|
เลือกรูมเมทผิด คิดจนเจ็บตับ..
บล็อกนี่มีคำหยาบคาย หากทำใจไม่ได้จงรีบปิดไปโลดเน้อ ----------------------------------------- เนื่องจากข้าพเจ้านัั้นได้ย้ายนิวาสถานมาเป็นชาว "กล่อง" กับเค้าได้ประมาณหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่คุณแฟนกลับไป คอนโดขนาดสองห้องนอน มันก็ดูจะเกินความจำเป็นไปหน่อย เลยกะว่าจะหารูมเมทมาแชร์ห้องดีกว่าปล่อยไว้ว่าง ๆ เพราะผ่อนนี่ก็เดือนนึงใช่น้อย ร่วมสองหมื่นต่อเดือน เฮือก...
มีมาดูก็หลายคนอยู่ แต่การหารูมเมทนี่ไม่ง่าย โอกาสเจอคนที่เข้ากันได้ ยากยิ่งกว่าซื้อหวยปีละครั้ง แล้วให้ถูกรางวัลที่หนึ่งอีก
คนนึงมาจากฟิลิปปินส์ เป็นสาว NGO ชื่อวิเวียน บ้าโยคะ ตอนแรก ๆ เราคุยจากโทรศัพท์ ไม่ค่อยจะถูกใจเธอเท่าไหร่ เพราะเธอฟังดูเนือย ๆ หงอย ๆ แถมโทรมาทีไรก็ให้เพื่อนคนไทยคุยทุกที จนเราต้องถามว่าทำไม she ไม่คุยเอง.. she ก็บอกว่า ชั้นกลัวเธอฟังชั้นไม่รู้เรื่อง
ก็กรูโพสต์ ad เป็นภาษาอังกฤษอะนะ จะให้กรูฟังไม่รู้เรื่องได้ไงล่ะ เจ๊นี่
แต่พอวิเวียนมาถึง เธอมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเท่าจานดาวเทียมไทยคม แถมขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ว่ามาถึงซะดึก เกรงใจจังเลย ขอโทษจริงๆ
เธอดูเข้ากับคนง่ายและยิ้มเก่ง แถมเอาขนมมาฝากอีกหลายห่อ แถมเธอก็คุยเก่ง (กำลังดี ไม่ใช่พูดมาก)
โล่งอกไป เจอคนแบบนี้ ค่อยยังชั่ว
แต่ไอ้คนที่สองเนี่ยดิ ไอ้เควิน
จริงๆ เควินเนี่ย เคยเจอมาครั้งสองครั้งแต่ไม่สนิทอะไร ก็ดูไม่ได้มีพิษมีภัย ความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ
แต่คืนแรกที่เควินมาก็ปวดกบาลเลย เพราะมันมาถึงประมาณตีสอง มาถึงก็ไม่มีการขอโทษขอโพยใด ๆ ทั้งสิ้น เดินดุ่ย ๆ เข้ามา วางกระปงกระเป๋าเสร็จ he ก็จะซักผ้าเลย "เดี๋ยวนี้"
เออ มรึงจะซักก็ลงไปเครื่องหยอดเหรียญข้างล่างดิ 20 บาท "มีแฟ้บยังอะ" "เอ่อ ไม่มี" พามันไปถึงเครื่อง "หยอดเหรียญดิ 20 บาท" "มี 10 บาทเองอะ" "กรำ.."
ต้องให้มันไปอีก 10 บาท no big deal..
