Life without love is like a tree without blossoms or fruit. Kahlil Gibran
Group Blog
 
All blogs
 

หัดแก่..ตั้งแต่ยังไม่เท่าไหร่

จากวันนี้จะไม่มีการเข้าไปนั่งหลับในห้องเรียนอีกแล้ว

แค่แวบขึ้นมา ก็คิดถึงจะแย่
แล้วถ้าตั้งหน้าตั้งตาคิดถึง คงจะทุรนทุรายเพราะความทรงจำไม่น้อย

เว่อจริงๆ!

เราคิดถึงอะไรที่นั่น..?
คงไม่ใช่แอร์เย็นๆกับโต๊ะแลคเชอร์ขนาดพอดีระยะฟุบแหงๆ
ถ้าใช่ ก็ขอให้มันไม่ใช่แบบนั้นเพียงอย่างเดียว

ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แค่คิดว่าจากนี้จะต้องบินเดี่ยว
ไปไหนมาไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว อยู่คนเดียว
ไม่มีก๊วนฮาเฮสัมมะเลเทเมาอยู่ข้างๆแล้ว
ไอ้คนที่ผ่านหน้าผ่านตาเข้ามาในชีวิตยังจะทำให้อุ่นใจแบบนี้ได้สักเท่าไหร่กัน

ไม่ได้คิดถึงแค่เพื่อนหรอก
คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงอายุนั้นด้วย

ช่วงที่ควรจะใช้มันกระชับความสัมพันธ์กับคนที่อย่างน้อยก็เรียกได้เต็มปากว่า เพื่อน เต็มที่หรือยัง

ใช้เวลาทำกิจกรรมเสริมสร้างกำลังขาแขน และกล้ามสมอง พอหรือยัง

ใช้เวลารู้สึกในสิ่งที่วัยรุ่นห่ามๆคนหนึ่งควรจะรู้สึกเต็มที่หรือยัง

รวมถึงอย่างน้อยตอนนั้นก็ควรจะกำหนดเป้าฝันไว้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน
พอหลุดมาจากตรงนั้น จะได้ยิงลูกดอกไปให้ชนิดสุดใจเกิด
เอาแบบทีเดียวโดนเป้าดีไหม จะได้ไม่ต้องไล่ฝันด้วยความเหนื่อยมาก

ทำทั้งหมดที่ว่ามาหรือยัง ในวันเวลาที่ผ่านมาน่ะ...

หรือไอ้ที่วันนี้ไปค้นรูปเก่าๆสมัยออกทริปกับเพื่อนทั้งชั้นมาแปะๆไว้ที่ Facebook นั่นเพราะว่าอายุเรามันเพิ่ม หัดระลึกความหลังตั้งแต่ที่มันเพิ่งเริ่มต้น

แค่แปะไว้แล้วให้เพื่อนมาเม้นด้วยช่วยกัน อ่านเม้นเพื่อนไปยิ้มไปแค่นี้ก็สุขใจแล้ว มันหัดแก่ตั้งแต่ยังไม่เท่าไหร่นี่นา

คงหลายๆอย่างประกอบกัน

ไม่แน่ใจว่ามีใครเคยบอกไว้หรือเปล่าว่าที่เราเสียดายวันเวลาและคิดถึงมันจนหวั่นไหวนั้น เพราะเราทำสิ่งที่ควรจะทำในเวลานั้นยังไม่ดีพอ เราจึงเก็บมันมาใคร่ครวญและคิดถึง ขนาดจินตนาการไปเรื่อยๆว่าหากกลับไปวันนั้นได้อีก คงดี..

เวลาที่เดินถอยหลังน่ะ คือเวลาของนาฬิกาตาย

ฉะนั้นก็ได้แค่คิด แค่ คิด..ถึง เพราะนาฬิกาทุกเรือนในชีวิตที่มียังเดินดีไม่มีบ่น

ถึงตรงนี้จึงต้องร้อง อ๋อ! ให้ตัวเองว่าที่จริงแล้วการแปะรูปเก่าๆบน Facebook นั้น ไม่ได้เสียดายวันเวลาเก่าๆแต่อย่างใด แค่มันคงจะเป็นอาการของคนที่เริ่มจะสูงวัยลงไปทุกทีๆเท่านั้นเอง




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2553 16:34:49 น.
Counter : 364 Pageviews.  

