Life and work of 'Cerulean Blue'...







ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานมากๆ จนใครๆอาจจะคิดว่าฉันเลิกเขียนไปแล้ว จริงๆก็เขียนอยู่นะ แต่เป็นในเวอร์ชั่นของเฟซบุคแทน ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอัพโหลดง่ายดีและประหยัดเวลา ^^ (แต่ว่ารูปในเฟซบุคออกมาไม่สวยและแจ่มเท่ากับของบล็อก อันนี้ต้องทำใจไว้เลย)

หลังๆมานี้กลายเป็นว่าเวลาของหายากไปซะแล้ว อยู่มาอายุจนปูนนี้ ถ้าไม่นับตอนช่วงที่ยังเรียนหนังสือที่เป็นธรรมดาที่ต้องมีการบ้าน ต้องอ่านหนังสือบ้าง แต่หลังเรียนจบก็ใช้ชีวิตชิลมากๆ ชิลๆมาสิบกว่าปี และไม่เคยคิดจริงๆว่าตัวเองจะหันเหชีวิตกลับมาสู่วงจร 'ยุ่ง' เหมือนคนอื่นเค้า... จาก slow life อยู่ดีๆ ตอนนี้แบบว่า the faster the better >_< คิดถูกหรือผิดไม่รู้ แต่ว่าพยายามมองว่าโอกาสดีๆมันคงไม่ได้เข้ามาหาบ่อยๆแบบนี้ ใครๆก็คอยบอก คอยย้ำกับฉันว่า มันเป็นช่วงที่ "น้ำขึ้นให้รีบตัก" นะ










ว่าแต่ช่วงที่หายไป หายไปไหน ทำอะไรบ้าง... คำตอบคือ หายไปทำ"หลายอย่าง" หลักๆเลยก็คือการหันไปทำธุรกิจขายของแต่งบ้าน เพื่อนๆคิดดู เลื่อยไม้ ตอกตะปู ทาสีบ้านอยู่ดีๆ ตอนนี้อ้อม cerulean blue กลายเป็นนักธุรกิจไปแล้ววววว *_* สวนกระแสเค้าจริงๆทั้งๆที่ยุโรปช่วงนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี จริงๆก็แทบไม่เชื่อตัวเอง แต่มันจับพลัดจับผลูไปแล้ว ก็ทำต่อไป แรกๆก็คิดว่าจะทำสนุกๆหาค่าขนมมาแต่งบ้านตามประสา แต่ไปๆมาๆผลตอบรับดีมากจนตั้งตัวไม่ติด แอบงงๆกับตัวเองอยู่เป็นพักๆ อารมณ์คงเหมือนนาวสาวไทยได้มงกุฏล่ะมั้ง เอิ๊กๆๆๆ.... แต่ก็ค่อยๆเรียนรู้ ปรับตัว ถูๆไถๆไป ตอนนี้บริษัทก็จดทะเบียนเป็นของตัวเองถูกต้องตามกฏหมายประเทศฮอลแลนด์เรียบร้อย จะว่าภูมิใจก็ภูมิใจเพราะมันเหมือนเป็นสิ่งที่สร้างมากับมือ แต่ก็ยังไม่ค่อยชินกับชีวิตทีเ่ปลี่ยนไปอยู่ดี การมีธุรกิจจะว่าไปเหมือนดาบสองคม คือคนดีๆเข้ามาหาเยอะ แต่ในขณะเดียวกันคนไม่ดีคอยฉวยโอกาสก็มีเยอะเช่นกัน สรุปคือทำมาครึ่งปี ได้บทเรียนชีวิตเยอะมากๆ










นอกจากทำธุรกิจแล้ว ก็ยังแว้บไปเขียนคอลัมน์ DIY ให้นิตยสารชื่อดังเล่มหนึ่ง... หนังสือเค้าวางแผงไปแล้วตั้งหลายเดือน แต่พึ่งมีโอกาสได้มาพูดถึงผลงานของตัวเองที่นี่ ฮี่ๆๆ ไว้โอกาสหน้าค่อยมาคุยละเอียดถึงเรื่องงานเขียนละกันเนอะ ตอนนี้เวลาว่างไม่ค่อยมี เลยไม่รู้จะได้มีโอกาสกลับไปเขียนอีกมั้ย คงต้องดูกันต่อไป ^^ ธุรกิจก็ทำ แว้บไปเขียนหนังสืออีก แต่ก็ไม่ทิ้งงาน DIY น้าาา จริงๆก็ยังทำนั่นนี่ประจำสม่ำเสมอ เพื่อนๆที่ไปปักหลักอยู่กับฉันที่เฟซบุคด้วยก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าฉันมันเป็นสาวบ้าพลัง ^^













จริงๆวันนี้ที่โผล่มาที่นี่เพราะอยู่ๆก็แอบคิดถึงบล็อก เมื่อกี้ลองไปเปิดอ่านบล็อกเก่าๆของตัวเองตั้งแต่ช่วงแรกๆมาจนถึงช่วงหลังๆที่คนเริ่มรู้จัก อืมมม... ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำและสั่งสมมาหลายปีมันจะนำตัวเองไปสู่อะไรที่ยิ่งใหญ่ได้นะเนี่ย แต่ถึงช่วงนี้จะยุ่งและมีภารกิจต่างๆมากมาย ฉันก็ยังเป็นฉันคนเดิมอยู่ดี สิ่งแวดล้อมหรือผู้คนเปลี่ยนฉันไม่ได้จริงๆ อันนี้คือความจริงอย่างนึงที่คนใกล้ตัวจะรู้ดี จะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม หรือจะอยู่กับใครก็ตาม ฉันก็ยังเป็นฉันอยู่ดี



ตั้งแต่มีกิจการเอง ไม่มีวันไหนที่ไม่ยุ่ง แต่ยังไงถ้าปลีกเวลาได้ ฉันก็ไม่ทิ้งเลื่อย ไม่ทิ้งแปรงทาสี ขอให้ได้ทำอะไรวันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี อย่างตู้โชว์ใหญ่ที่เห็นในรูปข้างบนที่ฉันไปได้มาถูกๆจากร้านของเก่า ได้มาก็เอามาปรับโฉมใหม่ ทาสีไปวันละนิดละหน่อย ไม่นานก็เสร็จทั้งตู้ ความสุขมันอยู่ตรงนี้ล่ะ ตอนเห็นผลงานเสร็จออกมาอย่างที่ตั้งใจ...