กลับมาบนห้อง "อ่ะ นี่กุญแจ ลองใช้ดูดิ แล้วอย่าเจือกทำหายล่ะ คีย์การ์ดอ่ะ หายคิด 500 นะ" "โห แพงจังอะ" "ชั้นไม่ได้เป็นคนคิดนะเว้ย คอนโดมันคิด แกก็อย่าทำหายดิ เอ้า ลองไขกุญแจดิ๊"
แล้วไอ้เควินก็ทะลวงกุญแจ กึ้งๆๆๆๆๆๆ !!!! ชนิดที่ว่า มึงจะเสียบแรงๆให้มันได้อะไรขึ้นมาเนี่ย กลัวลูกบิดห้องกูไม่พังใช่มั้ย
เข้ามาออนไลน์ นั่งทำงานต่อ ไอ้เควินเดินไปกุก ๆ กักๆ ทำอะไรกับโมเด็ม wifi เราก็ไม่รู้ "เฮ้ย ทำไร (วะ)" "พยายามจะต่อเน็ต" "ใจคอมึงจะถามกรูบ้างมั้ยล่ะว่าใช้ยังไง ใช้ได้ไหม" หัวเราะแฮะๆ
"เข้าไม่ได้อะ" "รหัสถูกปะ" "ถูกนะ"
ซวยกูอีก ต้องมานั่ง set ค่าหาปัญหาให้มันว่าทำไมมันเข้า wifi ไม่ได้ ทำอยู่นานก็ยังเข้าไม่ได้ แล้ว net Buddy ดันมาเจ๊งอีก โทรไปที่ศูนย์คิดว่าพนักงานคงผูกคอตายหนีปัญหากันไปหมดแล้ว เพราะติดสายกัยหมด จนปัญญาไว้ลองใหม่พรุ่งนี้ละกัน ไปนอนดีกว่า
เข้าไปห้องนอน (มีสองเตียง ให้เควินนอนเตียงเดี่ยว เรานอนเตียงใหญ่) เควินยังคงรื้อค้นแคะแงะสิ่งของต่าง ๆ นา ๆ ในกระเป่า ทำของหล่นเป็นระยะ ๆ แล้วไอ้พื้นลามิเนตอ่ะนะ เหรียญสิบบาทหล่นก็ดังไปสามห้องแล้ว แล้วไอ้เควินก็ขยันทำหล่นมาก
แถมมันขยันเปิดไฟมาก เปิดมันทุกดวงอย่างกับงานวัดภูเขาทอง.. ค่าไฟมันแพงนะเว้ยยยย แมร่งงง..
ความซวยได้มาเยือนกรูแล้ววววววว
เราเลยหนีไปนอนก่อน "ก่อนนอนก็อย่าลืมปิดไฟด้วยล่ะ"
เช้าวันถัดมา ตื่นมาเพราะอีเควินออกไปเข้าห้องน้ำ แล้วปิดประตูเสียงโคตรดัง กูล่ะเซ็ง
อินเตอร์เน็ตกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เราก็ใช้ wifi ได้ปรกติ
ระหว่างนี้เควินเดินออกไปเก็บผ้าที่ตากไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งตากไว้ที่ระเบียงด้านนอกติดกับห้องครัว ที่มันจะมีประตูกระจกสไลด์กั้นไว้ ไอ้เราก็ไปนั่งทำงาน พยายามซ่อมอินเตอร์เน็ตให้มันต่อ
ปั้ง ๆๆๆๆๆๆ!!!
ปั้ง ๆๆๆๆๆๆ!!!
ตอนแรกนึกว่าไอ้ห้องข้างบนพาช่างมาทำ built-in อีก แต่มันทุบไม่เลิกว่ะ แล้วไอ้เควินไปเก็บผ้าอะไรของมันนานนักหนา
ปั้ง ๆๆๆๆๆๆ!!!
เสียงมาจากระเบียงนี่หว่า เดินออกไปดู นังเควินยืนทุบประตูกระจกอยู่ ทำท่าว่า ประตูล๊อก เลยกลับเข้ามาไม่ได้
เราเดินไปใช้แรงเลื่อนประตูเพียงเล็กน้อย ประตูก็เปิดออกมาได้ "อะไรวะเควิน?" "ประตูมันล็อกอ่ะ เข้าไม่ได้" "แกจะบ้าเหรอ ใครจะไปล็อก มันไม่ได้ล๊อก แกไม่ออกแรงดึงเลยนี่นา" "อ้าว เออ ไม่ได้ล็อกจริงๆด้วย"
ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เอ็งจะบ้าไปถึงไหนวะเนี่ย ชั้นชักจะทนไม่ไหวแล้ว นี่แค่วันแรกเองนะ ก็ทำกูจะบ้าแล้ว
มันยังเข้า wifi ห้องเราไม่ได้ เราเลยบอกให้ไปลองที่ร้านกาแฟข้างล่างดูละกัน ว่่าเข้าได้ไหม มันก็เข้าไม่ได้อีก สรุปว่าเป็นที่เครื่องมันอะแหละ ไม่ได้เป็นที่เน็ตเวิร์คเรา
