Group Blog
 
All blogs
 

DIY Cosmetics : Hair Spa Treatment





     ปัจจุบันการทำ Spa treatment กำลังเป็นที่นิยมมาก คนจำนวนมากเข้ามาทำ Hair spa เพื่อที่จะปรับปรุงให้ผมให้สวยงาม การทำสปาผมโดยทั่วไปจะเป็นการบำรุงโปรตีนของเส้นผมและบำรุงหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม ลดการเกิดรังแค ผมร่วง และผมเสียจากการโดนสารเคมีเป็นประจำ ดังนั้นเราจะเห็นว่าการทำสปาผมก็จะประกอบด้วยขั้นตอน oil massaging, hair mask, shampoo และ conditioning





     โดยทั่วไปผมของเรามักจะถูกทำลายด้วยสารเคมีต่างๆ เช่น น้ำยาย้อมสีผมหรือน้ำยายืดผม นอกจากนี้มลภาวะแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง สภาพภูมิอากาศ การสัมผัสแสงแดด ก็มีส่วนทำให้ผมของเราเสียยิ่งขึ้นเช่นกัน การทำสปาผมจะช่วยบำรุงเส้นผมตั้งแต่รากผม ไปจนถึงปลายผมให้สวยงาม ซึ่งราคาของการทำสปาก็จะต่างกันไป ขึ้นกับวิธีการและคุณภาพ ดังนั้นถ้าเราไม่มีเวลาเข้าสปาหรือต้องการ Save เงินในกระเป๋า การทำสปาผมเองที่บ้านก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผมของคุณสวยได้เช่น กัน สำหรับอาทิตย์นี้ Doctorskinhouse ขอเสนอการทำ Hair Spa Treatment แบบ Oil Massage ซึ่งเป็นวิธีที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีเส้นผมร่วงและไม่มีน้ำหนัก อีกทั้งวิธีนี้ยังช่วยยับยั้งรังแคได้ด้วย มาดูวิธีการทำกันดีกว่าค่ะ







Hair Spa Treatment แบบ Oil Massage




DIY Cosmetics : Hair Spa Treatment



1. น้ำมันมะกอก (Olive Oil) 1/4 ถ้วยตวง
     ช่วยบำรุงผมที่แห้งเสียและแตกปลายให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยจะทำให้เส้นผมชุ่มชื่นและเปล่งประกาย ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ Extra virgin olive oil เพราะเป็นน้ำมันที่เหมาะกับเส้นผมมากที่สุด



DIY Cosmetics : Hair Spa Treatment



2. น้ำผึ้ง (Honey) 1/4 ถ้วยตวง
     1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผมแห้ง
     2. มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดเส้นผม
     3. สามารถป้องกันผมจากการถูกทำลายได้ โดยจะเคลือบเส้นผมไว้เป็นชั้นบางๆ



DIY Cosmetics : Hair Spa Treatment



3. Peppermint Oil 5-10 หยด
     ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น สบาย และแต่งกลิ่นให้กับผลิตภัณฑ์




วิธีทำ

     1. เทน้ำมันมะกอกลงไปในถ้วยผสม





     2. เทน้ำผึ้งลงไปในถ้วย ผสมให้เข้ากัน





     3. จากนั้นใส่ Peppermint oil ลงไป คนผสมให้เข้ากัน




วิธีการนำไปใช้

     1. ทำความสะอาดผมด้วยน้ำอุ่นก่อนที่จะให้ผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อกระตุ้นให้น้ำมันซึมผ่านเข้าสู่หนังศีรษะได้ดียิ่งขึ้น
     2. ชโลมน้ำมันที่เราเตรียมได้ลงบนหนังศีรษะ ใช้ฝ่ามือนวดเบาๆ





3. ใช้หมวกคลุมผม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยแชมพูและ hair conditioner ตามปกติ




ข้อควรระวัง

      1. ระมัดระวังในผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนประกอบในสูตรดังกล่าว และไม่ควรใช้กับบริเวณที่มีบาดแผล
     2. สำหรับผู้ที่มีผมแห้ง ไม่ควรทำสปามากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่สำหรับผู้ที่มีผมมัน สามารถทำสปาผมได้ถึงวันเว้นวัน



ราคา ราคาวัตถุดิบไม่เกิน 50 บาท
ระยะเวลา ไม่เกิน 10 นาที




     เพียงแต่นี้คุณก็สามารถทำสปาผมได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินมาก อย่าลืมไปลองทำดูนะคะ ^-^




Columnist by Peepop
credit
Original content
credit





ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2554    
Last Update : 30 มิถุนายน 2554 13:33:03 น.
Counter : 518 Pageviews.  

