นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ

Group Blog
 
All blogs
 

ล่องลอย

1275826674.jpg

@ ละลิ่วล่อง ลอยไป ไม่เห็นฝั่ง
ใจก็ยัง หวังคิด ด้วยจิตหมาย
สักวันหนึ่ง คงถึง ตลิ่งได้
วาดหวังไว้ จะสร้างตน ให้คนชม
@แต่ยามนี้ ไม่มี ที่หมายมั่น
ด้วยตัวฉัน ล่องลอยไป ไม่เห็นสม
ฝากชีพนี้ ลอยไป กลางคลื่นลม
อกระทม ตรมเศร้า เฝ้าคร่ำครวญ
@หากลมเงียบ คลื่นสงบ คงพบฝั่ง
จะปักฝัง ธงชัย ให้คนเห็น
จะเฝ้าเพียร อุตสาหะ ทุกเช้าเย็น
จะยอมเป็น รองบาทเจ้า ยามเจ้าเดิน
@เพียงแค่นั้น ฉันก็สุข คลายทุกข์เข็ญ
ได้ไปเป็น สิ่งที่เป็น ไม่ขวยเขิน
เป็นรองเท้า ฟองน้ำ ยามเจ้าเดิน
ดีกว่าเพลิน ท่องทะเล ว้าเหว่จัง

สมบูรณ์ เต็มชื่น/๖ มิถุนายน ๒๕๕๓




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2553    
Last Update : 17 มิถุนายน 2553 19:03:25 น.
Counter : 808 Pageviews.  

คู่ชีวิต-ร่วมชีวา

รูปถ่าย285.jpg


สถานที่ :สวนจตุจักร/กรุงเทพ

@คู่ชีวิต คู่คิด คู่ชีวา
ร่วมชายคา ตายาย ไม่ผายผัน
จะหมื่นปี พันเดือน หลายร้อยวัน
จะอยู่กัน ทุกทุกวัน มั่นในใจ
@จะร่วมทุกข์ เสพสุข เธอกับฉัน
ทุกทุกวัน หันหา มองหน้าใส
ถึงจะเหี่ยว ถึงจะแก่ ไม่เป็นไร
ขอเพียงใจ ยึดถือมั่น เท่านั้นพอ
@จะร่ำรวย หรือจนยาก บากบั่นสู้
จะขออยู่ เคียงใกล้ อย่างนี้หนอ
กินไม่อิ่ม กินแค่นี้ ก็ดีพอ
จะสู้ขอ เมตตาจิต จากมิตรเพลง
@ จะร่วมร่าย เพลงรัก จากใจนี้
เผื่อว่ามี เศษเงินให้ ไม่ข่มเหง
สองมือน้อย ค่อยค่อยสร้าง เป็นเสียงเพลง
กล่อมบรรเลง เพลงรัก ให้ถักทอ

สมบูรณ์ เต็มชื่น/๖ มิถุนายน ๒๕๕๓








 

Create Date : 06 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 13:56:07 น.
Counter : 1199 Pageviews.  

นิราศรักแดนอิสาน


@นิราศรักแดนอิสาน@

@ต้องนิราศพลาดพลัดไปจากถิ่น

เคยอยู่กินวิ่งเล่นเป็นสุขหลาย

จากวิท-ลัยมุ่งไป “ เมืองหนองคาย ”

ใจวูบหายหล่นร่วงทรวงร้าวราน

@คิดถึงน้องตระกองกอดกันอบอุ่น

ใจว้าวุ่นห่วงหาให้สงสาร

ได้นอนกอดก่ายเกยเมื่อคืนวาน

ต้องซมซานลานลนจนเพลียใจ

@ล้อหมุนไปใจหมุนกลับชักสับสน

ต้องจำทนห่างหายเหมือนผลักไส

รอพี่ก่อนเถิดหนาแม่ยาใจ

จะกลับไปดมกลิ่นกายให้หายคัน

@ผ่าน “ ยุธยา ” เมืองนาข้าวเศร้าดวงจิต

ให้หวนคิดถึงท้องนาคราสุขสันต์

เคยจับปลาหาปูมากินกัน

ร่มไม้นั้นเธอฉันเคยได้นอน

@เห็นควายน้อยอ้อยสร้อยเคียงข้างแม่

พี่เหลือบแลเบาะนั่งว่างใจสังหรณ์

เป็นห่วงนักเป็นห่วงหนาห่วงบังอร

ป่านนี้นอนหลับแล้วหรืออย่างไร

@เจ้าอยู่บ้านหมั่นหว่านกล้าดำนานะ

แล้วพี่จะกลับมาพร้อมคราดไถ

จะมาเคลียร์ที่นาอย่างตั้งใจ

หญ้ารกไม่ให้เหลือเบื่อตาเลย

@พี่จะค่อยค่อยแกวกแหวกพงหญ้า

ช้อนลูกปลาตัวน้อยนอนนิ่งเฉย

พี่ปลาช่อนตัวใหญ่คงคุ้นเคย

จะฮุบเลยฮุบเจ้าเข้าอุทร

@ผ่านนาข้าวผ่าเข้าในดงตึก

ดูคักคึกเรียงรายแลสลอน

เห็นคนงามมากมายบนทางจร

ขวักไขว่ตอนเช้าตรู่ดูวุ่นวาย

@สงสารน้องนางน้อยจากอีสาน

มาทำงานเมืองใหญ่กันมากหลาย

น้องนางหนีความจนหนีอดตาย

มาเร่ขายแรงกายขายกำลัง

@คนอีสานทั้งอีสานทิ้งฐานถิ่น

เราถวิลบินไปอีสานด้วยมุ่งหวัง

ไปชมเมืองชมคนจนใจจัง

ในเมื่อยังคนอีสานใกล้บ้านเรา

@โอ้อีสานยามนี้เห็นทีแย่

เหลือคนแก่นั่งหาวที่หลังเขา

รอลูกหลานกลับคืนสู่ลำเนาว์

เมื่อตอนเข้าเทศกาลมีงานบุญ

@บุญปีใหม่สงกรานต์เข้าพรรษา

ลูกคงมาเยี่ยมนามาเกื้อหนุน

ชื้อข้าวของหยูกยามาเจือจุน

ขอผลบุญหนุนนำเพราะทำดี

@เลย “ยุธยา”ผ่าเข้า “สระบุรี”

