|
เลือกดื่มอย่างไร ไม่ทำให้อ้วน
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ลดน้ำหนักไม่ได้ผลข้อหนึ่งคือ มองข้ามแคลอรีจากเครื่องดื่ม เวลาดื่มเครื่องดื่มเรามักไม่ค่อยคิดถึงแคลอรีกัน ทั้งๆ ที่เครื่องดื่มหลายชนิดมีแคลอรีแอบแฝงอยู่เป็นจำนวนมาก เครื่องดื่มที่มีแคลอรี ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มอื่นๆที่เติมน้ำตาล ครีม
หากคุณดื่มเครื่องดื่มพวกนี้เป็นประจำจะทำให้ลดน้ำหนักได้ยาก อาหารพลังงานว่างเปล่า เช่น น้ำตาล น้ำอัดลม เพราะน้ำตาลทุกๆ 1 ช้อนชา จะเพิ่มพลังงานส่วนเกินแก่ร่างกาย 16 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรตอันตรายเป็นอีกชื่อที่เราอาจได้ยินอยู่บ่อยๆ ได้แก่ น้ำตาล น้ำหวาน น้ำอัดลม อาหารแปรรูปที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมัน ระวังน้ำผลไม้ 100% แม้จะมีประโยชน์แต่ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ ดื่มมากก็อ้วนได้เช่นกัน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักสุขภาพและต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก หากต้องการเครื่องดื่มสักแก้วควรพิจารณาดังนี้
เลือกดื่ม -นมจืดพร่องมันเนย นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียมไม่เติมน้ำตาล เป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูง -น้ำเปล่า น้ำแร่ น้ำโซดา ชาไม่ใส่น้ำตาล เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี -เครื่องดื่มเกลือแร่ เหมาะสำหรับผู้ออกกำลังกายหนักๆที่สูญเสียเหงื่อมาก ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัวหรือผู้เป็นเบาหวานควรจำกัดปริมาณการดื่มต่อครั้ง เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอยู่
ผู้บริโภคที่ฉลาดทราบว่า -น้ำหวานมีแคลอรีประมาณ 130-120 แคลอรีต่อกระป๋อง แคลอรีทั้งหมดมาจากน้ำตาลทราย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ช้อนชา -น้ำชาเขียว ชาขาวที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมีแคลอรีประมาณ 120-200 แคลอรีต่อขวด (500 มล.) -เครื่องดื่มธัญพืช 1 กล่อง (200 มล.) มีแคลอรีประมาณ 90-110 แคลอรี หรือเท่ากับข้าวสวย 1 ทัพพี -กาแฟเย็น โอเลี้ยง ชาเย็น ชาดำเย็น มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงมาก มีแคลอรีประมาณ 120-300 แคลอรีต่อแก้ว ถ้าดื่มบ่อยๆจะทำให้ได้รับแคลอรีและน้ำตาลเกินได้ง่าย -นมเย็น ที่มีขายทั่วไปมีส่วนผสมของนมข้นหวานมากกว่านมจืด และไม่จัดว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูงเหมือนนม -นมเปรี้ยวพร้อมดื่มมักมีน้ำตาลสูง ถ้าดื่มควรเลือกแบบที่มีน้ำตาลน้อย มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบน้อยกว่า 3% ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค -กาแฟ ชา และเครื่องดื่มรสมอลต์แบบสำเร็จรูป 3 in 1 มักมีน้ำตาลสูง และมีส่วนผสมของครีมผงที่มีส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าวซึ่งมีไขมันอิ่มตัวสูง ควรเลือกนมผงหรือนมสดใส่ในเครื่องดื่มเหล่านี้แทน -แอลกอฮอล์ ทั้งไวน์ เบียร์ และเหล้าผสม มีแคลอรีสูง ถ้าเลือกดื่มไม่ควรเกิน 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย -น้ำผลไม้ปั่นเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ควรระวังเรื่องปริมาณ เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติสูง -น้ำผลไม้แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่ดี ให้วิตามินซีสูง แต่ขอให้เลือกน้ำผลไม้ 100% ปริมาณไม่เกินวันละ 120-240 มล. แต่คุณจะได้พลังงานส่วนเกินถ้าดื่มมากขึ้น และไม่ได้ใยอาหารและสารอาหารเหมือนกับการกินผลไม้สด สำหรับผู้เป็นเบาหวาน น้ำผลไม้ 120 มล. จะต้องแลกกับผลไม้สด 1 ส่วน ไม่ควรตุนน้ำผลไม้มากเกินไปเพราะจะมีโอกาสดื่มเพิ่มขึ้น -เราสามารถตรวจสอบน้ำตาลจากฉลากอาหารบนเครื่องดื่มได้ ปริมาณน้ำตาลที่ระบุเป็นปริมาณรวมระหว่างน้ำตาลธรรมชาติและน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่ม วิธีดูปริมาณน้ำตาลที่ดีที่สุดคือการอ่านส่วนประกอบในอาหารด้วย