Concealer กลบฝ้า การแต่งหน้ากลายเป็นเรื่องพื้นๆ





     สวมวิญญาณเมคอัพอาร์ทติสให้เคยชินเข้าไว้ เพราะชีวิตจริง ใครจะมาคอยดูแลเรื่องความสวยความงามได้ดีที่สุดเท่าตัวเอง อย่างเรื่องง่ายๆ เช่นการแต่งหน้า ก็คืออีก 1 กิจกรรมที่กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของสาวที่ขาดไม่ได้ก่อนออกจากบ้าน

     การแต่งหน้าก็เหมือนการสวมใส่เสื้อผ้า ที่ไม่ใส่ก็ดูโป๊ เพราะการแต่งหน้า ถ้าไม่แต่งแต้มสีสันให้ใบหน้าบ้าง หน้าของเราก็คงจืดชืด ขาดชีวิตชีวาไปเลย ยิ่งถ้าผู้หญิงคนไหนมีรอยด่างดำ ฝ้า หรือรอยสิวด้วยแล้ว ความมั่นใจนั้นหายเกลี้ยงจนแทบไม่อยากออกจากบ้านเลยล่ะ





     ปัญหารอยฝ้า สิว และจุดด่างดำ แน่นอนว่าการรักษาให้หายขาดในวันเดียวนั้นคงเป็นไปได้ยาก ระหว่างช่วงการรักษาสาวๆ เลยต้องเจอปัญหาผิวหน้าไม่เกลี้ยงเกลามากวนใจอยู่บ่อยๆ วิธีนึงที่จะช่วยเรียกความมั่นใจให้กลับมาได้ ก็คือการรองพื้นก่อนแต่งหน้าเพื่อปกปิดรอยเจ้าปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งการแต่งหน้าให้ดูเรียบเนียน ไม่เห็นร่องรอยได้นั้น ก็ต้องเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าที่ถูกต้อง รวมไปถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้าด้วย

 





     หัวใจสำคัญสำหรับการแต่งหน้าเพื่อปกปิดริ้วรอยนั้นก็คือ คอนซีลเลอร์หรือเครี่องสำอางสำหรับรองพื้นผิวก่อนแต่งหน้า ซึ่งจะขาดไม่ได้เลย เพราะมีคุณสมบัติที่สร้างขึ้นมาเพื่อการปกปิดริ้วรอยโดยเฉพาะ การเลือกใช้คอนซีลเลอร์นั้น ควรเลือกใช้สีเดียวกับผิวตัวเองจะดีที่สุด หรือสามารถเลือกสีที่อ่อนกว่าผิวตัวเองแค่ 1 ระดับ ห้ามมากกว่านั้นเด็ดขาด เพราะจะทำให้หน้าดูหลอกตาเมื่อกระทบกับแสงแดด






     การเลือกคอนซีลเลอร์มาใช้รองพื้นหน้า นอกจากเรื่องสีแล้ว ก็ต้องดูชนิดของคอนซีลเลอร์ เพื่อนำมาใช้ให้เหมาะสมด้วย ซึ่งโดยทั่วไปคอนซีลเลอร์จะมีอยู่ 3 แบบคือ Liquid Concealer มีลักษณะเนื้อบางเบา เน้นความเป็นธรรมชาติ, Cream Concealer รองพื้นเนื้อครีม และStick Concealer ชนิดแท่ง ใช้สำหรับแต้มเพื่อปกปิดเฉพาะจุด ซึ่งราคาของคอนซีลเลอร์นั้นจะมีตั้งแต่ หลักร้อยจนถึงหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของคอนซีลเลอร์แต่ละชนิด และแบรนด์ด้วย การเลือกคอนซีลเลอร์มาใช้นั้นจึงขึ้นออยู่กับความพอใจกับผลหลังการใช้ของแต่ ละคนมากกว่า





