เสื้อผ้า สำคัญด้วยหรือ!?
อืม... สำหรับบางคน คำถามนี้อาจเป็นเสียงดังๆ ที่ก้องในใจมาตลอด

ไม่ต้องใครหรอก ผมเองนี่ก็เป็น เป็นมาโดยตลอด นับแต่ได้ยินเสียงแม่บ่น "แกแต่งตัวอะไรของแกเนี่ย ไปเปลี่ยนมาใหม่เลยนะ" หรือไม่ก็ "แต่งตัวให้มันเรียบร้อยหน่้อย ไม่อายเค้ามั่งรึไง" ... บลาๆๆๆ จริงๆ โหดกว่านี้เยอะ -*-


เด็กๆอ่ะเนอะ อยากแต่งตัวอะไรให้มัน... ร่วมสมัย !?


ทั้งๆที่ในความเป็นจริง จากสายตาชาวบ้าน เค้าจะดูมันทุเรศขนาดไหนก็เหอะ 5555+




เวลาผ่านไป พาคนที่อาศัยมันเดินทางไปด้วย ... เริ่มมีประสบการณ์ เริ่มรู้ เริ่มซึมทราบ ในสังคม มากขึ้น


แม้ปัจจุบัน จะไม่ได้แต่งตัว .... กระเลวกระราด (แม่ใช่คำนี้ T__T) พอจะรู้กาลเทศะบ้าง แต่ก็เป็นไปด้วยความจำเป็นบังคับ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องสังคม บลาๆๆๆ...



อยู่วันนึง จึงมานั่งคิด ทำไมอ่ะ ชั้นแต่งตัวทุเรศยังไง มันก็ยังเป็นตัวชั้นไม่ใช่เหรอ ชั้นจะใส่กางเกงเลเสื้อกล้ามมาทำงาน งานชั้นมันก็ยังคุณภาพเท่าเดิมไม่ใช่รึไง กางเกงเลเสื้อกล้าม มันคงไม่ได้รั้งให้สมรรถภาพการทำงานชั้นลดลงได้แน่ .... ดีไม่ดี ใส่เสื้อกล้าม ยังทำงานได้สะดวกกว่าเสื้อเชิ๊ตพอดีตัวซะอีก


แล้วทำไมอ่ะ ทำไมชั้นต้องแต่งตัวเพื่อคนอื่นด้วย??



เพื่อคนอื่น !? -_-?

ใช่ !? เราไม่ได้แต่งตัวเพียงเพื่อตัวของเราเองนี่ เสื้อผ้าสำหรับตัวเราเอง ก็เพียงแค่ ห่อหุ้ม ป้องกันความเย็น ความร้อน กันอุจาดตาจากสายตาคนภายนอกก็เท่านั้น


แต่สีสรรค์ความสวยงาม ดีไซน์ รูปทรงของมัน ไม่ได้เกี่ยวสักนิดกับการใส่เสื้อผ้าเพื่อตัวเรา...



เสื้อผ้า ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราใส่เพื่อคนอื่นเหรอ เพื่ออะไรอ่ะ ???


มารยาทหรอ... ใช่ๆๆๆ มารยาท เสื้อผ้าที่สุภาพเรียบร้อย เปรียบดังการแสดงมารยาทอันดีงาม ประดุจความเรียบร้อยของเสือผ้าที่สวมใส่ เป็นการให้เกียรติ ผู้ที่เราจะไปพบปะด้วย

ความสวยงาม ... ก็ใช่ๆๆๆๆๆ เรามีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นข้อที่ว่า ต้องการสร้างแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้าม เสื้อผ้าที่สวยงาม ในความหมายของเรา อาจไม่ใช่ สิ่งที่สบายตา ดึงดูดใจของคนอื่น เมื่อเช่นนั้น ก็ต้องพึ่ง กระแสของโลก กระแสของสังคม ให้บอกเรา ว่าเสื้อผ้าที่ควรสวมใส่คือตัวไหน



ฯลฯ


เฮ้อ.... ยิ่งโต ยิ่งแก่ ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งยุ่งยาก ยิ่งอยู่อยากเข้าไปทุกวันสิน่า ..!?


UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวนกดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ


Youtube  น้องนฎาพาเที่ยว บ้าน1000ไม้ ย้อนกลับสู่วิถีเกษตรกร


#หมูน้อยร้อยชั่ง



Create Date : 14 กรกฎาคม 2551
Last Update : 8 มีนาคม 2562 23:58:32 น.
Counter : 1173 Pageviews.

5 comment
10 อันดับ สุดยอดอาหารโหด -_-"
 
 
*** คำเตือน ถ้าอยากอ่านข้อความข้างล่างนี้ แล้วรู้ว่า ตัวเองใจไม่แข็งพอ ก็อย่าไปอ่านมันเลย ขอร้องหล่ะ ***


อันดับ 10 หนูเป็นอาหารสุดฮิตของอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศยากจนอย่าง เปรู ปารากวัย หนูคือแหล่งโปรตีนสำคัญที่เดียว และเป็นเมนูหลักๆ ของร้านอาหาร และภัตตาคารใหญ่ๆ โดยชาวปารากวัยต่างลิ้มลองเชื่อว่าการกินหนูจะช่วยให ้ผิวกระชับมากขึ้น ผิวเนียนอีกต่างหาก ซึ่งหนูตัวใหญ่เขาจะมาย่างเป็นหนังกรอบหอมเสริฟแบบแฮ มเบอร์เกอร์เลยที่เดียว ส่วนหนูทารกตัวสีชมพู แดงๆ ก็จะหย่อนหนูเป็นๆ ลงท้องทันทีตามด้วยนมสดสักแก้ว หรือไม่ก็จะอร่อยแบบศิวิไลหน่อ ยก็จับลูกหนูใส่ในขนมป ังหรือกล้วยหอมแล้วยัดใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ร้องจิ๊ดๆ เป็นอันอร่อยเหาะ
 