เหตุผลที่เราบริโภคน้ำตาลเกินพิกัดเพราะน้ำตาลได้แปลงกายซ่อนอยู่ในรูปของน้ำเชื่อมชนิดต่างๆ น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ ฟรักโทส และกากน้ำตาล ล้วนแล้วแต่เป็นพลังงานว่างเปล่า ซึ่งให้แค่พลังงานอย่างเดียวโดยไม่มีวิตามิน แร่ธาตุ และกากใยอาหารเหมือนน้ำตาลธรรมชาติที่พบในผลไม้สดและนม แต่ขึ้นชื่อว่าน้ำตาลแล้วไม่มีชนิดไหนดีไปกว่ากันเพราะให้พลังงานใกล้เคียงกัน ยกเว้นน้ำตาลเทียม
ข้อมูลจาก : โลกวันนี้ ภาพประกอบ : //www.thaihealth.or.th
Create Date : 17 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 13 มิถุนายน 2552 4:03:41 น. |
Counter : 436 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
รับมือกับอากาศเปลี่ยนแปลง
อาการเหนื่อยเพลียเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงไม่ใช่โรค แต่คนจะรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายกำลังปรับตัวกับอากาศที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ ดร.ฟรัง เฟ็กเทเลอร์ แพทย์ชาวเยอรมัน จากเมืองเบอร์ลิน กล่าวว่า เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง ร่างกายเราต้องการเวลาในการปรับตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์ ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ไวกับอากาศเปลี่ยนแปลงก็คือ
1. เข้านอนเร็วขึ้น เพื่อจะได้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
2. ดื่มน้ำให้มาก เนื่องจากความดันโลหิตต่ำ จะทำให้ง่วงเพลีย และการขาดน้ำก็ทำให้มีอาการดังกล่าวเหมือนกัน
3. ออกกำลังกาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีที่สุด การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เช่น จ็อกกิ้ง เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือหากมีเวลาเมื่อตื่นนอนก็ควรยืดเส้นยืดสายบนเตียงนอนก่อนลุกขึ้นทำกิจธุระ
4. อาบน้ำเย็นสลับน้ำอุ่น หากจำเป็นต้องตื่นแต่เช้า งัวเงีย ไม่อยากขยับตัวเลย ลองอาบน้ำเย็นๆ ก่อน รับรองว่าจะตาสว่างทันที หรือราดน้ำเย็นที่แขนและขาเท่านั้นก็ได้นะ
5. กินอาหารย่อยง่าย ไม่ควรกินอาหารย่อยยาก เพราะมันจะเป็นภาระแก่ร่างกาย
ข้อควรรู้ : หากคุณมีปัญหาเลือดลม หรือนอนไม่หลับ ก็อาจเกิดจากตับทำงานหนักเกินไปก็ได้ เพราะไม่ใช่แค่แอลกอฮอล์ นิโคติน และยาเท่านั้นที่เป็นอันตรายต่อการเผาผลาญและศูนย์กำจัดพิษในร่างกาย (ตับ) แต่มันอาจเกิดจากการกินอาหารไขมันมาก อาหารทอด ขนมขบเคี้ยวที่มีแคลอรี่สูง กินอาหารที่ขาดวิตามิน และไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งในช่วงเวลา 02.00-03.00 น. เป็นช่วงที่ตับกำลังทำการขจัดพิษ เมื่อตับซึ่งเป็นศูนย์กำจัดพิษถูกทำลาย ก็จะส่งผลเสียต่อการเผาผลาญพลังงานในอวัยวะซึ่งจะทำให้เราต้องตื่นขึ้นมา
ที่มา Lisa
Create Date : 17 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 14 มิถุนายน 2552 22:38:28 น. |
Counter : 325 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เก็บหนังสือเก่าไม่ให้ขึ้นรา