     ไม่ว่าจะเป็นฝ้า หรือจุดด่างดำที่เกิดจากสิว การใช้คอนซีลเลอร์รองพื้นนั้นจะมีลักษณะคล้ายกัน คือการปกปิดเฉพาะจุด ด้วยการใช้พู่กันจุ่มคอนซีลเลอร์แล้วแต้มที่บริเวณต่างๆให้หมด แล้วค่อยตบแป้งพัพฟ์ซ้ำเพื่อให้สีของคอนซีลเลอร์และผิวหน้าดูกลมกลืนกัน อีกวิธีหนึ่งก็คือการใช้คอนซีลเลอร์รองพื้นหน้า ซึ่งเป็นการปกปิดสำหรับคนที่เป็นฝ้าชนิดแผ่น เริ่มแรกควรทาเดย์ครีมเสียก่อน เพื่อเป็นการวอร์มผิว และให้ครีมเข้าไปบำรุงสู่ผิวชั้นใน จากนั้นทาคอนซีลเลอร์ด้วยการแตะแต้มบริเวณที่มีแผ่นฝ้าเกิดขึ้น ใช้นิ้วนางเกลี่ยอย่างเบามือให้เนื้อครีมกระจายทั่วใบหน้าเท่ากัน ซึ่งถ้าจุดไหนหนาเกินไปควรใช้กระดาษซับเบาๆ ห้ามใช้นิ้วถูเด็ดขาด






     ผ่านขั้นตอนการรองพื้น กลบตำหนิบนใบหน้าได้เรียบเนียนไปแล้ว ต่อมาก็ต้องมาเริ่มการแต่งแต่มสีสันให้ใบหน้ากันบ้าง ซึ่งการเลือกใช้เครื่องสำอางสำหรับการแต่งหน้าอย่างเช่นบรัชออน ลิปสติก และอายไชน์โดว์นั้น ควรเลือกเฉดสีที่เข้ากับสีผิวด้วย เช่นสาวผิวคล้ำจนถึงผิวแทน ควรเล่นเฉดสีโทนส้ม เอิร์ธโทน และสีนู้ด ก็ช่วยให้หน้าดูสว่างขึ้น ส่วนสาวผิวขาวไม่ต้องห่วง เพราะสามารถใช้เฉดสีไหนก็ได้ แต่ก็ควรแต่งหน้าให้แมทช์กับการแต่งตัวด้วยถึงจะดูเข้ากันได้ดี






     ความมหัศจรรย์ของการปกปิดรอยฝ้า จุดด่างดำด้วยการรองพื้น จริงอยู่ว่าสามารถทำได้ไม่ยาก แต่สำหรับสาวๆ ที่มีผิวหน้ามัน และรูขุมขนกว้าง ก็อาจมีอุปสรรคในการแต่งหน้าได้เช่นกัน ดังนั้นการขั้นตอนการรองพื้นอาจมีข้อระวังอยู่บ้าง อย่างเช่นการทาครีมรองพื้น ควรแตะครีม และเกลี่ยออกด้านข้าง โดยเริ่มแต้มจากตรงกลาง ซึ่งถ้าอยากเพิ่มสีสันครีมบรัชออนก็ควรทาก่อนลงแป้ง เพื่อให้ใบหน้าดูเรียบเนียน ไม่เห็นรูขุมขน






