Eiheiji & the most beatiful garden in Japan


ยังอยู่ Fukui กันค่ะ เมืองนี้เงียบมากๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อคืนหาร้านกินข้าวอยู่นานสองนานไปวนรอบสถานีรถไฟก็แล้ว ก็ไม่มีวี่แววของร้านอาหารให้เห็น ในที่สุดก็มาตกลงปลงใจกับที่นี่


ฮะจิบังราเมง ...เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆในญี่ปุ่นก็ที่นี่แหล่ะที่แรกเลย เห็นแล้วคิดถึงเมืองไทยขึ้นมาตะหงิดๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นเราแวะไหว้เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ในตัวเมือง Fukui กันก่อน


เจ้าแม่กวนอิมสูง 7 เมตรองค์นี้ตั้งอยู่ที่วัด Nishiyama Koshoji (西山光照寺
) เดินจากสถานี Fukui ก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ

ด้านหน้าทางเข้าวัดมีเศียรของพระพุทธรูปตั้งอยู่ ว่ากันว่าเป็นเศียรของพระพุทธรูปที่ทำจากหินเป็นองค์แรกใน Fukui


ระหว่างทางไปสถานที่ต่อไปของเราค่ะ

รถรางเข้ามาในญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 1895 โดยเริ่มใช้ที่เกียวโตกันก่อน แล้วก็กระจายไปตามเมืองใหญ่ๆ แต่พอถึงยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ผู้คนเริ่มหันมาใช้รถยนต์กันมากขึ้น แถมการจัดการรถเมล์ก็ถูกกว่ารถรางเป็นไหนๆ ความสำคัญของรถรางจึงลดลงเรื่อยๆ กระทั่งในปัจจุบันมีรถรางไม่ถึง 20 สายที่ยังให้บริการอยู่

แต่พอมาถึงวันนี้ ประเด็นภาวะโลกร้อน น้ำมันแพงเริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ รถรางเลยแว่บๆเข้ามาในหัวคนญี่ปุ่นกันอีกรอบ


ถึงแล้วค่ะ จุดหมายของเราในวันนี้ วัด Eiheiji (永平寺)

ก่อนที่จะได้เข้าไปชมวัดกันก็มีพระมาอธิบายประวัติของวัดคร่าวๆให้ได้ทราบกันก่อน และยังเน้นย้ำอีกว่า วัดนี้ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นแหล่งปฏิบัติธรรม เพราะฉนั้นกรุณาเดินชมอย่างสงบ อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ แต่ห้ามถ่ายพระขณะปฏิบัติธรรม เพราะจะเป็นการรบกวนสมาธินั่นเอง

วัด Eiheiji ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1244 หรือเมื่อประมาณ 700 กว่าปีมาแล้ว เป็นวัดแกนนำของลัทธิ Soto (曹洞宗) ในนิกายเซ็น เน้นการปฏิบัติธรรมโดยการนั่งวิปัสสนาเป็นสำคัญ ปัจจุบันวัดนี้ได้รับการบันทึกเป็นมรดกแห่งชาติไปเรียบร้อยแล้ว


ห้อง Sanshokaku (傘松閣) สร้างขึ้นในปี 1930 บนเพดานประดับด้วยภาพวาดนกและดอกไม้ทั้งสิ้น 230 ภาพ จากศิลปินที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น 144 คน


หอบรรยายธรรม (Lecture hall) สร้างขึ้นในปี 1843


หอ Joyoden (承陽殿) สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่บรรจุเถ้ากระดูกและเป็นที่สถิตดวงวิญญาณของพระ Dogen (道元) ผู้ก่อตั้งวัด รวมทั้งเถ้ากระดูกของพระเจ้าอาวาสต่อมาทั้งสิ้น 5 รุ่นด้วยกัน


ท้าวจตุโลกบาล เทพเจ้าผู้คุ้มครองโลกทั้ง 4 ทิศในบริเวณ Sanmon (山門) หรือประตูแห่งขุนเขา เป็นชื่อเรียกทางเข้าวัดทางหลักของวัดในญี่ปุ่น ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะสมัยก่อนมักมีการสร้างวัดขึ้นในภูเขา แม้ในปัจจุบันจะมีการสร้างวัดในที่ราบ เขาก็ยังเรียกประตูหลักของวัดว่า “Sanmon” อยู่ดี

ท้าวจตุโลกบาลจากซ้ายไปขวา
ท้าววธตรฐ ผู้คุ้มครองโลกทางทิศตะวันออก
ท้าวกุเวร (ท้าวเวสสุวรรณ) ผู้คุ้มครองโลกทางทิศเหนือ
ท้าววิรุฬหก ผู้คุ้มครองโลกทางทิศใต้
ท้าววิรูปักษ์ ผู้คุ้มครองโลกทางทิศตะวันตก