หนอนหนังสือทั้งหลายโปรดฟังทางนี้ เพราะว่าวันนี้เรามีวิธีที่จะช่วยคุณเก็บหนังสือเก่าไม่ให้ขึ้นรามาฝากกันค่ะ ซึ่งสาเหตุของหนังสือขึ้นรานั้น มักจะเป็นสาเหตุต้นๆ ที่บรรดาหนอนหนังสือทั้งหลายหนักใจ เพราะเสียดายหนังสือ อุตส่าห์เก็บให้อยู่ในสภาพดี ยังต้องมาขึ้นราอีก
ส่วนหนังสือที่ขึ้นรานั้น ก็เพราะว่า กระดาษที่ใช้ในการทำหนังสือนั้น ถ้าเป็นในสมัยก่อน ก็จะใช้กระดาษที่มีความเป็นกรดสูง เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า อากาศและความชื้นจะทำปฏิกิริยาทางสารเคมี ทำให้กระดาษเปื่อยและขาดในที่สุด
ส่วนราที่เกิดขึ้นกับหนังสือเป็นจุดๆ เรียกว่าฟ็อกซิ่ง เป็นปฏิกิริยาทางเคมีเช่นกัน ระหว่างสารเหล็กไม่บริสุทธิ์ในกระดาษกับกรดที่ออกมาจากกระดาษ ซึ่งวิธีที่จะลบราบนกระดาษนั้นยากมาก ต้องใช้วิธีฟอกกระดาษ ซึ่งก็เสี่ยงมาก ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นกระดาษจะเสียหายได้ง่าย ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือต้องทำใจ
และเมื่รู้แล้วว่า ราเกิดขึ้นเพราะความชื้น ดังนั้น การป้องกันหนังสือจากความชื้น เราก็ต้องเก็บหนังสือไว้ในที่ทีทมีอุณหภูมิต่ำ ความชื้นต่ำ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านของแต่ละคนด้วยจ หรือจะเก็บไว้ในกล่องกันความชื้น หรือจะเป็นถุงกันความชื้นก็จะดี แล้วก้หมั่นเปลี่ยนกล่องและถุง
Create Date : 15 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 15:11:40 น. |
Counter : 359 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สูตรลดหน้าท้อง
ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ วันนี้เรามีสูตรเด็ดเคล็ดลับในการกำจัดเจ้าไขมันกวนใจมาบอกกันค่ะ
** เครื่องปรุง** 1. โยเกิร์ต ครึ่งถ้วย 2. นมสด 1 กล่อง 3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 4. มะนาว 1 ลูก
** วิธีทำ** นำเครื่องปรุงทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ
** วิธีการดื่ม** ต้องดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น
** สรรพคุณ** ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่จะปรับธาตุ ล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมัน กินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อยควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุกวัน
** โทษของไขมัน** ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้
1.ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
2.เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศรีษะ
3.ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
4.ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
5.ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
6.ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้
7.ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไป ด้วย
Create Date : 15 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 11 มิถุนายน 2552 13:26:09 น. |
Counter : 450 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ทริกดีๆ ซื้อของ SALE
กลยุทธ์ทางการตลาดในปัจจุบันนี้ มีส่วนทำให้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยต้องตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะการลด แลก แจก แถม ที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือล่อตาล่อใจให้ตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี และกลยุทธ์ดังกล่าวก็สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ต้องการซื้อของถูก ยิ่งมีของแถมหรือแจกฟรี รับรองว่ามีเท่าไหร่ก็หมดค่ะ...!!