     เห็นข้อดีของการแต่งหน้าไปแล้ว ก็มีข้อที่ต้องให้ระมัดระวังเช่นกัน เพราะการแต่งหน้าไม่ว่าจะใช้รองพื้น หรือเครื่องสำอางอื่นๆ นั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้าเกิดสิวขึ้นได้ง่าย เนื่องจากเศษผงอณูเล็กๆ ของเครื่องสำอางตัวดีนี่แหละเข้าไปอุดตันจนเกิดมากสะสมและอักเสบขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ควรทำในขั้นต่อไปหลังจากเสร็จภารกิจ กลับเข้าบ้านแล้ว ควรล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจด ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีผลิตภัณฑ์สำหรับล้างเครื่องสำอางหลายยี่ห้อให้เลือก ทั้งแบบครีม เจล และน้ำนม โดยเวลาเลือกควรดูผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวด้วย โดยเฉพาะคนที่มีผิวผสมถึงผิวมัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากฉลากของเครื่องสำอางชนิดนั้นจะมีคำกำกับว่า Oil Free หรือถ้าไม่แน่ใจก็ควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาผิวซ้ำซ้อนทีหลัง




Original content
credit




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2554    
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 13:34:46 น.
Counter : 9336 Pageviews.  

บำรุงผมสวยด้วยออยล์ใส่ผม





การใช้น้ำมันหรือออยล์บำรุงผมนี้ มีมาแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ หากแต่คนโบราณยังไม่รู้วิธีที่จะใช้ผลิคภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยคุณค่า เพื่อเส้นผมนี้โดยไม่ให้เส้นผมดูลีบลู่มันแผลบ เวลาผ่านไปเราค่อยๆ เรียนรู้การใช้น้ำมันเหล่านี้เพื่อบำรุงผมได้ดีมากยิ่งขึ้น ยิ่งปัจจุบันเราสามารถสกัดน้ำมันจากพืชได้หลากหลายชนิดมากขึ้น ซึ่งออยล์ที่ได้จากพืชแต่ละชนิด ก็มีคุณสมบัติเหมาะที่จะบำรุงผมที่มีสภาพต่างๆ กันไป สาวๆ ที่สามารถเลือกใช้ออยล์ได้ถูกกับสภาพเส้นผมของตัวเอง ทุกคนจึงต่างพอใจกับผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์จากน้ำมันใส่ผมเหล่านี้ ที่ช่วยให้ผมพลิ้วสลวยมีน้ำหนัก






ประเภทและประสิทธิภาพของออยล์ใส่ผม

ออยล์ ใส่ผมที่มีเนื้อค่อนข้างข้นและหนักอย่าง น้ำมันจาดเมล็ดละหุ่ง หรือ เชียร์นัท จะมีโมเลกุลค่อนข้างใหญ่ ทำให้ซึมซาบเข้าสู่เส้นผมได้ไม่ดีนัก แต่จะเคลือบอยู่ที่ผิวด้านนอกของเส้นผมเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนออยล์ที่มีความเข้มข้นของน้ำมัน ในระดับกลางอย่าง น้ำมันสกัดจากเมล็ดอัลมอนด์ อโวคาโด และเมล็ดทานตะวัน จะซึมซับลงสู่เส้นผมได้ดีกว่า โดยเฉพาะในขณะที่ผมเปียกหมาดๆ ส่วนออยล์ที่มีเนื้อบางใสอย่าง น้ำมันสกัดจากเมล็ดองุ่น น้ำมันมะพร้าว หรือดอกพริมโรส จะซึมซาบลงสู่เส้นผมได้ โดยไม่เหลือความมันทิ้งไว้ที่ผิวด้านนอกของผมเลยค่ะ