เมืองนี้มีกะหรี่ปั๊บนับเป็นศรี

ของอร่อยของขายได้และขายดี

เป็นกะหรี่มีขายกันทั้งเมือง

@นี่ไส้ถั่วนั่นไส้ไก่ไหนไส้หมู

ลองมาดูซักกะหรี่ซิน้องเอื้อง

เคี้ยวกะหรี่แต่ตาพี่นี้ชำเลือง

น้องเสื้อเหลืองมะเลืองมลังนั่งไม่ดี

@ต้องหลับตาหลบหนีกะหรี่ปั๊บ

ไม่อยากนับเส้นสาหร่ายหลากหลายสี

กางเกงในเขาวางขายตั้งมากมี

โถคนดีไม่ซื้อใส่ใจถึงจัง

@นั่งคิดถึงเส้นสาหร่ายไปหลายยก

สัปปะหงกหงึกหงักจนยักหลัง

เผลอหลับไปเมื่อไรไม่ระวัง

จนกระทั่งถึง “เพชรบูรณ์”หนุนตาแล

@สะดุ้งตื่นฟื้นตัวลืมตาแป๋ว

ถึงซะแล้วเพชรบูรณ์แดดแดงแจ๋

ค่อยค่อยเปิดเปลือกตาลืมตาแล

เห็นคนแก่ดำนาสองข้างทาง

@บ้างปลูกข้าวโพดหวานทานเป็นฝัก

บ้างปลูกผักผลไม้บ้างเพิ่งถาง

ไถพรวนดินขุดร่องไว้เป็นทาง

บ้างสะสางไร่เก่าเผาควันดำ

@เพชรบูรณ์เขาว่ามะขามหวาน

อยากลองทานดูบ้างคงเลิศล้ำ

เอื้อมมือหยิบมะขามมาคลำคลำ

แม่ค้าทำตาชะม้อยคอยเมียงมอง

@เดินเลียบเลียบเคียงเคียงข้างแม่ค้า

ส่งสายตาหวานใสไปทั้งสอง

ยักคิ้วด้วยเมื่อแม่ค้าหันมามอง

แม่นวลน้องชื่อไรไหนบอกที

@เสียงผู้ชายจากในแผงแถลงว่า

ชื่อ “กัญญา”มีลูกสองน้องเมียสี่

ถอยกรูดหนีใจหายวาบจบกันที

ต้องรีบหันหน้าหนีสามีเธอ

@ก็เมืองนี้ทำไมจะไม่รู้

“เขาทราย”อยู่แถวหน้ากล้าเสมอ

คนเมืองนี้หมัดหนักเสียด้วยเออ

ไม่อยากเจอของหนักหนักชักคร้ามตัว

@ไม่อยากกงอยากกินมันซะแล้ว

มะขามแก้วมะขามหวานคร้านปวดหัว

ต้องรู้จักรักษาเนื้อรักษาตัว

อย่าเมามัวไม่ลืมหูไม่ลืมตา

@วิ่งขึ้นรถขดตัวอยู่เบาะหลัง

คอยระวังระไวไม่ปากหมา

จนรถแล่นเฉื่อยฉิวผ่านเมืองมา

ป้ายข้างหน้า “หล่มสัก”ชักอยากไป

@เห็นต้นสักเรียงรายทั้งซ้ายขวา

คิดถึงหน้า “น้องสัก”แสนสดใส

คิดถึงนัยตาฉ่ำหวานละไม

คิดถึงไหล่งามงามแม่งามงอน

@คิดถึง “รอยสัก”เจ้าที่เคยลูบ

บรรจงจูบรอยสักเจ้ารูปดอกศร

เสียบกลางใจสักไว้ “เหนือเนินดอน”

อกสะท้อนต้องห่างไกลไปหลายวัน

@ถึง “ดงขวาง”พี่ต้องครางโอดโอยลั่น

รถโยกสั่นหวั่นไหวไม่สุขสันต์

เขารื้อทางสายเก่าทำใหม่กัน

คงโยกสั่นแกว่งไกวหลายกิโล

@ทนลำบากลำบนอย่าก่นด่า

ไม่นานช้าถนนเสร็จคงสุขโข

มีถนนกว้างขวางและใหญ่โต

ได้คุยโอ่บ้านฉันนี้มีสี่เลน

@เข้าในเมืองหล่มสักชักตัวสั่น

ท้องไส้ฉันปั่นป่วนชวนโหลนเหลน

แวะกินข้าว “ณัฐติรัตน์แกรนด์โฮเต็ล”

รสชาดเย็นจืดชืดแสนฝืดคอ

@ท่านผู้ว่า “ต่อพงษ์”ลงมารับ

จัดแจงสรรพข้าวปลาอาหารหนอ

บรรยายภาพให้ฟังแบบย่อย่อ

รวยจริงหนอที่นี่มีเหมืองทอง

@แต่ไม่ไหวแพ้ภัยน้ำป่าหลาก

ฉุดกระชาก “บ้านน้ำก้อ”สุดสยอง

อีก “ม้งลาว” “ที่เขาค้อ”ตั้งก่ายกอง

ทหารต้องคุมพวกเขาทั้งเช้าเย็น

@เกษตรเด่นที่เห็นเป็นข้าวโพด

สร้างประโยชน์ช่วยชาวบ้านพ้นทุกข์เข็ญ

แต่ปัญหาคนจนก็ยังเป็น

ปัญหาเด่นท้าผู้ว่าให้มาคลาย

@ยิ่ง"ม้งลาว"ที่เมืองลาวไม่ต้อนรับ

คอยตามจับไปขังยังที่หมาย

ด้วยเป็นฝ่ายต่อต้านมิวางวาย

ก็เลยได้มาพึ่งไทยหลายครัวเรือน

@แรกจรจัดอยู่ที่ “วัดถ้ำกระบอก”

ต่อมาออกอยู่เขาค้อเป็นเสมือน

บ้านพักพิงถาวรนานหลายเดือน

เพื่อคอยเลื่อนเวลากลับสู่เมืองลาว

@คิดคิดไปก็ให้สงสารอยู่

น่าอดสูชีวิตเด็กหนุ่มสาว

คิดถึงบ้านถิ่นกำเนิดอยู่ทุกคราว

เมืองไทยเล่าก็ไม่ใช่บ้านเมืองตน

@ถ้าเป็นเราก็คงงงเหมือนม้งลาว

บ้านเมืองเขาอยู่ไปไม่เป็นผล

ไร้แผ่นดินไร้ที่อยู่เป็นของตน

ฉะนั้นตอนนี้ไทยต้องรักไทย

@จากหล่มสักชักใจไป “ด่านซ้าย”

ไม่ห่างไปจาก “เมืองเลย”ซักเท่าไหร่

แต่ต้องไต่เขาคดโค้งน่าตกใจ

ดีที่ได้รถนำค่อยทำเนาว์

@เป็นเมืองใหญ่ใจกลางโอบภูผา

สิ้นปัญญาหากน้ำหลากจากภูเขา

คงท่วมท้นล้นหลั่งไม่ใช่เบา

ด้วยมีเขาโอบล้อมรอบเป็นขอบคัน

@มาถึง “วัดพระธาตุศรีสองรัก”

ที่ประจักษ์รักสองฝั่งไม่ผกผัน

มิตรภาพไทย-ลาวอยู่คู่กัน

ตราบนิรันดร์ล้านโกฎิปีมิมีคลาย

@ก้มกราบองค์พระธาตุกรานกราบขอ

สองเราหนอรักใคร่ไม่เสื่อมหาย

ให้ผูกรักสมัครจิตจนวางวาย

แม้นตัวตายใจอยู่คู่เคียงกัน

@เข้าเสี่ยงทายเซียมซีที่พระธาตุ

ให้แคล้วคลาดผ่อนคลายอย่าผกผัน

เสี่ยงได้ใบที่ห้าท่านว่ากัน

ยามเมื่อวัน “พระเวส”ออกเขตวัง

@ต้องร่อนเร่เดินไพรสณฑ์กันดารเถื่อน

เรื่องคบเพื่อนเตือนไว้ว่าจงอย่าหวัง

นิ่งนอนใจไม่ได้จงระวัง

กับอีกทั้งลาภอยู่ไกลไม่ลอยมา

@ไม่ค่อยดีฝากไว้ที่องค์พระธาตุ

มีโอกาสจะมาเสี่ยงใหม่หนา

ฉันวันนี้เห็นทีต้องกราบลา

จะรีบพาหัวใจไปในเมือง

@ก่อนจากองค์พระธาตุดูของหน่อย

แผ่นน้อยน้อยเขียวขาวและแดงเหลือง

เป็น" รูปผีตาโขน"มลังเมลือง

ชื่อลือเลื่องงานใหญ่ด่านซ้ายมี

@จากด่านซ้ายวกวนถึงซึ่ง “ภูเรือ”

