Fuji 5 Lakes : Motosu-ko&Shoji-ko


มาถึง 2 แห่งสุดท้ายของทะเลสาบรอบฟูจิกันแล้ว สถานที่เที่ยวก็ค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆตามไปด้วย

ทะเลสาบ Shoji-ko นี่แทบไม่มีอะไรโดดเด่น อาจเป็นเพราะด้วยความเล็กของตัวทะเลสาบเอง จะมีที่ทำกิจกรรมกันได้ก็ไม่พ้นเดินเขา ตั้งแคมป์ เล่นสเก็ตกลางทะเลสาบช่วงหน้าหนาว ซึ่งทะเลสาบแห่งอื่นๆก็ทำกิจกรรมลักษณะแบบนี้ได้เหมือนกัน

ส่วนทะเลสาบ Motosu-ko นอกจากจะเด่นเรื่องที่มีระดับความลึกมากที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 แห่งนี้ กับที่ว่าเป็นทะเลสาบบนแบงค์ 5,000 เยนแบบเก่า และตอนนี้ก็กลายมาอยู่บนแบงค์ 1,000 เยนแทนแล้ว รอบๆทะเลสาบก็เงียบเหงามาก ช่วงหน้าหนาวน้ำก็แทบจะไม่เป็นน้ำแข็งเลย (ส่วนทะเลสาบ Sai-ko น้ำจะเป็นน้ำแข็งเพียงบางส่วนเท่านั้น นอกนั้นทะเลสาบอีก 3 แห่งที่เหลือ เราสามารถลงไปเล่นสเก็ตได้หมด)


รูปบนแบงค์ทั้งสองนี่ได้ต้นฉบับมาจากภาพถ่ายฟูจิซังกลับหัวสะท้อนทะเลสาบ Motosu-ko ค่ะ

เคยขับรถวนๆทะเลสาบทั้ง 2 แห่งนี้แต่ก็ไม่ได้ลงไป เหมือนขับเที่ยวเอาสถิติว่าให้ไปให้ครบว่างั้น ^ ^

แต่เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา มีเพื่อนมาจากเมืองไทยค่ะ บอกว่าจะแวะมาเที่ยวแถว Fuji-Q Highland แต่พอมาถึงญี่ปุ่นกลับติดต่อกันไม่ได้ จขบ.เลยชวนคนข้างๆไปแกร่วๆแถวนั้นเผื่อมีติดต่อกลับมาจะได้เจอกันได้เลย

ด้วยความที่ไม่ถูกโฉลกกับเครื่องเล่นกระตุ้นความถี่ของหัวใจเท่าไหร่ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน แกร่วไปแกร่วมา เห็นมีป้ายขึ้นว่ากำลังมีจัดงานให้เข้าชมดอก Moss phlox (芝桜
) เลยแวะเข้าไปเดินเล่นกันซักหน่อย


งานจัดที่ Fuji Motosu-ko Resort ตามแผนที่ข้างบนเลยค่ะ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Fuji Shibazakura (JP Version)

วันที่ไปนี่เป็นสัปดาห์สุดท้ายของงานแล้ว ดอกก็เลยโรยไปหมด มีใบเขียวๆขึ้นมาแซมมากมาย ดีนะที่ไม่เก็บค่าเข้าไม่งั้นเสียดายเงินแย่ แต่ปกติเขาเก็บนะคะ แต่นี่อาจจะเพราะว่ามันโรยหมดแล้ว เลยให้เข้าไปดูได้ฟรีๆ


ได้มาเท่านี้เองค่ะ ติดฟูจิซังมาหน่อยนึง


จริงๆช่วงที่บานเต็มที่นี่มันต้องเป็นแบบในรูปบนนี่เลย แค่สีก็แตกต่างแล้ว > <




 

Create Date : 30 กันยายน 2552    
Last Update : 15 ตุลาคม 2552 7:08:07 น.
Counter : 1166 Pageviews.  