เมื่อนักการตลาดค้นพบว่าจุดอ่อนของผู้บริโภคคืออะไร พวกเขาก็มักจะวางแผนที่จะโกยเงินจากกระเป๋าบรรดานักช็อปอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากการประกาศลดราคาของสินค้า แบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือแม้แต่สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป หากคุณไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี รับรองว่ามีเงินเท่าไหร่เป็นจ่ายหมด
หากคุณอดใจไม่ได้เมื่อเห็นว่าห้างร้านไหนติดป้ายประกาศลดราคาสินค้า ดิฉันขอแนะนำให้ชั่งใจก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โดยต้องคิดก่อนจ่ายเงินว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม ฉบับนี้มีแนวคิดในการตัดสินใจซื้อมาฝากให้บรรดาผู้ที่เห็นของถูกแล้วตาวาว จะได้รู้ตัวกันซักนิดว่าคุณถูกหลอกหรือว่าสินค้าราคาถูกจริงๆ
ชั่งใจ . . . ชั่งเงิน
ข้อแนะนำแรกดิฉันขอเตือนให้คุณใช้วิจารณญาณของตัวเอง เพื่อหาคำตอบว่าสินค้าที่ติดป้ายลดราคานั้นเขาลดราคาจริงหรือไม่? เพราะปัจจุบันนี้มีผู้ประกอบการหัวใสแต่มีจิตใจคดโกง หาทางระบายสินค้าด้วยการบอกว่าลดราคา แต่ความจริงแล้วราคาก็เท่าเดิม ได้กำไรเท่าเดิม เพียงแต่บวกราคาเพิ่มขึ้นแล้วติดป้ายบอกว่าลดราคา 50-70% หรือบางที่ก็บอกว่าลดทั้งร้าน
ที่ตั้งข้อสังเกตว่าลดราคาจริงหรือไม่นั้น เพราะดิฉันเคยพูดคุยกับผู้ที่ช่ำชองในการช็อปปิ้ง เขาบอกว่าก่อนที่สินค้าจะถูกติดป้ายลดราคา ก็เคยขายในราคาดังกล่าว หากใครไม่รู้ก็หลงเชื่อกลยุทธ์หลอกลวง อย่างไรก็ตามห้างร้านที่เขาลดราคาจริงๆ ก็มีเหมือนกัน โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีลูกค้าประจำ เขาไม่กล้าหลอกลวงอย่างแน่นอน
ถึงจะ SALE แต่ต้องดี
แต่ที่เห็นกันก็คือสินค้าที่นำมาลดราคาส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ขายไม่ออก ค้างสต็อก ล้าสมัย หรือตกรุ่น ฯลฯ ดังนั้นการเลือกซื้อคุณควรให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าด้วย โดยพิจารณาว่าดีหรือไม่ สมควรที่จะจ่ายเงินเพื่อสิ่งที่คุณเห็นว่าราคาถูกหรือไม่? ที่สำคัญนักช็อปทั้งหลายควรให้ความสำคัญในเรื่องประโยชน์ใช้สอยด้วยนะคะ เพราะมีหลายคนที่หลับหูหลับตาซื้อ เพราะเห็นว่าราคาถูก จึงซื้อมาเก็บสะสมไว้เป็นกองๆ ที่บ้านโดยไม่ได้ใช้งานเลย อย่างนี้เขาเรียกว่าซื้อราคาถูกแต่ไม่คุ้มค่าค่ะ
อย่างไรก็ตาม มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ต้องการรอให้สินค้านั้นๆ ลดราคาจึงจะตัดสินใจซื้อ เนื่องจากตอนที่ออกมาขายใหม่ๆ นั้นราคาแพงเหลือเกิน ต้องรอให้ลด 50-70% ก่อนจึงจะสามารถซื้อได้ แต่หลายคนก็มองว่าการซื้อของลดราคานั้นทำให้ขาดความภาคภูมิใจในตัวสินค้าที่จะมาครอบครอง จึงไม่นิยมซื้อสินค้าลดราคา ในเรื่องนี้ดิฉันคิดว่านานาจิตตังนะคะ ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน
ลดราคา . . . ประหยัดจริงอ่ะ!