ร้อนสุดเหลือเหงื่อไคลรินไหลปรี่

เห็นใครใครว่าเมืองเลยหนาวสิ้นดี

ไม่เห็นมีที่ไหนหนาวคราวเรามา

@เรียงรายทางสองข้างมีต้นไม้

เขาวางขายต้นกุหลาบมากจริงหนา

มองลงไปเห็นไม้ดอกช่างงามตา

คิดถึงคราเราสองคล้องแขนชม

@เทศกาลพันธุ์ไม้เคยได้เที่ยว

สองแขนเกี่ยวเหนี่ยวไว้ให้สุขสม

ชี้ชมชวนช่อกล้วยไม้ส่งให้ดม

แซมเสียบผมยาวสลวยสวยบาดใจ

@แต่ยามไกลอกใจให้ไหวหวั่น

โอ้ตัวฉันโศกโศกาจะหาไหน

ต้องจำพรากจากน้องมาแสนไกล

หลายวันได้กลับมาพบสบรักกัน

@สักพักใหญ่จึงได้มาถึง “เลย”

เมืองที่เคยมีคนว่าไว้ขบขัน

ไม่เคยมีใครมาถึงเลยสักวัน

เพราะเมืองนั้นชื่อเลยผ่านเลยไป

@ถึงโรงแรมที่พัก “เลยพาเลซ”

เขาจัดเกรดให้เป็นโรงแรมใหญ่

ทีมจังหวัดยืนต้อนรับอบอุ่นใจ

คัดมาไว้ล้วนแต่สาวชาวเมืองเลย

@ปลัดจังหวัดจัดแจงแถลงไข

เป็นอย่างไรไขขานวานเฉลย

เล่าประวัติความเป็นมาของเมืองเลย

คนไม่เคยมาแต่เก่าได้เข้าใจ

@กินข้าวเสร็จเตร็ดไป “ร้านโอเอซิส”

เพื่อชีวิตนักเพลงบรรเลงให้

เพลงคันทรีเก่าเก่ามันโดนใจ

ครั้นพอได้เวลานอนจรจากลา

@เช้าตื่นฟื้นลืมตาลาสายหมอก

รถเคลื่อนออกไป “บ้านเล็กแสนหรรษา”

ในป่าใหญ่อยู่ได้ด้วยปัญญา

สร้างขึ้นมาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

@แบ่งพื้นที่น้อยใหญ่ให้คนอยู่

ได้ต่อสู้ความจนยากหากขยัน

เน้นเลี้ยงสัตว์และปลูกผักเป็นสำคัญ

ยามว่างงานทอผ้าหลากหลายลาย

@เป็นชีวิตแสนสุขหาทุกข์ไม่

ป่าผืนใหญ่คงอยู่ไว้ไม่สูญหาย

คนกับป่าอยู่กันอย่างสบาย

ขอเพียงให้อย่าทำลายก็แล้วกัน

@ออกจากป่ามุ่งหน้าเข้าสู่เมือง

ชื่อลือเลื่อง “หนองบัวลำภู”นั้น

เมืองน้องใหม่คนรักใคร่กลมเกลียวกัน

และมุ่งมั่นทำมาหาเลี้ยงกาย

@กินข้าวแล้วนั่งเป็นแถวพบผู้ว่า

จำนรรจาบอกกล่าวถึงความหมาย

จังหวัดนี้มีที่มาว่าอย่างไร

เที่ยวที่ไหนใกล้ไกลหายแคลงคลาย

@สินค้าดีมีชื่อเขาลือเลื่อง

ดูเมลืองมลังช่างสวยหลาย

ปีกแมงทับสีเขียววางเรียงราย

เขาทำขายเป็นเข็มกลัดกลัดติดกาย

@ด้วยสมองสองมือและสองแขน

สร้างทดแทนเวลาหารายได้

ช่วยชีวิตให้มีความสบาย

ดีกว่าใช้หมดไปอย่างสิ้นเปลือง

@แล้วเดินทางมาถึงซึ่งหนองใหญ่

หนองบัวไงหลากหลายชมพูเหลือง

เป็นที่มาของชื่อที่ตั้งเมือง

แต่นั้นเนื่องเพลานี้มิมีบัว

@เห็นหนองน้ำกว้างใหญ่ใจครุ่นคิด

คิดถึงมิตรสหายและทูนหัว

มาอีสานแสนไกลไม่เห็นตัว

ฟ้ามัวซัวซึมเศร้าเฝ้ารำพึง

@คิดถึงบ้านนานแล้วที่แคล้วคลาด

น่าอนาจห้องน้อยน้อยคอยคิดถึง

ที่นอนนุ่มนิ่มหนาพาคำนึง

ให้คิดถึงคราเราเข้าห้องนอน

@อยู่ที่นี่ก็มีสาวสวยสวย

ดูเหมือนหมวยฟันขาวเรียงสลอน

คงอบอุ่นถ้าได้กกกอดนอน

แต่สะท้อนในใจไม่อยากทำ

@ด้วยใจจดใจจ่อรอคอยเจ้า

รอคอยเฝ้าวันกลับมาหาคมขำ

ถึงไม่ขาวแต่ผิวก็ไม่ดำ

แค่คล้ำคล้ำแต่ถึงดำก็น่าคลอ

@ที่เมืองนี้มีสินค้ามาวางขาย

ช่างหลากหลายหลายสิ่งจริงเชียวหนอ

ให้คิดถึงของฝากนวลละออ

ยืนรีรอชะเง้อแง้แลชำเลือง

@เห็นเข็มขัดกะทัดรัดจัดวางขาย

เร่เข้าไปยืนดูอันสีเหลือง

เห็นอีกอันสีสันชวนชำเลือง

นกยูงเขื่องปีกแมงทับจับมาดู

@เขาเอาปีกแมงทับมาจับแต่ง

ส่งแสงเปล่งกลัดเสื้อไว้ให้สวยหรู

ฝีมืองามประณีตแบบชั้นครู

หยิบมาดูซื้อเลยไม่เฉยเชือน

@แถวอีสานส่วนใหญ่ขายแต่ผ้า

ดูแปลกตาหลายลายไม่มีเหมือน

ช่างขยันทอผ้ากันทุกครัวเรือน

ไม่เห็นเหมือนคนปักษ์ใต้ไม่ใคร่ทำ

@เวลาว่างแม่ยุพินนินทาผัว

ทั้งของตัวของเขาเล่าแล้วขำ

บ้างจับกลุ่มเล่นไพ่งานไม่ทำ

แถมหน้าดำยามแพ้ช่างแย่จัง

@เสร็จแล้วไปกราบศาล “ ท่านองค์ดำ ”

สง่าล้ำริมหนองมองดูขลัง

ก้มลงกราบปลาบปลื้มในใจจัง

ลูกหลานยังแผ่นดินอยู่เพราะกู้เมือง

@รอบรอบศาลละลานตาไปด้วยไก่

ใครบนไว้แก้ด้วยไก่แดงแซมเหลือง

ท่านชอบไก่เคยท้าเล่นเอาเมือง

จนลือเลื่องล่วงมาหลายธานี

@แล้วกราบลาองค์ดำกลับขึ้นรถ

หมายกำหนด “เมืองอุดรธานีศรี”