หลายวันก่อนตอนที่ฉันเอารูปเซ็ตนี้ลงเฟซบุค มีคนสงสัยและถามกันมามากเรื่องการทาสี ว่าใช้สีอะไร? ทาแบบไหน? ถึงออกมาได้หน้าตาแบบนี้ ขั้นตอนการทาสีฉันเคยพูดถึงบ่อยๆแล้วในบล็อก แต่ขอมาสรุปในนี้อีกทีว่าข้าวของทุกอย่างภายในบ้าน ฉันจะใช้สีอะคลีลิคทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ว่ามันทาง่าย ไม่เหม็น และแห้งไว สีชนิดนี้หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง และเป็นสีอะคลีลิคคนละชนิดกับที่นำมาทำงานศิลปะน่ะ อ้อ..และนอกจากนั้นเค้าก็แบ่งประเภทความมันวาวอีก คือจะเอาแบบวาวมากหรือวาวน้อย อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ส่วนมากฉันเลือกแบบวาวน้อย คือฉันจะชอบที่มันออกด้านๆมากกว่าเงาๆน่ะ

ก่อนจะลงมือทาสีก็ต้องเตรียมพื้นผิวไม้ก่อนด้วยกันขัดกระดาษทราย และเช็ดด้วยแอมโมเนียหรือน้ำสบู่ก็ได้ จากนั้นถึงค่อยลงมือทาสีรองพื้น สีรองพื้นเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า primer ซึ่งจะมีเนื้อสีขาวออกแป้งๆหน่อย และถามว่าทารองพื้นเพื่ออะไร คำตอบก็คือเพื่อให้สีจริงเกาะกับตัวไม้ได้ดีขึ้น primer มีสองแบบคือ แบบที่ใช้กับสีอะคลีลิค และแบบที่ใช้กับสีน้ำมัน เพื่อนๆต้องอ่านข้างกระป๋องให้ดี อย่าเลือกผิดนะจ้ะ ^^

เมื่อรองพื้นแห้ง ก็ขัดด้วยกระดาษทรายอย่างรวดเร็วอีกรอบ ขัดพอเป็นพิธี ไม่ต้องมากนะจ้ะ เสร็จแล้วถึงลงมือทาสีจริงๆล่ะคราวนี้ โดยปกติฉันจะทาสีอย่างน้อยสองรอบน่ะ มันจะได้ออกมาเนียนสวยเท่ากันดี แค่นี้ก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย (หมายเหตุ : ตู้โชว์ใบนี้ฉันอยากให้ออกมาสไตล์ shabby นิดๆ ขั้นตอนสุดท้ายเลยมีการขัดกระดาษทรายให้ถลอกตรงนั้นตรงนี้นิดหน่อย ^^)












ส่วนตู้เตี้ยๆรูปหัวใจ(หัวใจอีกแล้ว)ข้างตู้เย็น อันนี้ยิ่งภูมิใจใหญ่ เพราะทำตั้งแต่ออกแบบตู้เอง ลงมือเลื่อยไม้เอง จนกระทั่งประกอบออกมาเป็นตู้เอง!!! เห็นตัวแค่นี้ แต่ฉันแรงเยอะนะจะบอกให้ หุหุ... คอนเซ็ปท์ตู้ก็ง่ายๆคือ...Simple but nice ^^ หมายถึงนึกภาพในหัวแล้วก็ทำออกมาเลย ไม้ก็เอามาจากไม้เก่าที่ขนมาจากบ้านหลังเก่า จากไม้แผ่นๆตอนนี้มันกลายร่างมาเป็นตู้สีขาววินเทจน่ารักๆชิ้นนี้ไปแล้ว อิอิ... (แต่แพทริคแอบแซวว่ามันเบี้ยว -_-')










ไปดีกว่า รูปเยอะเลย หวังว่าจะทำให้เพื่อนๆที่รออ่านหายคิดถึงกันไปบ้าง และจะยังไม่ลืมฉันนะจ้ะ... บายๆ ไว้คุยกันใหม่โอกาสหน้าจ้าาา







 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 11 พฤษภาคม 2555 11:41:48 น.
Counter : 4019 Pageviews.  

Window seat project #2... มุมริมหน้าต่างเสร็จแล้ว + งานเล็กๆของช่างไม้มือสมัครเล่น ^_^


...My homemade window seat...




เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ผ่านไปยังงงๆ เวลาผ่านไปไวมาก ตัวเองก็ยุ่งมากจนแทบจะทำอะไรไม่ทัน ที่ประเทศฮอลแลนด์ร้านรวงต่างๆช่วงเทศกาลจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงปลายๆพฤศจิกายน ไปจนถึงอาทิตย์แรกหลังปีใหม่ คนที่ทำงานร้านขายของขวัญและของแต่งบ้านอย่างฉันเลยเลยยุ่งๆตามไปด้วย

2-3 เดือนที่ผ่านมาฉันทำงานค่อนข้างเยอะ เลยไม่มีเวลามาทำอะไรกับบล็อกอย่างที่เห็น และปล่อยให้ร้างไปซะนานมากอีกแล้ว ส่วนโปรเจ็คงานดีไอวายทั้งหลายก็ไม่คืบหน้าเท่าไหร่ จนมาอาทิตย์นี้นี่เองที่งานเริ่มน้อยลง และได้อยู่บ้านมากขึ้น เลยมีเวลาทำงานที่คั่งค้างมานานให้เสร็จไปหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโปรเจ็ค window seat ที่ฉันเกริ่นๆไว้ในบล็อกก่อนหน้านี้

ตอนนี้ก็ทำเสร็จแล้วล่ะ สรุปคือไม่ได้รอแพทริค แต่ฉันลงมือทำเองทุกขั้นตอนหมดเลย ภูมิใจมากๆ คิดว่าถ้ามัวแต่รอสงสัยไม่ได้ลงมือซักที แม่บ้านบ้านนี้ใจร้อนนะจ้ะ อ้อ..และที่ว่าเสร็จหมายถึงเสร็จด้านหนึ่งน่ะ จริงๆเหลือทำให้หน้าต่างอีกด้าน แต่เอาไว้ก่อน อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปทำอย่างอื่นบ้าง อิอิ

และแ้ล้ว window seat ง่ายๆสไตล์ Cerulean Blue ก็ออกมาเช่นนี้แล...










หน้าตาอาจจะดูพิลึกพิลั่นกว่า window seat ที่เห็นทั่วไป และที่เป็นแบบนั้นเพราะจุดประสงค์หลักของโปรเจ็คนี้คือการทำที่ครอบฮีตเตอร์น่ะเอง ส่วน window seat คือผลพลอยได้มากกว่า ตอนนี้เอาเท่านี้ก่อน ไว้มีเวลาค่อยทำหมอนรองนั่งสวยๆ

ถ้าให้ประเมินผลเองก็ถือว่าอยู่ในขั้นที่น่าพอใจมากๆ (ลงมือทำเองนี่เนอะ ก็ต้องเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนอยู่แล้ว ) ออกมาได้อย่างที่จินตนาการไว้ ใครอยากรู้ว่าฉันลงมือทำยังไง ก็ดูขั้นตอนง่ายๆ 1, 2, 3, 4 ที่ฉันรวบรวมไว้ตามรูปข้างล่างนี้เลยจ้ะ







เริ่มตั้งแต่...
1. ขั้นตอนเลื่อยไม้ (ใช้ไม้จากแผ่นรั้วเก่าแบบเดียวกับที่ทำผนังห้องครัว) ตอนเลื่อย Workbench หรืออะไรไม่มีก็ได้ เลื่อยกับพื้นห้องครัวนี่แหละ ตอนแรกฉันใช้เลื่อยมือ แต่มันช้าและใช้เวลานานมากๆ งานออกมาไม่เรียบร้อยด้วย เลยไปขอยืมเลื่อยไฟฟ้าของพ่อมาใช้ โอวว....รู้แบบนี้น่าจะยืมมาตั้งนานแล้ว เพราะงานเสร็จไปไวมากๆ ตอนแรกๆก็เกร็งๆเพราะไม่เคยใช้มาก่อน ในใจแอบคิดว่าจะเผลอตัดนิ้วตัวเองเข้าให้มั้ยเนี่ย เลยลองมั่วๆเอา ลองตอนแพทริคไม่อยู่บ้านด้วย สมมติถ้าเกิดอะไรขึ้นคงมีคนมาช่วยไม่ทัน เหอๆๆ

