์ปีปัจจุบันเทียบกับปีต่ออายุนะครับ

ตารางช่องตรงกลาง
1) ความเสียหายต่อรถยนต์ และ 2) รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้

ทุนประกัน(ความคุ้มครองตัวรถของเรา) ปกติจะลดลงมาปีละ 10% ครับ  เช่นปีนี้ 7 แสน  ปีต่อไปเอา 0.9 คูณ  จะเหลือทุนประกัน 630,000 บาท
แต่บางบริษัทเล่นกล  ลดเหลือ 600,000 ไปเลยเพื่อให้เบี้ยดูเหมือนว่าถูกลง
.....เพราะตามกฎหมายและระเบียบของ คปภ แล้ว  เมื่อเค้าลดความคุ้มครองลงไป เบี้ยก็จะต้องลดลงด้วย


ทีนี้ดูช่องซ้ายมือนะครับ เรื่องความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

ข้อ 2) ความเสียหายต่อทรัพย์สิน(ของบุคคลภายนอก)
บางครั้งบริษัทแอบลดความคุ้มครองจาก 5 ล้านเหลือ 1 ล้านนะครับ
....อย่าลืมนะครับ เมื่อบริษัทลดความคุ้มครองลงไป เบี้ยก็จะต้องลดลงด้วย


เมื่อบริษัทแอบลดทุนประกันและลดความคุ้มครองลงมากๆ  แทนที่เบี้ยปีต่ออายุจะเพิ่มขึ้นสูงมากเพราะรอบปีที่ผ่านมีเคลมมาก  ก็กลายเป็นว่า เบี้ยลดลงหรือไม่เพิ่มเบี้ยเลยหรือเพิ่มเบี้ยน้อยมาก

เพราะฉะนั้นการเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันภัยแม้จะเป็นบริษัทเดียวกันและคุณต่ออายุต่อเนื่องไปเรื่อยๆ  ......บริษัทก็เล่นตุกติกได้ครับ  บริษัทเลวๆมีครับ

การลดความคุ้มครองจาก 5 ล้านเหลือ 1 ล้านโดยไม่บอกคุณเพราะจะทำให้ดูเหมือนว่าเบี้ยประกันลดราคาลงมาเยอะ หรือกรณีเจ้าของรถมีการเคลมมากในรอบปีที่ผ่านมา เบี้ยประกันก็จะเพิ่มขึ้นไม่มากเพราะบริษัทแอบลดความคุ้มครองลงไปเยอะมาก


ผมเองเคยโดนมากับตัวครับ  เพราะสมัยก่อนไม่ได้ดูกรมธรรม์อย่างละเอียด
สมัยนี้ดูละเอียดมากเพราะทำธุรกิจด้านการประกันภัย 

คนส่วนใหญ่รับกรมธรรม์มาเสร็จแล้วก็ดูแค่ชื่อตัวเองกับทะเบียนรถครับ แล้วก็เก็บไว้ในเก๊ะหน้ารถจนถึงปีต่อไป  
ไม่เคยเอามาเปรียบเทียบกันระหว่างปีต่างๆว่าโดนบริษัทประกันภัยเอาเปรียบอะไรไปบ้าง



หากต้องการต่อประกันภัยทุกชนิดโดยไม่ถูกเอาเปรียบ  ติดต่อผมได้ครับ   ยินดีให้คำปรึกษา

888up888@  จีเมล  ดอทคอม






 

Create Date : 27 ธันวาคม 2555    
Last Update : 27 ธันวาคม 2555 1:44:15 น.
Counter : 1247 Pageviews.  

อาชีพนายหน้าประกันภัย

ผมได้ทำงานในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจมานานพอสมควร  แต่ก็มีธุรกิจด้านนึงที่ผมไม่เคยสนใจมาก่อนเลยในชีวิต จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาอย่างจริงจังก็พบว่าธุรกิจนี้สามารถช่วยเหลือคนจำนวนมากและสามารถสร้างรายได้ให้เราในระยะยาวได้

ที่ผมพูดว่าช่วยเหลือคนจำนวนมากนั้นมีความหมายหลายๆด้านคือ

1. ช่วยเหลือสังคมโดยส่วนรวม  การที่มีคนซื้อประกันภัยมากขึ้นหมายถึงภาระของรัฐที่จะต้องใช้ภาษีมาเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนจะลดลง โดยเฉพาะการประกันภัยพิบัติต่างๆ เช่น ประกันรถยนต์และยานพาหนะทั้งหลาย  ประกันที่อยู่อาศัย(ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ)  ประกันธุรกิจต่างๆ
2. ช่วยเหลือผู้ซื้อประกัน  ในฐานะนายหน้าประกันภัยซึ่งผมไม่ได้ผูกกับบริษัทประกันภัยรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ  ผมสามารถที่จะแนะนำให้ลูกค้าเปรียบเทียบความคุ้มครองของบริษัทต่างๆ และเลือกกรมธรรม์ที่เหมาะสมที่สุด  ในราคาที่ลูกค้าพอใจที่สุด จากบริษัทประกันภัยที่เชื่อถือได้ 
ผมเป็นนายหน้าที่มีผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกันภัยถึง 33 บริษัทอยู่ในมือ  ผมย่อมสามารถชี้ให้ลูกค้าเห็นข้อดีช้อเสียและข้อยกเว้นของกรมธรรม์แต่ละประเภทของแต่ละบริษัทได้   ในขณะที่ตัวแทนประกันภัยซึ่งเป็นเสมือนพนักงานบริษัทสามารถแนะนำและตอบคำถามได้แต่เฉพาะกรมธรรม์ของบริษัทที่ตัวแทนนั้นสังกัดอยู่
3. ช่วยบริษัทประกันภัย การที่ผมเป็นนายหน้าให้บริษัทประกันภัยถึง 33 บริษัท ย่อมทำให้บริษัทเหล่านี้หาลูกค้าได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น
4. ช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ซื้อประกันภัย  ผมสามารถที่จะหาประกันภัยในราคาที่ลูกค้าพอใจที่สุดได้  ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์ของบริษัทต่างๆ หรือกรมธรรม์เดิมกับบริษัทเดิมที่ลูกค้าเคยซื้ออยู่แล้ว  แต่มาติดต่อผ่านผม อาจจะได้ส่วนลดมากขึ้น จ่ายเงินน้อยลง  ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากขึ้นกับคุณค่าที่จ่ายไปสำหรับประกันภัยนั้นๆ




หากมีข้อสงสัยประการใด หรืออยากทดลองทำอาชีพนี้  หรือต้องการเช็คราคาและความคุ้มครองของประกันภัย  ติดต่อผมได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ







 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2555 22:12:11 น.
Counter : 4710 Pageviews.  


อภิมหาชาตบุตร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ที่ปรึกษาธุรกิจด้านกลยุทธ์และการตลาด การพัฒนาองค์กร การลงทุน
ให้คำปรึกษาแก่กิจการทุกประเภทไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ตั้งแต่ SME ที่ยังไม่เริ่มก่อตั้งไปจนถึงบริษัทระดับพันล้าน

Friends' blogs
[Add อภิมหาชาตบุตร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.