เซ็งเป็ด
คาดว่าเควินคงจะได้อยู่ถึงแค่สิ้นเดือนนี้แล้วเควินคงต้องไป เพราะเราสุดแสนจะอึดอัดกับการมีมันอยู่ด้วยเป็นอย่างมาก
คนอะไรวะ มาวันแรกก็ทำให้เรารำคาญได้เพียงนี้ โคตรนับถือมันจริงๆ
Create Date : 19 มีนาคม 2551 | | |
Last Update : 19 มีนาคม 2551 12:22:10 น. |
Counter : 2250 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
วันที่สุดโลว์ว์ว์.....ว์...ว์ และกล่องบุญคุณป้า & สตาร์บัคส์
(ก็ใครวะที่โง่เอง อุตส่าห์ซื้อ sim ใหม่ที่อินเดีย แต่เจือกใส่ sim ผิด เอา sim เมืองไทยใส่แล้วโทรหาชาวบ้านเค้าทั่ว!! บิลโทรศัพท์มา ง่ายยย สำหรับคุณ สมใจ)
วันนี้คุณพยาบาลนัดให้ไปฟังผลตรวจเลือด (ไม่ได้เป็นเอดส์!) ไวรัสตับอักเสบ บี ที่เพื่อน ๆ ทั้งหลายว่าจะตรวจกันมานานแล้ว เรื่องของเรื่องคือเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันสมัยมหา'ลัย มันเพิ่งมารู้ตัวว่า มันเป็น! แล้วด้วยความโง่ปนลนลานของเพื่อน ๆ คือคิดว่า ไวรัสตับอักเสบ บี มันติดทางน้ำลาย คือ ใช้ภาชนะร่วมกัน หรืออะไรเนี่ย มันจะติด "จริง ๆ แล้ว ไวรัสตับอักเสบ บี ติดทางเพศสัมพันธ์ และเลือดเท่านั้น" เหมือนเอดส์อ่ะนะ
แต่เอาเป็นว่าเพื่อความสบายใจ ไหน ๆ ก็ผลัดมานาน ไปตรวจซะเลย จริง ๆ ไปตั้งกะวันศุกร์ที่แล้ว คุณพยาบาลบอกว่าให้มาฟังผลวันจันทร์ แต่พอไปวันจันทร์ คอมฯ ดันเสีย ผลไม่ออก! กรำ....เลยต้องไปมาอีกทีวันนี้ ก็ปรากฎว่าไม่มีอะไร ไม่ได้เป็น คุณพยาบาลก็เลยให้ฉีดวัคซีนซะเลย 321 บาท บวกอีก 50 บาทเป็นค่าบริการในเวลาราชการ ... (เอ๊า... รพ.ตำรวจ)
กำลังนั่งรอคุณพยาบาลเตรียมเข็มอยู่ ใจคิดไปเรื่องอะไรต่อมิอะไรเรื่อยเปื่อย งานลูกค้าอีกกี่งานวะเมื่อไหร่จะเสร็จ โอ๊ย ค่าโทรศัพท์อีก 3 พัน ยังไม่ได้จ่าย ...ฉิบหาย DVD ร้าน fame ยังไม่ได้คืนค่าปรับเท่าไหร่แล้ววะ เผลอ ๆ ซื้อแผ่นมาดู ถูกกว่า... เอ่า ว่าจะไปบริจาคโลงศพ ก็ยังไม่ได้ไปซักที .. พาสสปอร์ต ไปทำไว้หลายวันแล้ว ทำไมมันยังไม่ส่งมาที่บ้านอีกหว่า.. บัตรเครดิตจ่ายยังวะ.. ฯลฯ
สารพัดจิตใจจะวุ่นวายคิดไปได้..
"น้องคะ เป็นอะไรหรือเปล่า?" เสียงคุณพี่พยาบาลใจดีถาม "คะ?"(เพิ่งตื่นจากภวังค์) "หน้าน้อง..ดูไม่ค่อยสบายใจ กังวลอะไรหรือเปล่าคะนี่" "อ๋อ เออ เปล่าค่ะ คิดเรื่องงานนิดหน่อย"
จริงๆ แล้วคิดไปเรียบร้อยล้านแปดเรื่อง...
เข็มปักเข้าไปที่ต้นแขนซ้าย ปวดแปล๊บ ๆ แถมฉีดนานอีกด้วย เพราะต้องค่อย ๆ ฉีดยาให้หมดหลอด อูย เจ็บอ่ะ... แต่ก็พยายามทำใจ วิปัสนาไป ความเจ็บมันอยู่แค่ตรงแขนนั้น ความเจ็บมันอยู่แค่ตรงแขนนั้น เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวก็หาย..
ว่าแต่ รีบ ๆ หน่อยก็ดีนะคะ!!! แง้!!!