Fuji 5 Lakes : Kawaguchi-ko&Sai-ko


ทะเลสาบ Kawaguchi-ko กับทะเลสาบ Sai-ko นี่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก แต่สถานที่เที่ยวรอบๆนี่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Kawaguchi-ko รายล้อมไปด้วยพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สถานที่จัดแสดงนั่นนี่เยอะแยะมากมาย มีไร่บลูเบอร์รี่ ศูนย์สมุนไพร ฯลฯ หลากหลายมาก... (แต่จขบ.ไม่เคยเข้ากับเค้าหรอกค่ะ ปกติก็จะไปเลียบๆเคียงๆอยู่รอบๆตัวทะเลสาบซะมากกว่า)

ส่วน Sai-ko นี่รอบๆทะเลสาบไม่ค่อยดีอะไรเด่น ได้แค่นั่งกินลมชมฟูจิซังเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรอบนอกออกมาหน่อย ก็จะมีพวกถ้ำลาวาที่เกิดจากการระเบิดของฟูจิซังให้เราได้เที่ยวกัน


เอารูปนี้มาหากินอีกแล้ว จะนั่งรถไฟหรือจะขับรถมากันเองก็มาตามเส้นทางข้างต้นได้เลยค่ะ ส่วนถ้าจะใช้บริการรถบัส จากฝั่งโตเกียวก็จะมีรถบัสออกจากสถานีโตเกียว สถานีชินจูกุ และสถานีโยโกฮามา ส่วนฝั่งนาโกยาก็มีรถบัสออกจาก Meitetsu Bus Center ซึ่งเราสามารถนั่งมาลงได้ทั้งที่ทะเลสาบ Kawaguchi-ko หรือจะไปลงที่ Fuji-Q Highland ก็ได้ ส่วนรอบๆทะเลสาบก็มีทั้งรถเมล์และรถ Shuttle bus ไว้คอยให้บริการ


Shuttle bus ที่ให้บริการชื่อว่า “Retro Bus” หน้าตาแบบเดียวกันนี่วิ่งตั้งแต่ Kawaguchi-ko ไปถึง Sai-ko แต่อาจจะต้องมีเปลี่ยนรถกันนิดหน่อย ส่วนเรื่องตั๋วก็มีทั้งซื้อตั๋วแค่นั่งรอบทะเลสาบใดทะเลสาบหนึ่ง หรือว่าจะเป็นตั๋วเหมารวมทั้ง 2 แห่งเลยก็ได้


ภาพกว้างๆรอบทะเลสาบ Kawaguchi-ko

ก่อนเข้าถึงตัวทะเลสาบเราจะเจอกับสวนสนุก Fuji-Q Highland เป็นสวนสนุกแห่งเดียวที่เราสามารถนั่ง Roller coaster ไป มองฟูจิซังไปได้ (ใครจะไปมองทัน > <) จขบ.ไม่เคยแวะเวียนและไม่คิดจะแวะเวียนไปด้วย เป็นโรคแพ้ความสูงค่ะ ใครอยากได้รายละเอียดหาได้ใน Fuji-Q Highland ได้เลยค่ะ

เลยทะเลสาบขึ้นไปเป็นภูเขา Misaka-yama ไม่่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่นดังอะไร เพียงแต่คนญี่ปุ่นเค้าชอบเดินเขากัน นี่ก็เป็นภูเขาสำหรับนักเดินเขาสมัครเล่น ห่างจากทะเลสาบแค่ 10 นาที


ภาพกว้างๆรอบทะเลสาบ Sai-ko ที่ให้เที่ยวนี่อยู่รอบนอกทั้งนั้น


Shuttle bus ที่นี่มีทั้งสายที่วิ่งแค่ Kawaguchi-ko กับสายที่วิ่งไปถึง Sai-ko

เราเริ่มจากทะเลสาบ Kawaguchi-ko กันเลยดีกว่าค่ะ


บรรยากาศ Kawaguchi-ko ตอนฤดูใบไม้ร่วง


บรรยากาศ Kawaguchi-ko ตอนจะเข้าหน้าหนาว ห่างกันแค่ไม่กี่เดือนบรรยากาศต่างกันลิบลับ

หน้าร้อนปีนี้จขบ.มีโอกาสได้ไปเที่ยวงาน Herb Festival มาค่ะื เขาจัดขึ้นทุกปีช่วงกลางมิ.ย. – กลางก.ค. Herb ที่ว่าในงานนี้เท่าที่รู้จักก็มีแค่ลาเวนเดอร์เท่านั้น นอกนั้นเป็นดอกไม้ที่ดูแล้วยังไงก็ไม่น่าจะใช่ Herb น่าจะเปลี่ยนชื่องานเป็น Lavender Festival ซะมากกว่า แต่ไม่เป็นไรค่ะเห็นอะไรสวยๆก็ถ่ายเก็บมาหมด ^ ^