เป็นเมืองใหญ่การค้าขายจำเริญดี

หลากหลายมีรวงร้านกลาดเกลื่อนไป

@ทั้งห้างสรรพสินค้าและบาร์ผับ

มีพร้อมสรรพสาวสาวส่งเสียงใส

แต่รอก่อนค่ำค่ำพี่ค่อยไป

ขอไปไหว้ “เสด็จพ่อ”ก่อนจรลี

@ถึงสนามหน้าศาลากลาง “เมืองอุดร”

กราบขอพรเสด็จพ่อให้สุขศรี

เดินทางไกลไปดูงานสะดวกดี

อย่าให้มีเหตุร้ายได้กล้ำกราย

@เขาเตรียมคนไว้ต้อนรับและขับสู้

ดูสวยหรูผิวขาวผมสยาย

ช่างน่ารักน่าชังยามพริ้มพราย

แม่กรีดกรายยามเดินจำเริญใจ

@เข้าที่พัก “เจริญศรีแกรนด์รอยัล”

ช่างเหมือนฝันอ่าโอ่กลางเมืองใหญ่

ใช้คีย์การ์ดแบบโรงแรมทั่วๆไป

สบายใจจริงหนอ “พ่อนักเรียน”

@เข้าห้องพักเสร็จแล้วแกร่วไปเที่ยว

ลัดเลาะเลี้ยวหลายเที่ยวจนปวดเศียร

ก็ “ป๋าเปรม”ขับรถเที่ยวพาวกเวียน

ให้ปวดเศียรเวียนเกล้าจนหาวเรอ

@ก่อนถึง “ร้านชมจันทร์”ผ่านท้องทุ่ง

เขาเรียก “ทุ่งศรีเมือง”สวยเสมอ

“จินตรา”ร้องไว้ในเพลงเธอ

ฟังเสมอ “เพลงน้ำตาสาววาริน”

@บอกว่าสาววารินกินน้ำตา

รอแฟนมาตั้งแต่เช้าเฝ้าผันผิน

แต่ก็กลับหลอกลวงสาววาริน

น้ำตารินไหลพรากต้องจากลา

@ถึงร้านใหญ่ใกล้เมืองรุ่งเรืองแท้

ที่แน่แน่มีเบียร์เหล้าเมาล่ะหว่า

น้ำลายไหลอยากซดเหล้าชุบชีวา

นานแล้วหนาที่ขาดเหล้าเฝ้ารอคอย

@มีกับแกล้มแบบอีสานสำราญสุข

ลาบปลาดุกส้มตำลาวดูน่าหรอย

ไก่บ้านทอดน้ำปลามารอคอย

ข้าวเหนียวหน่อยจ๊กหมูหมักคักจริงเออ

@ยังไม่ทันอิ่มดีต้องหนีจาก

ต้องพลัดพรากส้มตำไทยใจป้ำเป๋อ

เพราะหนึ่งทุ่มท่านผู้ว่ามารอเจอ

อย่าพลั้งเผลอมาไม่ทันเป็นอันซวย

@รุ่งเช้าตื่นฟื้นองค์ยังงงอยู่

เรามาอยู่บนเตียงได้เอ๊ะใครช่วย

ก็เมื่อคืนเมาเหล้าจนระทวย

อาเจียนด้วยเผื่อหมาสี่ห้าตัว

@โบกมือลาเมืองอุดรไปก่อนนะ

วันหน้าจะกลับมาหาทูนหัว

แม่สาวสาวนุ่งสั้นรอนะตัว

อย่าเมามัวนัวเนียจนเสียคน

@มาถึง “วัดโพธิ์ชัยอารามหลวง”

สิ่งยึดหน่วงดวงใจไม่สับสน

"องค์หลวงพ่อพระใส"น้อมนำคน

ท่านช่วยดลบันดาลใจให้ใฝ่ดี

@มีภาพเขียนพุทธประวัติที่ข้างฝา

ทุกทุกฝาของโบสถ์หลากหลายสี

ประเพณีท้องถิ่นก็ยังมี

“บั้งไฟผี”โบราณเล่ากล่าวขานมา

@ปัจจุบันพลันเปลี่ยนชื่อเสียใหม่

เป็น “บั้งไฟพญานาค” เหมาะหนักหนา

ผู้คนแห่หลั่งไหลชวนกันมา

เดือนตุลาออกพรรษามาเต็มเมือง

@ด้านหน้าวัดเขาจัดให้ขายของ

เที่ยวเมียงมองสมุนไพรแท่งเหลืองเหลือง

ยาอะไรเห็นวางขายกันนองเนือง

ลอบชำเลืองหน้าคนขายแล้วร่ายมนต์

@โอมอีมังขังขอบให้ตอบด้วย

มนต์ไม่ช่วยถึงคราวสาวไม่สน

แถมทำหน้าดุดุแบบชอบกล

ต้องร่ายมนต์ “ตีนหมา”ขอลาที

@ถึง “หนองคาย”ชายแดนด้านการค้า

กับมหามิตรลาวเราน้องพี่

ฟังผู้ว่าเจรจาและพาที

เล่าเรื่องที่เมืองลาวเขากล่าวชม

@“ผ้าเย็นขาว”เมืองลาวว่า “ผ้าอนามัย”

“ไฟแดง”ไซร้ลาวเอิ้นเห็นเหมาะสม

“ไฟอำนาจ”ห้ามไปเดี๋ยวรถชน

แล้ว“น้ำก้อน”คือ “น้ำแข็ง”ชงเหล้ากิน

@“ห้องประสูติ ”ลาวพูดแทน “ห้องคลอด”

งงตลอดคนปักษ์ใต้ไม่คุ้นลิ้น

หากเข้าไปเมืองลาวคงอดกิน

ด้วยไม่ชินกับภาษาทางฝั่งลาว


@เสร็จแล้วไป “ท่าเสด็จ”ริมแม่น้ำ

ลาวใช้ข้ามไปมาหาสู่สาว

ไทยก็ข้ามไปหาแม่หญิงลาว

เขื่อนคันยาวมองจากไทยไกลสุดตา

@แวะทานข้าว “แดงแหนมเนือง”เลื่องลือชื่อ

อาหารคืออาหารญวนชวนหรรษา

แต่คนใต้สุดแสนเอือมระอา

อะไรหว่ากินยังไงไม่เคยกิน

@“แหนมเนือง”นั้นเป็นท่อนแหนมใช้แป้งห่อ

แล้วใส่ต่อบรรดาผักจนหมดสิ้น

กินเข้าไปแค่นแค่นทดลองกิน

แปร่งแปร่งลิ้นกินไปหัวเราะไป

@อีกจานหนึ่งมีเส้นขาวเรียก “ข้าวปุ้น”

ผักทั้งดุ้นคลุกเคล้าน้ำจิ้มใส่

กินแหม่งแหม่งอาหารญวนนี่กระไร

แค่นกินไปยังดีมีรสคาว

@ท่าเสด็จมี "ตลาดอินโดจีน"