อันดับ 9 สตูค้างคาวอาหารขึ้นชื่อของเวียดนาม ประเทศที่กำลังเจริญกว่าไทยน่ะแหละ ขายดิบขายดี แถมยังหรูและหายากมาก โดยเฉพาะเมืองหลวงไซ่งอนน่ะมันอยู่ในระดับภัตตาคารหร ูเท่านั้น ซึ่งชาวเวียดนามเชื่อกันว่าเนื้อค้างคาวคือราชันย์แห ่งเนื้อทั้งปวงการกินน่ะหรือ ทำได้หลายวิธี เช่นทำซุป หรือนำมาสับเป็นชิ้นๆ เคี้ยวเป็นสตู หรือไม่ก็ใช้มีดคมๆ ตัดหัวค้าวคาวทันที จากนั้นก็รีดเลือดที่หยดจากร่างไร้หัวใส่แก้วเปล่าแล ้วดื่มกินสดๆ ทันที
 


อันดับ 8 สตูว์เนื้อหมาดำพูดถึงเอเชียก็ต้องเนื้อหมา กินกันทั้งเกาหลี เวียดนาม ไทย แต่ถ้าจะหาประเทศที่กินเนื้อหมาได้มีลีลาเด็ดอร่อยก็ ประเทศอินโดนีเซียเพื่อนบ้านของเรานั้นเองเพราะพี่เพ ื่อนบ้านแกทำหลายเมนูมาก โดยเฉพาะเนื้อหมาดำว่ากันว่ามีรสอร่อยกว่าเนื้ออื่นๆ ทั้งปวง แถมนุ่มกว่าเนื้อหมาสีอื่นๆ ทำให้เวลานี้หมาดำชักจะหายจากถนนและบ้านเรือนของอินโ ดนีเซียไปแล้ว
 


อันดับ 7 หัวแกะสด-ต้มจากหลายประเทศ รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมนูที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของชาวเมืองแถบนั้นว่ากั นว่าหัวแกะถือว่าเป็นอาหารสุดยอดของแกะ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวยิวที่เรียกว่า รอช อาแชน่า หัวแกะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับความหมายที่ว่า ใครก็ตามได้กินหัวแกะนั้นจะได้รับโชคดีในวันปีใหม่ที ่จะมาถึง แต่ถ้ากินลูกนัยตาของลูกแกะเข้าไปย่อมโชคดีมากขึ้นไป อีก ส่วนรสชาติหลายๆ คนให้ความเห็นว่า “เค็มเหลือเกินพับผ่า”
 


อันดับ 6 ขนมพายครีบแมวน้ำ ชาวนิวฟาวด์แลนด์กินพายที่มาจากครีบแมวน้ำนั้นถือว่า เป็นสิ่งวิเศษ และต้องกินก็ได้ถ้ามีโอกาส และด้วยเหตุนี้ส่งผลให้แต่ละปีจะมีแมวน้ำมากมายมหาศา ลต่ างถูกจับตัวขึ้นมาตัดครีบทั้งสองข้าง จากนั้นก็ถีบลงเรือและปล่อยให้จมน้ำตายในทะเลไปอย่าง น่าสมเพชที่สุด ในภัตตาคารใหญ่ๆ หลายต่อหลายแห่งก็มีเมนูชนิดนี้เปิดขายทั้งแบบปกปิดแ ละเปิดเผย เพราะนานาประเทศยังต่อต้านเมนูนี้อยู่
 


อันดับ 5 สมองลิงแสนสนุก วิธีการทำและการกินก็ง่าย ก็เอาลิงพันธุ์อะไรก็ได้แล้วแต่มีให้ มาหนีบกับโต๊ะโดยมีส่วนหัวด้านบนโผล่ออกมา จากนั้นพ่อครัวก็ใช้วิชาบาร์เบอร์โกนขนส่วนบนของลิงอ อกจนเกลี้ยงเกลาจากนั้นก็ใช้สิ่วและค้อนเฉาะกะโหลกขอ งลิงออกคล้ายกับกะเทาะมะพร้าวอ่อนและแล้วลูกค้าก็จะรีบตักกินสมองลิงอย่าง รวดเร็วที่สุ ดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปสมองลิงจะยุบและลดปริ ม าณอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งเขาก็เสิร์ฟสมองลิงแบบแช่แข็งไว้ด้วย เพื่อลดภาระสมองลิงหดตัวอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง
 