แต่สุดท้ายก็ไม่ยากอย่างที่คิด และผ่านไปด้วยดี แป๊บเดียวก็คุ้นเคยกัน จนตอนนี้ถือว่าเป็นเพื่อนรักรู้ใจกันไปแล้ว หุหุ สำหรับผู้หญิงที่คิดจะใช้เลื่อยแบบนี้ (นอกจากตัวเองแล้วจะมีหญิงไหนพิเรณกว่านี้อีกมั้ย -_-') ฉันบอกไว้ก่อนว่าข้อมือจะต้องแข็งแรงมากๆ เพราะนอกจากจะต้องคอยบังคับทิศทางการเลื่อยให้ตรง หรือให้เป็นไปตามรูปทรงที่ต้องการแล้ว เครื่องนี้ยังแรงมากๆ สำหรับคนไม่แข็งแรง ฉันไม่แนะนำจริงๆ ไม่งั้นนิ้วอาจจะหายได้ อิอิ
หมายเหตุ : โทบี้ให้กำลังใจอยู่ข้างๆเสมอ แต่ตอนเลื่อยด้วยเลื่อยไฟฟ้านี้ต้องระมัดระวังหน่อย เพราะโทบี้อาจจะโดนลูกหลงได้

2. เลื่อยไม้เสร็จก็จัดการติดแผ่นไม้เข้าที่ผนังก่อนด้วยตะปู

3. ทำโครงที่ครอบ (ซึ่งจะกลายมาเป็นที่นั่งในภายหลังด้วย) เตรียมแผ่นไม้ให้พอดีกับโครง และอย่าลืมเว้นช่องว่างของไม้แต่ละแผ่นด้วยเพื่อความร้อนจะได้แผ่ออกมาได้ตอนเปิดฮีทเตอร์ จากนั้นเจาะรูปหัวใจบนไม้แต่ละแผ่น นอกจากเพื่อความสวยงามน่ารักแล้ว ยังช่วยเพิ่มช่องระบายความร้อนของฮีทเตอร์ตอนหน้าหนาวด้วย

4. ประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดเข้าด้วยกัน และออกมาดังรูป ตัวโครงใช้สกรูยึด ส่วนแผ่นไม้ฉันใช้ตะปู ลืมบอกไปว่านี่ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์แบบ build-in แต่เป็นที่ครอบที่ฉันออกแบบให้ยกออกมาได้ทั้งชิ้นด้วยหลังประกอบเข้าด้วยกันเสร็จแล้ว (ดูรูปประกอบ) ออกแบบให้เป็นแบบนี้เพราะเผื่อว่าอนาคตต้องซ่อมแซมแผงฮีทเตอร์ จะได้ยกเจ้าที่ครอบนี่ออกได้สะดวกเนอะ ไม่ต้องมานั่งแกะไม้ออกทีละแผ่นๆ เห็นมั้ย..ช่าง(อ้อม)คิดการณ์รอบคอบมาก หุหุ เสร็จแล้วขัดกระดาษทรายนิดหน่อย จากนั้นก็จัดการทาสี แค่นี้ก็เป็นอันว่าเสร็จ








หัวใจแต่ละดวงสวยมั้ยจ้ะ ฝึกฝนและทำไม้เสียไปตั้งหลายแผ่นแน่ะ กว่าจะคล่องมือและทำให้หัวใจออกมาสวยงามแบบนี้ ในรูปอาจจะดูแปลกๆ แต่ฉันว่าที่ครอบนี้ของจริงดูน่ารักกว่าในรูปเยอะเลย และไม่ยอมปิดรอยตะปูเก่าอีกตามเคย ของแท้บ้านนี้ต้องมีรอยตะปู อิอิ

.
.
.
.



โปรเจ็คนี้มีเศษไม้ที่เลื่อยเหลือค่อนข้างเยอะ อีกทั้งอุปกรณ์ก็พอมีพร้อมอยู่ เห็นแล้วความคิดก็แตกยอดออกไปอีก ฉันเลยเกิดไอเดียทำกล่องไม้เล็กๆด้วยล่ะ ถือเป็นการฝึกฝีมืองานไม้ไปในตัวด้วย (คิดว่าจะมาเอาดีทางนี้ด้วยนะ อีกทั้งผู้หญิงที่เป็นช่างไม้หายากด้วยเนอะ) ทำแป๊บๆก็เสร็จ เป็นงานเล็กๆที่ออกมาดูน่ารักกว่าที่คิดเยอะมาก ขั้นตอนการทำกล่องไม้ก็ง่ายๆ ฉันใช้รูปอธิบายเลยละกัน





เริ่มด้วยร่างไอเดียหน้าตาของกล่องคร่าวๆบนกระดาษ อุปกรณ์การทำก็หาจากรอบตัว อย่างก้นกระป๋องเครื่องเทศนี่ใช้วาดรอยหยักตรงขอบไม้










และงานนี้เลื่อยไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นพระเอกเหมือนเดิม จะให้ทำหยักกี่หยัก วงกลมกี่วง หัวใจกี่ดวง ทำได้หมด ไม่มีเลื่อยนี้ก็ทำงานนี้ให้ออกมาดั่งใจค่อนข้างยาก







ประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกันก่อนด้วยกาวไม้ จากนั้นก็ตอกตะปูซ้ำเพื่อความแข็งแรง และขัดงานด้วยกระดาษทรายให้ดูเรียบร้อยขึ้น







ทาสีลงไป ตรงส่วนแผ่นหลังฉันเลือกใช้สติคเกอร์สีแดงลายจุดแปะลงแทนที่จะทาสีทั้งหมด เพราะไม่อยากให้ดูขาวโอโม่เกินไป อีกทั้งห้องครัวก็สีขาวอยู่แล้ว ไม่งั้นจะขาวไปหมดเนอะ










ทำเสร็จสมบูรณ์แล้วก็ออกมาดังรูป น่ารักดีเนอะ ทำเองชมเอง ฮี่ๆๆ จะเอาไว้ใส่ของอะไรก็ได้ ตอนนี้ขอใส่หนังสือเล่มเล็กๆไปก่อน










ได้มุมพักผ่อนน่ารักๆไว้จิบกาแฟเพิ่มมาอีกมุมนึงในบ้านแล้ว


.
.
.






มาดูหน้าตาพระเอก "พ่อเลื่อย" ของเราชัดๆอีกครั้ง ไม่มีเค้าคนนี้ งานเราก็จ๋อยเลยน้าาา...

.
.
.
.







ช่างไม้(มือสมัครเล่น)ขอตัวลาไปก่อนจ้ะ ไว้มาดูกันอีกว่าคราวหน้าจะมีโปรเจ็คไม้ๆอะไรมาให้ชมกัน ขอบคุณทุกคนที่แวะมาทักทายน้าาาา [คำเตื่อน: อย่าควงเลื่อยไฟฟ้าใกล้ใบหน้าเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเสียโฉมได้เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แบบว่าพึ่งมาเห็นในรูป น่าหวาดเสียวมาก... >_< ]


....ไปจริงๆแล้วววว บ๊าย บาย....