สาวผมแห้งเสียใช้ออยล์บำรุงทั้งเส้นผมและและหนังศีรษะ

หลายๆ คนมักใส่ออยล์เพียงที่บริเวณปลายผม แต่ความจริงแล้วควรใส่และนวดออยล์ที่บริเวณหนังศีรษะของเราด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพของเส้นผมด้วยค่ะ หนังศีรษะก็เป็นเช่นเดียวกับผิวหนังบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย ยังคงต้องการความชุ่มชื้น หนังศีรษะที่แห้งขาดความชุ่มชื้น จะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากเพื่อหล่อเลี้ยงผิวบริเวณนั้นไม่ให้แห้ง ทำให้เกิดปัญหาผมมันได้เช่นกัน เราจึงต้องเติมความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะบ้าง เพื่อรักษาสมดุลการสร้างน้ำมันของต่อมไขมันภายใต้ผิวหนัง หากคุณมีเส้นผมที่สุขภาพดีอยู่แล้ว สามารถใช้ออยล์ที่เพียงบริเวณปลายผมได้ ส่วนคนที่มีผมเส้นใหญ่และค่อนข้างหนา เริ่มใส่ออยล์ได้ตั้งแต่กึ่งกลางความยาวของเส้นผมลงมา ส่วนคนที่มีผมแห้งเสียมากๆ จึงสามารถใส่ออยล์ตั้งแต่บริเวณโคนผม จากนั้นนวดตั้งแต่หนังศรีษะไล่ลงมาจนถึงปลายผมได้เลยค่ะ




โจโจบา ออยล์ ทางเลือกที่ดีสำหรับทุกสภาพเส้นผม

น้ำมัน สกัดจากเมล็ดโจโจบา เป็นน้ำมันที่มีความอ่อนใสบางเบา จึงทำให้ซึมซับเข้าสู่เส้นผมได้ดีโดยไม่ทิ้งคราบความมันเอาไว้ ไม่ทำให้ผมของคุณดูลีบและหนักด้วยค่ะ จึงเหมาะกับคนที่มีผมเส้นเล็ก แต่หากว่าคุณมีผมเส้นเล็กมากๆ คุณสามารถเลือกใช้โจโจบาออยล์ชนิดไลท์ได้ ซึ่งจะมีค่าไขมันอยู่เบาบางกว่าโจโจบาออยล์สูตรปกติค่ะ




อาร์กันออยล์ สำหรับคนผมหนาและเส้นใหญ่

ด้วยเนื้อที่ค่อนข้างหนักของอาร์กันออยล์ ทำให้ออยล์ใส่ผมประเภทนี้หนัก และเหนอะหนะเกินไปสำหรับผู้ที่มีผมเส้นเล็ก เนื่องจากจะต้องสระผมมากถึง 2-3 ครั้ง เพื่อล้างความมันออกไปให้หมด แต่เหมาะกับคนที่มีผมเส้นใหญ่และหนาค่ะ น้ำมันจะซึมซับและเคลือบเส้นผมได้ในปริมาณที่พอดี ให้ผมที่แลดูมีน้ำหนัก เป็นประกาย และให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วยค่ะ




ใช้ออยล์ขณะผมแห้ง หากไม่ชอบผมมันจับเป็นก้อน

หลายๆ คนไม่ชอบความรู้สึกเหนอะหนะเวลาใส่ออยล์ขณะผมเปียกหรือผมหมาด ลองเปลี่ยนเป็นใส่ออยล์ขณะที่ผมของคุณแห้งก็ได้ค่ะ เริ่มจากใส่ออยล์ที่บริเวณปลายผม แล้วจึงค่อยๆ นวดไล่ขึ้นมาจนถึงโคนผมและหนังศีรษะ จากนั้นแปรงผมตั้งแต่โคนลงไปจรดปลายประมาณ 5 นาที แล้วปล่อยให้ออยล์ได้ซึมซับเข้าสู่เส้นผมคุณสัก 15-20 นาที แล้วจึงสระผมเพื่อล้างออกค่ะ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีผมนุ่มสลวยราวกับเส้นไหม และด้วยวิธีนี้คุณแทบไม่ต้องใช้คอนดิชั่นเนอร์หลังการสระผมเลยค่ะ




น้ำมันละหุ่งช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นขน

น้ำมัน ละหุ่งนั้นสามารถใช้บำรุงผมได้ดีก็จริง แต่มักไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เนื่องจากมีเนื้อที่ข้นจึงซึมเข้าสู่เส้นผมค่อนข้างยาก แต่ในอีกทาง น้ำมันละหุ่งเหมาะสำหรับสาวๆ ที่คิ้วและขนตาบาง เพราะน้ำมันละหุ่ง สามารถกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมหรือเส้นขนได้เป็นอย่างดี หากสาวๆ อยากมีคิ้วดำสวย ก่อนนอนให้ใช้คอตตอนบัดแตะน้ำมันละหุ่ง ทาที่คิ้วและแนวขนตาทิ้งเอาไว้ข้ามคืนค่ะ หากทำเป็นประจำคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจแน่นอน