รอบๆทะเลสาบระหว่างทางไปงาน Herb Festival


เราแวะที่สวน Yagisaki กันก่อน ระหว่างทางมีร้านเค้กเล็กๆอยู่ร้านนึง เราไม่สนใจร้านสนใจดอกไม้หน้าร้านมากกว่า


บรรยากาศภายในสวนค่ะ ลาเวนเดอร์ไม่ได้มากมายอย่างที่คาดไว้ แต่มากพอที่จะหามุมถ่ายรูปงามๆกับเขาได้บ้าง


วันเดียวกันย้ายไปดูฝั่ง Shizen Seikatsu Kan (Nature Life Center) กันบ้าง ฟูจิซังโผล่มาให้เห็นแว๊บๆ ส่วนภายในอาคาร Shizen Seikatsu Kan ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากลาเวนเดอร์ให้เลือกซื้อมากมาย
ดอกไม้อื่นๆภายในงานค่ะ ไม่รู้จักมันซักกะดอก ..มีฟูจิซังจำลองด้วย

เราไปดูทะเลสาบ Sai-ko กันบ้างดีกว่าว่ามีอะไรให้เที่ยวบ้าง จากสวน Yagisaki นั่ง Shuttle bus ประมาณ 30 นาทีก็จะถึงถ้ำค้างคาว (コウモリ穴
) ถ้ำนี้เกิดจากการระเบิดของฟูจิซังเมื่อราว 1,000 กว่าปีก่อน การระเบิดครั้งนั้นทำให้เกิดถ้ำลาวาอื่นๆอีก เช่น ถ้ำลาวา Fugaku, ถ้ำลาวา Narusawa เป็นต้น

ถ้ำค้างคาวแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากที่สุดในบรรดาถ้ำลาวารอบๆฟูจิซัง ชื่อก็บอกว่าแน่นอนต้องมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็เปิดให้คนเข้าไปชมกันได้จะปิดก็เฉพาะช่วงหน้าหนาวคือ ตั้งแต่เดือนม.ค. – กลางเดือนมี.ค.

นั่ง Shuttle bus ออกไปอีกประมาณ 10 นาที เราก็จะมาถึงถ้ำอีกแห่ง ถ้ำลาวา Fugaku (富岳風穴) อุณหภูมิเฉลี่ยภายในถ้ำตลอดทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 3 องศา แต่วันที่เราไปนี่ 0 องศาพอดี ไม่ขาดไม่เกิน ถ้ำนี้ไม่มีวันหยุดค่ะ เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี


ข้างในนี่หนาวมาก (ก็ 0 องศานี่เนอะ) เดินๆกลัวพ่อกับแม่ไม่สบายเลยรีบๆเดินออก ส่วนเจ้าหลานนี่ยังอยากอยู่เล่นต่อ พาคน 2 วัยเที่ยวนี่ลำบากใจจริงๆ > <


ช่วงหน้าหนาวประมาณต้นก.พ.ที่สวน Yacho no Mori จะมีจัด “เทศกาลต้นไม้น้ำแข็ง (樹氷まつり)” เป็นศิลปะที่เกิดจากธรรมชาติอย่างหนึ่ง ตอนที่จขบ.ไปนี่ยังมีน้ำแข็งเกาะไม่มาก เพราะอากาศปีนี้ไม่หนาวพอ อยู่ๆช่วงที่จัดเทศกาลอากาศก็อุ่นขึ้นมาซะอย่างนั้น ลานจัดเทศกาลเลยเงียบเหงามีแต่คนไปดู แต่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ดู




 

Create Date : 27 กันยายน 2552    
Last Update : 30 กันยายน 2552 16:02:11 น.
Counter : 2050 Pageviews.  

Fuji 5 Lakes : Yamanaka-ko


เกริ่นๆเรื่องทะเลสาบทั้ง 5 แห่งของฟูจิซังไป วันนี้เลยเอารายละเอียดมาฝากกันค่ะ

ที่แรกที่จะไปกันก็ที่นี่เลย “ทะเลสาบ Yamanaka-ko” น่าจะฮิตติดท๊อปชาร์ตมากที่สุดแล้ว แถวนี้มีบ้านพักตากอากาศอยู่เยอะ ทั้งของส่วนตัวและของบริษัท เป็นสวัสดิการให้พนักงานเข้าพักบ้าง เป็นที่จัดสัมมนาบ้าง เยอะแยะไปหมด แถมระยะทางจากโตเกียวมาก็น่าจะใกล้มากที่สุดด้วย