หอไตรขนาดใหญ่


พื้นที่ภายในบริเวณวัด กว้างใหญ่ ร่มรื่น เขียวขจีมากๆ “ความสงบ” คือสิ่งที่อยากได้จากการไปวัด แล้วที่นี่ก็ให้เราได้ ^ ^

ออกจากวัด Eiheiji เราก็วิ่งขึ้นทางด่วนสาย Hokuriku ตรงไปยังจังหวัดติดกัน จังหวัด Ishikawa ค่ะ

ที่จังหวัด Ishikawa นี่เราจะแวะเมือง Kanazawa ไปชมสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ติด 1 ใน 3 ของสวนสวยในญี่ปุ่นกัน

สวนสวยทั้ง 3 แห่งของญี่ปุ่นก็มีสวน Kouraku-en (後楽園) ในจังหวัดโอคายามะ, สวน Kairaku-en (偕楽園) ในจังหวัดอิบารากิ และก็ที่นี่ ...สวน Kenroku-en (兼六園) สวนเหล่านี้ล้วนสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ซึ่งสวนสวยในสมัยนั้นไม่ได้เป็นสวนหินอย่างที่เรามักเห็นได้บ่อยๆในเกียวโต แต่เป็นสวนที่เน้นไปที่สระน้ำขนาดใหญ่ สะพาน เกาะกลางน้ำ เป็นต้น


ระหว่างทางเดินไปสวน Kenroku-en ค่ะ


ถึงแล้วค่ะ สวนแห่งนี้มีทางเข้าถึง 7 ทาง กินพื้นที่ประมาณ 1 แสนตารางเมตร ...และที่นี่...เข้าฟรีค่ะ


ที่นี่มีต้นไม้ใหญ่มากมายเลยจริงๆ


“สนรากลอย” ต้นนี้มีรากลอยอยู่เหนือพื้นดินสูงสุดถึงประมาณ 2 เมตร


รูปทองสัมฤทธิ์รูปแรกของญี่ปุ่นนี้เป็นรูปของวีรบุรุษญี่ปุ่นนามว่า Yamato Takeru no Mikoto (日本武尊) (ชื่อยาวจัง) แต่จริงๆแล้วชื่อนี้เป็นนามแฝงค่ะ ชื่อจริงๆของวีรบุรุษท่านนี้คือ Oosu no Mikoto (小碓命) มกุฏราชกุมารของจักรพรรดิ Keiko (景行)
อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่สถิตดวงวิญญาณของเหล่านักรบในสงคราม Satsuma สงครามกลางเมืองของญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด และเป็นสงครามกลางเมืองครั้งสุดท้าย


ต้น Kiku-zakura หรือแปลตรงตัวได้ว่า ต้นซากุระเบญจมาศ ที่มาของชื่อนี่แค่เห็นตัวดอกก็น่าจะพอเดาได้ ...ก็เพราะว่าในดอกๆหนึ่งของซากุระพันธุ์นี้มีกลีบอยู่มากมายราว 300 กลีบ เลยดูออกมามีลักษณะคล้ายดอกเบญจมาศนั่นเอง และที่แตกต่างจากซากุระพันธุ์อื่นๆก็คือ สีของดอกจะเริ่มจางลงเรื่อยๆจนเป็นสีขาว แล้วถึงจะโรยไป


สะพาน Ganko-bashi (雁行橋) หรือ Flying Geese Bridge เป็นสะพานหิน 11 แผ่นเรียงกัน เป็นรูปฝูงห่านป่าที่บินบนท้องฟ้ายามพลบค่ำ ....ช่างจินตนาการ


น้ำพุที่เห็นนี่เป็นน้ำพุที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น น้ำที่พุ่งขึ้นมานี่ก็เป็นแรงดันตามธรรมชาติ มีความสูงถึง 3.5 เมตร


Shiguretei (時雨亭) สามารถเข้าไปชมภายในได้ และยังมีชาเขียวให้บริการกันด้วย ...แต่ไม่ฟรีนะคะ


มุมอื่นๆภายในสวนค่ะ ^ ^

เดินวนกันไปก็ไม่แน่ใจว่าวนรอบแล้วหรือยัง เพราะมันช่างกว้างใหญ่ไพศาลมากกกกจริงๆ เลยคิดกันเอาเองว่าน่าจะรอบแล้วล่ะ 555


สวน Kenroku-en นี่อยู่ติดกับปราสาท Kanazawa ค่ะ

ปราสาท Kanazawa สร้างขึ้นในปี 1583 เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นค่ะ แต่จขบ.ไม่ได้เข้าไปดูในตัวปราสาท เข้าไปเดินเล่นกันเฉยๆ


ในบริเวณปราสาทมีจัดงานเทศกาลขนมด้วย หน้ากินทั้งนั้นเลย....