ฉีดยาเข็มแรกเสร็จ พี่พยาบาลบอกว่าให้มาฉีดเข็มที่สองเดือนหน้า แล้วอีก 6 เดือนมาฉีดเข็มที่ 3 เป็นอันเรียบร้อย
"แล้วอย่างนี้บริจาคเลือดได้มั้ยคะ" "อ่อ ไม่แนะนำค่ะ ยังไงก็ รอซักเดือนนึงก่อน แล้วค่อยบริจาคดีกว่าค่ะ"
เราเลยพาตัวเองออกมาจากโรงพยาบาล รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นวิญญาณร่อนเร่ ไม่มีชีวิตชีวา เอาซะเลย รู้สึกได้ว่า หน้าเริ่มเหี่ยวลง ทุกนาที โอ๊ย ทำไมวันนี้มันเครียดแบบนี้วะ เซ็งโคตรเลยยืนอยู่หน้าโรงพยาบาล อืม จะได้ TCDC ยังไงดีวะ ต้องไปรถไฟฟ้า อ่า ต้องไปสถานีไหนวะ อ่อ ไปชิดลมก็ได้ แล้วไปยังไง สงสัยต้องนั่งรถเมล์ไปต่อ รถเมล์ผ่านมาพอดี เลยโดดขึ้น ขึ้นไปได้แล้ว เพิ่งคิดได้ว่า ไอ้คว๊ายยยย เดินไปก็ได้ สถานีชิดลมอยู่แค่นั้นเอง! เดินผ่านศาลพระพรหมไปหน่อยเดียวก็ถึงแล้ว ขึ้นรถเมล์มาทำไมเนี่ย สติหลุดมากวันนี้
แทนที่จะได้เดินสั้น ๆ กลับต้องไปลงรถเมล์ที่หน้า Central World เดินทะลุห้าง ให้ยามตรวจกระเป๋าเล่น ๆ พอแก้เบื่อ แล้วก็เดินไปออกที่ skywalk เพื่อไปขึ้น BTS ...เดินยาวกว่าเดิมอีก.. เวรกรรม
นี่แหละหนา ความที่ไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว...
หิวน้ำ... แวะดื่มน้ำฝรั่งหน่อยดีกว่า อ่าา สดชื่น ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังรู้สึก โลว์ ๆ อยู่
ขึ้นไปยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ เห็นผู้คนแล้วสุดจะเบื่อ และ เซ็ง เมื่อเช้าอ่าน บรีฟลูกค้าแล้ว เค้าอยากได้เว็บที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็น class B+ ขึ้นไป และบรีฟมาว่า
"...ลองนึกถึงคนที่ไปนั่ง TCDC ใช้แมค.. ฟัง ipod.. กินข้าวเกรย์ฮาวด์.. ช็อปปิ้งที่ Playground.. นั่งดื่มกาแฟสตาร์บัคส์ ฯลฯ"
อ่านแล้วรู้สึกอยากกระโดดเตะคอมให้กระเด็นไปพ้น ๆ หน้า (ยังเสียดายเงินที่ซื้อมันมาอยู่) แบบ โห กลุ่มเป้าหมายไรวะ โคตรกระแดะและตอแหลจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ วันไหนมันไม่ได้กินสตาร์บัคส์ หืดมันจะขึ้นมั้ยวะนั่นน่ะ แก้วนึง ขำ ๆ 100 กว่าบาท แถมถ้าไม่เก๊กท่า ยกตนข่มท่านไว้ก่อน เวลาไปยืนแสร๋นที่เคาน์เตอร์ พนักงานจะใช้สายตา "จิก" ท่านได้ ราวกับจะด่าว่า
"อีนี่ อยากจะ dak กาแฟกรูเรอะ เฮอะๆๆๆๆๆ ไป google มาก่อนเหอะ ว่า แฟรบเป้! มันคืออะไร โฮะๆๆๆๆๆ" มันคงเป็นความสามารถพิเศษของพนักงานสตาร์บัคส์แทบทุกสาขาก็เป็นได้
กำลังนึกหมั่นไส้ในความตอแหลของกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าอยู่เพลิน ๆ ก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึง เป็นวัยป้า ๆ ของเรานี่แหละ ท่ามกลางผู้คนวัยหนุ่มสาวที่ถ้าหูไม่มี ipod ยัดอยู่ ก็ต้องถือกระเป๋าใส่ notebook, ถือถุงช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม... คุณป้าที่ดูจากการแต่งตัวแล้ว น่าจะทำงานอยู่ออฟฟิศที่ไหนซักแห่งย่านนั้นนั่นแหละ เธอมีสีหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างสุขใจ มันทำให้เราสะดุดตาจนต้องแอบมองว่า อะไรทำให้คุณป้าดูมีความสุขอย่างน่าอิจฉาปานนั้น ในขณะที่เราโคตรจะเครียดเลย..