 

Create Date : 16 มกราคม 2555    
Last Update : 16 มกราคม 2555 8:50:27 น.
Counter : 4731 Pageviews.  

Window seat project #1... มุมหนังสือเสร็จรอแล้ว เดี๋ยว window seat ตามมาทีหลัง ^_^






ฉันไม่ได้อัพบล็อกนานมากๆ นับดูจากบล็อกหลังสุดก็สองเดือนกว่า้เข้าไปแล้ว...

ว่าแต่หายไปไหนมา... ถ้าตอบแบบสั้นๆง่ายๆก็คือ "หายไปอยู่ในเฟซบุคมา"...
อินเทรนด์ตามคนอื่นที่ว่าพอไปสิงสถิตอยู่ในเฟซบุคแล้วก็ลืมบล็อกไปเลย...แบบนั้นใช่ป่าว?

อืมม..ก็ไม่ใช่ทั้งหมดนะ (ถามเองตอบเองก็ได้ด้วย)...

จริงๆที่เว้นช่วงเขียนบล็อกไปเพราะฉันตั้งใจจะพักชั่วคราวเพื่ออุทิศเวลาให้กับโปรเจ็ค(งาน)ในฝันของตัวเอง ตอนนี้ทำโปรเจ็คที่ว่าเสร็จแล้ว ส่งงานไปแล้ว แต่ผลออกมาจะสำเร็จหรือป่าวนั่นเป็นอีกเรื่องนึง (งาน 'เสร็จ' กับงาน 'สำเร็จ' มันคนละความหมายกันเนอะ เพื่อนๆอย่างงนะจ้ะ) ตอนแรกว่าจะรอให้รู้ผลก่อนแล้วถึงจะมาเขียนบล็อกต่อ แต่ไปๆมาๆรู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้ว ไม่อยากทิ้งบล็อกนานกว่านี้น่ะ เลยตัดสินใจมาเขียนอะไรเล่นๆรอไปพลางๆดีกว่า
















หายไปสองเดือน กลับมาอีกรอบ...เราก็ยังไม่ไปไหนอยู่ดี ยังป้วนเปี้ยนอยู่ในครัว ฮ่า ฮ่า...

อย่างว่าน่ะ บ้านหลังนี้มันมีอะไรยิบย่อยให้ทำเสมอ แล้วฉันเป็นคนแต่งบ้านที่แต่งตามอารมณ์(ที่ขึ้นๆลงๆ)ด้วย บางทีเห็นวุ่นๆกับห้องๆนึงอยู่ แต่อีกวันมาเกิดเปลี่ยนใจหันไปทำอย่างอื่นกับห้องอื่นสลับกันซะนี่ แล้วจากนั้นวันดีคืนดีก็กลับมาทำงานที่ค้างห้องเดิมต่ออีก วนเวียนไปแบบนี้...

มิน่าล่ะ บ้านมันถึงไม่เสร็จซะที เอิ๊กๆๆ แต่มองอีกแง่.. นี่คือข้อดีของการลงมือทำบ้านเอง คือเราจะทำอะไร เมื่อไหร่ ตอนไหนก็ได้ ไม่มีใครมาบังคับ แบบนี้มันเลยทำไปได้เรื่อยๆ ไม่เครียด ไม่กดดัน เหนื่อยหรือเบื่อก็พัก หายเหนื่อยแล้วก็ทำต่อ ง่ายๆแบบนี้เลย

ถ้าไม่นับงานเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ก็นับว่าบ้านชั้นล่างเสร็จเกิน 80% แล้ว ฉันเลยตั้งใจว่าจะเริ่มงานชั้นบนเสียที แรกเริ่มเลยคิดว่าจะทำห้องนอนของตัวเองก่อน แพลนไว้เสร็จสรรพว่าต้องทำอะไรบ้าง --- ตั้งแต่ลอกวอลเปเปอร์เก่าออก ติดวอลเปเปอร์ใหม่ ทาสีตู้ ทาสีผนังและเพดาน อาจจะเปลี่ยนพื้นถ้ามีตังค์ และทาสีขอบหน้าต่าง (อันนี้ต้องรอหมดหน้าหนาวก่อนเพราะทำงานแบบเปิดหน้าต่างไม่ได้ อากาศมันหนาวเกิน) วางแผนเสร็จเรียบร้อย กะว่าจะลงมือทันที แต่ไปๆมาๆ...วันก่อนกลับมานั่งทาสีห้องครัวแทน หุหุ...













อย่างที่พึ่งบอกไปว่าฉันแต่งบ้านตามอารมณ์จริงๆ ในขณะที่โปรเจ็คใหญ่รออยู่ เราก็มีโปรเจ็คเล็กๆทำคั่นเวลาเสมอ... แล้วเมื่อไหร่บ้านจะเสร็จไม่รู้ !?!



แต่สิ่งที่ทำในครัวตอนนี้ก็ถือเป็นโปรเจ็คที่น่าสนใจนะ โปรเจ็คที่ว่าคือการทำที่นั่งน่ารักๆริมหน้าต่าง หรือ window seat นั่นเอง วิธีการทำก็ง่ายๆ คือตอนนี้ฉันคิดว่าง่ายน่ะ แต่ลองทำจริงไม่รู้จะเจออุปสรรคอะไรหรือเปล่า ฉันใช้แผ่นไม้จากรั้วเก่าเหมือนเดิม(แบบเดียวกับที่ใช้ติดผนังครัว) แล้วมาตีครอบแผงฮีทเตอร์ใต้หน้าต่าง คือนอกจากจะครอบปิดบังความไม่สวยของฮีทเตอร์แล้วก็จะเป็นที่นั่งไปด้วย แล้วเว้นช่องไม้แต่ละแผ่นให้ความร้อนยังแผ่ออกมาได้

ตอนนี้ส่วนของที่นั่งยังทำไม่เสร็จ เพราะยังเลื่อยไม้ที่จะเอามาทำที่นั่งไม่เสร็จ แพทริคเองก็ยังไม่มีเวลาว่างมาช่วย ฉันเลยทาสีนู่นนี่รอๆไปก่อน วันนี้เลยเอางานทาสีมาให้ดูกันไปพลางๆช่วงที่รอ window seat เสร็จสมบูรณ์













มุมนี้ของครัวจริงๆน่าจะทำเสร็จตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงชอบผลัดวันมาเรื่อยๆ ฉันหมายถึงช่องเล็กๆระหว่างหน้าต่างสองบานนี้น่ะ ก่อนหน้านี้ช่องเล็กนี่มันเป็นสีแดงคล้ำถ้าเพื่อนๆยังจำกันได้ ซึ่งถ้าลงมือทำมันง่ายมากเลย แค่ทาสีทับไปเอง แต่สงสัยเพราะมันง่ายนี่แหละเลยชอบมองข้ามและชอบคิดว่าเอาไว้ก่อนๆ และเลือกทำส่วนอื่นของบ้านที่ยากๆก่อน