ปกติจขบ.จะขับรถไปกัน แต่ถ้าใครจะนั่งรถไปกันเองก็ตามนี้เลยค่ะ


จากโตเกียวหรือไม่ก็จากโยโกฮามานี่มีรถบัสมาถึงเลย ขึ้นได้จากสถานีโตเกียว สถานีชินจูกุ และสถานีโยโกฮามา หรือจะนั่งรถไฟมาก็ได้

แต่ถ้ามาจากทางฝั่งโอซากานี่คงต้องเป็นรถไฟสถานเดียว

ส่วนการเที่ยวรอบๆทะเลสาบ ที่นี่มีทั้งรถเมล์และ Shuttle bus ไว้คอยให้บริการค่ะ


ภาพกว้างๆรอบทะเลสาบ


มีรถเมล์ของ Fujikyu คอยให้บริการอยู่ จะนั่งจากสถานี Fuji-Yoshida หรือจากสถานี Mishima ก็ได้ แล้วไปลงที่ป้าย Oshino Hakkai จากตรงนั้นจะมี Shuttle bus บริการนักท่องเที่ยวอยู่ มี 2 สายนะคะ สีส้มกับสีเขียว ถ้าจะนั่งไปทางทะเลสาบก็นั่งสีส้มเลยค่ะ ตั๋วก็ไปซื้อบนรถเอา


Shuttle bus ที่ให้บริการชื่อว่า “Fujikko Gou (ふじっ湖号) หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
ดูรายละเอียดได้ที่ Yamanashi Bus (JP Version)

ว่าแล้วก็ขึ้นรถไปเที่ยวที่แรกกันเลย

“Fuji Sengen Shrine (富士浅間神社)” หรือมีชื่อเต็มๆว่า “Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Shrine (北口本宮富士浅間神社)” เนื่องจากทุกครั้งที่ภูเขาไฟฟูจิระเบิด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นก็จะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก Sengen Shrine จึงได้ก่อกำเนิดขึ้นเพื่อใช้เป็นที่บูชาเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟฟูจิหรือเทพเจ้าแห่งไฟ และเทวีแห่งน้ำ

ปัจจุบัน Sengen Shrine มีสาขาไปทั่วประเทศทั้งสิ้นถึง 1300 แห่ง เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็ต้องเจอ

ศาลเจ้าหลักของ Sengen Shrine ทั่วประเทศ ชื่อ “Fujisan Hongu Sengen Grand Shrine (富士山本宮浅間大社
ตั้งอยู่ในจ.ชิซูโอกะ


Sengen Shrine ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในตัวเมืองชิซูโอกะเช่นกัน

ที่ที่ 2 ที่เราจะนั่งรถไปกันต่อ คือ Oshino Hakkai (忍野八海) หรือ “น้ำพุใต้ดินจากภูเขาไฟฟูจิ” น้ำพุ (น้ำผุด ?) ใต้ดินนี้เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิ ผ่านการกรั่นกรองผ่านชั้นหินเป็นเวลานาน และก็มาโผล่ปุดๆ.. ไม่ซิมันไม่ร้อน มาโผล่เป็นบ่อน้ำพุทั้งหมด 8 บ่อด้วยกัน น้ำพุใต้ดินที่ได้จากการละลายของหิมะนี่จริงๆแล้วก็มีกระจัดกระจายไปหลายที่เหมือนกัน และส่วนมากน้ำที่ได้นี่เราก็สามารถดื่มกินได้เลย แถมอร่อยมากๆด้วย ...เย็น ชื่น..ใจ ^ ^


รูปนี้เป็นตอนพี่สาวมาเที่ี่ยวที่นี่

ส่วนรูปบนนี่เป็นบ่อน้ำพุใต้ดินที่เราไปกันบ่อยๆ ชื่อ Akita-gawa Park (ไม่ได้อยู่ในแถบทะเลสาบนะคะ)

ที่เที่ยวอีกที่หนึ่งใกล้ๆ Oshino Hakkai คือ “สวน Hana no Miyako (花の都)” ก็เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่บล็อค “ดอกไม้... ดอกไม้จะบาน” เลยค่ะ

ชมดอกไม้กันแล้ว ก็ไปนั่งเรือเล่นกันดีกว่า นั่งรถมาลงที่ท่าขึ้นเรือเลย


ที่นี่มีทั้งเรือถีบ และเรือนำเที่ยวรูปหงส์ยักษ์ไว้คอยให้บริการ เรือนำเที่ยวนี่จะเริ่มให้บริการตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น รอบนึงก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่งโมงได้