งด สด ชั่วคราว

ถ้านี่เป็นตลาด
คลับคล้ายคลับคลาว่ามันจะเป็นตลาดร้างๆยังไงไม่รู้

อาการ"ของหมด"ที่เป็นมาช้านาน และไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่กำลังคุกคามฉันอยู่ตลอดเวลา
ทั้งๆที่อยากจะให้มันหายไปโดยไวที่สุด

..ซึ่งจริงๆแล้วพบว่า มันหายไปไม่ได้..

เพราะถ้าเทียบกับตลาด
ถ้าที่นี่ไม่มีของขาย เราจำเป็นต้องไปซื้อหามันมาใหม่

และฉันยังยืนยันว่า ถึงแม้มันจะซบเซา
ร้างผู้คน หรือจะหาของมาขายอีกครั้งได้ยากเพียงใด

หวังใจไว้เลยว่า ที่แห่งนี้ มันจะกลับมาครึกครื้นเฮฮาตามประสาตลาด"สด" ที่อึกทึกครึกโครมไปด้วยเสียงเคาะแป้นพิมพ์ และตัวหนังสือรักดีบ้าง ไม่รักดีบ้าง

อย่างแน่นอน




 

Create Date : 13 มกราคม 2553    
Last Update : 13 มกราคม 2553 16:13:24 น.
Counter : 485 Pageviews.  

รักและคิดถึงดีไหมดากานดา?

ฉันไม่ได้ชื่อไข่ย้อย..
แต่ไม่รู้ทำไมถึงอินกับหนังเรื่องเพื่อนสนิทขนาดยอมนั่งอ้อยสร้อยดูเป็นรอบที่ 8

แต่หากไม่ใช่ไข่ย้อย วันนี้เราอาจรู้สึก"คล้ายๆ"กัน

ประมาณ 18 เดือนก่อน ฉันรู้จักกับใครคนหนึ่งที่เราก็เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันในห้องเรียน
แต่ก่อนหน้านั้น เราแทบไม่เคยคุยกันเลย
จนกระทั่งมือซนๆของฉันไป add อีเมลของเธอเข้า

และหลังจากนั้นไม่กี่วัน บทสนทนาที่เราต่างสบตากับจอคอมพิวเตอร์ก็เริ่มขึ้น

ฉันจำได้ ว่าเธอชอบวาดรูป (ตอนนั้นฉันคิดว่าเธอคงเป็นคนใจเย็น ที่ไหนได้ ไม่ใช่เลย แต่ก็อยากเห็นจังว่ารูปวาดของคนใจร้อนเป็นยังไง)

เธอมักจะเปิดกล้องตอนเราคุยกัน
และทุกวันเช่นกันที่ฉันมีอาการยิ้มตาหยีที่รักษาไม่หายมานานหลายเดือน

การคุย msn ไม่ต้องมีธุระ เราคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อย
แต่ก็เรื่อยเปื่อยจนตีหนึ่ง ตีสอง แทบทุกวัน

และเพราะว่าเธอชอบอำ อีกอย่างในเอ็มมันไม่รู้อารมณ์คนคุย
ฉันจึงชอบคุยโทรศัพท์กับเธอมากกว่า
เหตุผลแค่ว่า อยากได้ยินเสียง..

แรกๆ ฉันต้องหาธุระที่จะโทรไป ซึ่งธุระจริงๆไม่เกินนาทีครึ่ง
แต่อีก60นาทีต่อมานั้น เป็นเรื่องราวที่เราแลกเปลี่ยนเพื่อจะรู้จักกัน

เป็นเรื่องจริงที่ว่าฉันพยายามจะทำความรู้จักกับเธอเพราะมันเริ่มจากอาการคลิกบางอย่าง
และพอได้คุย ได้รู้จัก เป็นไปได้ว่าเคมีของเราอาจจะเข้ากัน
พูดให้เต็มปากคือ ตกหลุมรักไปแล้วมั้ง

แต่ด้วยความที่ข้อจำกัดระหว่างเรามันเยอะเกินไป
ฉันจึงนิยามให้ความรู้สึกดีในช่วงนี้ของเราเป็น Impossible love..
เป็นเส้นขนาน เป็นขั้วเหนือกับขั้วใต้ ที่คงไม่มีวันมาบรรจบกัน

ข้อเสนอ"เพื่อนสนิท"ที่เธอหยิบยื่นมา ทำให้ฉันรีบตะครุบมันไว้ในทันที
ฉันเป็นเพื่อนสนิทที่ตกหลุมรักเพื่อนของตัวเองทุกวัน
...มันบ้าเกินไปไหม??...