อันดับ 4 ปลาสองแผ่นดินเมนูนี้สามารถหากินได้จากประเทศจีนหรือไทยก็ได้ครับ วิธีการทำต้องใช้ฝีมือหน่อย เริ่มจากนำมาเก๋าขนาด 2 ก.ก. มาขอดเกล็ดออกให้หมดแล้วนำมาล้าง ก่อนจะใช้ผ้าเย็นที่แช่เย็นจัดพันส่วนหัวจนถึงพุงปลา แล้วก็ใช้มีดบั้งตัวปลาตั้งแต่ส่วนหางขึ้นมาจนถึงกลา งลำตัว ระหว่างนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปรอให้เดือดเต็ม ที่ แล้วก็นำหางปลาช่วงที่บั้งจุ่มลงไปทอดครึ่งตัว ซึ่งเป็นภาพที่หวาดเสียวมาก เพราะปลาจะดิ้นตล อดเวลาด้วยความเจ็บปวด ต้องใช้คีมคีบที่หัวปลาเอาไว้ รอจนเนื้อปลาสุกเป็นสีเหลือง ก็ยกขึ้นนำมาวางบนจานแต่งด้วยเครื่อง ยกเสิร์ฟโดยครึ่งบนปลายังเป็นๆ อยู่ อ้าปากพะงาบๆ ครีบยังกระดิกได้ แต่ครึ่งล่างทอดจนสุก กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและซอสเปรี้ยว โดยคนจีนเชื่อว่าการทานปลาสองแผ่นดินเป็นยาชูกำลัง ให้กินมากๆ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงน่ะจะบอกให้ เชื่อไหม
 


อันดับ 3 อุ้งตีนหมีเป็นอาหารที่นักเปิบมหาภัยชอบมากและเป็นเมนูสุดโหด เพราะการตัดอุ้งตีนหมีนั้น ไม่สามารถตัดขณะที่หมียังมีชีวิตได้ การฆ่าหมีเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหนังหมีจะหนามาก ยากต่อการฆ่า ดังนั้น ผู้ฆ่าจึงจับหมีถ่วงน้ำทั้งเป็นหมีความส่งเสียงร้องดังโหยหวนเมื่อถูกตะขอ เหล็ก เกี่ยวร่ างออกจากกรงขัง ไม่กี่นาทีต่อมามันก็ตกอยู่ในความมืดมิด เมื่อถูกกระสอบสวมคลุมร่าง นักท่องเที่ยวจะยืนมองวินาทีสุดท้ายของหมีควายโชคร้า ยในถังเก็บน้ำใบเขื่อง ด้วยสายตาเฉยชา หลังจากร่างใหญ่ดิ้นพราดๆ อยู่เพียงครู่ ทุกอย่างก็สงบลง เพชฌฆาตรีบลงมีดเลือดสดๆ ไหลทะลักจากคอหมีลงสู่ถ้วยขนาดย่อม เลือดในถ้วยถูกผสมด้วยเหล้าขาวแล้วเวียนกันดื่ม หลังจากยืนดู การชำแหละอุ้งตีนหมีเสร็จสิ้น นักท่องเที่ยวจึงกลับไปที่โต๊ะ นั่งรออาหารจานเด็ดที่เชื่อว่าจะช่วยทำให้คนแข็งแกร่ งในกามกรีฑา ดุจเดียวกับความแข็งแรงของอุ้งตีนหมี
 


อันดับ 2 ซุปตัวอ่อนมนุษย์เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงน่ะครับ เมนูนี้เป็นอาหารเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นน่ะครับ มันมีขายอยู่ที่เฉินเซ่น ประเทศจีนการกินตัวอ่อนของมนุษย์ หรือทารกที่เพิ่งคลอดนั้นเป็นความเชื่ออย่างลับๆ ว่า จะช่วยเพิ่มคุณค่าอาหารหลายอย่างในหมู่ชาวจีน นั้นก็คือทำให้ผิวสวยเนียน ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรค และที่เชื่อกันมากก็คือช่วยบำรุงไตได้ดีสำหรับวิธีการทำก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เอาเด็กทารกแรกคลอด หรือเด็กที่ตายจากการทำคลอด ยิ่งเป็นเด็กผู้ชายยิ่งดี(เขาบอกว่ามีคุณค่าทางอาหาร สูง) มาสับ มาเคี่ยวเป็นซุปและใส่เนื้อหมูลงไปเป็นอันเสร็จ……….. รสชาติเหมือนซุปสมุนไพรอย่างไรก็ตามการนำเด็กทารกมาทำตุ๋นยาจีนเป็นอาหารที่ ประเทศจีนนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้เมนูนี้ ต้องมีการสั่งเป็นพิเศษ หรือไม่ก็แอบทำให้กับพวกที่อยากรับประทานอาหารแบบพิส ดาร แบบนี้
 


อันดับ 1 เนื้อมนุษย์ที่ปาปัว นิว กินี และก็มาถึงอันดับหนึ่งของเรา ที่ปาปัว นิว กินี เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่อง เทศเอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรง ศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียมไว้ รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพ นี้ไปต้มซุปกับผักต ่างๆ กินกันต่อไปแต่ถ้าจะกินมนุษย์ที่สะใจที่สุดต้องยกให้ชนเผ่า โดโบดูรัส นิยมจับเหยื่อที่ล่ามาได ้มากินแบบเป็นๆ นั้นคือต้องทรมานเหยื่อจนใกล้จะตายแต่ไม่ให้ถึงตาย จากนั้นก็เจาะกะโหลกให้เป็นรูลึกๆ เสียก่อน แล้วค่อยสอดไม้เล็กๆ ที่มีปลายแบบชอนเข้าไปตักสมองออกมากิน เหยื่อก็ดิ้นไปดิ้นมา ดูแล้วก็ ... เฮือก.. !? ตรูว่า ชุมนุมสางเขียวนี่มานโหดมากแล้วนะ มาเจอไอ้พวกนี้ เป็นคนดีไปทีเดียว -_-"
 