จุดสำคัญของการซื้อสินค้าลดราคานั้น สำหรับคนทั่วไปมักจะมองเรื่องความประหยัด จึงมีคุณแม่บ้านหลายคนที่นิยมซื้อของลดราคาแบบเอาเป็นเอาตาย บางคนก็ซื้อตุนไว้เพื่อใช้ได้ในวันข้างหน้า โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น น้ำตาล น้ำปลา ข้าวสาร ฯลฯ แม้ว่าจะลดราคาเพียงไม่กี่บาท แต่พวกเธอก็เห็นว่าคุ้มค่าหากตัดสินใจซื้อ เพราะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยประหยัดเงินให้กับครอบครัว
ส่วนการเลือกซื้อสินค้าลดราคาสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่มนั้น อาจไม่มีความสำคัญมากนัก เพราะคนกลุ่มนี้เขารู้ดีว่าสินค้านั้นมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน จะลดราคาหรือไม่ก็ต้องซื้ออยู่ดี กลยุทธ์ในการหั่นราคาจึงใช้ไม่ได้ผลกับเขาและเธอเหล่านั้น แต่ถ้าวันหนึ่งสินค้าที่คนกลุ่มนี้ถูกอกถูกใจติดป้ายลดราคา ดิฉันเชื่อว่าการตัดสินใจซื้อย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ใครก็ตามที่เห็นว่าสินค้าราคาถูกจึงต้องซื้อ ดิฉันมีข้อเตือนใจให้คิดกันเล่นๆ ว่า ของถูกที่ดีๆ ไม่มีในโลก ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าที่ไหนจะมาขายในราคาต่ำกว่าทุนที่ติดป้ายประกาศไว้ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคุณควรเลือกว่าถ้าราคาถูก แต่คุณภาพไม่อยู่ในมาตรฐานที่เคยกินเคยใช้กัน ก็อย่าซื้อเลยเพราะคงไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรอก
คุณคงเคยเห็นแผนกอาหารสำเร็จรูปในห้างสรรพสินค้าทั่วไป มักจะลดราคาสินค้าในช่วงระหว่าง 3-4 ทุ่ม หรือเวลาที่ห้างใกล้จะปิด สินค้าเหล่านี้มีทั้งที่น่าซื้อและไม่น่าซื้อ แต่ก่อนที่จะซื้อกันขอแนะนำให้คิดให้รอบคอบนะคะ ต้องดูให้แน่ใจว่ามันหมดอายุหรือยัง เพราะบางอย่างที่คุณคิดว่าซื้อมาแล้วจะสามารถเก็บไว้ได้นาน แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังไว้
แม้แต่เสื้อผ้ายี่ห้อดังที่มักประกาศลดราคาในช่วงปลายปี หรือเทศกาลสำคัญ ๆ ที่จะสามารถกอบโกยเงินจากกระเป๋าบรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ได้ หากคุณสังเกตให้ดีก็จะพบว่าสินค้าเหล่านั้นบางครั้งก็มีตำหนิ แต่คุณอาจมองไม่เห็น หรือแม้แต่เสื้อบางตัวคุณอาจเคยเห็นเขาโชว์เพื่อขายเมื่อหลายปีแล้ว หากใส่ไปแล้วแทนที่จะเท่แต่กลับถูกเพื่อนแซวว่าแต่งตัวเชย หากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครคงไม่คุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายอย่างแน่นอน
หากคุณไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อกลยุทธ์การขายสินค้า ดิฉันขอเตือนว่าคุณอย่าเป็นคนหูเบาและเชื่อใครต่อใครง่ายๆ นะคะ เพราะบางครั้งคำพูดบางคำจากภาพยนตร์โฆษณาที่บอกว่าถ้าตัดสินใจซื้อภายในวันนี้จะได้รับส่วนลดจากที่ประกาศขายอยู่ หากคุณคิดเป็นก็ต้องทราบว่าจะมีใครในโลกนี้ยอมจ่ายค่าโฆษณาในราคาแพงๆ เพื่อมาขายของราคาถูกให้กับคุณกันค่ะ
การซื้อสินค้าที่ลดราคาทุกครั้งในฐานะที่คุณเป็นผู้บริโภคจะต้องได้รับความเป็นธรรมใช่หรือไม่ ดังนั้นทุกๆ คนจะต้องไตร่ตรองให้รอบคอบว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม? ถูกจริงๆ หรือแหกตา อย่าลืมนะคะว่าทุกวันนี้เงินทองนั้นหายาก ทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปต้องคุ้มค่าและคุ้มราคาค่ะ
ที่มาจาก momypedia.com
Create Date : 13 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 14:03:21 น. |
Counter : 336 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|