เฮ้อ.. กว่าจะถึง Tourist Information ไม่รู้จะแวะทำไมเพราะเที่ยวมาเสร็จแล้ว > < จริงๆแล้วเราควรจะเข้ามาแวะที่ Tourist Information นี่ก่อนใช่ไหมคะเนี่ย

ไปจุดสุดท้ายของวันนี้กันดีกว่า ถ้าใครไม่่ได้ขับรถไปเองคาดว่าคงจะต้องเรียกแท๊กซี่อย่างเดียวเลยค่ะ


อากาศข้างนอกหนาวมาก แต่วิวอย่างนี้ใครจะอดใจนั่งอยู่ในรถล่ะคะ


ใช้กล้อง Compact ก็เป็นอย่างนี้ทุกที โฟกัสแบ๊คหน้ามืด โฟกัสคน แบ๊คก็แสงกระจายเว่อร์
..ไม่เคยโทษฝีมือคนถ่ายหรอก บอกกล้องไม่ดีไว้ก่อน จะได้หาเรื่องซื้อใหม่ 55


พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแล้ว...

** ข้อมูลการท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ ลองเข้าไปดูที่นี่นะคะ Japan Guide

อิ่มตามาทั้งวันแล้ว ทีนี้มาอิ่มท้องกันบ้าง แถวนี้ร้านอาหารมีให้เลือกไม่หลากหลายเท่าไหร่ รวมๆก็มีแค่ 2 ประเภท คือ ไม่ Family restaurant ก็เป็นร้านอาหารพื้นบ้านของจ.ยามานาชิ คือ ร้านขาย Houtou

Houtou คืออะไร นั่นซิ แล้วมันคืออะไร.. จขบ.ก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน แต่ในเมื่อมีร้านให้เลือกอยู่แค่นี้เราก็ไปร้าน Houtou กันดีกว่า

เข้าไปดูลาดเลากันก่อน เพราะไม่เคยกินด้วยกันทั้งคู่ เห็นหม้อโต๊ะข้างๆแล้วตกใจ ใครจะกินเข้าไปหมด (วะ) แล้วสายตาก็สอดส่ายหาพวก มีใครกิน 2 คน 1 หม้อบ้างหรือเปล่าเนี่ย ปรากฏว่า..ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย เลยจำใจสั่งมาคนละ 1 หม้อ

ในเมนูนอกจาก Houtou แล้ว ก็มีอาหารอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า “Suiton” ปากมีก็ไม่ยอมถามพนักงานว่ามันคืออะไร คนที่ไปด้วยก็บอกว่าลองสั่งมาดูเถอะ จะได้ลองกินหลายๆอย่าง เอ้า..สั่งก็สั่ง

Houtou นี่ดูหน้าตาหน้ากินมาก แต่ปริมาณช่างไม่น่ากินเอาซะเลย ธรรมเนียมญี่ปุ่น (จริงๆที่ไหนในโลกก็คงเหมือนกัน) เค้าไม่กินเหลือกันด้วยน่ะซิ งานหนักแล้วเรา ..หันมามองดู Suiton ที่ตัวเองสั่งไป หน้าตาไม่ได้แตกต่างจาก Houtou เลยซักนิด แต่พอเอาตะเกียบจิ้มลงไปเท่านั้นแหล่ะ ..มันไม่ได้มาเป็นเส้นค่ะ มันมาเป็นก้อนแป้ง ก้อนแป้งก้อนใหญ่ๆ 6 – 7 ก้อนวางเรียงแออัดกันอยู่ในชาม เอ๊ย..ในหม้อ

เ่อ่อ.. ขอเปลี่ยนได้ไหมคะ

..กล้านึกแต่ไม่กล้าพูด > < คนที่ยุให้สั่งเอาแต่นั่งขำ หยาบคายที่สุด - -;

กินเข้าไปแค่ก้อนเดียวก็จุกแล้ว กว่าจะทำใจหยิบก้อนที่ 2 มากินได้นี่นั่งจ้องอยู่นานเลย


หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ รสชาติอร่อยใช้ได้เลย แต่มันเยอะมากจนมันไม่รู้สึกว่าที่กินอยู่นี่มันอร่อย รู้แค่ว่า ..เมื่อไหร่มันจะหมดซักที > <




 

Create Date : 18 กันยายน 2552    
Last Update : 30 กันยายน 2552 16:02:26 น.
Counter : 4457 Pageviews.  