เฮ้อ... เห็นแต่ละเมนูแล้วให้เครียดจิต -*-


จริงๆ จุดประสงค์ในการทานที่มหาจะโหด จะแหวก จะแปลกพิสดารเหล่านี้ มีอยู่แค่อย่างเดียวแหละ คือมุ่งฟื้นฟู สมรรถภาพร่างกายให้กลับไปกระชุ่มกระชวย มีกำลังวังชา เช่นตอนอยู่วัยฉกรรจ์


ซึ่ง ก็ไม่รู้อีกว่า กินไอ้เมนูมหาพิสดารอย่างนี้เข้าไปแล้ว จะได้ผลเช่นดังหวังจริงหรือ




เฮ้อ... สงสารระดับสติปัญญาของคนพวกนี้ซะจริง !?


นี่ถ้าเค้ารู้ว่า สมัยนี้ ถ้าต้องการผลเช่นนั้้น ก็ผลทางด้านลดความชรา เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย เค้าไม่ต้องไปพึ่งพาเมนูมหาโหดพวกนี้แล้ว


สมัยนี้ เค้าฉีดโกรธฮอร์โมนกันแล้ว !?

ฉีดแค่ไม่กี่เข็มเห็นผลอ่ะ ไอ้ที่เหี่ยวๆกลับมาเต่งตึง ที่ที่แฟบๆ กลับมาบึกบึน มีผลวิจัย มีการทดลองรองรับเพียบ .....




เฮ้อ... ใครที่เจอพวกที่ยังนิยมเมนูโหดๆเหล่านี้อยู่ ช่วยเอาไปบอกเค้าที

"พี่ๆ พี่เดินเข้าคลีนิค บอกเค้าว่า ฉีดโกรธฮอร์โมนให้หน่อย!?" ได้ผลกว่า ไม่โหด ดีไม่ดี จะถูกกว่าอีกด้วย -*-




UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวนกดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ


Youtube  น้องนฎาซ้อมเต้น...!?


#หมูน้อยร้อยชั่ง



Create Date : 12 กรกฎาคม 2551
Last Update : 8 มีนาคม 2562 23:53:34 น.
Counter : 1424 Pageviews.

5 comment
เหล้าน้ำผึ้ง

กรรมวิธีการต้มเหล้าน้ำผึ้ง

วัตถุดิบ

1. น้ำผึ้ง (ทำเหล้าน้ำผึ้ง ไม่ใช้น้ำผึ้ง จะใช้อะไรฟระ -*-)
2. ไม้มะเกลือ (ไม้มะเกลือ จะทำให้เกิดการหมักแอลกอฮอล์อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใส่ไม้มะเกลือ แบคทีเรียที่มีในน้ำผึ้ง จะเจริญเติบโต จนทำให้น้ำผึ้งบูดเสีย ก่อนที่จะเกิดการหมัก )


*** ใช้ยีสต์บริสุทธิ์ ไม่ให้ผลดีเท่ากับการใช้ไม้มะเกลือ




ขั้นตอนการหมักน้ำ

เริ่มต้นที่ไม้มะเกลือ มาย่างไฟ ตากแดดให้แห้ง โรยเกลือลงไปเล็กน้อย

ต่อมานำน้ำผึ้งมาตั้งไฟเคี่ยวจนข้นได้ที่ หลังจากนั้นนำมาผสมน้ำ และไม้มะเกลือที่เตรียมไว้และกวนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน


ช่วงที่ทิ้งไว้ เป็นช่วงของการหมัก จะมีฟองอากาศผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก ประมาณ น้ำเดือด ก็ทิ้งไว้ รอให้ฟองอากาศหมดนั่นแหละ ลองชิมดู จะต้องมีรสชาติออกหวาน อย่าทิ้งนานเกินนั้น จนเกิดรสเปรี้ยว ถ้าทิ้งจนเปรี้ยวก็ทำได้เหมือนกัน แต่ไม่อร่อยเท่า รสชาติไม่ดีเท่า


หลังจาก หมักได้ที่ ตามข้างบนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เป็นกรรมวิธีการกลั่น

วัสดุ

ถ้ามีถังกลั่นเหล้าก็ดีไป แต่ถ้าไม่มีก็ต้องนี่เลย

ถังขนาด 200 ลิตร กะ กระทะใบบัว เอาให้ใบใหญ่ประมาณ ปิดปากถังได้นะ


ได้ของปุ๊บก็เอา ถังขึ้นตั้งไฟ (อย่าเพิ่งจุดอ่ะ -*-) เทน้ำหมักที่ได้ใส่ถังซะ เอากระทะใบบัวขึ้นปิดปากถังไว้ เทน้ำเปล่า ให้ปริ่มๆกระทะ ที่ต้องเทน้ำก็ไม่ใช่อะไร จะเอาไว้ ให้เป็นที่ควบเย็นของน้ำหมักนั่นแหละ

