|
คาบสุดท้ายของชั้นเรียนวิชาบล็อกวิทยาเบื้องต้น - Blogology 101/017
Posted by a_somjai | August 21, 2006 Keywords: blogosphere, blogger, blog, blogging, webloggers, weblogs, weblogging, Professional, Social, forms, conception, behaviors, motivations, virtual, online, community
ชั้นเรียนคราวที่แล้ว ได้พูดถึง ภาค ๑ การอ่านบล็อกอย่างมีจุดมุ่งหมาย : อ่านเพื่อรู้จักตัวคุณเอง และ อ่านเพื่อเก็บเกี่ยวสิ่งที่คนอื่นรู้ในเรื่องที่คุณสนใจ
บทเรียนโดยสรุปคือ; 1. ค้นหาสิ่งที่คุณทำได้
หรือสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในโลกความเป็นจริง
.จงเชื่อไว้ก่อนว่ามันก็เป็นสิ่งมีคุณค่าสำหรับ คุณและคนอื่น ๆ เหมือนกัน
/ 2. อ่าน ดู ชม ฟัง ทุกเรื่องราวเกี่ยวกับ สิ่งที่คุณทำได้ในข้อ 1. ให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะเก็บสะสมเป็นทุนความรู้ในคลังข้อมูลได้ / 3. สำรวจ เวปไซต์ / เวปบล็อก / บล็อก ที่มีคนเขียนไว้แล้วถึงเรื่องราวหรือเกี่ยวข้องกับ สิ่งที่คุณเลือกแล้วว่า คุณสนใจในสิ่งที่คุณทำได้ ดังกล่าว อย่างมีจุดมุ่งหมาย / 4. เลือกอ่านมันอย่าง ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ให้มากที่สุด กว้างขวางที่สุด ตามกำลังความสามารถและโอกาสที่คุณมี / 5. ประเมินผลคุณค่าที่คุณได้จาก การสำรวจอ่านเวปไซต์ / เวปบล็อก / บล็อก อย่างมีจุดมุ่งหมายดังกล่าว จากนั้นให้ เลือกบล็อกที่ควรเข้าไปอ่านเป็นประจำไว้จำนวนหนึ่ง / 6. ทำไซต์ เวป บล็อก ที่คุณเลือกแล้ว (และจะเพิ่มเติมมาอีกได้ในอนาคต) ให้เป็นห้องสมุดหรือแหล่งค้นคว้าของคุณไว้ในรูป ลิงค์ของฉัน My link
7. เรียนรู้จักตัวคุณเองจากสิ่งที่คุณได้อ่านบล็อกดังกล่าวแล้ว อย่างต่อเนื่องสักช่วงเวลาหนึ่ง / 8. ตัดสินใจเลือกเป็นตัวของคุณเองบนบล็อก ผ่าน
สิ่งที่คุณเลือกแล้วว่า
คุณสนใจมันอย่างแท้จริง / 9. สำแดงตัวตนบนบล็อก, ลงมือเขียนบล็อกแบบเวอร์ชั่นของฉัน หรือ บอกเล่าความจริง ความดี ความงาม ความถูกต้อง ฉบับ/สำนวนของฉัน สู่ชาวโลกอย่างมีศิลปะ
ข้อ 9. ของภาค ๑ การอ่านบล็อกอย่างมีจุดมุ่งหมาย = ข้อ 1. ของ ภาค ๒ การเขียนบล็อกอย่างมีจุดมุ่งหมาย นั้นเอง
ความจริงแล้ว บทเรียนในชั้นเรียน ภาค ๒ การเขียนบล็อกอย่างมีจุดมุ่งหมาย (มีเพียงสั้น ๆ ว่า ):
เขียนบล็อกเพื่อรู้จักตัวคุณเอง และ เขียนบล็อกเพื่อเก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณรู้ และสิ่งที่คุณไม่รู้ (หรือบางส่วนก็เป็นสิ่งที่คุณไม่รู้ว่าคุณรู้) เขียนบล็อกเพื่อรู้จักคนอื่นและสิ่งที่คนอื่นรู้(หรือสื่งที่เขาไม่รู้.../รวมทั้งสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าตนเองรู้)
- ลงมือทำเดี๋ยวนี้ blogging now
เพราะการจะนำเสนอเนื้อหาบนบล็อกด้วยรูปการสื่อแบบใด ๆ นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเล่าเรื่องราว, เป็นการนำเสนอเสียงเพลง/ดนตรี/เสียงพูดเรื่องราว, ภาพนิ่ง ภาคเคลื่อนไหว ก็ขอให้ ลงมือทำเดี๋ยวนี้ blogging now