แก้ปัญหาหนังศีรษะได้ด้วยออยล์อุ่นๆ

ตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า การนวดออยล์ไปจนถึงบริเวณหนังศีรษะ จะช่วยบรรเทาปัญหาที่มีสาเหตุมาจากผิวหนังบนศีรษะของเราหลายอย่าง ทั้งปัญหารังแค อาการคันจากหนังศีรษะแห้ง และปัญหาผมร่วงที่ไม่เกี่ยวกับฮอร์โมน เพื่อบรรเทาปัญหาเหล่านี้ ก่อนจะใช้ออยล์กับเส้นผมและหนังศีรษะของคุณ นำออยล์ไปอุ่นในไมโครเวฟให้พออุ่นๆ จากนั้นจึงนำมาหมักผมและนวดหนังศีรษะตามปกติ การนวดขณะที่ยังอุ่นๆ จะช่วยให้ออยล์ซึมซาบเข้าสู่หนังศีรษะได้ดียิ่งขึ้นค่ะ




ความถี่ของการใช้ออยล์เพื่อบำรุงผม ขึ้นกับความถี่ในการทำสะอาดเส้นผม

คนที่มีผมมันหรือสภาพผมธรรมดา สระผมทุก 1-2 วัน สามารถทำออยล์ทรีตเม้นต์ได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ส่วนคนที่มีผมค่อนข้างแห้งเสียหรือผมดัด สระผมทุก 1-2 ครั้ง ต่ออาทิตย์ ความถี่ที่เหมาะจะทำออยล์ทรีตเม้นต์ให้ได้ผลดีที่สุดคือเดือนละ 1 ครั้ง แม้ออยล์ทรีตเม้นต์จะช่วยบำรุงผม แต่ก็ขึ้นอยู่กับความถี่ในการทำความสะอาดเส้นผมด้วย หากทำบ่อยเกินไปโดยไม่มีการทำความสะอาดที่เหมาะสม น้ำมันบำรุงผมเหล่านี้ สามารถไปจับตัวสะสมเป็นความมันที่หนังศีรษะ และทำให้ผมหนักลีบลู่ได้ค่ะ




ดูส่วนผสมของออยล์ก่อนเลือกซื้อ

สาวๆ ต้องตรวจเช็คส่วนผสมของออยล์จากฉลากให้ดีก่อนซื้อทุกครั้งนะคะ เนื่องจากมีผู้ผลิตบางเจ้าที่ต้องการลดต้นทุน ด้วยการใช้น้ำมันที่สกัดได้จากกระบวนการทางปิโตรเคมี แทนน้ำมันที่สกัดได้จากธรรมชาติ ซึ่งทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำกว่า ทำให้ขายได้ง่ายกว่า ทว่าออยล์ที่ได้จากกระบวนการนี้ มีความเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียสูงกว่า จึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับเส้นผมและหนังศีรษะค่ะ




หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันที่สกัดลูกสนและถั่วต่างๆ

ออยล์ ที่สกัดจากลูกสนหรือนัทไพน์ และ ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วลิสง มักมีเปอร์เซ็นต์การบูดเสียได้ง่ายกว่าออยล์ที่สกัดจากพืชพรรณ ชนิดอื่นๆ จึงควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ คุณสามารถตรวจสอบว่าน้ำมันนั้นหมดสภาพแล้วหรือไม่จากการทดลองดมค่ะ ถ้ามีกลิ่นแปลกไปกว่าที่ควรเป็น ก็อย่าเสียดายที่จะทิ้งแล้วหาซื้อขวดใหม่เลยนะคะ




อ่านจบแล้วอยากมีผมสวยขึ้นมาทันทีเลยหรือเปล่าคะ คราวนี้สาวๆ อย่าลืมเลือกใช้ออยล์ให้ถูกกับสภาพเส้นผม บำรุงให้ถูกวิธี และขอให้มีความสุขกับผมพลิ้วสวยทุกคนนะคะ



ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2554    
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 12:28:55 น.
Counter : 485 Pageviews.  