เอาแหละๆ จุดไฟได้ เย้ๆๆๆ.... สักพัก น้ำหมักจะเริ่มเดือด กลายเป็นไอ ลอยขึ้นไปชนกะกระทะเย็นๆ ที่เราหล่อน้ำ ปิดฝาไว้ พอร้อนชนกะเย็น ก็จะจะควบแน่น กลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ไหลลงมาตามท่อที่เราเจาะไว้ หุหุ


ประมาณรูปเนี้ย


ส่วนน้ำหล่อเย็น ในกระทะ ก็คอยเปลี่ยน อีตอนที่่มันเริ่มร้อนแล้ว ปกติเค้านับเป็นหนึ่งน้ำ ที่ต้องวัดเป็นหนึ่งน้ำสองน้ำก็เพราะ คอสุราจะถือว่า น้ำสาม เยี่ยมที่สุด แรงที่สุด



ปล.เอามาเก็บไว้ ในบล๊อกเฉยๆ ใครอย่าไปลองทำตามนา โดนจับขึ้นมาไม่รู้ด้วย -*-



UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวนกดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ


Youtube  น้องนฎาพาเที่ยว บ้านธรรมชาติ @ เขายายเที่ยง / bonanza exotic zoo ค่ะ


#หมูน้อยร้อยชั่ง



Create Date : 09 กรกฎาคม 2551
Last Update : 8 มีนาคม 2562 23:46:39 น.
Counter : 14470 Pageviews.

11 comment
Psychic Ability Information

ไปเจอมาจากหว้ากอ ของคุณAinulindale โพสต์ไว้ มีเครดิต มาจาก https://www.mythland.org อีกที เลยเอามาเก็บไว้ โฮะๆๆ ชอบมาก ๆ ....


Psychic Ability Information

Telepathy อ่าน ความคิดคนอื่นได้ และ ส่งความคิด ถึงคนอื่นได้ (รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่เคยชิน) เช่นการอ่านใจและเห็นคำพูดในความคิดคนอื่น และอาจมีการส่งคำพูดจากความคิดของตนเข้าไปในสมองผู้อื่นโดยตรง เป็นต้น

Psychometry อ่าน ความทรงจำที่คนอื่นได้ (อ่านความทรงจำที่ฝังอยู่จากสิ่งของและสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง) โดยเฉพาะจะเห็นชัดกับความทรงจำที่ฝังแน่น เช่นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นหรือแผ่ความคิดบางอย่างออกมาอย่างรุนแรง สถานที่ที่เกิดอุบติเหตุบ่อยๆ หรือสถานที่ที่มีความนึกคิดของคนที่ฆ่าตัวตายด้วยความเศร้าอย่างรุนแรง เป็นต้น ปกติมักจะอ่านจากการ แตะ สัมผัส หรือการเพ่งความรู้สึกสัมผัส สิ่งที่ อ่าน ได้อาจจะมีทั้งภาพ เสียง หรือเป็นแรงของจิตสัมผัส

Clairvoyance ตาทิพย์ การมองเห็นในลักษณะพิเศษเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น การมองเห็นเหตุการณ์ คน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ที่ไม่เคยไป หรือรู้จักมาก่อน เป็นต้น หรือการมองเห็นในสิ่งที่คนปกติไม่เห็นได้ เช่นสิ่งของที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด หรือสิ่งของ หรือสถานที่ที่อยู่ไกลมากๆ เป็นต้น

Clairsentience, Intuition การรู้สึกสัมผัสถึงสิ่งต่างๆรอบตัว หรือสิ่งที่รับรู้ได้นอกเหนือจากประสาททั้งห้าอย่างชัดเจน เช่น การไปในโบราณสถานก็จะสัมผัสบางอย่างได้ หรือบริเวณที่เป็นสนามรบเก่าโดยไม่รู้ตัวก็จะรู้สึกอึดอัด เป็นต้น และอาจมีการรู้สึกแบบเป็นสีในจิตใจ เช่นมองเห็นบางคนก็สัมผัสความเศร้าหมองได้เป็นสีมืดๆออกมาจากคนนั้นๆ การเห็นคนร่าเริงแล้วสัมผัสเป็นสีที่สดใสออกมาจากคนนั้นๆ เป็นต้น สิ่งที่สัมผัสได้มักเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถรับรู้ หรือเป็นสิ่งที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ หรือสิ่งที่ถูกลืมลบเลือนไปแล้ว

Empathy การสัมผัสความต้องการกระทำของคนอื่น หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางบวก เช่น การเข้าใจจิตใจผู้อื่นและทราบความต้องการของผู้อื่น(แต่ไม่สามารถ "อ่าน" ได้) ในทางกลับกันก็สามารถรู้ การประสงค์ร้าย หรือการโจมตีได้ด้วยการจับ คลื่นจิต ของผู้อื่นได้(เช่นระดับความรู้สึกที่ผิดไปจากปกติ อาจคล้ายกับจิตสังหารชั่ววูป) เป็นต้น บางระดับอาจจะคล้ายกับ Aura Reading ก็เป็นได้