ล้วนของกินมากมายส่งเสียงฉาว

อีกทั้งมีเครื่องใช้จากเมืองลาว

สร้อยเงินขาววาววับนับแผงยาว

@อีกเครื่องใช้ในครัวมาจากญวน

ชี้เชิญชวนซื้อหาแม่ค้าสาว

หน้าใสใสดูไม่ออกญวนจีนลาว

ผิวแม่ขาวแก้มช่างใสไปทุกคน

@เดินดูคนมากกว่าจะซื้อของ

เที่ยวมองมองเห็นคนเดินสับสน

อ๋อมีป้ายสุดแดนไทยให้ผู้คน

สาละวนถ่ายรูปหมู่เคียงคู่กัน

@ที่ป้ายนั้นเป็นรูปพญานาค

เลื้อยอ้าปากสองตัวเตะตาฉัน

หางชนกันแยกซ้ายขวาต่างฝ่ายกัน

ไทย-ลาวนั้นสองฝั่งโขงเชื่อมโยงใจ

@บ่ายสองกว่าต้องเอ่ยลาแม่ค้าสาว

เอ่ยลาเจ้าแต่ในจิตคิดหวั่นไหว

พี่ต้องไปก่อนหนาแม่ยาใจ

โอกาสใหม่เบื้องหน้าจะมาดู

@ถึง “โรซ่า”แดงจ๋ามะเขือเทศ

ปลูกทั่วเขตทั่วแคว้นสุดลูกหู

สุดลูกตาเป็นแถวช่างน่าดู

แต่เพิ่งรู้แค่สองบาทต่อกิโล

@ปลูกแทบตายขายได้แค่สองบาท

โถตลาดมะเขือเทศสมเพศโข

ปีไหนมากบาทห้าต่อกิโล

ร้องไห้โฮขนมาหน้าอำเภอ

@ผู้จัดการเล่าว่ามีสี่บริษัท

แต่อึดอัดขาดแรงงานนำเสนอ

เป็นปัญหายิ่งใหญ่ที่ต้องเจอ

ผลน่ะเหรอต้องปิดกิจการ

@ฟังบรรยายตาลายปวดหัวหนึบ

แถมมึนตึ๊บ กป.เจ็ดน่าสงสาร

ขาดข้อมูลเนื้อหาวิชาการ

ต้องซมซานเปิดเน็ตเสร็จเลยเรา

@จาก “โรซ่า”ข้ามมาที่ฝั่งลาว

เดินตามเขาลาว-ไทยคงไม่เหงา

สะพานใหญ่รถไฟวิ่งเชื่อมบ้านเรา

แต่น่าเศร้าเพียงฝั่งเราที่สร้างทาง

@แสนตื่นเต้นเป็นครั้งแรกที่ได้มา

พร่ำเพ้อหาแม่หญิงลาวแต่รุ่งสาง

รอพี่หน่อยจะไปหาแม่น้องนาง

อย่าเพิ่งหมางหมองจิตคิดหลบไป

@ถึงฝั่งลาวคนเข้าแถวยาวเหยียด

บ้างเบียดเสียดแย่งกันจะไปไหน

อ๋อที่แท้คนลาวจะเข้าไป

กลับคืนในแดนดินถิ่นเมืองลาว

@ดิวตี้ฟรีที่นี่มีของมาก

ส่งมาจากเมืองจีนถิ่นคนขาว

เสียงต่อรองราคาเป็นเรื่องราว

บ้างเหล่สาวหญิงลาวไม่ซื้อจริง

@ของที่เห็นส่วนใหญ่เป็นมือถือ

วางขายอื้อแต่เราไม่สุงสิง

เดินมองหน้าแม่ค้าตาระวิง

สุดท้ายนิ่งสาวสะคราญร้านขายเบียร์

@สะดุดตาหน้าขาวและตาสวย

หวานซะด้วยยิ้มทีพี่ใจเสีย

เดินเข้าไปในร้านหวังคลอเคลีย

เลยสั่ง “เบียร์ลาว”แกล้มแก้มน้องยา

@ดื่มไปพลางมองไปพลางช่างสุขแท้

จนเมาแปร๋แต่ปากยังเรียกหา

“อักษรสวรรค์”คนดีของพี่ยา

ช่วยจัดหาเบียร์ขวดใหม่ให้พี่ที

@ก่อนจากลามองตาหวานสุดซึ้ง

จะนึกถึงดวงหน้านวลฉวี

แม่จำปาดอกดวงของพี่นี้

ขอลาทีแล้วพี่จะมาตามใจ

@ออกจากลาวเข้าพักโรงแรมเด่น

“หนองคายแกรนด์”เด่นล้ำนำสมัย

ไปกินข้าว “ร้านเลอของ”อยู่ไม่ไกล

ดูน้ำไหลในลำโขงเรือโทงเทง

@ได้อวยพรวันเกิดเพื่อนร่วมรุ่น

ชุลมุนเพราะผู้ว่ามายืนเขลง

ร่วมอวยพรพวกเราอย่างกันเอง

ช่างครื้นเครงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์

นั่งกินข้าวมองฝั่งลาวเศร้าดวงจิต
เพราะยังคิดถึงสาวจ้าวเสน่ห์
ขอน้องพี่แม่หญิงลาวอย่ารวนเร
อย่าหันเหจงรอพี่ที่ฝั่งลาว

@เช้ารีบตื่นล้างหน้ามา “จอมแจ้ง”

ซึ่งเป็นแหล่งโฮมสเตย์ยามหน้าหนาว

เข้าต้อนรับขับสู้เล่าเรื่องราว

ความปวดร้าวเศร้าใจในปางบรรพ์

@จากความจนค่นแค้นแสนสาหัส

กำนันจัดเวทีที่สร้างสรรค์

ร่วมประชุมปรึกษาหารือกัน

แสงวูบนั้นพลิกความคิดให้ผิดไป

@เราต้องช่วยกันก่อนจะร้องขอ

ช่วยกันหนอให้ชีวิตพออยู่ได้

จนกระทั่งพอมีและพอใช้

ขั้นต่อไปมีเหลือเพื่อเก็บออม

@จนลืมตาอ้าปากหายยากแค้น

คนเป็นแสนเอาอย่างช่างเนื้อหอม

มาศึกษาดูงานแล้วต้องยอม

ขอนอบน้อมนับถือว่ามือดี

@แล้วก็ลาจอมแจ้งแย่งขึ้นรถ

ใจจ่อจด “เมืองเวียงจันทน์”อันสดศรี

รถแล่นไปไม่ทันใจเราสักที

ตัวอยู่นี่ใจเคียงข้างน้องนางลาว

@ผ่านแดนไทยเข้าไปในทางด่าน

ข้ามสะพานลาว-ไทยไม่ง่วงหาว

อยากรีบไปสบตาแม่หญิงลาว

อยู่ไหนเล่าที่ขาวขาวเฝ้ามองเมียง

@จุดแรกสุดหยุดที่ “ตลาดเช้า”