อาจสรุปต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทางของการเล่นบล็อกได้ว่า... "การเขียนอ่านบล็อก มีอยู่เป็นอยู่ได้ ก็ด้วยการเรียนรู้ตัวเราเองและตัวตนของคนอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กับการเรียนรู้เรื่องราวบนโลกของเรา .....บนเส้นทางเรียน เขียน อ่าน คบหา--ซ่องเสพเสวนา/ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนตัวตนบนบล็อกและการสื่อสารออนไลน์อื่น ๆ ระหว่างคนเล่นบล็อกด้วยกัน"
แล้วสุดท้ายนี้ ก็ขออนุญาตปิดชั้นเรียนวิชา Blogology 101/ บล็อกวิทยาเบื้องต้น ไว้แต่เพียงนี้
- เล่นบล็อกเดี๋ยวนี้ blogging now
สวัสดี
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง (ต่อเนื่อง)
<< Blogology >> <<เล่นบล็อกอย่างมีจุดหมายปลายทาง: คุณต้องอ่านบล็อกก่อนเขียนบล็อก ? (03) / บล็อกวิทยา 101 / 016>>
ชั้นเรียนที่จะเปิดในรูปแบบ สนทนากับตนเอง ในคอร์สต่อไป ขอตั้งหัวข้อชื่อวิชาให้โก้หรูไว้อย่างนี้ครับ
The weblog community ชุมชนเว็ปบล็อก
ท่านใดสนใจจะเข้าห้องเรียนแบบ ฉันสอนเอง ฉันเรียนเอง โดย a_somjai
Blog around The Blog ก็ยินดีต้อนรับครับ ขอเรียนเชิญเข้าบล็อกแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันได้ ตามอัธยาศัย
ขอเกริ่นเรื่องไว้อย่างนี้ก่อนละกัน
. (หลักการและเหตุผลที่ต้องเรียนรู้เรื่องนี้)
เท่าที่เล่นบล็อกและทำตัวแบบว่าเป็น
นักศึกษาบล็อก Blogologist, (คือว่า Blogology บล็อกวิทยา ตรงกับนิยามภาษาอังกฤษว่า The study of blogs. หรือ The science of blogging.) มาถึงวันนี้ ก็ขึ้นเดือนแรกของปีที่สองแล้ว มีข้อสังเกตพบด้วยตนเองและที่จำขี้ปากเซียนบล็อก รวมทั้งได้อ่านงานการศึกษาของนักวิชาการที่สนใจศึกษาเรื่อง virtual community - ชุมชนเสมือนจริง หรือ online community - ชุมชนออนไลน์ สรุปได้อย่างนี้
1. ทุกวันนี้ เครื่องมือหรือสื่อกลางของการเขียนเว็ปบล็อก weblogging มีอยู่เป็นจำนวนมากในรูปแบบสามัญของ การพิมพ์เผยแพร่งานส่วนบุคคล - personal publishing บนพื้นฐานของกระบวนการสร้างแบบความคิดหรือแบบแผนของ(เวป)ไซต์นั้น ๆ (ก็คือผลเชิงปฏิบัติที่คุณแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มองค์กร ได้วางแนวคิดและแผนการให้ weblog หรือ blog แห่งนั้นมีรูปร่างหน้าตาออกมาอย่างไร หรืออาจจะพูดโอ้อวดแบบเรา ๆ ก็ได้ว่า
ก็คือผลจากการปฏิบัติตามคำแนะนำข้อ 1 ข้อ 9 ในเรื่องการอ่านบล็อกอย่างมีจุดมุ่งหมาย ดังกล่าวแล้วในการปิดคอร์สวิชาบล็อกวิทยาเบื้องต้นนั้นแหละ)
2. อีกอย่าง ไม่กี่ปีมานี้ ได้มีผู้คนจำนวนมากลงมือสร้างสรรค์เวปไซต์ที่แสดงความเป็นตัวตนเฉพาะ รู้จักเรียกกันสั้น ๆ ว่า blog ( สถานะของ the Blogosphere, ถึงกลางปี 2006 อ่านที่นี่ ) แต่เชื่อกันได้เลยว่า;
ประการหนึ่ง ในหมู่คนเปิดเวปบล็อกเหล่านั้น จะมีสักกี่คนเชี่ยวที่ปรับปรุงโฮมเพจส่วนบุคคล - personal homepages ของตนให้ทันสมัย- updated อยู่เสมอ
(โฮมเพจ ก็คือ เวปเพจหน้าแรก ที่เจ้าของไซต์ใด ๆ ตั้งไว้ให้เป็นสถานที่เริ่มต้นหน้าแรกบนอินเทอร์เน็ตเวิรล์ดไวด์เวป และสามารถเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งแห่งหนของทรัพยากรต่าง ๆ ในระบบได้อย่างรวดเร็ว)