ดอกไม้... ดอกไม้จะบาน


ใครว่าดอกไม้บานเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ...

อาจจะเป็นเพราะอยู่ที่ชิซูโอกะนี่เลยมีโอกาสได้ไปเที่ยวแถบๆฟูจินับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ไปแถบทะเลสาบ Yamanaka-ko เท่านั้น

รอบๆฟูจิซังนี่มีทะเลสาบอยู่ 5 แห่งด้วยกัน เรียกรวมกันว่า Fujigo-ko ( 富士五湖
) แต่ถึงแม้ว่าตัวฟูจิซังเองจะกินพื้นที่ 2 จังหวัด คือ ยามานาชิ กับชิซูโอกะก็ตาม แต่ทะเลสาบทั้ง 5 แห่งนี้กลับไปรวมตัวกันอยู่ในยามานาชิซะหมด มันน่าน้อยใจมั๊ยเนี่ย

ฝั่งชิซูโอกะมีเพียงทะเลสาบเล็กๆชื่อ Tanuki-ko (
田貫湖) อยู่ แต่เค้าไม่นับทะเลสาบแห่งนี้เป็นหนึ่งใน Fujigo-ko น่ะซิ แต่จาก Tanuki-ko นี่ ฟูจิซังสวยที่สุดนะเราว่า ไว้ว่างๆเดี๋ยวเอารูปมาให้ดูกันค่ะ

Motosu-ko (
本栖湖) ลึกที่สุดในทะเลสาบทั้ง 5

Shoji-ko (
精進湖) เล็กที่สุดในทะเลสาบทั้ง 5

Sai-ko (
西湖) ว่ากันว่าแต่ก่อน Motosu-ko, Shoji-ko และ Sai-ko เป็นทะเลสาบผืนใหญ่ผืนเดียว แต่ต้องมาแยกจากกันเพราะการระเบิดของฟูจิซังนั่นเอง และคาดกันว่าลึกลงไปใต้ทะเลสาบทั้ง 3 นี้น่าจะเชื่อมต่อถึงกัน เพราะน้ำในทะเลสาบมีระดับเท่ากันอยู่ตลอดเวลา

Kawaguchi-ko (
河口湖) มีถนนเลียบทะเลสาบที่ยาวที่สุด และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลน้อยที่สุด

Yamanaka-ko (
山中湖) ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบทั้ง 5 และมีบ้านพักตากอากาศจำนวนมาก

จะพาไปเที่ยวดูดอกไม้ แต่ไหงมาโม้เรื่องทะเลสาบนี่อยู่ได้ > < ที่มาที่ไปก็คือ ใกล้ๆ Yamanaka-ko มีสวนดอกไม้ขนาดย่อมๆชื่อ Hana no Miyako แปลได้ว่า “เมืองดอกไม้” อยู่

ที่ Hana no Miyako นี่ จะปลูกดอกไม้เวียนกันไปเรื่อยๆในแปลงเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย. – ต้นเดือนต.ค. ถ้าโชคดีฟ้าเปิด นอกจากจะได้ถ่ายรูปกับดอกไม้มากมายแล้ว ยังได้ฟูจิซังมาเป็นแบ็คให้อีก ขนาดพื้นที่คงสู้ฮอกไกโดไม่ได้ แต่ที่ฮอกไกโดก็ไม่มีฟูจิซังให้ดูนี่นา

ส่วนเราน่ะเหรอ ไปทีไรโชคร้ายตลอด..


ช่วงปลายเม.ย. – พ.ค. จะเป็นดอกทิวลิปกับดอกเรพ (Rape)


จากมิ.ย. – ก.ค. เป็นดอกยิปโซ (Baby's-breath) กับดอกป๊อปปี้


ส่วนช่วงก.ค. – ต.ค. นี่ก็จะเปลี่ยนเป็นปลูกดอกบานชื่น ดอกทานตะวัน และดอกดาวกระจายแทน
(ไม่มีรูปดอกทานตะวันให้ดูนะคะ แต่เราว่าทุ่งทานตะวันที่บ้านเราสวยกว่าถึงต้นจะไม่สูงเท่าที่นี่ก็เถอะ > <)

ส่วนรูปด้านบนนี่เป็นดอกเรพที่สวน Azuma-yama จ.คานางาวะ ดั้นด้นขับรถกันไปไกลมาก เพื่อไปดูดอกไม้เท่านั้น ดอกไม้โปรดของคนขับรถเขาค่ะ




 

Create Date : 15 กันยายน 2552    
Last Update : 24 กันยายน 2552 10:16:29 น.
Counter : 2312 Pageviews.  