งงแล้วล่าวเช้าใยถึงใกล้เที่ยง

อ๋อตลาดเช้าของลาวเป็นแต่เพียง

คน “ทับเที่ยง”เรียกว่า “ห้าง”ช่างใหญ่โต

@มีของข้าวให้ชาวลาวจับจ่ายซื้อ

ทั้งมือถือทองหยองกองอักโข

ทั้งเสื้อผ้ากระเป๋าถือแบบไฮโซ

ลาคอสโก้โอ้นั่นหลุยส์กะลุยเอ

@เดินเตร็ดเตร่ด้านในใจสะดุด

สั่งตีนหยุดตามใจไม่ไขว้เขว

เห็นในตู้ขายโนเกียร์กันทั้งเพ

ไม่หักเหพุ่งเข้าไปถามไถ่เธอ

@ส่งรอยยิ้มหวานเจี๊ยบเหมือนเทียบเชิญ

ให้ก้าวเดินน้อมนำคำเสนอ

ดูมือถือรุ่นใหม่เสียจนเบรอ

นางเสนอหลายรุ่นจนงุนงง

@มือถือสวยแต่สวยไม่เท่าสาว

วงหน้าเจ้าขาวนวลชวนไหลหลง

ล้วงเงินมาพยักหน้าตอบตกลง

ยังงงงงซื้อไปได้อย่างไรกัน

@ฉากต่อไป “ประตูไชย”เด่นสง่า

กลางมหานครสะท้อนฝัน

เป็นตำนานชาวลาวเล่าขานกัน

ประตูนั้นประกาศกร้าวลาวนำชัย

@แม่ไกด์ลาวขาวจั๊วระรัวพูด

สูงชะลูดสวยเป็นบ้านัยน์ตาใส

นำเที่ยวชมบ้านเมืองด้วยสุขใจ

คนอะไรช่างปากกล้าน่าเกรงกลัว

@เสียงในฟิล์มพากษ์เสียงลาวหนาวเลยตู

ไม่คุ้นหูฟังฟังไปให้นึกหัว

ไม่เข้าใจไม่รู้เรื่องซักกะตัว

เหงากินชัวร์มาเมืองลาวนั่งหาวเรอ

@“เธอแหกตา”แล้วพาไป “พระธาตุหลวง”

ลาวทั้งปวงบูชามาเสมอ

องค์พระธาตุทองอร่ามงามจริงเออ

จนละเมอก้มลงกราบทราบซึ้งทรวง

@ลาวโบราณคงรุ่งเรืองเหมือนเมืองแก้ว

งามเพริศแพร้วพร้อมพรั่งดั่งแดนสรวง

แสนเสียดายแอบอดสูอยู่ในทรวง

องค์พ่อหลวงถูกกระชากจากบันลังก์

@หันหน้าไปในทิศเมืองไทยอยู่

น่าอดสูพวกอยู่ไปไม่มีหวัง

ไม่ศรัทธาเชื่อมั่นในบันลังก์

รวมพลังสร้างความป่วนพวกกวนเมือง

@ขอองค์พ่อเหนือหัวไทยใจเป็นสุข

ขออย่าทุกข์กับบรรดาหัวแดง-เหลือง

แม้ตัวตายเลือดในกายไหลท่วมเมือง

ยอมสิ้นเปลืองทั้งโคตรก่นโคตรมัน

@ถึงซากศพถมทับนับล้านแสน

สั่งสมแค้นเป็นภูตผีที่สุขสันต์

ตามล้างผลาญพวกอัปรีย์สีกะบาล

ให้ซมซานคลานออกนอกแผ่นดิน

@ใครสิ้นชาติสิ้นไปไทยไม่สิ้น

แม้นเพียงพินอย่าหมายจงถวิล

องค์กษัตริย์ไทยต้องอยู่คู่แผ่นดิน

สยามมินทร์ป้องปกไทยให้ยืนยง

@ฉากสุดท้ายก่อนบ๊ายบายจากเมืองเขา

ต้องจากลาวคราวนี้พี่ไหลหลง

มอบหัวใจให้เจ้าหมดทั้งองค์

คราวหน้าคงได้มาพบหน้ากัน

@ข้ามสะพานไทย-ลาวอีกคราวแล้ว

คิดถึงแก้วกัลยาแก้วตาฉัน

ถึงยากจนข้นแค้นอยู่ทุกวัน

ขออยู่มันในเมืองไทยจนวายปราณ

@ถึงโรงแรมเข้านอนตอนดึกดื่น

ต้องสะอื้นอยากเห็นหน้าแม่ตาหวาน

จากมาไกลจากไปตั้งเนิ่นนาน

อยากพบพานมิ่งแม่ถึงแก่กาย

@ถึงตัวแก่เหลาแหย่ไม่เอาไหน

แต่ก็ใจใสสดอยู่ไม่รู้หาย

จะขอรักภักดีจนตัวตาย

รักมิคลายสายสมรอ่อนใจตรม

@เช้าขึ้นตื่นฟื้นองค์ลงสรงน้ำ

แต่งองค์งามชุดเก่าที่สวยสม

เดินอกแอ่นลงมาเสวยนม

แกล้มขนมหลากหลายสบายพุง

@ทั้งน้ำส้มกาแฟแลผลไม้

เหวยเข้าไปไม่นานหมดหลายถุง

เหน็บกล้วยหอมใบใหญ่ไว้ข้างพุง

เดินเอวตุงพุงห้อยคอยรถมา

@รถแล่นไปจิตใจไม่สุขนัก

ละล้าลักลังเลคอยเหล่หา

คิดถึงแม่หญิงลาวที่จากมา

ชะเง้อหามองไม่เห็นเป็นทุกข์จริง

@ค่อยค่อยหดคอลงมองพื้นรถ

แสนรันทดนั่งทุกข์ใจไม่สุงสิง

พวกเพื่อนพ้องเรียกอย่างไรไม่ประวิง

นั่งนิ่งนิ่งน้ำตาไหลไปเป็นทาง

@อีกไม่รู้กี่หมื่นปีพี่จะพบ

มาประสบพบหน้ายามฟ้าสาง

อิงแอบไออกอุ่นของน้องนาง

เฝ้าจูบปรางค์พลางกอดได้พลอดชม

@หอมเนื้อน้องผ่องผุดสุดสวาท

แต่อนาจเพลานี้ไม่มีสม

โอบรอบกายพี่ชายนี้มีเพียงลม

ทุกข์ระทมตรมเศร้าเราต้องลา

@รถแล่นห่างจากชายแดนยิ่งแสนช้ำ

เจ้าจงจำคำพี่ให้ดีหนา

อีกไม่นานผ่านปีพี่จะมา

รับน้องยากลับไทยไปด้วยกัน

@คงต้องจบนิราศนี้ที่อีสาน

เขียนเนิ่นนานพาลให้ไม่สุขสันต์

ผ่านชีวิตผ่านเรื่องราวมาหลายวัน

สุขทุกข์นั้นพัวพันปนกันไป

@หยุดสะอื้นกลืนกล้ำน้ำตาแห้ง

สูดแรงแรงลมหายใจไม่หวั่นไหว

ป่าข้างนอกลมพัดเกรียวกราวไป

แต่ในใจลมรักหยุดพัดลง

@ตาน้อยน้อยค่อยค่อยห้อยมาเชื่อมติด

หาวนิดนิดสงบจิตคิดไหลหลง

คอน้อยน้อยก็ค่อยค่อยพับอ่อนลง

น้ำลายลงไหลย้อยห้อยเป็นทาง







เขียนโดย boonja@krabi




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2553    
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 14:49:23 น.
Counter : 1782 Pageviews.  