ส่วนข้อเท็จจริงจากการศึกษาอย่างเป็นระบบพบว่า มี webloggers เพียงครึ่งของคนเล่นบล็อกทั้งหมดเท่านั้นที่จะทำงานเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ๆ เข้าไปในบล็อกของตนบ่อย ๆ ถี่ ๆ ในลักษณะสไตล์ของเนื้อหาของเขาหล่านั้นสามารถนำไปแบ่งเป็นกลุ่มก้อนคล้าย ๆ กันได้ ดังที่ Blog around The Blog เคยเล่าไว้ที่นี้ ว่าภายหลังเปิดบล็อกใหม่ผ่านไปแล้วสามเดือน ปรากฏว่ามี weblogs ก็คือ webloggers เพียง 50.5% เท่านั้นที่ยังตื่นตัว - active อยู่
และอีกประการหนึ่ง จำนวนกลุ่มคนเล่นเวปบล็อก - weblogging ไปในทิศทางเดียวกันนั้น เมื่อจัดแบ่งประเภทหมวดหมู่เสียให้ชัดเจนแล้ว ก็พบว่าแต่ละกลุ่มก็ยิ่งมีขนาดของแต่ละกลุ่มลดจำนวนสมาชิกน้อยลงเรื่อย ๆ
ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยทั้งหมด 8.42 ล้านคน (สถิติ ปี 2005 อ้างจาก The World Factbook) แล้วคาดการณ์เอาเองแบบสูงสุดโต่งไว้ว่าน่าจะมี bloggers, webloggers, จากประชากรเน็ตเมืองไทยเพียง 1 แสนคนเท่านั้น
และยิ่งนึกภาพคนที่ลงมือ updated เนื้อหาเรื่องราวลงบล็อกอยู่อย่างสม่ำเสมอด้วยแล้ว ก็คงมีเพียงครึ่งเดียว คือ ห้าหมื่นคนเศษ ๆ กระมัง
ก็แล้วในหมู่ bloggers ห้าหมื่นคนนี้ หากจะแบ่งแยกกันออกไปอีกตามที่อยู่ หรือชุมชนเวปไซต์/เวปบล็อกต้นสังกัดที่เล่นเข้าออกไซต์อยู่เป็นประจำวันแล้วละก็ พวกเราชาวบล็อกเมืองไทยก็จะถูกซอยย่อยออกไปอีก เช่นสถิติสมาชิกชุมชน bloggang.com วันนี้ (21 สิงหาคม 2549) เท่ากับ 29,000 ราย ก็จะเหลือคนเล่นบล็อกเป็นชิ้นเป็นอันสม่ำเสมอ(ต่อเนื่องภายหลังจากวันเปิดบล็อกใหม่เกิน 3 เดีอน)อยู่เพียง 14,500 คนเท่านั้น (หากคิดว่าคงมีส่วนหนึ่งที่ทิ้งบล็อกไปเสียหลังจากนั้น 6 เดือน, 10 เดือน
หนึ่งปี ก็คงจะเหลือบล็อกเกอร์บนเวทีน้อยลงไปอีก)
แล้วหากแบ่งแยกกลุ่มตามสไตล์การโพสต์ที่ชัดเจนแล้ว ก็จะพบว่ายิ่งมี ตัวตนเฉพาะ หรือ กลุ่มอัตลักษณ์ ของคนเล่นบล็อก กระจายออกไปมากน้อยอยู่เป็นกลุ่ม ๆ อีก เช่น กลุ่มเขียนบล็อกแบบไดอารี่สไตล์, กลุ่มเล่นโพสต์เพลงออนไลน์, กลุ่มโพสต์ด้วยภาพ,
เป็นต้น)
กุญแจสำคัญของภาพความเป็น "ตัวตนและกลุ่มก้อนของชาวบล็อก - คนเล่นบล็อก" ที่ได้จากปรากฎการณ์ดังกล่าวแล้วก็คือ คนเล่นบล็อกมักจะมีการไปมาหาสู่กันอยู่ในแวดวง กลุ่ม หรือ ชุมชน หมู่พวกของตนเอง ตั้งแต่ระดับญาติสนิทมิตรสหาย คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงานร่วมกินเที่ยวทำกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มสนใจคล้ายกันหรือเหมือนกัน (อาจจะมีคนที่ติดต่อเวปบล็อกในกลุ่มตนสัก 5-10-15-20 คน เป็นต้น) ไปจนถึงชุมชนเวปไซต์ระดับองค์กรหรือสังคมวงกว้างทั่วประเทศ หรือกว้างไกลไปในระดับสากลก็เถอะ แต่คนเล่นบล็อกภายในกลุ่มก้อนก็มักจะเคยชินกับการไปมาหาสู่กันในถิ่น(ไซต์/เวปบล็อก)ที่ตนเองเคยโคจรไปมาบนโลกออนไลน์อยู่เป็นประจำเสียเป็นส่วนมาก
3. ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าใจความสำคัญ (ที่ควรจับตามอง, ที่ควรศึกษา) ของความจริงที่ได้เรียนรู้ โลกของบล็อก blogosphere ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันนี้ก็คือ สิ่งที่แยกความแตกต่างของการเล่นเวปบล็อก (weblogging) ออกจาก เครื่องมือสื่อเว็ป (web media) ยุคแรก ๆ, ...