ไปปีนฟูจิกัน


พูดถึงญี่ปุ่น นึกถึงอะไรกันบ้าง... ซากุระ ปลาดิบ กิโมโน และแน่นอนว่ายังไงก็ต้องนึกถึง "ภูเขาไฟฟูจิ" กันบ้างล่ะ วันนี้จะพาไปปีนฟูจิกัน

หมดร้อนแต่จะชวนไปปีนเขา ^ ^

จริงๆจะว่าไปใช้คำว่า "ปีน" ก็คงไม่ถูกนัก คงต้องเรียกว่า "เดิน" ขึ้นเขามากกว่า เพราะเราไม่ต้องใช้อุปกรณ์ครบสูตรในการปีนเขา ใช้เพียงร่างกายที่พร้อม กับอุปกรณ์บางอย่างเท่านั้น

ฟูจิซังสงบมานานหลายร้อยปี แต่ก็ใช่ว่าจะหลับสนิท หลายคนก็ว่าสงบมานานเกินไป เร็วๆนี้แหล่ะ เร็วๆนี้แหล่ะอยู่นั่น ไม่รู้ว่าเร็วๆนี้นี่จะมาเมื่อไหร่..

ถึงฟูจิซังจะยังไม่สงบ แต่ในทุกๆหน้าร้อนก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเดินทางไปพิชิตยอดเขาสูง 3,776 เมตรลูกนี้

เค้าว่ากันว่าคนญี่ปุ่นที่ไม่เคยขึ้นฟูจิเลยเป็นคนบ้า แต่คนที่ขึ้นเกิน 2 ครั้งนี่ก็บ้าเช่นกัน (งั้นเราก็รอด หนึ่ง..ไม่ใช่คนญี่ปุ่น สอง..เคยขึ้นมาแค่ครั้งเดียว) แล้วคนที่ขึ้นไป 600 กว่าครั้งนี่...

มีรายการทีวีรายการหนึ่งไปถ่ายทำคุณลุงชาวญี่ปุ่นวัย 66 ปีตอนที่แกเดินขึ้นฟูจิ สตาฟต้องเดินขึ้นไปล่วงหน้า เพื่อไปรอแกตามจุดต่างๆ เพราะระหว่างทางไม่มีสตาฟคนไหนเดินตามคุณลุงทันเลยซักคน

... "ค..คุณลุง" หยุดไป 2 วิ

"ไม่...ไม่เหนื่อยเหรอครับ.."

กิจวัตรประจำวันของแก คือ ออกมาเดินขึ้นฟูจิซังตั้งแต่เช้า ไม่ได้เดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนคนอื่นเค้า แถมพอลงมาแล้ว ถ้ามีอารมณ์ เน้น.. ถ้ามีอารมณ์ ไม่ใช่ว่าถ้าไม่เหนื่อยนะ คุณลุงก็จะไปเดินขึ้นภูเขาอีกลูกที่อยู่ใกล้ๆก่อนขับรถกลับบ้าน (ยอมแพ้ค่ะลุง..)

ณ วันที่ 3 ส.ค. 2552 เป็นการเดินขึ้นฟูจิครั้งที่ 666 ของคุณลุงแก มีใครอยากจะทำลายสถิติไหมเอ่ย

พล่ามเรื่องคนอื่นมามาก แล้วเราจะได้ไปฟูจิซังกันหรือยังล่ะเนี่ย

ฟูจิซังจะเปิดให้เดินขึ้นได้ในช่วงหน้าร้อนเท่านั้น หน้าร้อนญี่ปุ่นนะคะ คือตั้งแต่ก.ค. - ส.ค. ซึ่งพอถึงเวลาจริงๆก็ต้องเช็คกันก่อนว่าเค้าเปิดให้ขึ้นได้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ เพราะถ้าหิมะยังละลายไม่หมดเค้าก็ไม่ให้เราขึ้นอย่างแน่นอน โดยเราจะเริ่มเดินขึ้นกันตั้งแต่ชั้น 5 ของฟูจิ (Fuji Go Goume) แต่ใช่ว่าเราจะสามารถขับรถขึ้นไปได้เหมือนช่วงเวลาอื่นๆ แต่ละเส้นทางจะกำหนดช่วงเวลาที่ห้ามรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปแตกต่างกัน แต่ก็ยังมีรถบัสคอยให้บริการอยู่ และถึงแม้เราจะเรียกจุดเริ่มต้นนี้ว่า "ชั้น 5" เหมือนกัน แต่ชั้น 5 ของแต่ละเส้นทางก็มีความสูงไม่เท่ากัน