วัดป่าสุนันทวนาราม/กาญจนบุรี


@วัดป่าสุนันทวนาราม/กาญจนบุรี@

@เคยสงสัยทำไมต้องให้เรียน

หมั่นอ่านเขียนเรียน “ ธรรม ” จำให้ได้

คำสอนองค์ศาสดามีมากมาย

จำไม่ได้ไม่สนใจไม่อยากเรียน


@ถูกบังคับให้มาศึกษาธรรม

เสียงบ่นพร่ำเรียนทำไมให้คลื่นเหียน

ออกเดินทางจากกรุงเทพเพื่อเข้าเรียน

ทางวกเวียนใจวกวนปนกันไป


@ถึง “ ไทรโยค ” โศกซ้ำช้ำดวงจิต

ใจหงุดหงิดนี่มันป่าพาหวั่นไหว

เหลียวมองขวาย้ายมาซ้ายให้หวั่นใจ

จะอยู่ได้หรือนี่เราเศร้าใจจัง


@เข้าห้องพักต้องชะงักชะแง้หัน

โรงนี่มันนอนได้ไงไม่เหมือนหวัง

ไม่มีแอร์ซ้ำที่นอนก็ร้อนจัง

ทำใจนั่งยองยองมองโรงนอน


@มีแต่เสื่อกับหมอนนอนไม่ไหว

ไฟก็ให้เพียงหลอดเดียวเสียวสังหรณ์

ซ้ำห้องน้ำก็ห่างไกลจากโรงนอน

อกสะท้อนใจสะท้านขี้คร้านจัง

@ตื่นตีสี่ไม่สีฟันกลั้นล้างหน้า

เช็ดขี้ตาบิดกายหายปวดหลัง

แต่งชุดชาวอย่างเนือยเนือยเหนื่อยใจจัง

ต้องไปนั่งนั่งนั่งเพื่อฟังธรรม

@หกโมงเช้าพระเข้ามานำสวด

แสนเมื่อยปวดใจไม่ตั้งนั่งขยำ

ขัดตะหมาดนั่งสมาธิเหมือนมีกรรม

อดทนทำพร่ำคิดไปว่าไม่นาน

@แล้วออกไปเดินจงกรมวนรอบรอบ

ไม่เคยชอบไม่เคยทำไม่หนุกหนาน

เดินเดินเดินเดินไปได้ตั้งนาน

ก้าวผ่านผ่านก้าวพ้นพ้นหนทางจร


@ต้องถือศีลตั้งแปดข้อใจท้อทด

มื้อเย็นอดให้ซดน้ำเขาพร่ำสอน

หกโมงเย็นต้องรีบเผ่นจากโรงนอน

ทำวัตรตอนเย็นเย็นให้เห็นธรรม

@แล้วต้องนั่งหลังขดอดทนนั่ง

ฟังฟังฟังพระพูดจนตูดช้ำ

ไม่เห็นแสงพระธรรมเลยสักคำ

อกระกำทำไมไม่ให้นอน

@พอสามทุ่มปล่อยไปให้พักผ่อน

สี่ทุ่มนอนปิดไฟใจเริ่มหลอน

ลืมตาโพลงหวั่นใจไม่กล้านอน

อกสะท้อนนอนฟังเสียงเรียงร้อยคำ

@เสียงโครกครางครอกฟี้มีหลายหลาก

บางคนขากโขกคอหัวร่อขำ

บ้างละเมอเออมีเรื่องให้จดจำ

พูดซ้ำซ้ำย้ำให้หายใจยาว

@บ้างเคร่งเรียนเขียนไปไม่ยอมหยุด

จนเทียนกุดสั้นจู๋ไม่รู้หนาว

บ้างก็ยิ้มกับเหล็กเป็นครั้งคราว

สงสัยสาวโทรมาพาร่าเริง

@จนผ่านไปสามวันจึงรู้เห็น

ที่แท้เป็นการทำใจไม่ให้เหลิง

ลดกิเลศลดตัณหาที่เป็นเพลิง

กายกระเจิงใจกระจายให้คลายลง

@พระอาจารย์มิสุโอะควาสโก

ตั้งนะโมแล้วชี้ทางที่เคยหลง

กำหนดจิตบังคับกายให้มั่นคง

ค่อยค่อยปลงคงไว้แต่สิ่งดี

@แล้วสอนว่าอานาปานสติ

เริ่มต้นที่ลมหายใจในวิถี

ทุกทุกยามหมั่นระลึกนึกให้ดี

เข้าทุกทีออกทุกคราวให้เข้าใจ

@ยามเมื่อมีพวกขี้ขี้ที่ในจิต

ขี้หงุดหงิดขี้โกรธไม่ผ่องใส

ขี้น้อยใจขี้กลัวขี้อาลัย

หยุดยั้งไว้จงกลับไปกำหนดลม

@หายใจเข้าลึกลึกนะโยมนะ

ยามจะละหายใจออกให้เหมาะสม

ค่อยค่อยผ่อนยาวยาวจนหมดลม

ความขื่นขมตรมเศร้าเจ้าละวาง

@แล้วสอนให้เดินจงกลมเป็นวงล้อม

พินิจพร้อมตั้งสติแต่รุ่งสาง

ฝ่าสายหมอกเบาเบาลมบางบาง

ชำระล้างใจหยาบคราบอบาย

@เดินไปด้วยคิดไปด้วยช่วยใจคิด

สิ่งถูกผิดพลาดพลั้งสั่งให้หาย

หายใจออกทางเท้าให้สบาย

ทุกข์โศกคลายหายป่วยช่วยฟื้นคืน

@แล้วบอกว่าพญาเต่าแต่เก่าก่อน

คืบคลานนอนหายใจไม่มีฝืน

หนึ่งนาทีสี่ครั้งทุกวันคืน

อายุยืนสามร้อยปีมีถมไป

@แล้วสอนว่าในมนุษ-ปุถุชน

อยากเป็นคนอายุยืนร้อยยี่ไหม

หมั่นกำหนดเข้าออกลมหายใจ

ทำให้ได้หกครั้งต่อนาที

@สอนมากมายจากบ่ายสองถึงบ่ายสี่

สอนให้มีห้องน้ำในใจนี้

เอาไว้ล้างขี้ขี้ที่อาจมี

ทุกทุกขี้ล้างในใจไม่ออกมา

@ลองทำดูจึงรู้ว่าลึกซึ้ง

เริ่มเข้าถึงสัจธรรมคำศาสนา

กำหนดลมหายใจทุกเวลา

ละอัตตาละขี้ที่ในใจ

@แปดวันผ่านเจ็ดคืนพ้นใจพ้นทุกข์

พบความสุขตาเห็นธรรมอันผ่องใส

ได้ล้างจิตสิ่งหมักหมมอยู่ภายใน

กายผ่องใสใจผ่องแผ้วดุจแก้วงาม

@ก้มกราบพระองค์ใหญ่ที่ในโบสถ์

เกิดประโยชน์แก่ใจจนล้นหลาม

ชื่อ “ วัดป่าสุนันทวราราม ”

จะติดตามถามใจไปจนตาย

*************************************
เขียนโดย boonja@krabi




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2553    
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 14:43:02 น.
Counter : 682 Pageviews.  