แต่ทุกครั้งเวลาถ่ายรูปห้องครัว มันก็จะชอบมาสะดุดตรงมุมนี้ทุกที เจ้าช่องสีแดงมันเด่นมากๆและไม่สวยเลย สุดท้ายเลยตัดสินใจขอจัดการกับมันเสียที ฉันเลือกใช้สีขาวอมเทาทา ออกมาแล้วถูกใจมาก พอสีแดงหายไปแล้ว มุมนี้ดูดีขึ้นเยอะเลย ค่อยอวดได้เต็มๆหน่อย







รูปข้างบนแสดงถึงพัฒนาการของมุมนี้ในรอบปีกว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้
1.ถ่ายตอนย้ายมาอยู่ใหม่ๆ ผนังครัวเจ้าของเดิมจะตีไม้อัดแล้วทาสีส้มอ่อนแบบที่เห็น แต่ฉันไม่ชอบไม้มันเลย
2.ตัดสินใจเอาแผ่นไม้จากรั้วเก่ามาติดทับ (ไม้ทับไม้ อิอิ) ไอเดียนี้เอามาจากร้านที่ทำงานน่ะ แต่ใช้เวลาทำนานหลายเดือนมากกว่าจะติดเสร็จทั่วทั้งห้อง!!
3.ทาสีขาวทับไปก็สวยขึ้น ยกเว้นช่องสีแดงที่ปล่อยทิ้งไว้ข้ามปีเลย
4.ช่องสีแดงหายไปแล้วววว เย้ๆๆ...

ดูรูปพัฒนาการของบ้านแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ก็รู้สึกชื่นใจแฮะ...
แต่เพื่อนๆพยายามมองข้ามแผงทำความร้อนสีครีมขี้เหร่ๆข้างใต้ไปก่อนนะ เดี๋ยวถ้า window seat เสร็จ เราก็ไม่ต้องเห็นมันแล้ว ตอนนี้ฉันแอบนึกภาพตอนเสร็จ คงจะออกมาน่ารักดีนะ หวังว่าจะทำเสร็จออกมาอย่างที่คิดไว้นะเนี่ย













ตรงใต้หน้าต่างบานนี้แหละที่ฉันจะทำเป็นที่นั่ง



หมดมุขคุยแล้วแฮะ รูปก็คล้ายๆกัน พอดีถ่ายมาเยอะแต่เลือกไม่ถูก เลยลงไปเยอะๆเลย เอาเป็นว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่า ...เรื่องแรกที่อัพในรอบสองเดือนที่พักบล็อก หวังว่าคงจะถูกใจกันนะจ้ะ

:: ขอคุยอีกนิด ::
ที่ผ่านมาถึงตัวเองจะไปหมกตัวอยู่ในเฟซบุคหรือทำอะไรอย่างอื่นมากมาย แต่สุดท้ายการเขียนบล็อกหรือการเขียนเรื่องแต่งบ้านก็เป็น passion ที่ตัวเองเลือกไว้เป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี ฉันคงไม่หยุดการเขียนเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองไปแล้ว การบันทึกหรือการเขียนบ่อยๆมันจะช่วยให้เราไม่ลืมตัวตนของตัวเราเอง ฉันเชื่อแบบนั้นนะ แล้วกับการเขียนเรื่องแต่งบ้านแบบนี้อีก มันยิ่งช่วยให้การทำงาน(ทำบ้าน)สำเร็จได้ง่ายขึ้นด้วยเพราะเหมือนเรามีเป้าหมายอยู่่ว่าเรากำลังทำอะไร ส่วนสิ่งที่ตามมาอย่างการได้เพื่อนดีๆ และกำลังใจจากผู้อ่านทั้งหลาย มันเหมือนโบนัสที่มีค่ามหาศาลที่ได้มาแบบไม่คาดคิดมาก่อนด้วย













เพื่อนๆที่ตามเข้าไปคุยกันในเฟซบุคคงรู้ความเป็นไปดีอยู่แล้ว ฉันว่าตัวเองคิดถูกจริงๆที่ตัดสินใจเปิด fb บรรยากาศในนั้นอบอุ่นไม่ต่างจากในบล็อกเลย ขอบคุณทุกคนที่มาเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้คงเห็นกันแล้วใช่ไหมว่าเบื้องหลังเจ้าของบล็อกนี้บ้าพลังมากมาย ฮ่าๆๆๆ.... ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่โดยไม่ถูกอะไรดูดพลังไปซะก่อน ก็คงจะมีเรื่องแต่งบ้านหรือทำนู่นนี่มาเขียนให้เพื่อนๆอ่านไปเรื่อยๆ...เนอะ ^^

ยังไงติดตามกันต่อไปนะจ้ะ...










 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 7:15:07 น.
Counter : 2164 Pageviews.  

My kitchen, my pride...








คราวก่อนพึ่งจะพาเพื่อนๆเข้าไปดูห้องเย็บผ้า(ที่ยังไม่เสร็จ) ตอนนี้ฉันพากลับมาที่ห้องครัวอีกแล้ว ไม่ยอมไปไหนไกลซะทีเนอะ มุมเดิมๆที่มีของเพิ่มมาเรื่อยๆ อีกทั้งเปลี่ยนหน้าตาไปเรื่อยๆอีกต่างหาก แต่เพราะว่าฉันสัญญาไว้แล้วว่าจะมาคุยเรื่องเก้าอี้สีลูกกวาดที่พึ่งเห็นแว้บๆตอนยืมมาใช้ที่ห้องเย็บผ้า คราวนี้เลยอยากพามาดูกันเต็มๆ จุใจพร้อมกับรูปที่มีเยอะมาก อาจจะโหลดนานหน่อยนะจ้ะ

ห้องครัวแห่งความภาคภูมิใจ.... จริงๆนะ
ใครเห็นอาจจะคิดว่าเจ้าของบ้านคงรักการทำอาหารมาก เลยแต่งห้องครัวไม่หยุด แต่จริงๆขอบอกว่าไม่ใช่เลย อิอิ... ฉันทำอาหารพอได้นะ แต่ส่วนมากทำเพราะจำเป็น เพื่อความอยู่รอดและเพื่อให้หายอยากมากกว่า passionการทำอาหารถือว่าเป็นศูนย์ แต่้เพราะห้องครัวถือเป็นหัวใจของบ้าน ใช้เป็นห้องทำงานก็ได้ ใช้รับแขกก็ได้ ใช้นั่งปล่อยอารมณ์สบายๆก็ได้ เลยเป็นธรรมดาที่ฉันจะใส่ใจห้องนี้เป็นพิเศษ










เคยเห็นภาพในอินเตอร์เน็ตบ่อยๆที่คนเค้าเอาผ้ามาทำม่านเล็กๆน่ารักๆขึงราวแบบง่ายๆใต้อ่างล้างจาน ซึ่งส่วนมากจะเป็นอ่างแบบเซรามิค (Belfast sink) ถึงเราไม่มีอ่างแบบเค้าแต่ก็อยากทำตามบ้าง ผ้าปักแบบ embroidery น่ารักๆพร้อมกับข้อความ Mijn keuken is mijn trots (My kitchen is my pride) ผืนนี้ซื้อมาจากร้านขายของเก่าแถวบ้าน ตอนแรกไม่ได้คิดจะซื้อนะเนี่ย แต่บังเอิญตอนไปลูบๆคลำๆเนื้อผ้าดูแล้วเผลอซุ่มซ่ามทำที่แขวนเค้าหล่นกระจัดกระจาย ตกใจแถมอายมากเลยแก้เขินและทำเนียนด้วยการตกลงซื้อผ้าผืนนี้ซะเลย เป็นเหตุผลเข้าท่ามั้ยเนี่ย แต่มันน่ารักดีเนอะ เข้ากับห้องครัวด้วย แถมมีช่องให้สอดราวไว้เรียบร้อยเสร็จสรรพด้วย