ไม่ใช่ว่าเธอดีพร้อมจนสมบูรณ์แบบ
เธอมีทุกสี มีทุกอารมณ์ แต่แปลก ที่ฉันชอบทุกสีที่เธอเป็น
เดี๋ยวก่อน อย่าตัดสินว่าฉันบ้า
ก่อนที่จะมาเจอเธอ ฉันเรียนรู้กับความรู้สึกแบบนี้มามาก
มากพอที่จะไม่ขุดหลุมฝังตัวเอง
เพราะฉะนั้น ฉันมีสติกับสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมากพอ
และอยากให้รู้ไว้ว่า To me you're perfect.

แต่..ฉันตอบเธอไม่ได้หรอกว่า ทำไม? หรือจะรู้สึกแบบนี้อีกนานแค่ไหน?
เอาเป็นว่า ตั้งแต่วันแรกที่ฉันอยากรู้จักเธอ ฉันเคยรู้สึกยังไง วันนี้ฉันก็ยังรู้สึกแบบนั้น

แล้วที่ฉันไม่ยอมบอกเธอว่าฉันรู้สึกอะไรอยู่
คำตอบก็เหมือนคืนนั้น คืนที่เธอถามฉันไง
ฉันกลัวว่าถ้าเธอรู้ เธอจะเปลี่ยนไป
ซึ่งฉันดีใจจริงๆ ที่คนที่ฉันรักไม่ได้เป็นผู้หญิงใจแคบ
และหาประโยชน์จากคนที่มาหลงรักตัวเองแบบที่ฉันเคยเจอ

เธอไม่เคยเปลี่ยนไปแม้สักวัน ทั้งๆที่เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
เอาจากใจจริงไหม ฉันเองก็ไม่เคยทำใจได้เสียที
ที่จะให้เราเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างสถานะที่เธอให้มา
แล้วที่ฉันบอกว่า ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะมันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม
สิ่งที่ฉันทบทวนกับตัวเอง ทำให้ฉันบอกเธอว่า เราจะเป็นเพื่อนกันได้
เพื่อนที่รักกันมากมาย

แต่สุดท้าย คนเราน่ะพอรักเกินเพื่อนไปแล้ว มันก็ต้องเป็นแบบนั้น
อย่างน้อยก็สักพักหนึ่ง..แต่หากไม่แค่สักพักหนึ่งมันจะกลายเป็นอีกนานแค่ไหนก็ยังตอบไม่ได้

เธอไม่ต้องกังวล หรือมาสนใจนะ
เพราะฉันไม่เสียใจ ไม่ฟูมฟาย ฉันรู้ว่า ใช่ก็คือใช่ และไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
และฉันก็ไม่เคยห้ามความรู้สึกตัวเองสักวัน..เพราะมันคงไม่ฟัง
แต่ฉันจะไม่ทำอะไรที่ล้ำเส้นแล้วทำให้เธออึดอัดแน่นอน

อนาคตก็อีกเรื่องหนึ่งอย่างที่เธอว่า
และฉันเองก็ไม่เคยมองไปไกลขนาดนั้น
เพราะแค่การที่เรารู้สึกดีกับใครสักคนแล้วเขาหรือเธอคนนั้นไม่รังเกียจ
ถือเป็นความมหัศจรรย์ชนิดหนึ่งแล้ว
แต่มันจะมหัศจรรย์มากขึ้นไปอีก ..เมื่อคนสองคนรู้สึกเหมือนกัน..

อยากรู้เหมือนกัน มันจะเป็นยังไงนะ

แล้วก็อย่าถาม ว่าทำไมถึงยังหวังกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ก็ฉันยังหายใจอยู่นี่นา คนที่หมดหวังน่ะ คือคนที่ตายแล้วเท่านั้นแหละ
ฉันมีหวังกับทุกๆเรื่องในชีวิต ไม่เฉพาะแต่กับเรื่องนี้หรอก

อีกอย่าง การรับไมตรีที่เธอมีให้ฉันในฐานะเพื่อนนั้น
ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันคงไม่หายไปไหน
ถึงจะไม่ชอบเธอแบบวันนี้แล้ว ความเป็นเพื่อนก็น่าจะยังอยู่

สิ่งที่เธอแตกต่างจากคนอื่นคือ..เธอมี ใจดีดี
เธอไม่ใช่ประเภทที่ตัดความสัมพันธ์แบบปิดประตูไล่
แต่เธอกลับยืนเป็นเพื่อนฉันอยู่ที่หน้าประตู
คอยดูแลฉันในวันที่ฉันยังเดินหันหลังกลับไม่ไหวต่างหาก

สุดท้าย ฉันคงไม่เดินไปบอกเธอว่า "ฉันรักแกว่ะ" เหมือนในหนัง
เพราะฉันไม่ใช่ไข่ย้อย แล้วก็คงไม่หนีเตลิดไปเกาะพงันด้วย

แต่ฉันจะบอกเธอว่า "ฉันรักแกว่ะ" ที่ไหนสักที่ ที่มีดาวสวยๆ
แล้วมาร้องเพลงต้องโทษดาวของพี่เบิร์ดด้วย ดีไหม??