น้ำผึ้ง อัญมณีแห่งความงามอย่างแท้จริง





    "น้ำผึ้ง" นับเป็นอัญมณีแห่งความงามอย่างแท้จริง และเป็นผลิตภัณฑ์อันทรงคุณค่าจากธรรมชาติ ที่มีสรรพคุณทางยา และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ของคนเรามากมายมานับพันปีแล้วค่ะ ซึ่งในสมัยโบราณนั้นแพทย์แผนโบราณจะนำน้ำผึ้งเดือนห้า ซึ่งถือว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ที่มีสารอาหารมากมายมาเป็นส่วนผสมในการปรุงยาต่างๆ





     นอกจากนี้น้ำผึ้งยังเป็นส่วนผสมที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำยาอายุวัฒนะ เพราะในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์ เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ




     บำรุงโลหิต บำรุงสมอง คลายความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน บรรเทาอาการหวัด ไอจาม ลดกรดในกระเพาะอาหาร และโดยเฉพาะกับการปรนนิบัติความงามด้านต่างๆ ของผู้หญิง ที่สามารถนำมาใช้ประทินความงามกันอย่างแพร่หลาย จากคุณประโยชน์อันล้ำค่านี้เองจึงควรค่าแก่การนำมาบำรุงความงามที่สาวๆ ทุกคนห้ามพลาดเลยทีเดียวค่ะ




น้ำผึ้ง...จากคุณประโยชน์สู่ความงามอันเป็นนิรันดร์

• แร่ธาตุ
     นอกจากรสชาติหอมหวานละมุนลิ้นแล้ว น้ำผึ้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มี่คุณค่าทางโภชนาการมากมาย ได้แก่ โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม แมงกานีส สังกะสี เหล็ก ทองแดง



     จากการวิจัยค้นพบว่าปริมาณแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำผึ้งมีค่าเฉลี่ยประมาณ 0.17% จัดอยู่ในอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป สาวๆ จึงควรใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลในการปรุงอาหารต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหาร และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำตาลฟอกขาวค่ะ




• วิตามิน
     น้ำผึ้งมีวิตามินอยู่หลายชนิด ได้แก่ ไทอามีน(บี1), ไรโบฟลาวิน (บี2), กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี), ไพริด็อกซิน (บี6), กรดแพนโทธินิก, กรดนิโคตินิก หรือที่เรียกรวมกลุ่มว่า วิตามินบีคอมเพล็กซ์ รวมทั้งเดกซทรินในน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีโมเลกุลของกลูโคสต่อกันเป็นโซ่ยาว มีคุณสมบัติเคลือบผิวเมื่อรับประทานน้ำผึ้งแล้วจะทำให้ชุ่มคอนั่นเองค่ะ




• กรด
     น้ำผึ้งมีกรดที่เป็นประโยชน์เป็นส่วนผสมอยู่หลายชนิด ได้แก่ กรดฟอร์มิก อะ ซีติก มิวทาร์ค ซิตริก มาลิก ซักซินิก กรดกลูโคนิก กรดอะมิโนถึง 16 ชนิด กรดอนินทรีย์ หรือกรดฟอสฟอริก และกรดเกลือ หรือไฮโดรคอลริก อีกด้วย




• คุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรค
     จากการศึกษาและค้นคว้า พบว่าวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำผึ้งมีสารกระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพอื่นๆ เช่น สามารถช่วยเร่งน้ำย่อย ทำให้รับประทานอาหารได้ดี และช่วยให้ร่างการเจริญเติบโตได้ตามภาวะปกติ หรือสามารถนำน้ำผึ้งมาใช้ในการรักษาบาดแผลสด แผลพุพองจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลติดเชื้อได้อีกด้วยค่ะ