ในมือของคุณป้ามีกล่องโลหะสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมือนกล่องคุกกี้ สีเขียว-ชมพูสดใส บนกล่องเขียน ว่า BOON BOX 2 หรือ "กล่องบุญ 2" นั่นเอง เราเห็นแล้วจำได้ทันที เพราะเคยซื้อ BOON BOX 1 ให้เพื่อนในวันเกิด เป็นกล่องที่บรรจุข้อคิดทางธรรมแบบน่ารัก ๆ ทำได้จริง ไม่ต้องจบเปรียญ 8 มาก็อ่านรู้เรื่อง
คุณป้าถือกล่องด้วยมือทั้งสองข้าง เปิดดูข้างใน แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอรถมาก็ปิดกล่องแล้วยืนยิ้มน้อย ๆ อยู่อย่างนั้น..
แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ที่เรื่องแค่นั้นแหละ ทำให้เรายิ้มได้เป็นครั้งแรกในวันนั้น มาคิดดูว่า จะอะไรกันนักหนา ปัญหานู้น ปัญหานี้ เหมือนที่ท่านดาไลลามะกล่าวไว้ว่า
จริงซะยิ่งกว่าจริง...กลุ้มไปปัญหาก็ไม่หายไปซักหน่อย ค่อย ๆ แก้ไปทีละอย่างแล้วกัน
ลงจาก BTS มา ปรากฎว่าเราไปนั่งทำงานที่ TCDC (ก็เน็ตมันฟรี หนังสือมันอ่านฟรี ไฟมันฟรีนี่นา.. ค่าสมาชิกปีละพันกว่า บางคนบอกแพง แต่ทีจ่ายค่าฟิตเนสที่บางทีไม่ได้ไปมันหรอก เดือนนึงเกือบพัน ไม่ยักบ่น)
เอ๊ะนี่ถ้าเราเดินลงไปกินกาแฟ สตาร์บัคส์ด้วยนี่ เราจะกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของไอ้ลูกค้าเราทันทีเลยซิเนี่ย ดีนะ ที่ ipod โดย แฮ้ป หายจ้อย ไปแล้วที่อินเดีย เลยไม่ได้กระแดะเท่าที่ควร อย่างน้อย ๆ เราก็ไม่เคยกินข้าวที่เกรย์ฮาวด์แหละวะ.. สมน้ำหน้า สาขาไฮโซที่ TCDC ไปไม่รอด เพราะเสือกไฮโซจัด ทำร้านซะคนไม่กล้าเข้า กลัวมันขอตรวจบัตรดีไซเนอร์ ! (แบบถ้าไม่ใส่แว่นกรอบดำ เสื้อคอเต่า ไม่ให้เข้า ไรงี้) ร้านภรณีต้องเข้ามาทำต่อ ก็เห็นเค้ายังอยู่ได้
เด้กข้าง ๆ แม่งเข้ามานั่งคุยโทรศัพท์อีกแล้ว นี่มันห้องสมุดนะน้อง บางคนแม่งเป็นดีไซเนอร์ได้ ใช้ Software ได้ทุกค่าย แค่ป้ายในห้องสมุดว่า “กรุณางดใช้โทรศัพท์มือถือ” แค่นี้ แม่งอ่านไม่อออก.. แสดดดด...
นั่งทำงานไปจนเค้าใกล้ ๆ จะปิด (3 ทุ่ม) นั่งรถเมล์สาย 2 กลับบ้าน (หลังจากเมื่อเช้ากระแดะนั่งแท็กซี่ไปแล้ว 1 รอบ เพื่อที่จะพบว่า จริงๆ แล้วนั่งรถเมล์เร็วกว่าอีก ฟายเอ๊ย.. แถมยังต้องมานั่งฟังแท็กซี่บ่นเรื่องเมียที่บ้านอีก เวรแท้ ๆ)
จะดูหนังก็ขี้เกียจ แล้วไม่ได้เอาเสื้ออุ่น ๆ มาด้วย โรงหนังเมืองไทยนี่ก็แปลก ทำไมมันต้องเปิดแอร์หนาวขนาดนั้นด้วย แล้วเจอบ่อยมากพวกสาว ๆ ที่ใส่แขนกุดเข้าไปดู เรายังหนาวแทบตาย 5 เลย ...เจ๊ ๆ เค้าไม่หนาวกันบ้างเรอะ ??