Precognition การเห็น"ก่อน" การ อ่าน อนาคตหรือเห็น ภาพฉาย ของอนาคตที่ควรจะเป็น หรือที่อาจจะกำลังเกิดขึ้น (*ขอให้ทำความเข้าใจว่าผู้ใช้พลังจิตประเภทนี้ ไม่สามารถเห็นได้ทุกรายละเอียดของอนาคต หรือสิ่งที่อยากรู้ เช่นมักจะมีคำถามจากคนทั่วไปว่า ให้อ่านอนาคตเช่นดูเลขล็อตเตอรี่ หรือทายแต้มการพนันในบ่อนพนันไม่ได้เหรอ ซึ่งขัดต่อหลักของพลังชนิดนี้) แต่ภาพที่เห็นเป็นเพียงอนาคตที่ควรจะเป็น อาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้(บางที)

Psychometry ก็มองเห็นอนาคตแบบนี้ได้เหมือนกัน) ส่วนใหญ่มักจะเห็นเรื่องไม่ดีที่อาจจะเกิด มีตั้งแต่ระดับเบาบางถึงระดับแจ่มชัด เช่น การมีลางสังหรณ์ว่าวันนั้นๆจะเกิดเรื่องไม่ดี การฝันเห็นอนาคตเช่นอุบัติเหตุล่วงหน้า และความสามารถระดับสูงเช่นการ อ่าน ภาพอนาคตได้เลย(แต่มักจะ อ่าน ไม่ได้ดั่งใจ) เป็นต้น บางทีอาจอ่านอนาคตได้ไม่ชัดเจนโดยเฉพาะอนาคตของตัวผู้ใช้เอง แต่มักจะมีกลไกซ้อนในการป้องกันตัวเองเช่นการรู้โดยสัญชาติว่าต้องหลีก เลี่ยงสิ่งไหน หรือต้องไปทำอะไรในที่ไหนเมื่อไหร่ โดยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

Psychokinesis, Telekinesis พลังยก เคลื่อนย้ายสิ่งของ หรือทำสิ่งต่างๆโดยปราศจากเงื่อนไขทางฟิสิกส์ เช่นการงอช้อน การยกสิ่งของลอยในอากาศ เป็นต้น

Levitation การลอยตัวในอากาศได้โดยปราศจากการช่วยเหลือทางฟิสิกส์ เช่นการเหาะเหินเดินอากาศ ลอยขึ้นได้ดั่งใจ

Teleportation มีพลังในการเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือตนเองจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยการแทน ที่ ในฉับพลัน เช่นการ วาร์ป จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งในทันที หรือการสลับที่สิ่งของโดยไม่ต้องแตะต้องหรือเคลื่อนย้ายด้วยวิธีทางฟิสิกส์ หรือยกขึ้นด้วยพลังจิตแบบTelekinesis

Time Traveller ผู้มีความสามารถเกี่ยวกับเวลา หรือนักท่องเวลา อาจมีความสามารถแตกต่างกันไป เช่น ผู้มีพลังในการย้อนเวลา หนีจากปัจจุบันหรืออนาคตเพื่อกลับไปแก้ไขให้เกิดความเหมาะสมต่อตัวเองหรือ เพื่อความต้องการของตัวเอง ผู้มีพลังในการลบเวลา คล้ายกับนักย้อนเวลา สามารถลบเวลาในส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกได้ นักข้ามเวลาคือผู้ที่สามารถข้ามเวลาไปมาระหว่างคู่ขนานของอดีต อนาคต และปัจจุบันได้ ผู้มีความสามารถหยุดเวลาคือเดินทางข้ามมิติของเวลาไปบนมิติเวลาที่หยุดนิ่ง ได้ แต่การเป็นนักท่องเวลา มักไม่ก่อผลดีต่อส่วนของผลรวมของเหตุการณ์และเวลา ซึ่งมักมีคำเตือนเกี่ยวกับผู้ใช้เวลาที่ต้องระวังไว้หลายข้อ เช่นนักย้อนเวลา อาจจะทำให้เกิดช่องว่างของมิติคู่ขนานเวลา เช่นการหนีจากปัจจุบันที่มีเหตุการณ์ร้ายร่วมกับผู้อื่นกลับไปในอดีต เหตุการณ์ร้ายนั้นจะดำเนินต่อไปดังเดิมในคู่ขนานอื่น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากปราศจากผู้ที่หนีมา หรือนักลบเวลาที่อาจจะทำให้เกิดช่องว่างของมิติเวลานับไม่ถ้วน หรือนักท่องเวลารวมทั้งนักหยุดเวลาที่อาจหลงทางในเวลาจนลืมไปได้ว่า ปัจจุบันคือเวลาไหน และการใช้พลังเกี่ยวกับเวลามักก่อเกิดผลเสียต่ออายุขัยและร่างกายของผู้ใช้ เองด้วย

Invisibility มีพลังในการล่องหนหายตัว ผู้ใช้พลังนี้มีหลายประเภท โดยปกติมักเป็นผู้ที่สามารถหักเหแสงบิดเบือนการสะท้อนการมองเห็น แต่มีบางประเภทที่ลบตัวตนและจิตของตัวเองออกไปจากการสัมผัสได้ของผู้อื่นจน หมดสิ้นได้เลย
 



UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวนกดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ


Youtube  น้องนฎาซ้อมเต้น...!?


#หมูน้อยร้อยชั่ง



Create Date : 08 กรกฎาคม 2551
Last Update : 8 มีนาคม 2562 23:49:50 น.
Counter : 1246 Pageviews.