และที่บอกว่าภูมิใจ นั่นก็เพราะว่าตัวเองสามารถทำให้ห้องๆนึงที่ดูธรรมด๊าธรรมดา กลายเป็นห้องที่น่ารั๊กน่ารักอย่างที่เห็นตอนนี้ได้(มีภาพก่อนหน้านี้มาเปรียบเทียบให้ดูด้วย) โดยที่ไม่ต้องลงทุนมากมายและไม่ง้อ kitchen studio ราคาแพงด้วย ซึ่งจะว่าไปนี่ก็คือจุดประสงค์ของการเขียนบล้อกการแต่งบ้านมาตลอดสองสามปีของฉัน...

ฉันแค่อยากให้เห็นกันชัดๆผ่านงานของตัวเองเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเพื่อนๆสามารถมีบ้านที่สวยงามน่ารักได้จริงๆ แม้จะมีเงินในกระเป๋าไม่มากก็ตาม อีกอย่างการเปลี่ยนแปลงของเดิมเพียงเล็กๆน้อยๆ หรือการประยุกต์ของที่มีอยู่แล้วที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้าม บางทีก็ให้ผล(ดี)ที่ออกมาเกินคาดมากๆจริงๆ







ก่อนหน้านี้....



ตอนนี้...


โทบี้ขอเข้ากล้องด้วยยยย





:: โต๊ะกินข้าวใหม่และเก้าอี้สีลูกกวาด ::

ไม่แน่ใจว่าฉันเคยเล่าในบล้อกหรือยังว่าฉันตัดสินใจโละเซ็ตโต๊ะกินข้าวสีขาวตัวเดิมออกไป(ตอนนี้อยู่ในห้องเก็บของ)และหาโต๊ะชุดใหม่มาแทน จริงๆฉันรักโต๊ะตัวเก่าและเก้าอี้เซ็ตนั้นมาก แต่พอมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วรู้สึกว่าขนาดมันเทอะทะ ไม่เหมาะกับครัวเล็กๆของเราเท่าไหร่ เนื้อที่โต๊ะกินข้าว+เก้าอี้สี่ตัวนี่เลยครึ่งค่อนห้องไปแล้ว ฉันเลยพยายามหาโต๊ะเซ็ตใหม่ที่ถูกใจ และขนาดกระทัดรัดเหมาะกับห้องครัวของเรา ซึ่งใช้เวลาอยู่พักใหญ่ๆเลยล่ะ และเช่นเดิมไม่พ้นเว็บขายของมือสองอีกตามเคย
















หาไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็มาปิ๊งที่โต๊ะตัวนี้และเก้าอี้สี่ตัว ที่เห็นนี่ได้มาต่างเวลาและต่างสถานที่กัน โต๊ะนี้ได้มาฟรี เค้าประกาศให้ฟรีๆในเว็บ แล้วฉันจะปฏิเสธได้ยังไงเนอะ เลยติดต่อเค้าไป มันเหมือน win-win situation นะจะว่าไปแล้ว เค้าก็อยากกำจัดโต๊ะ ส่วนเราก็ชอบของฟรี ฮ่าฮ่า...มีแต่ได้กับได้ทั้งเค้าทั้งเรา โต๊ะทำจากไม้โอ๊คแบบสีคล้ำๆหน่อย ฉันก็ทาสีขาวทับไป ค่อยเข้ากับห้องหน่อยเนอะ และเห็นขนาดเล็กๆแบบนี้แต่จริงๆสามารถขยายให้กว้างขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวได้ด้วย สะดวกเลยเวลามีคนมากินข้าวด้วย

















ส่วนเก้าอี้สี่ตัวนี้ได้มาจากเว็บเดียวกัน ถ้าคิดเป็นเงินไทยราคาก็ไม่ถึงหนึ่งพันบาทเองมั้งสำหรับสี่ตัว แต่ฉันก็ต้องเอามาทำสีใหม่เองหมดนะ เพราะแต่เดิมมันเป็นสีไม้ธรรมดาๆ สีที่เลือกก็สดใสอย่างที่เห็น บ้านนี้เน้นโทนสดใสตามคาร์แร็คเตอร์เจ้าของบ้านน่ะ อิอิ...


ว่าแล้วก็แปะรูปช่างสีให้ดูด้วย ขนาดทาสีหน้าตายังรื่นเริงขนาดนี้ ดังนั้นคงไม่สงสัยกันแล้วใช่ไหมว่าทำไมบ้านถึงออกมาโทนนี้ หุหุ... แถมมีโทบี้ให้กำลังใจอยู่เคียงข้างเสมอด้วย อ้าววว...แล้วแพทริคไปไหน ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรเลยนะเนี่ย (แพทริคไปทำงาน ส่วนเวลาว่างก็ช่วยเป็นโซเฟอร์ขับรถพาช่างสีไปรับของ อิอิ) จริงๆฉันไม่ค่อยอยากให้แพทริคช่วยเท่าไหร่เพราะแพทริคทำไม่ได้ดั่งใจ เลยทำเองดีกว่า อ่านถึงตรงนี้เพื่อนๆคงเริ่มคิด...ตกลงบ้านนี้ใครเป็นผู้หญิง ใครเป็นผู้ชายกันแน่เนี่ย?? ฉันไม่ถือนะ คนเรามีความถนัดต่างกันนี่นา หยวนๆกันไป ขอแค่แพทริคเป็นคนขับรถให้เวลาต้องไปรับของ/ดูของก็พอแล้วเนอะ

คุยออกทะเลไปไหนแล้ว...กลับมาเรื่องงานต่อ
เวลาทำโปรเจ็คอะไรในบ้านฉันชอบถ่ายรูปขั้นตอน(พร้อมรูปตัวเองเป็นบางโอกาส)เก็บไว้ด้วย เวลาดูผลงานคนอ่านจะได้นึกภาพคนทำออกเนอะ อีกอย่างฉันอยากให้เห็นกันด้วยว่าการทำงานแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร แถมสนุกด้วยนะ คือถ้ามองว่ามันเป็นเรื่องสนุกเราก็จะทำไปได้อย่างสนุกๆเพลินๆ รูปเป็นเครื่องยืนยันได้ อิอิ...













ชุดทาสีก็ไม่ต้องอลังการอะไรมาก แค่ชุดอยู่บ้านธรรมดาๆแล้วใส่ผ้ากันเปื้อนแค่นั้นเอง ฉันนึกถึงตัวเองเมื่อซักสามสี่ปีก่อนตอนมีบ้านของตัวเองครั้งแรก ตอนนั้นเวลาจะทาสีทีแต่งตัวเต็มยศมากๆ ที่นี่มันจะมีชุดทาสีเฉพาะขาย เค้าเรียก painter coverall มั้ง คือคลุมหัวจดเท้า แถมใส่ถุงมือด้วยอีกต่างหาก ถ้ามี gas mask ด้วยก็พอดีเลย จะดูไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในเขตกักกันโรคระบาดหรือสารเคมีรั่วไหลเลยล่ะ ก๊ากกก...