ไม่หรอก เพราะตอนนี้ฉันไม่ชอบระบบการจำกัดความให้สถานะความสัมพันธ์เท่าไหร่ ว่าใครคบกับใครแบบไหน ในสถานะอะไร
เพราะตอนนี้มันไม่จำเป็น ไม่จำเป็นเพราะว่า คนสองคนที่คบกันอาจไม่ต้องจบลงด้วยคำว่า คนรัก

แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะรักกันไม่ได้ ไม่ใช่หรอ
ไม่ว่าในสถานะอะไรก็ตาม

ทีนี้ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวลา ดูว่าข้อความทั้งหมดนี้ มันจะมีค่าต่อจิตใจไปอีกนานแค่ไหน หรือบางที ถ้าย้อนกลับไปแบบในหนัง มันอาจจะหมดความหมายลงเมื่อไข่ย้อยย้อนมาที่เกาะพงันเพื่อเอาหนังสือคืนนุ้ยก็ได้นะ

จะอะไรก็ช่างมันเหอะ
ถึงตอนจบของข้อความแล้ว
ขอเลียนแบบไข่ย้อยหน่อยได้ไหม
ว่า "ส่วนที่ดีที่สุดของการเขียนจดหมาย ไม่ได้อยู่ที่ตอนมานั่งนึกว่าเค้าจะอ่านจดหมายของเราหรือเปล่า แต่เป็นตอนที่เราคิดจะเขียนถึงเค้าซะมากกว่า แต่ยังไงก็แล้วแต่ ดากานดา.. ฉันนึกดีใจที่สุดท้ายสิ่งที่เหมือนจะอยู่ได้นานและไม่มีวันเลิกกันได้ง่ายๆ ก็คือการได้เป็นเพื่อนกับแก.."

ส่วนเธอ ถึงเธอจะไม่ได้ชื่อดากานดา
แต่ว่าวันนี้เธอก็กลายเป็นนักแสดงจำเป็นในบทนี้โดยไม่ได้ตั้งใจแล้วล่ะ

ว่าแต่ฉันจะจบยังไงนะ ไม่ให้มันเชยและเศร้า
รักและคิดถึงดีไหม??

รักและคิดถึงเสมอ


ขอบคุณ ภาพยนตร์เรื่องเพื่อนสนิท(GTH) และเพื่อนสนิทของฉัน




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2552    
Last Update : 27 ตุลาคม 2552 21:15:11 น.
Counter : 769 Pageviews.  

ใจเร็ว

ใจเร็วไปไหม ที่ลบบล็อกไม่ว่าเธอจะรักฉันหรือไม่ทิ้ง ??

ใจเร็วมาก..

ก็แค่มันรู้สึกกลวงๆน่ะ หลังจากผู้หญิงคนนั้นรู้แล้วว่าเรารู้สึกยังไงด้วย
แล้วไอ้ที่เคยคิดว่า ไม่ว่าเธอจะรักฉันหรือไม่ ฉันก็จะรักเธอต่อไป มันอาจจะไม่เป็นจริง

เลยใจเร็ว ลบมันทิ้งไป (แมร่ง) เลย

นั่นเพราะว่า แผลมันสดต่างหาก ยาดีอันไหนทำให้หายเจ็บก็จะขุดเอามาใช้

แต่สุดท้าย จะรักษาอะไร มันก็ต้องใช้เวลา

ตอนนี้ แผลนั้นชาๆแล้ว เลยเสียดายว่า น่าจะให้คนนั้นได้เข้ามาอ่านเสียก่อน
แต่ช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้กลับรู้สึกว่าอ่านหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ
เพราะมันเป็นความรู้สึกของเรา

เอาเป็นแค่ว่า
ถ้าต้องเดินจากสถานีนี้ไป
อยากให้รู้ไว้เลยว่า วิวข้างทางของสถานีนี้
สวยที่สุดเลยว่ะ




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2552    
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 12:46:23 น.
Counter : 356 Pageviews.  

a lot of ...

กลัวอะไรนักหนากับการเปลี่ยนแปลง?

ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
แต่ทุกครั้งที่ชีวิตต้องเจอกับมัน ก็ยังทำใจรับไม่ไหวสักครั้ง

ทุกครั้งที่เก็บของลงกระเป๋า แล้วคิดว่า จะได้มาใช้ชีวิตแบบนี้อีกไหม
มันทรมานมาก..
ไม่ใช่เฉพาะกับที่นี่หรอกนะ
แต่กับทุกที่ และกับทุกคนในชีวิต

มันเศร้าไม่นานหรอก..
จากที่ผ่านๆมาก็เป็นอย่างนั้น
แค่ไม่เข้าใจว่า ในเมื่ออีกไม่นานก็ทำใจได้
แต่หัวใจทำไมยังต้องรู้สึกอะไรนักหนา

รึว่า วันเวลาไม่ได้ทำให้หัวใจเราโตขึ้น แต่มันผลักเราให้เด็กลงเรื่อยๆ
เพราะไม่เคยจำได้เลยว่าตอนเด็กๆรู้สึกเสียใจอะไรกับความเปลี่ยนแปลง
กลับไปรู้สึกหยาบๆแบบนั้นบ้าง ก็ดี

วันนี้รื้อไปเจอโปสการ์ดใบนึง ซึ่งคนส่งมา ปัจจุบันนี้ก็อยู่แสนไกล
ความรู้สึกในโปสการ์ดวันนั้น กับวันนี้ ก็ไม่มีทางเป็นเหมือนเก่า
มันยิ่งตอกย้ำว่า สุดท้ายอะไรๆก็ต้องหมุนไปตามวันเวลา
แต่ทำไมเรายังเศร้าใจ ในเมื่อรู้ว่าสุดท้าย ก็คิดแทนอนาคตไม่ได้อยู่ดี

เพิ่งเข้าใจตอนจะอายุ 23 นะ ว่ายิ่งโต ชีวิตยิ่งละเอียดอ่อน
แล้วการที่เราละเอียดอ่อนกับมันมาก มันยิ่งทำให้เราใช้ชีวิตยากไปทุกย่างก้าว

แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆก็ได้รับเลือกให้เป็นสเปิร์มตัวที่แข็งแรงที่สุดของพ่อ
ที่มีโอกาสหลุดรอดออกมาใช้ชีวิตแล้ว

สู้กับมันอีกสักตั้ง และอีกหลายตั้งในอนาคต
คนอื่น เขายังหายใจกันได้บนโลกใบนี้
แล้วทำไมสเปิร์มที่รีบวิ่งปรู๊ดไปเจาะไข่ของแม่ตัวนี้
จะทำให้อีกหลายล้านตัวที่เร็วไม่ทัน ผิดหวังล่ะ
...
..
.
เสียใจ ก็หายใจเข้า
ดีใจ ก็หายใจออก
ชีวิตยังต้องหายใจเข้าออกอีกหลายร้อยล้านครั้ง
มันก็ต้องมีดีใจบ้าง เสียใจบ้าง เป็นธรรมดา

อยู่คนเดียวบ้าง อยู่กับเพื่อนบ้าง
ไม่มีใครบ้าง ตัวคนเดียวบ้าง
อยู่กับครอบครัวบ้าง
อะไรบ้างก็ว่ากันไป

เสียใจ ก็ปล่อยให้น้ำตาไหลบ้าง
ไม่ต้องทำเป็นว่าเข้มแข็งแต่ข้างในที่แท้แล้วอ่อนแอยิ่งกว่าคนร้องไห้บ่อยๆเสียอีก

ละเอียดอ่อนมั่ง หยาบมั่ง ก็ทำไป

คิดถึงแล้วไม่เหนื่อยก็คิด คิดถึงแล้วเหนื่อยก็กลับบ้าน

สุขอันไหน ก็ทำ....

ยิ้มให้ตัวเองซะ แล้วไปเก็บของต่อ !




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2552    
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 14:32:28 น.
Counter : 282 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

HowLentissimo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Traveler
Bakery Seeker
I'm Everywhere as my heart wanna be.
A friend who is far away is sometimes much nearer than one who is at hand. Is not the mountain far more awe-inspiring and more clearly visible to one passing through the valley than to those who inhabit the mountain? 'Kahlil Gibran'
One friend in a lifetime is much, two are many, three are hardly possible. Friendship needs a certain parallelism of life, a community of thought, a rivalry of aim. 'Henry B. Adams'
PIXEL1EVENT on Facebook
Friends' blogs
[Add HowLentissimo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.