Life without love is like a tree without blossoms or fruit. Kahlil Gibran
Group Blog
 
All blogs
 
ถ้ารักษาไม่หาย ก็ต้องเปลี่ยนวิธี

เคยดูหนังเรื่องเดียวกันซ้ำๆกันหลายรอบรึเปล่า
แล้วทุกครั้งที่ดู ยังรู้สึกสนุก อิ่ม กับมัน เหมือนครั้งแรกไหม
ลองสังเกตุดูนะ

สำหรับหนังสือ กับหนัง ส่วนใหญ่ เราขอซึมซาบมันแค่รอบเดียว
ที่ไม่ขอดูหลายรอบ เพราะเราเก็บรายละเอียดทุกบททุกตอนไว้ดีแล้ว
การฉายหนังซ้ำ จึงไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย

แต่มีบ้างกับหนังสือ ยิ่งหนังสือที่อ่านแล้วเหมือนถูกกระทำทางความรู้สึก
ยิ่งอ่านซ้ำ ยิ่งตอกย้ำ ยิ่งคิดตาม
ถึงจะจำทุกคำได้ แต่ก็เป็นการทำซ้ำที่มีความสนุก

เมื่อวันก่อน หยิบหนังเรื่อง The way home ชื่อภาษาไทยคือ
คุณยายผมดีที่สุดในโลก เข้าเครื่องเล่นวีซีดีเป็นรอบที่สาม
หรือรอบที่สามในรอบสามปีตั้งแต่ซื้อมา
สามรอบแล้ว น้ำตาก้อยังคงซึมเหมือนเดิม
ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นแค่หนัง ทั้งๆที่รู้ว่าตอนจบ มันสวยงามมาก
ทั้งๆที่รู้ว่าตัวละครแค่ทำหน้าที่ไปตามบทบาท
แต่ดูแล้ว เราก้อทั้งอิ่ม และอุ่น

หนังเล่าเรื่องด้วยตัวละครเพียงสองตัวหลักๆ
เดินเรื่องไปตามธรรมชาติอย่างฉากหลังของหนังกำหนด
เงียบเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะตัวละครหนึ่งในสองนั้นไม่สามารถพูดได้
เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงเด็กชายเอาแต่ใจ

สิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะบอกอย่างชัดเจน
นอกจากการดูแลคนใกล้ตัวแล้ว
ก็เห็นจะเป็นเรื่องการเอาชนะใจกัน
เด็กชายมีแต่ทำนิสัยเสีย เหมือนไม่มีใครสั่งสอน
คุณยายทั้งๆที่พูดไม่ได้สักคำ ทนรับกิริยาของหลาน
เพียงการพยักหน้า และให้อภัยในทุกๆวันที่ที่ทั้งสองหายใจในบ้านหลังเดียวกัน

การกระทำ มีค่ามากกว่าลมปากมากมายนัก
ฉากเด็กชายเปิดห่อเกมกดที่คุณยายใส่เงินเพื่อให้หลานไปซื้อถ่าน
ทำทั้งหลานและคนดูน้ำตาตก
ไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบาย แต่สัมผัสได้จากใจ

กว่าจะรู้ตัวได้ เกือบจะสายเกินไป คุณยายไม่ได้ตายหรอก
แต่เด็กชายต้องกลับบ้าน เขาต้องกลับไปยังที่ที่เขาจากมา
คนจากไป ไม่เศร้าเสียใจเท่าคนอยู่ ไม่รู้เพราะอะไร

แทนที่เราจะเข้าใจคนที่อยู่ใกล้ตัวเราให้มาก
ในวันเวลาที่ยังยินดีที่จะอยู่ด้วยกัน
ใครบางคนกลับไม่เลือกทำ แต่เลือกที่จะสนใจคนนั้นเป็นคนสุดท้าย
คนนะ ไม่ใช่ของตาย ถึงหัวใจจะเสพติดความเคยชินอยู่
แต่แน่นอนว่าไม่ตลอดไป ทำไมต้องรอให้ถึงเวลาที่
อะไรดีๆกำลังจะหลุดลอยไป แล้วถึงคิดได้ว่า
เราต้องเอื้อมมือคว้ามันไว้ ตอนนั้น มันก้อเกือบจะสายไปทุกที
มนุษย์นี่ แปลก...

บางครั้งเวลาที่เราทุกข์ เราเสียใจ เราสามารถระบายออกได้
และยอมรับด้วยความสัตย์ว่า ความทุกข์นั้นเบาบางลง
คนเรามักจะใช้วิธีแบ่งปันความทุกข์เก่าออก เพื่อรับทุกข์อันใหม่
นั่นสินะ เพราะรักษาแบบนี้สินะ ถึงยังไม่หาย

คุณยายในหนัง คงไม่มีความสุขหรอกเวลาที่หลานทำตัวไม่น่ารักแต่ก็พูดไม่ได้
ความทุกข์เก่าไม่หายไป น่าคิดว่า บางทีความทุกข์กองใหม่จึงไม่มีโอกาสเข้ามา

หรือชีวิตคน ควรจะลองเอาวิธีรักษาแบบคุณยายไปใช้ดู
เพราะการระบายออก ทำให้เราไม่เจ็บมากพอ
ถ้าอย่างนั้น ก้อสมควรเก็บความขมขื่นไว้ในใจ
เขาทำกับเราอย่างไร ก้อตอกย้ำมันไว้ทุกวัน

หักดิบกับคนที่มันไม่เข็ดไม่จำ น่าจะเป็นวิธีการเยียวยาที่ดีกว่า
การรักษาโดยละมุนละม่อม

และแม้เมื่อสลัดมันทิ้งได้เมื่อไหร่
ค่อยมาถามว่า สาแก่ใจรึยัง??
( 16 ม.ค. 2550 )


Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2551 14:17:04 น. 0 comments
Counter : 355 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

HowLentissimo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Traveler
Bakery Seeker
I'm Everywhere as my heart wanna be.
A friend who is far away is sometimes much nearer than one who is at hand. Is not the mountain far more awe-inspiring and more clearly visible to one passing through the valley than to those who inhabit the mountain? 'Kahlil Gibran'
One friend in a lifetime is much, two are many, three are hardly possible. Friendship needs a certain parallelism of life, a community of thought, a rivalry of aim. 'Henry B. Adams'
PIXEL1EVENT on Facebook
Friends' blogs
[Add HowLentissimo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.