ตอนนั้นคิด "ทำไมทาสีมันลำบากอย่างนี้(ฟะ)" แล้วทาไม่ทันเสร็จก็จะเบื่อและขี้เกียจไม่อยากทาต่อเลย จนต่อมาหลังจากบ้านทาสีเสร็จครึ่งๆกลางคาราคาซังเป็นปีเพราะช่างทาสีขี้เกียจ วันนึงมันก็เหมือนคิดได้เลยลุกขึ้นมาปฏิวัติการทาสีซะใหม่ หลังจากศึกษาอ่านพร้อมกับลงมือไปด้วยก็มาลงตัวที่การใช้สีอะคลีลิคแทนสีน้ำมันทั้งหมด แล้วสลัดชุดทาสีทิ้ง ฮิๆๆ เหลือแต่ชุดอยู่บ้านก็เพียงพอแล้ว ถุงมือก็ไม่ต้องสวมแล้ว เพราะทาๆไปถึงมือจะเปื้อนก็ล้างออกง่ายมากด้วยสบู่ธรรมดาๆ (ถ้าเป็นสีน้ำมันต้องล้างออกด้วย turpentine เหม็นๆน่ะ)

และตั้งแต่นั้นมา ~cerulean blue~ ก็กลายเป็นช่างทาสีเจ้าสำราญอย่างที่เห็น....















::...Keuken is kitchen!...::

ภาษาดัตช์เค้าล่ะคำๆนี้...
นี่เป็นโปรเจ็คเล็กๆที่ทำตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว แต่มันเป็นโปรเจ็คเล็กเกิน ฉันเลยไม่ได้เอามาลงบล้อก วันนี้เห็นว่าไหนๆก็พูดถึงห้องครัว เลยเอามาเขียนด้วยกันดีกว่า การเอาตัวอักษรมาแต่งบ้านนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันทำ นานมาแล้วฉันก็ทำภาพแต่งผนัง COZY จากตัวอักษรไม้นี้ด้วย วิธีการก็คล้ายกัน แค่ขัดกระดาษทราย แล้วติดด้วยกาวบนฐานไม้ จากนั้นก็ทาสีแค่นั้นเอง ออกมาแล้วน่ารักดี จะเอาไปใช้ประดับหน้าต่าง หรือวางบนชั้นเก๋ๆก็ได้แล้วแต่ชอบ












.
.
.
.
.




จบแล้วววว...วันนี้คุยเย๊อะเยอะ หวังว่าทุกคนจะเอนจอยกับเรื่องราวคราวนี้เหมือนเดิมนะจ้ะ ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ดีๆและกำลังใจที่ให้กันเสมอ ลากันด้วยโทบี้อีกซักรูป ไว้เจอกันใหม่บล้อกหน้าจ้าาาา...









 

Create Date : 11 กันยายน 2554    
Last Update : 15 มิถุนายน 2560 1:42:17 น.
Counter : 4705 Pageviews.  

'Cute curtains' and a quick peek into my sewing room...


My sewing room ^^...



ความคิดที่จะมีห้องเย็บผ้า/ห้องงานฝีมือของตัวเองเริ่มเกิดมาได้พักใหญ่ๆ หลังจากแพทริคเกริ่นๆว่าจะย้ายคอมพิวเตอร์และข้าวของของแพทริคไปอยู่อีกห้องหนึ่ง (ตอนนี้เราแชร์ห้องทำงานร่วมกัน) แต่เพราะมัวแต่ยุ่งๆฉันเลยไม่ได้ลงมือจัดการจริงๆจังๆกับห้องนี้ซะที คราวก่อนที่เย็บผ้าคลุมโซฟาก็ใช้ห้องนั่งเล่นกับห้องครัวเป็นห้องทำงานแทน

จริงๆมันก็โอเคอยู่ถ้าจะใช้สองห้องนี้ทำงาน แต่ปัญหาคือบางโปรเจ็คที่ฉันทำมันกินเวลานานมาก บางทีเป็นเดือนนู่นเลย เพราะฉะนั้นการที่จะปล่อยห้องนั่งเล่นรกเป็นเดือนมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่โดยเฉพาะเวลาแขกไปใครมา ใช่ป่าว? อีกทั้งมันดูไม่เป็นสัดเป็นส่วนด้วยเนอะ







พอคิดแบบนั้นหลายวันก่อนโปรเจ็คห้องเย็บผ้าของฉันเลยเกิดขึ้น ฉันเริ่มลงมือกับมุมเล็กๆมุมหนึ่งของห้องก่อน คงจะค่อยๆทะยอยๆทำไปทีละนิดเพราะข้าวของของแพทริคส่วนใหญ่ยังอยู่ เนื่องจากว่าห้องทำงานของแพทริคเองก็ยังไม่เรียบร้อย

มาดูดีกว่าฉันทำอะไรไปบ้าง...







เริ่มกันที่ผ้าม่านสีหวาน...

จริงๆห้องนี้ฉันติดม่านสีขาวเรียบๆไว้อยู่แล้ว แต่ว่ามันดูธรรมดาไปหน่อย ออกแนวน่าเบื่อด้วย ฉันเลยไปค้นๆกองผ้าที่ตัวเองมีอยู่ ก็ไปเจอผ้าลายดอกสีหวานชิ้นนี้ที่ซื้อมานานมากๆแล้วแต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี เหลืออยู่ครึ่งเมตร ซึ่งก็พอดีเลยกับขนาดหน้าต่าง ว่าแล้วก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ก็เอามาวัดๆตัดๆ ทาบๆดู แต่ก็ยังรู้สึกมันธรรมดาไปอยู่ดี เลยคิดหาวิธีที่ทำให้มันดูน่าสนใจขึ้น...










แล้วอยู่ๆไอเดียการถักริมขอบผ้าม่าน(แบบเดียวกับการถักริมผ้าเช็ดหน้า)ก็เกิดขึ้น ความคิดดีๆบางทีก็เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนจริงๆเนอะ อิอิ... ว่าแล้วก็เริ่มลงมือทันที อ้อ...พอดีช่วงที่กลับไปเที่ยวเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ฉันขนเอาไหมพรมเก่าๆกับเข็มโครเชท์จากบ้านแม่มาด้วย มีทั้งไหมเส้นใหญ่และเส้นเล็ก(แบบที่ใช้ถักดอยลี่) คือเมื่อตอนวัยรุ่นฉันชอบถักริมผ้าเช็ดหน้าน่ะ เลยมีไหมเส้นเล็กอยู่หลายสีเลย พอดีเลยเนอะ ก็เอาไหมเส้นเล็กนี่แหละมาถักตรงชายผ้าม่าน ลายที่เห็นนี้ฉันก็คิดเอาเองมั่วๆนะ ถักง่ายมากๆด้วย แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว แถมออกมาน่ารัก เก๋ไก๋อีกต่างหาก (ทำเองชมเอง ฮ่าฮ่า... )

มาดูรูปใกล้ๆชัดๆกันดีกว่า สำหรับคนถักเป็นอยู่แล้ว ดูรูปปุ๊บอาจจะถักตามได้ปั๊บเลยก็ได้เพราะลายมันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย หมายเหตุ: ภาพมันซูมใกล้ไปหน่อย เลยเห็นร่องรอยการสอยชัดเว่อร์เลย จริงๆมันไม่ค่อยเห็นชัดแบบนี้หรอกนะถ้าไม่เอาหน้าไปใกล้น่ะ ^^
















.
.
.
.


