"ปลาส้มฟัก" การเดินทางของปลาจากเมืองพวน
เรื่องและภาพโดย : นันทนา ปรมานุศิษฏ์
หลายเดือนที่ผ่านมาฉันเทียวไล้เทียวขื่อ ไปกินนอนฝากท้องอยู่ที่ลพบุรีเสียหลายสิบมื้อ เข้าร้านอาหารไทยพวนอยู่บ่อยๆ ก็พยายามพินิจว่าอาหารพวนคืออะไร เพราะเมนูส่วนใหญ่ก็เหมือนกับอาหารไทยเราดีๆ นี่เอง
ที่เห็นเด่นชัดเป็นอัตลักษณ์ของอาหารพวนคือ อาหารที่ใส่ปลาร้า และปลาส้ม ที่ทำมาจากปลาเกล็ดน้ำจืด โดยเฉพาะปลาตะเพียนทั้งตัวนำมาหมักกับเกลือ ข้าวสุก และกระเทียมจนมีรสเปรี้ยวนำไปทอด รสเค็มๆ เปรี้ยวๆ เจริญอาหารดีนักแล กับอีกอย่างหนึ่งที่มักขายคู่กันคือ ปลาส้มฟัก ที่กรรมวิธีทำนั้นคล้ายกันเพียงแต่นิยมใช้ปลาหนังจำพวกปลากรายมาขูดเอาเนื้อสับให้เหนียวแล้วหมักด้วยเครื่องหมักที่เหมือนกับปลาส้ม ห่อใบตอง หรือห่อในถุงพลาสติกหมักจนเปรี้ยวก็กินได้เช่นเดียวกับแหนม หรือที่นิยมกันก็จะนำมาทอดกินแนมกับถั่วลิสงทอด ขิง หอมแดง และพริกขี้หนูสด รสชาติทำนองเดียวกับแหนมเพียงแต่เปลี่ยนจากเนื้อหมูมาเป็นเนื้อปลา
ชาวลาวนอกจากจะนำไปทอดแล้วยังนำไปคั่วกับพริก ขิง กระเทียม ที่โขลกหยาบๆ คั่วแห้งๆ ซึ่งใส่ได้ทั้งเนื้อปลาส้มที่นำไปสับหยาบๆ และปลาส้มฟัก แล้วใส่ต้นหอมและผักชีซอย
ฉันเปิดดูพจนานุกรมภาษาไทยพวนได้ความว่า ฟัก เป็นคำกริยา แปลว่า สัน หรือฟันถี่ๆ ปลาส้มฟักก็หมายถึง การนำปลามาสับนั่นเอง ทั้งปลาส้มและปลาส้มฟักเป็นของขึ้นชื่อของชาวไทยพวนลพบุรีที่มักซื้อหากันเป็นของฝาก ซึ่งมีต้นสายมาจากชาวพวนแห่งเมืองพวนในสปป.ลาว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแขวงเชียงขวางทางตะวันออกติดกับประเทศเวียดนาม
ชาวพวนอพยพจากลุ่มน้ำพวนมาสู่ลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำบางปะกงในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์และหัวเมืองต่างๆ ที่เรียกรวมกันว่าหัวพันทั้งห้าทั้งหก อันมีเมืองคำม่วน เมืองคำเกิด เมืองเวียงไชย เมืองไพศาลลี เมืองซำเหนือ และเมืองเชียงขวาง กวาดต้อนมาอยู่ที่เมืองสระบุรี ลพบุรี นครนายก และฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีการกวาดต้อนชาวพวนอีกหลายระลอกคือ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมๆ แล้วมีชาวพวนอยู่ในประเทศไทยถึง 15 จังหวัด ซึ่งยังคงสืบทอดวัฒนธรรมไว้ได้ดี มีฝีมือในการทอผ้ามัดหมี่และตีนจก
หากมีโอกาสไปเยือนถิ่นชาวพวนอย่าลืมซื้อปลาส้มฟักมาลองลิ้มชิมรสกันนะคะ
รวมรสโอชาครัวอาเซียน ผลงานเขียนนันทนา ปรมานุศิษฏ์ ในนิตยสารเส้นทางเศรษฐี
"ฉันทำอาหารเพราะมีความสุขที่ได้ทำ ยิ่งได้ทำก็ยิ่งอยากจะค้นหาความหมายเบื้องหลังอาหารแต่ละจานซึ่งมักจะมีเรื่องราวชวนให้เราตื่นเต้นเสมอ เช่นเมื่อได้เจอกับของแปลกใหม่ หรือแม้แต่เป็นสิ่งเดิมๆ แต่พบในที่ซึ่งคาดไม่ถึง ยิ่งศึกษามากเท่าใดก็ยิ่งรู้ว่าฉันไม่รู้มากขึ้นทุกที เมื่อไม่รู้ก็ยิ่งอยากรู้ การผจญภัยไปในโลกของอาหาร...คือการผจญภัยในโลกกว้าง เมื่อคุณเปิดใจมากเท่าใดคุณก็จะได้สัมผัสกับโลกมากเท่านั้น" - (จากบทนำผู้เขียน โอชาอาเซียน)
Create Date : 11 มิถุนายน 2560 | | |
Last Update : 12 มิถุนายน 2560 7:56:04 น. |
Counter : 913 Pageviews. |
| |
|
|
|