ฟูจิซังครอบคลุม 2 จังหวัด คือ ยามานาชิ และชิซูโอกะ เพราะฉนั้นเราก็สามารถขึ้นเขาได้จากทั้ง 2 จังหวัดนี้
จากฝั่งยามานาชิ มีทางขึ้น 2 ทาง คือ Kawaguchiko-guchi และ Yoshida-guchi
ส่วนฝั่งชิซูโอกะ มีทั้งหมด 3 ทาง คือ Fujinomiya-guchi, Subashiri-guchi และ Gotemba-guchi




ภาพนี้ถ่ายตอนเดือนเม.ย. จุดพักชมวิวบนชั้น 4 ของฟูจิซัง ฝั่งจ.ยามานาชิ ที่เห็นลิบๆนั่นเทือกเขา South Alps ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ นางาโนะ ยามานาชิ และชิซูโอกะ

บางคนเดินขึ้นไปถึงก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นพอดี บางคนก็เริ่มเดินเร็วหน่อย ไปพักข้างบนเอา แต่ขอบอก ที่นอนเหม็นน่าดู ไม่รู้เอาลงมาซักทุกปีรึเปล่า เพราะข้างบนไม่มีน้ำ!

แต่อย่าแค่ดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วกลับกันเลยนะจ๊ะ เรายังไปไม่ถึงยอดเขาเลย ใช่แล้ว.. อ่านไม่ผิดหรอก จุดสูงสุดของฟูจิซังยังต้องเดินต่อไปอีกจนถึงจุดที่เรียกว่า ยอดเขา Kenga-mine ไหนๆก็ขึ้นไปกันแล้วก็ไปให้ถึงยอดเขาจริงๆกันก่อน

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินขึ้นฟูจิซัง คือ




มีแค่นี้ก็เดินขึ้นฟูจิซังได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่จะให้ดีก็น่าจะมี...




ถ้าเดินขึ้นตอนกลางคืน..




ไม่มีรูปตอนที่ตัวเองเดินขึ้นไปให้ดู มันช่างนานนมเหลือเกิน สมัยยังเป็นกล้องฟิล์ม ขี้เกียจสแกน แต่คอนเฟิร์มได้เลยว่า "สวยจริง" ยิ่งตอนที่เดินทะลุเมฆขึ้นมาแล้วมองลงไปด้านล่างนี่ มันให้อารมณ์ที่บอกไม่ถูกจริงๆ

และเมื่อถึงเวลารุ่งสาง มันอยากหยุดโมเม้นต์นั้นไว้ให้นานมากที่สุดเท่าที่จะนานได้ ไม่อยากบรรยาย เพราะมันไม่สามารถบอกกันได้ด้วยคำพูด

ดูรูปพระอาทิตย์ตกจากจุดชมวิวรูปนี้ไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ
ถ้ามีโอกาส อยากให้ลองขึ้นดูกันซักครั้ง




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2552    
Last Update : 24 กันยายน 2552 10:13:00 น.
Counter : 690 Pageviews.  

1  2  3  

HappyToBeMe*
Location :
Shizuoka Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เรียนเอกญี่ปุ่น ทำงานบริษัทญี่ปุ่น แต่งงานกับคนญี่ปุ่น มาใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น บางช่วงก็เกลียดญี่ปุ่นเข้าไส้ บางช่วงก็รักใจจะขาด ไม่นึกว่าญี่ปุ่นจะมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตมากมายขนาดนี้เลยนะเนี่ย

เพื่อการอ่านหน้าบล็อคให้ได้ตามความตั้งใจของจขบ. ลองดาว์นโหลดฟอนต์ดู ที่นี่ เลยค่ะ
ขอขอบคุณคุณ iannnnn มากๆที่สร้างสรรค์ฟอนต์สวยๆให้ได้ใช้กันนะคะ

**สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ และ ข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุดนะคะ**

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add HappyToBeMe*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.