Group Blog All Blog
|
นั่งรถไฟไปพระราชวังบางปะอิน.....ย้อนสู่อดีตในวันฝนพรำ ละทิ้งชีวิตวุ่นวายสไตล์มนุษย์เงินเดือน (ชั่วคราว) ค้นหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในการท่องเที่ยววันธรรมดาอีกครั้ง ซึ่งจุดหมายแรกที่นึกถึงและตัดสินใจเลือกให้เป็น จุดหมายแรก คือ พระราชวังบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาค่ะ รูปอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไร (ปกติก็ไม่สวย อันนี้ยิ่งแย่) เพราะถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ Sony Xperia ZL แถมมาเจอฟ้าครึ้มๆ เลยไปกันใหญ่ เลยปรับสีให้ออกแนววินเทจๆ ไปเลย อิอิอิ๊ สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือหรือศึกษาประวัติศาสตร์ จะทราบว่าพระราชวังบางปะอินนั้นมีความสำคัญกับพระบรมวงศานุวงศ์และชาววังในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอย่างมาก โดยมีปรากฎทั้งในบันทึกความทรงจำ จดหมายเหตุ หรือแม้แต่วรรณกรรมร่วมสมัยอย่าง สี่แผ่นดิน ทำให้เราต้องมาสัมผัสความสวยงามของ Summer Palace แห่งนี้ให้ได้สักครั้งค่ะ ![]() ทริปนี้ไปกัน 2 คนกับเพื่อนรัก ออกเดินทางในวันฝนพรำ จากสถานีรถไฟบางเขนเวลา 10.25น. ด้วยขบวนรถธรรมดา กรุงเทพ พิษณุโลก ถึงบางปะอิน 11.45น. แล้วก็เหมาะสองแถวเข้าไปยังพระราชวังบางปะอิน (พอมาถึงก็เจอแดดเปรี้ยง...เดินไม่ไหว) สนนราคา 2 คน 50 บาทค่ะ ![]() ![]() ![]() มาถึงแล้วก็เดินไปที่กระเช้าข้ามไปวัดนิเวศธรรมประวัติก่อน ตั้งใจพาเพื่อนไปไหว้พระและเก็บภาพสวยๆ ภายในวัด แต่รออยู่นานก็ไม่มีคนกดกระเช้าให้ข้ามฝั่ง จนกระทั่งมีคุณยายเดินมาบอกว่า หนูเอ๊ย คนเฝ้ากระเช้าพักเที่ยงลูก แป่วววว เป็นอันว่าซื่อบื้อทั้งคู่ ตัดใจไปเดินเที่ยวชมภายในพระราชวังกันก่อนดีกว่า ![]() ![]() ซื้อบัตรเข้าชมคนละ 30บาทแล้วก็เดินเที่ยวกัน อากาศแปรปรวนนิดหน่อย แดดเปรี้ยงสลับกับฝนเม็ดใหญ่โปรยปราย แต่ไม่หวั่นอยู่แล้ว.... พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่บนพื้นที่เกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บันทึกในพงศาวดารกล่าวว่า พระราชวังบางปะอินสร้างในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น ณ นิวาศสถานเดิมของพระราชมารดา (มีพระนามเดิมว่า อิน เป็นสามัญชนที่ต่อมาได้เป็นพระสนมในสมเด็จพระเอกาทศรถ) เพื่อใช้เป็นพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐาน ภายหลังถูกปล่อยทิ้งร้างนานหลายปีเนื่องจากสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 จนกระทั่งถูกกล่าวถึงอีกครั้งในนิราศพระบาทของสุนทรภู่ ต่อมาจึงได้รับการบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจริญสูงสุดในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ พระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระราชดำริให้บูรณะพื้นที่พระราชวังเดิม รวมถึงสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักขึ้นใหม่ ซึ่งตลอดรัชกาลทรงเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน และใช้พระราชวังบางปะอินรับรองพระราชอาคันตุกะหลายครั้งด้วยกันค่ะ ![]() ศาลพระเจ้าปราสาททอง ![]() จากศาลพระเจ้าปราสาททอง เราเริ่มเดินชมเขตพระราชฐานชั้นนอกกันก่อน เริ่มจากสภาคารราชประยูร ที่ประทับสำหรับเจ้านายฝ่ายหน้าในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารริมน้ำสไตล์ยุโรปที่สง่างามมากๆ แต่เราไม่ได้เข้าชมด้านในเนื่องจากมีคณะทัวร์เข้าชมอยู่และค่อนข้างวุ่นวายค่ะ ![]() สภาคารราชประยูร จากนั้นก็เดินข้ามสะพานไปยังพระที่นั่งวโรภาษพิมาน บริเวณสะพานมีรูปปั้นสวยๆ ประดับอยู่มากมาย และยังสามารถเก็บภาพสวยๆ ของทางเดินเชื่อมระหว่างพระที่นั่งวโรภาษพิมานกับ ประตูเทวราชครรไล (เขตกั้นระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอก - ใน) รวมถึงพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ซึ่งประดิษฐานพระบรมรูปพระพุทธเจ้าหัว กระโจมแตร และวิวทิวทัศน์ที่ร่มรื่นย์สวยงามได้อย่างชัดเจน ![]() พระที่นั่งวโรภาษพิมาน ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ประตูเทวราชครรไล และพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ![]() กระโจมแตร สำหรับการเข้าชมภายในพระที่นั่งวโรภาษพิมาน สุภาพสตรีต้องนุ่งซิ่นยาวกรอมเท้าก่อนเข้าชมทุกครั้งค่ะ ภายในประดิษฐานพระที่นั่งภายใต้พระมหาเศวตฉัตรในห้องท้องพระโรง ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านในค่ะ ![]() ![]() ![]() จากนั้นเดินผ่านทางเชื่อมที่มีบานเกล็ดไม้บังไว้ เปรียบเหมือนเป็นข้าหลวงนางในที่เดินกลับเข้าสู่เขตพระราชฐานฝ่ายใน... ![]() เข้ามาก็จะเจอกับพระตำหรักหลังน้อยสีชมพูสดใสนามบุปผาประพาส ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2537 แทนองค์เดิมที่ถูกไฟไหม้ในปี พ.ศ. 2481 ค่ะ ![]() บุปผาประพาส ![]() ![]() พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ![]() ![]() จากนั้นก็ข้ามสะพานไปชมวิวสวยๆ บนหอวิฑูรทัศนา หอคอยสูงยอดมนที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2424 ![]() ![]() ![]() ![]() พระที่นั่งเวหาศจำรูญมุมสูง ![]() พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรมุมสูง ชมวิวสวยๆ และรับลมเย็นๆ จนพอใจแล้ว ก็เข้าชมพระที่นั่งเวหาศจำรูญ (เทียนเหมงเต้ย) กันต่อเลยค่ะ พระที่นั่งแบบจีนองค์นี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2432 โดยพ่อค้าชาวจีนในสยามน้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในประดิษฐานพระที่นั่งเก๋งจีน 3 องค์ และมีบางส่วนภายในที่ห้ามถ่ายภาพค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() จากนั้นก็เดินข้ามสะพานเข้าไปชมพระตำหนักฝ่ายในอีกนิดหน่อย ฝนก็เทลงมาซะจนต้องล่าถอยไปหลบฝนที่ซุ่มทางเข้า ก่อนจะออกเดินไปขึ้นกระเช้าข้ามไปวัดอีกครั้งนึง พระตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ![]() ![]() ![]() พระตำหนักเก้าห้อง ![]() พระตำหนักพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ![]() ย้อนออกมาทางประตูเทวราชครรไล นั่งกระเช้าข้ามไปยังวัดนิเวศธรรมประวัติ เก็บภาพบรรยากาศร่มรื่นรอบๆ วัด เพื่อนเราก็ไหว้พระขอพร รดน้ำมนต์ และไม่ลืมอธิษฐานใต้ต้นสาละพร้อมกับตบมือเสี่ยงทาย น่าเสียดายจังที่ดอกสาละไม่ร่วมลงมาดังปรารถนา อิอิ ![]() ![]() ![]() พระอุโบสถ ![]() ![]() ![]() ![]() อาคารพิพิธภัณฑ์ ![]() ![]() ![]() ดอกสาละ ![]() บ่ายสามโมงตรง เราก็เดินทางกลับโดยรถสามล้อเครื่องที่มีคุณป้าใจดีเป็นคนขับ 2 คน 30 บาทเท่านั้นเอง แล้วก็ติดต่อจนท.ขอตั๋วรถไฟฟรีรอบ 15.20น. (รถไฟมาถึงจริง 15.35น.) gxHoขบวนธรรมดา สุรินทร์ - กรุงเทพ กลับสู่สถานีบางเขนในเวลา 16.10น. เหลือเชื่อว่าใช้เวลาเดินทางแค่ 20 นาทีเอง เห็นมั๊ยว่ารถไฟก็ไม่แย่เสมอไปนะคะ ![]() จบทริปเรียบๆ ง่ายๆ สไตล์ย้อนวันวานแต่เพียงเท่านี้ โอกาสหน้าจะพาไปเที่ยวแบบประหยัดด้วยรถไฟไทยอีกค่ะ ![]() เที่ยวประหยัดด้วยรถไฟ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: Kavanich96
![]() |
ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Just a little step in the Big World โลกกว้างใหญ่ มีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง All rights reserved [สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539] Link |