คติธรรมวันนี้ : จงอย่าดื่มกาแฟลาเต้ จงดื่มกาแฟมอคค่าแทน เพราะอร่อยกว่า (อะไรของมันเนี่ย…)
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2550 | | |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2550 15:00:45 น. |
Counter : 856 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ชายวัย 30 ผู้มาอิหร่าน มาถึง RCA ได้ เธอก็กลายเป็นตุ๊ด!
วันจันทร์ที่ 9 เข้าไปแล้ว เหลืออีกไม่ถึงเดือนก็จะไปอินเดียแล้ว เวรกรรม งาน แงน ก็ยังไม่ได้ไปถึงไหน สงสัยต้องไปจบลงด้วยการเร่ขายโรตีข้างถนนที่กัลกัตตาเป็นแน่
เมื่อคืนก่อน หลังจากมีตติ้ง ยัดอาหารลงท้องกันเรียบร้อย ตามด้วยแอลกอฮอล์พอกึ่ม ๆ (เร้ด หมดไปขวดนึง) คัลลัมก็อยากจะลองจังไอ้ Ministry Of Sounds ที่ Astra เนี่ย ค่าเข้าคนละ 500 ได้ 1 drink ขอเข้าไปดูก่อนมันก็ไม่ยอม ( -*- ) ก็จริงอ่ะ เข้าไปแล้ว dead มาก ไม่ค่อยมีคน แต่เพลงดี
ที่ช็อควงการมาก ๆ (โต้งบอกแล้วไม่เชื่อ) คือ"เจด" จากอิหร่าน
หน้าตาเธอก็เหมือนแขกเปอร์เซียทั่ว ๆ ไป ผมบาง ร่างกะทัดรัด พูดจาเนิบนาบ ชิว ๆ โต้งทักแล้วเชียว "เกย์ป่าววะพี่"
ไอ้เราก็บอกว่า "เฮ้ย ไม่มั้ง"
แต่หลังจากผ่านบทพิสูจน์ที่ RCA ไปแล้ว ไม่ใช่แค่ "ไม่มั้ง" แล้วล่ะ มันไม่ใช่เกย์ด้วย อีนี่มันแต๋วแดก สาวแตกล้านเปอร์เซ็นต์เลยแหละมรึ๊งงง..!!!
เริ่มจากเต้น ๆ แบบเก็บอาการไปก่อน แต่ผ่านไปได้ 3 แทร็ค จาก "เจด" เริ่มออกเป็น "เจ๊" เจ๊จองคนเดียวทั้งฟลอร์ สยบสายตาทุกคู่ใน Astra เจ๊ใส่หมดทุกท่าตั้งแต่มาดอนน่า ชากีร่า ยัน เกว็น สเตฟานี่ !!!
เล่นเอาหนุ่ม ๆ ที่ยกโขยงกันไปด้วยกัน แตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
รอน คนฮ่องกงรีบแทรกตัวออกไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมากระซิบถาม "คุณว่าเค้าเป็นเกย์ป่ะ" เราหันไปมองเจดที่กำลังเต้นส่ายตูดอย่างเมามันส์อยู่บนฟลอร์ แล้วก็ตอบไปว่า "ถ้าไม่ใช่ก็ไม่รู้จะเป็นไรแล้ววะ ดูดินั่นน่ะ"
ถ้าอยู่เมืองไทย ป่านนี้ผ่าตัดแปลงเพศไปแล้วแหงแซะ
หนุกดีเหมือนกัน เกิดมาไม่เคยเจอคนอิหร่าน พอเจอเข้าซะคนก็ดันเป็นตุ๊ดไปซะอีก เออวุ้ย แปลกๆ ดีเหมือนกันอ่ะนะ
Create Date : 09 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2549 12:43:46 น. |
Counter : 947 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
คนไทย ธรรมด๊าธรรมดา เกิด และ โต ณ กทม. ปัจจุุบัน ทำงานในบรัสเซลส์ ยามว่าง(และยามไม่ว่าง แต่กระเสือกกระสนให้ว่าง) ชอบแบกเป้เที่ยวนู่นเที่ยวนี่ นี่ก็เหลืออีก ร้อยกว่าประเทศเองก็ยังไม่ได้ไป ฮ่าๆๆๆ ฮืออออ.. (T_T)
|
|
|
|
|
|
|