รูปแบบเนื้อหาที่เห็นได้ว่ามีความสำคัญมากบนโลกของการเล่นบล็อกใด ๆ ไม่ใช่การแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพ - Professional หรือว่า ความเป็นมือสมัตรเล่นของผู้เล่น/กล่มผู้เล่น, หากทว่าเป็นเรื่อง
ทางสังคม--- social
พูดสั้นลงได้ว่า
weblogging, blogging เป็นเรื่องทางสังคม,
แล้ว เรื่องทางสังคม คืออย่างไร?;
ตัวสื่อกลางของการเล่นบล็อก สามารถเข้าถึงตนเองและเข้าถึงซึ่งกันได้ ก็ด้วยการปรากฏตัวตนของกันและกัน ให้เห็นความเป็น อยู่ คือ (แต่ละตัวตนว่าเป็นบล็อก) ก็ต่อ เมื่อ__ เมื่อชาวเจ้าของบล็อก (หมายถึง authors คนเขียนบอกเล่าเรื่องราวบนบล็อก) ยอมรับการสำแดงตัวตนของพวกเขาเหล่านั้นด้วยกันเองเป็นตุเป็นตะ(ระดับเดียวกับ'อย่างเป็นทางการ')ว่า
. เราต่างมีความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างกันบนโลกออนไลน์ในกลุ่มบล็อกเกอร์ใด ๆ กล่าวคือ--เราเห็นเป็นอยู่ร่วมกันแบบ(สังคม)ชุมชน
พูดให้สั้นกระชับเข้าไปอีกก็ได้ว่า
เราจะเป็นบล็อกได้ก็ต่อเมื่อเราเป็นชุมชน bloggers, webloggers, blogging, weblogging, = (as) a community
พบกันคราวหน้า ที่ชั้นเรียนวิชาใหม่นี้ หัวเรื่องว่า ....
The weblog community ชุมชนเว็ปบล็อก
Create Date : 21 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 23 สิงหาคม 2549 3:17:02 น. |
|
6 comments
|
Counter : 740 Pageviews. |
|
|
|
โดย: a_somjai วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:15:54:14 น. |
|
|
|
โดย: a_somjai วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:10:52:40 น. |
|
|
|
โดย: a_somjai วันที่: 10 กันยายน 2549 เวลา:2:31:25 น. |
|
|
|
โดย: รันตู IP: 202.28.79.146 วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:19:50:51 น. |
|
|
|
โดย: a_somjai วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:9:49:48 น. |
|
|
|
โดย: a_somjai วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:10:24:14 น. |
|
|
|
| |
|
|
WebmasterWorld.com
Tips For Writing Short Articles For The Web Posted byI Will Make It @ 9:42 pm on Aug. 9, 2006 (utc 0)
" have several times read that when writing articles for my site, I should make them web-friendly. I know that very few visitors actually prints an article before reading it. Site visitors come to learn something, and then they go away again. They don't want to make a big deal out of it. (pressing print button, turning their printer on, waiting for the article to print and so on..)
Another thing I've learned is that visitors "hates" to scroll, they want as much information in as few words as possible.
OK, --> write short articles!
But everytime I try to write a 500-700 words article, I end up with 1800-2300 words. This isn't to user friendly. I know lots of my sentences are "superfluous" but the whole atmosphere around my articles are lost if I remove them.
See.. this is kind of an easy question, yet this post is fairly long. ;)
How do you manage to write short articles. What kind of technique do you use?"
Comments / Discussion:
Steerpike SAY:
I write a long article and then I edit it.
In the words of Mark Twain: "I would have written a shorter letter, but I didn't have the time."
wolfadeus SAY:
I agree with Europeforvisitors; it also depends on the "personality" of you site, I got one that has almost exclusively pages of 2000 plus articles - it's a hobby-site, but does surprisingly well.
Trying to sum things up:
1.) Try to be concise
2.) Stick with a language you are familiar with or request assistance from native speakers
3.) Split long articles into several shorter ones
4.) Or, if it is too long, structure it well with many paragraphs, sub-headlines
5.) Don't forget to start with an "abstract"-style paragraph in which you explain what information you find in the following lines (which works only if it's a topic that people will enjoy reading long text about, eg some hobbies).
Good luck! W.
....MORE....
With Style