• เอนไซม์
     เอนไซม์ คือสารประกอบเชิงซ้อนที่เกิดขึ้นภายในเซลของสิ่งมีชีวิต มีหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆ ภายในเซลนั้นๆ เอนไซม์สำคัญที่สุดที่พบในน้ำผึ้ง คือ "อินเวอร์เทส"ซึ่งมีหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลซูโครสในน้ำหวานของดอกไม้ให้เป็น น้ำตาลแปรสภาพ คือ น้ำตาลเดกซ์โทรสและลีวูโลส




     ในน้ำผึ้งมีเอนไซม์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ "ไดแอสเทส" (หรือ อมัยเลส) เอนไซม์ชนิดอื่นๆ ในน้ำผึ้งมี เอนไซม์คาตาเลส และฟอสฟาเทส และในรายงานล่าสุดพบว่าในน้ำผึ้งมีเอนไซม์อีกชนิดหนึ่งคือ กลูโคออกซิเดส เป็นเอนไซม์จากฟาริงเกลแกลนด์ของผึ้ง ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกรดกลูโคนิก และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ "อินฮิบิท" ที่ทำหน้าที่ยับยั้งและทำลายเชื้อโรคได้




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2554    
Last Update : 24 มิถุนายน 2554 13:37:16 น.
Counter : 549 Pageviews.  

อยากผิวสวย...เลือกครีมให้เหมาะสมกับผิวก็ช่วยได้





     การเลือกซื้อครีมและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ราคา หรือสิ่งส่งเสริมการขายที่ผู้ผลิตต้องการนำมาล่อใจคุณเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องใส่ใจเลือก เพราะผิวใครก็ผิวใคร ใช้ครีมใดๆ ย่อมไม่เหมือนกันค่ะ






ต่อไปนี้ถ้าจะเลือกซื้อครีมและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์คุณจะต้อง...





     เข้าใจผิว และเลือกให้ตรงกับผิวของคุณ สำหรับ คุณที่มีผิวมันจะต้องเลือกมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันน้อย ผิวแห้งเลือกแบบมีส่วนผสมของน้ำมันเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าแม้จะมีน้ำมันมากแค่ไหนแต่เมื่อทาแล้วก็ต้องไม่ทำให้คุณรู้สึกเหนอะ หนะ รำคาญด้วย



     รู้จักฤดูกาล ฤดูฝนอย่างนี้ไม่ต้องเลือกที่มีน้ำมันเยอะ ประมาณว่าสูตรเข้มข้นเป็นพิเศษหรอกค่ะ เอาไว้ฤดูหนาวค่อยใช้น่าจะดีกว่า



     เรื่องกลิ่นก็สำคัญ แม้กลิ่นหอมจะดึงดูดใจ แต่ก็เป็นสาเหตุของการแพ้ ดังนั้น ใครแพ้ง่ายหลีกเลี่ยงครีมกลิ่นหอมอาทิ กุหลาบ มะลิ กีวี ส้ม ฯลฯ และเลือกที่ไม่ผสมน้ำหอมดีกว่า



     ส่วนประกอบทางเคมี แน่นอนที่สุดค่ะ ครีมและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวแทบทุกชนิดผสมสารเคมีลงไปด้วยแทบทั้งสิ้น ดังนั้น อย่าลืมอ่านส่วนประกอบบนฉลากก่อนซื้อนะคะ



     ทดลองก่อนก็ดี การทดลองใช้ช่วยให้คุณรู้ว่าเหมาะกับผิวแค่ไหน แต่หากไม่มีให้ทดลอง ก็ซื้อขนาดเล็กมาใช้ เผื่อไม่ถูกใจ หรือแพ้ขึ้นมาจะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดภายหลัง



     ราคาไม่สำคัญ จริงอยู่ที่สภาพเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าครีมที่ใช้ต้องถูกตามไปด้วย เอาเป็นว่า ถ้าชนิดไหนใช้ดีและไม่แพ้ก็ใช้ไปเถอะค่ะ




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2554    
Last Update : 22 มิถุนายน 2554 14:33:59 น.
Counter : 632 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

YangJing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







Friends' blogs
[Add YangJing's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.