ตกเย็นไปเดินเล่นกันแถวย่านเมืองเก่าของ Kanazawa ที่เขาเรียกกันว่า Higashi chayagai (東茶屋街) หรือแถบที่เคยเป็นย่านค้าขายในสมัยก่อนนั่นเอง 2 ใน 3 ของร้านรวงในพื้นที่นี้ล้วนเป็นสิ่งปลูกสร้างแบบดั้งเดิม

แถบนี้ได้ชื่อว่าเป็นเกียวโตขนาดย่อม หรือที่เรียกว่า Sho-kyoto (小京都) ด้วยนะคะ แต่ทั่วทั้งญี่ปุ่นก็มี “เกียวโตขนาดย่อม” นี่อยู่หลายแห่งเลยทีเดียว

ถ้าเมืองนั้นๆมีคุณสมบัติมากกว่า 1 ข้อใน 3 ข้อ ก็จะได้รับการบันทึกเป็น “เกียวโตขนาดย่อม” ค่ะ

1. ธรรมชาติและภูมิทัศน์มีลักษณะคล้ายคลึงกับเกียวโต
2. มีสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับเกียวโต
3. ยังคงรักษาอุตสาหกรรมหรือศิลปะดั้งเดิมเอาไว้
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า Kanazawa นี่เข้ากับเงื่อนไขข้อไหนบ้าง รู้แต่ว่าสมควรได้รับเลือกจริงๆบรรยากาศมันน่าใส่กิโมโนมาเดินมากกกกกๆๆๆ

ผ่านมาครึ่งทางแล้ว อีกครึ่งทางเหลือไว้ให้ “มรดกโลก” ค่ะ



Create Date : 21 ธันวาคม 2552
Last Update : 22 ธันวาคม 2552 14:38:39 น. 5 comments
Counter : 1315 Pageviews.

 
ชอบบล็อกของคุณมากๆค่ะ...รูปสวยด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้ทำบล็อกต่อไปเรื่อยๆนะคะ...ติดตามอยุ่นะคะ


โดย: keiko IP: 180.183.64.197 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:21:11 น.  

 
ขอบคุณนะคะคุณ keiko ดีใจจังเลย


โดย: HappyToBeMe* วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:12:54 น.  

 
love your blog ja


โดย: nina IP: 98.119.9.63 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:4:59:23 น.  

 
Love your blogด้วยคน คริๆ แหม แฟนๆเต็มเลยนะคะพี่ก้อ
หนูได้ยินคำว่าlittle kyotoบ่อยมากๆ แต่เพิ่งเคยได้รู้คำจำกัดความแหล่ะ ส่วนใหญ่เห็นรูปน้อย ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้T_T หนูอ่านที่อื่นมาเค้าบอกว่า เป็น 1ใน3สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นก็จริงแต่ถามคนญี่ปุ่นอีกทีนึงได้ยินมาว่าเค้าบอกว่าสวนนี้สวยที่สุดใน3สวน ไม่รู้จริงหรือเปล่าเนอะ^^ สวนเคนโระคุเอ็นนี่ก็สนใจตั้งแต่เห็นที่เค้าตรึงต้นสนไว้ (หลังจากพี่ก้อไปมาแล้วตั้งเป็นปีแน่ะ คิคิ)


โดย: Toppo IP: 180.222.144.107 วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:55:19 น.  

 
ตัดต่อประโยคแล้วมันเลยขาดๆเกินๆ ที่ว่าไม่นึกว่าจะใหญ่ขนาดนี้หมายถึงสวนค่ะ


โดย: Toppo IP: 180.222.144.107 วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:57:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

HappyToBeMe*
Location :
Shizuoka Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เรียนเอกญี่ปุ่น ทำงานบริษัทญี่ปุ่น แต่งงานกับคนญี่ปุ่น มาใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น บางช่วงก็เกลียดญี่ปุ่นเข้าไส้ บางช่วงก็รักใจจะขาด ไม่นึกว่าญี่ปุ่นจะมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตมากมายขนาดนี้เลยนะเนี่ย

เพื่อการอ่านหน้าบล็อคให้ได้ตามความตั้งใจของจขบ. ลองดาว์นโหลดฟอนต์ดู ที่นี่ เลยค่ะ
ขอขอบคุณคุณ iannnnn มากๆที่สร้างสรรค์ฟอนต์สวยๆให้ได้ใช้กันนะคะ

**สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ และ ข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุดนะคะ**

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add HappyToBeMe*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.