1 comment
ดื่มอย่างลุ่มหลง หรือละเมียดเพียงเบาๆ ... ที่ปลายลิ้น


เห็นเพื่อนพ้องหลายคน รักกันจังกับการดื่มเนี่ย


เอาว่ะ!? จัดให้ ............


ต่อไป จะได้ละเมียดกันได้ถูกวิธีขึ้น หึหึ...




Red Label หรือในอดีตชื่อ JW Special Old Highland (เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Red Label ในปี 1909)
เป็นวิสกี้ตระกูล JW ชนิดเดียว ที่ไม่ได้เป็น Scoth Whisky แท้ 100% หากแต่ว่า
JW เน้นไปที่รสชาดของวิสกี้ ที่สามารถปรับให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์
มีทั้งความหวาน ความนุ่ม และความเผ็ดร้อนในเวลาเดียวกัน

Red Label เป็น Blended Whisky ที่ผ่านการผสมมาจาก Malt และ Blended Whisky 35 ชนิด
เป็น JW หนึ่งในไม่กี่ชนิด ที่ผลิตออกมาในขนาดที่แตกต่างกันออกไป
แต่ทุกขวดจะมีลักษณะเหมือนกันคือ ขวดทรงสี่เหลี่ยม และ ฉลากสีแดงขอบทอง
สัญลักษณ์เด่นอีกอย่างคือ ไสตรดิ้งแมน หรือกล่องของ Red Label
ที่สามารถนำมาเรียงต่อกันกลายเป็นฉลาก Red Label ขนาดใหญ่ได้

ข้อแนะนำในการดื่ม Red Label สำหรับการดื่ม Red Label นั้น ไม่มีวิธีการดื่มทีแนะนำตายตัวมาจาก JW
สามารถดื่มผสมกับอะไรก็ได้ กินเพียวก็ได้ หรือจะนำไปทำค๊อกเทลก็ยังได้
บวกด้วยเรื่องของราคา ทำให้ Red Label เป็นเหล้าที่ขายดีที่สุด

ราคาหิ้ว :Red label 100CL 550 บาท



Black Label เป็น Blended Whisky อายุ 12 ปี
เป็นวิสกี้ Johnnie Walker ที่เก่าแก่ที่สุด โดยวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1865
ในชื่อของ Walker’s Old Highland ก่อนจะมาใช้ชื่อ Extra Special Old Highland ในปี 1906 - 1908
และสุดท้ายในปี 1909 ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Black Label จนถึงทุกวันนี้

ลักษณะเด่นของ Black คือกลิ่นหอม รมควันถ่านพีท กลิ่นขิงวานิลลา และกลิ่นผลไม่อย่างลูกแพร และแอปเปิ้ล
และส่วนผสมจาก เกรนและมอลท์ วิสกี้กว่า 40 ชนิด ผสมผสานออกมาเป็น JW Black Label ในปัจจุบัน

วิธีการดื่ม JW Black Label ที่ดีที่สุด จำกันเอาไว้นะครับ
Black จะต้องดื่มโดยผสมกับน้ำและน้ำแข็ง เพื่อที่จะทำให้ได้กลิ่นของบุหรี่แห้ง
กลิ่นของวานิลลา และกลิ่นของผลไม้ ที่จะอบอวลขึ้นมาหลังจากได้สัมผัสกับน้ำ
การผสมน้ำจะทำให้ได้รสของวิสกี้ที่ Strong ขึ้น (ภาษาไทยน่าจะเป็นคำว่า เข้มขึ้นครับ)

ราคาหิ้ว :Black label 100CL 1,000 บาท




Green Label หรือ ในอดีตที่เราคุ้นเคยในชื่อของ JW Pure Malt
เป็นวิสกี้น้องใหม่ที่สุดในบรรดา 5 Label ทั้งหมด
ความพิเศษของวิสกี้ที่หมักบ่มนาน 15 ปีชนิดนี้ อยู่ตรงที่
Green Label เป็นวิสกี้ชนิดเดียวที่มีเพียงส่วนผสมของ Malt Whisky
โดยไม่มี Grained Whsiky ผสมอยู่เลย แถมส่วนผสมวิสกี้ทั้ง 15 ชนิด
ที่นำมา Blended จนกลายเป็น Green Label นั้น
มาจากแหล่งกำเนิด Whisky ชั้นดีของสก๊อตแลนด์คือ Talisker, Cragganmore, Linkwood, และ Caol Ila
จนกลายเป็น Pure Malt Green Label ในปัจจุบัน

วิธีการดื่ม Green Label ให้ได้รสชาติมากที่สุด จำไว้นะครับ
ให้กินในแบบของ On the Rock ด้วยการริน Green Label ลงในแก้วพอประมาณก่อน
หลังจากชิมและรับกลิ่นรมควันจางๆและไอทะเล กลิ่นถังเชอรรี่ รวมถึงผลไม้ชนิดต่างๆ
เช่น แอพพริคอท ผิวส้ม พีช บวกกับกลิ่นเปลือกไม้ป่า และหญ้าอ่อน

หลังจากนั้นจึงใส่น้ำแข็งตามไป 1 - 2 ก้อน จะได้เห็นน้ำมันของวิสกี้ Fusil Oil
และจะได้รับกลิ่นที่หอมเข้มข้นขึ้นตามลำดับ เมื่อวิสกี้ได้สัมผัสความเย็น