พูดถึงเรื่องห้องเย็บผ้า ฉันมีรูปก่อนหน้านี้ตอนพึ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้มาให้ดูกันด้วย เปรียบเทียบกับตอนนี้แล้ว เมื่อก่อนดูไม่จืดเลยเนอะ...










ถ้าเพื่อนๆตามอ่านบล้อก cerulean blue มาตั้งแต่้ต้นๆ คงจะสังเกตเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์จากบ้านหลังเก่ายังอยู่ครบ อิอิ... จริงๆอยากได้ของใหม่เหมือนกันนะ แต่เสียดายตังค์อ่ะ จะว่าไปไลฟ์สไตล์ของฉันตอนอยู่บ้านหลังเก่ากับบ้านหลังนี้ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่เลย ถ้าอยากเปลี่ยนข้าวของอะไรในบ้านก็เข้าเว็บขายของมือสองโลด.... เห็นมั้ย? ชีวิตไม่เคยอับจนหนทางถ้ามุ่งมั่นซะอย่าง เอิ๊กๆๆ...

ถ้าใครอยากรู้ที่มาที่ไปของโต๊ะสีขาวตัวนี้ลองคลิกไปอ่านบล้อกนี้ดูนะจ้ะ ชีวิตตะลอนซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองนี่มันสนุกมากๆเหมือนกันนะ เพื่อนๆต้องลองดู ^^ อ้อ..ตรง top ของโต๊ะฉันเพิ่มสีสันให้ด้วยการติดสติคเกอร์พลาสติคลายดอกลงไป (แบบเดียวกับที่ติดกระเบื้องในครัว) พอดีฉันซื้อเก็บไว้หลายลาย เลยเอามาตัดแปะสลับลายกันแบบนี้ บอกแล้วว่าฉันไม่ชอบอะไรที่มันเรียบๆเนอะ อิอิ...













ส่วนเก้าอี้สีเหลืองนี้จิ๊กเอามาจากห้องครัว จริงๆฉันมีเก้าอี้สารพัดเก้าอี้สะสมไว้ แต่ว่ายังไม่ได้ทาสีอ่ะ เลยขอยืมตัวนี้มาโชว์ก่อน โปรเจ็คเก้าอี้สีพาสเทลในห้องครัว (เซ็ตที่เห็นในรูปที่ 4) ฉันขอรวบยอดเอาไว้เขียนคราวหน้านะจ้ะ และเช่นเดิมเป็นเก้าอี้มือสองล่ะ แต่ฉันเอามาทาสีใหม่ ออกมาน่ารักมากๆเลย ทาเองยังแอบกรี๊ดเองเลยนะเนี่ย บ้าไปแล้ว...

ห้องเย็บผ้านี้ยังเหลือต้องทำอีกเยอะ ผนังยังทาสีไม่เสร็จเลย เสร็จแบบครึ่งๆกลางๆ พอดีสีมันหมดไปซะก่อน ฉันอยากเปลี่ยนพื้นให้ดูสว่างกว่านี้ด้วยเพราะห้องนี้มันดูมืดๆทั้งวัน แสงเข้าน้อยมาก แถมด้านนี้ของบ้านติดกับเพื่อนบ้านมากๆด้วย หน้าต่างแทบจะชนกันเลย (ผิดกับห้องครัวเพราะห้องครัวแสงสวยมากๆ วิวด้านนั้นก็สวยกว่ามากด้วย)










ตอนนี้ให้ดูมุมที่พอจะดูได้ไปก่อน และอาจจะมีแววว่าจะเปลี่ยนตรงนั้นตรงนี้อีก เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรคืบหน้ากว่านี้แล้วค่อยมาอัพเดตกันใหม่ และเช่นเดิมหวังว่าบล้อกนี้จะให้แรงบันดาลใจและความเพลิดเพลินเจริญใจกับเพื่อนๆที่(หลง)เข้ามาอ่านนะจ้ะ จริงๆฉันทำนู่นนี่เยอะมากๆ แต่ว่าไม่มีเวลามาเขียนลงบล้อกเลย ค่อยๆทะยอยเขียนไปทีละนิดทีละหน่อยแล้วกันเนอะ

...ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า และฉันจะพยายามไม่ดองบล้อกนานอีกน้าาาาา บายๆๆ...










 

Create Date : 03 กันยายน 2554    
Last Update : 3 กันยายน 2554 3:45:19 น.
Counter : 6309 Pageviews.  

1  2  3  

~ Cerulean Blue ~
Location :
ลำปาง Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




:: About Me ::


A girl, her life, and the old little Dutch house. Oh, and possibly a few adventures...

Anyway feel free to drop by and say hi :)

:: decorating ::
:: sewing ::
:: crafting ::
:: painting ::
:: traveling ::
:: and Living! ::

"ผจญภัยในอ้อมแลนด์"













:: PREVIOUS POSTS ::


...My simple kitchen pantry storage and the most frequently asked questions about Cerulean Blue...

...The guest bedroom and how to hang wallpaper...ห้องนอนเล็ก และ how to การติดวอลเปเปอร์แบบง่ายๆ...

...Blog is more than you think... ชีวิตและการเขียนบล็อก...

...The Little Groningse Kitchen...

...My polka-dot room and how to crochet 'Spring Blossom granny square # 2'...

...My 'blue' and 'white' curtain...

...and I am back again, officially... นกน้อย คืนรัง ^^...

...Window seat project #2... มุมริมหน้าต่างเสร็จแล้ว + งานเล็กๆของช่างไม้มือสมัครเล่น ^_^...

...My kitchen, my pride...

...'Cute curtains' and a quick peek into my sewing room...

...My new sofa slipcover!... โปรเจ็คยักษ์ 'ผ้าคลุมโซฟา' ^^...

...One Year already!... ครบหนึ่งปีพอดี + รวมมิตรรูปบ้าน และเรื่องบ้านๆที่อยากแบ่งปันกัน...

...Shabby shabby...เก่านิดๆ ถลอกหน่อยๆ...

...That nice 'ugly' shelf...

...'The white fireplace' and my old glass cabinet...

...A bit of a change in the living room...

...'Spring Blossom' granny squares...แกรนนี่สแควร์ลายใหม่ ^-^...

...'Cerulean' crochet cushion... และคุยเล็กคุยน้อย...

...Café curtains...

...My 'kitsch' kitchen...และชีวิตช่วงนี้...

...Another armchair slipcover!...ผ้าคลุมเก้าอี้ (อีกแล้ว)...

...Armchair slipcover...โปรเจ็คแรกแห่งปี!...

...Santa Wood(s), Christmas tree and a few tips of choosing colours for your home...

...A Little Update...

...Make it 'COZY'...



:: All About My Home ::


...New Home...
































































...Old Home...




























:: งานเขียนและรูปภาพในบล็อกนี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาต ::


New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ~ Cerulean Blue ~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.