Green Label มีเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อดื่มแล้วรสชาติจะแตกต่างกันทุกครั้ง
จากส่วนผสมต่างๆของ Pure Malt ทั้ง 15 ชนิดนั่นเอง


ราคาหิ้ว :Green label 100CL 1,300 บาท



Gold Label ถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อปี 1920 ในโอกาสครบรอบ 100 ปี Johnnie Walker
เป็นที่มาของคำว่า Century Blend ที่จารึกอยู่บนฉลากของ Gold ทุกขวด

วิสกี้หายากทุกชนิดที่ผสมออกมาเป็น Gold มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
รวมทั้งน้ำแร่บริสุทธิ์ และถังสำหรับหมัก รวมทั้งส่วนผสมหลักคือ
Clynelish ซึ่งเป็นวิสกี้มอลทืที่หายาก และราคาสูง ทำให้เกิดสีทอง ในตัววิสกี้ Gold ขวดนี้

การดื่ม เนื่องจากการดื่มวิสกี้ ไม่จำเป็นจะต้องคำนึงว่า วิสกี้จะเกิดการแข็งตัว
เมื่อนำไป Frozen หรือ แช่ให้เย็นจัด โดยเฉพาะ Gold ขวดนี้
ยิ่งคุณได้สัมผัสมัน ด้วยความเย็นมากเท่าไหร่
รสชาดและกลิ่นของ Gold ขวดนี้ จะยิ่งนุ่มและอบอวลขึ้น

การจิบควรจิบทีละน้อย และยิ่งถ้าได้ ช๊อกโกแลต มารับประทานด้วยแล้ว
คุณจะได้สัมผัส ความพิเศษ ว่าทำไม วิสกี้ขวดนี้ จึงได้รับให้ประดับด้วยฉลากสีทอง

ราคาหิ้ว :Gold label ใหม่ 75CL 1,650 บาท





Blue Lable นี่คือการผสมผสานของ เกรนวิสกี้ และ มอลท์วิสกี้ จำนวน 16 ชนิด
ที่ต้องบอกว่า แพงที่สุดในโลก เพราะอะไรนั่นหรือ

เพราะในจำนวน 16 ชนิดดังกล่าว มีบางชนิดที่ผ่านการหมักบ่มมากว่า 60 ปี
และที่สำคัญ ในจำนวนวิสกี้ 1 ล้านถัง ที่ดิอาจิโอ ทำการผลิต
จะมีเพียง 1 หรือ 2 ถัง เท่านั้น ที่นำมาเป็นส่วนผสมของ Blue Label
ทุกขวดจะมีหมายเลขกำกับ เพื่อแสดงถึงจำนวนที่ผลิตว่า หาได้ยากยิ่งขนาดไหน

Blue ขวดนี้ จะมีจุกขวดที่ทำจากไม้ก๊อก หุ้มตะกั่วสีทอง
มีกล่องบรรจุใส่เป็นสีน้ำเงิน และทอง บุภายในด้วยผ้าซาตินอย่างดี

การดื่ม จำไว้ว่า ใครอยู่ตรวจบัตรได้ดื่ม Blue แล้ว อย่าเอาไปผสมมิกเซอร์
ให้คนเขาด่าในใจว่า ไอ้โง่ นะครับ ผมยังด่าในใจเลย เหอะๆๆๆ

การดื่มที่ดีที่สุด แน่นอนครับ วิสกี้ระดับนี้ จะต้องเป็นการดื่มแบบ จิบวิสกี้ โดยไม่เติมอะไร
หรือภาษาบ้านๆก็เรียกว่า ดื่มกันเพียวๆนี่แล่ะครับ
เจ้าของ JW บอกมาว่า จะให้ดี ควรจะอมน้ำแข็งให้เกิดความเย็นในปาก
เมื่อน้ำแข็งละลายหมด จึงค่อยจิบ Blue เข้าไป จะได้รับรสชาดที่ดีที่สุด

แล้วจะได้รู้ว่า วิสกี้ที่ว่ากันว่า ล้ำลึกที่สุดในโลก รสชาดเป็นเช่นใด

ราคาหิ้ว :Blue label 100CL 5,000 บาท






ปล. หากเพื่อนนักดื่ม ผู้รักการร่ำสุราท่านใด อ่านแล้ว เกิดอาการกระหาย อยาก ใคร่ลิ้มลอง แล้วความอยากนั้น เกิดขึ้นตั้งกะ กรีนเป็นต้นไป รบกวนชวนเกล้ากระผมด้วยนะขอรับ แฮ่ๆๆ....










UPDATE : ตอนนี้บล๊อกเราขยายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางนะครับ เป็นช่อง youtube สำหรับเด็กๆ ใครเป็นเด็ก หรือสนใจคอนเทนท์แบบเด็กๆ หรือมีลูก มีหลาน ก็รบกวนกดติดตามกันสักนิด เป็นแรงให้เรามีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดีๆออกมาอีกครับ ขอบคุณครับ


Youtube  น้องนฎาพาเที่ยว บ้านธรรมชาติ @ เขายายเที่ยง / bonanza exotic zoo ค่ะ


#หมูน้อยร้อยชั่ง



Create Date : 04 กรกฎาคม 2551
Last Update : 8 มีนาคม 2562 23:43:43 น.
Counter : 12180 Pageviews.

7 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  

ฟาฬ
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ฝากช่องยูทูป Misterfharl ด้วยนะครับ
All Blog