นิราศรักล้านนา

>@นิราศรักล้านนา@

@ตีหกครึ่งบึ่งไกลไปแอ่วเหนือ

สุขใจเหลือเมืองเหนือคงสุขสันต์

ตั้งใจรอวันนี้มานานวัน

แสนสำราญเบิกบานใจไหนจะปาน

@ไปมาแล้วทุกภาคสู้บากบั่น

ใต้อีสานตะวันออกขอบอกขาน

เขาพาไปศึกษาเพื่อดูงาน

ชมรวงร้านบ้านเรือนเพื่อนผองไทย

@คราวไปใต้ได้ฟังผู้คนเล่า

ถึงเรื่องราวโจรใต้ให้หวั่นไหว

สงสารเด็กเล็กเล็กต้องเสียใจ

น้ำตาไหลเห็นเปลวไฟเผาโรงเรียน

@ไปอีสานหนุกหนานกันถ้วนหน้า

เขาเฮฮารำร่ายไม่ปวดเศียร

คนอีสานเขาขยันและหมั่นเพียร

สู้ร่ำเรียนฝึกฝนทนทำงาน

@มาภาคเหนือสุขเหลือเมืองในฝัน

คงสุขสันต์ด้วยผู้คนเขาอ่อนหวาน

ผิวขาวขาวเสียงเบาเบาพูดยานยาน

เสียงแว่วหวานซ่านใจไปทุกครา

@ถึง “ ท่าตอ ”มากจริงหนอปลาช่อนแห้ง

วางบนแผงเรียงรายทั้งซ้ายขวา

ทอดให้ร้อนวางเคียงพริกน้ำปลา

รีบตักมาข้าวสวยเปิบด้วยมือ

@ล่วงเข้าเขต “ ลพบุรี ”มีน้ำขัง

นามากจังขังปลาในนาหรือ

เห็นชาวบ้านจับปลาเต็มสองมือ

ดูอึงอื้อเต็มท้องนาหน้าเบิกบาน

@ผ่านเข้า “ เมืองสิงห์บุรี ”มีลูกพลับ

เห็นเขานับจับวางพลางเรียกขาน

เชื้อเชิญชิมลูกพลับให้สำราญ

แจกยิ้มหวานให้ด้วยสวยวิลัย

@เหลือบไปเห็นป้ายเขียน “ เค้กปลาช่อน ”

นึกแล้วค่อนข้างงงให้สงสัย

เอาปลาช่อนมาทำเค้กได้อย่างไร

ช่างจนใจเสียดายไม่ได้ชม

@ผ่านล่วงเข้า “ อินทร์บุรี ”มีงูเห่า

เขาบอกเล่าผัดเผ็ดเห็นเหมาะสม

คนเมืองสิงห์ฝีมือน่านิยม

ผัดทอดต้มกลมกล่อมต่อมน้ำลาย

@เลยมาหน่อย “ น้อยหน่าดง ”กองเป็นตั้ง

แม่ค้าชั่งลูกโตโตน่ากินหลาย

เมืองสิงห์นี้ของดีมีมากมาย

อยากจะย้ายมาอยู่ดูสักปี

@เข้า “ ชัยนาท ”ป้ายประกาศบอก “ สวนนก ”

หลายคนยกนิ้วให้เป็นศักดิ์ศรี

ชาวชัยนาทสร้างสรรค์ไว้อย่างดี

คงได้มีโอกาสชมจนสมใจ

@ที่ชัยนาทดารดาษด้วยนาข้าว

สุกสกาวสีทองช่างผ่องใส

นาข้าวคือชีวิตตาย่ายาย

เราเติบใหญ่ก็ด้วยข้าวของชาวนา

@เข้า “ อุทัยธานี ”มี “ กระจับ ”

สีดำขลับเคยเล่นเป็นหนุกหนักหนา

ตอนเป็นเด็กทำเขาควายขวิดกันนา

โตขึ้นมาไม่เล่นเป็นแต่ดู

@“ ตำบลท่าน้ำอ้อย ”เขาห้อยป้าย

อย่างยิ่งใหญ่เขียนไว้แสนโก้หรู

เพื่อต้อนรับฮีโร่แม่โฉมตรู

“ น้องเก๋ ”อยู่ “ นครสวรรค์ ”ฉันชื่นชม

@ถึง “ พิษ-โลก ”เมืองใหญ่ที่ใฝ่ฝัน

เคียงคู่กัน “ แม่น้ำน่าน ”ย่านเหมาะสม

“ พระนเรศ ”ท่านสร้างไว้น่าชื่นชม

“ วังจันทร์ ”จมถมด้วยดินถิ่นโบราณ

@ผู้ว่ากล่าวต้อนรับพร้อมขับสู้

ให้ความรู้ “ อินโดจีน ”ท่านกล่าวขาน

พิษ-โลกนั้นยิ่งใหญ่มาเนิ่นนาน

เมืองหน้าด่านสี่แยกอินโดจีน

@เชื่อมต่อไกลไป จีน ลาว พม่า

ใต้สุดหล้า มาเลย์ได้ผายผิน

หากถนนเชื่อมต่อได้คงได้ยิน

พิษ-โลกถิ่นเชื่อมต่อโซ่ข้อกลาง

@เสร็จแล้วไปกินข้าว “ เหลา ”สุดหรู

บุฟเฟ่ย์ดูยิ่งใหญ่ไม่ขัดขวาง

อาหารดีหลายอย่างมีตั้งวาง

อิ่มท้องกางสำราญใจไปอีกวัน

@เสร็จแล้วเดินทางไป “ อุตรดิตถ์ ”

เมืองโสภิต “ พระยาพิชัย ”เห็นในฝัน

ท่านต่อสู้จนดาบหักกลางคัน

คามือท่านเพื่อลูกหลานได้เป็น “ไท ”


@แล้วเดินทางต่อไปถึงใน “ เขื่อน ”

อยู่กลางเถื่อนเกลื่อนกลาดสายน้ำใส

“ สิริกิติ์ ” เขื่อนดินที่ภูมิใจ

กั้นน้ำไว้ไม่ไหลไปท่วมนา

@ฟังผู้ว่าปรารภจนจบสิ้น

แถมได้กิน “ น้ำอัญชัญ ”สีฟ้าหนา

เอาใบตองพันแก้วสะดุดตา

เชือกกล้วยมาผู้ไว้ให้เป็นโบว์

@เข้าที่พักชื่อ “ รังนกนางนวล ”

อยู่บนควนเป็นแถวยาวกว้างอักโข

ห้องกว้างใหญ่แอร์เย็นที่นอนโต

ช่างอ่าโอ่โสภาน่าภิรมย์

@ตกกลางคืนจัดงานเลี้ยงแบบเพียงพอ

กับข้าวหรอ ร่อยไปไม่เห็นสม

ครึ่งชั่วโมงหายวับไปกับลม

บางคนดมเพียงรอยแกงแกล้งอิ่มเอม

@รุ่งเช้าตื่นขึ้นสันเขื่อนอันกว้างใหญ่

ขังน้ำไว้ให้ผู้คนสุขเกษม

กันน้ำท่วมบ้านเรือนให้ปรีเปรม

เป็นเช็คแดมมหึมากลางวารี

@ลงจากเขื่อนเคลื่อนย้ายไปกินข้าว

ที่“ พะเยาว์ ”เขาจัดแจงเร่งเร็วรี่

อาหารมากหลากหลายอร่อยดี

ตั้งอยู่ที่ริมโขงช่างโล่งใจ

@เสร็จแล้วเข้าพบ “ ปจ. ” ขอความรู้

การปราบผู้ค้ายาอย่างโปร่งใส

ทั้งกวดจับบำบัดจนมีชัย

พะเยาว์ได้รางวัลขึ้นชั้นครู

@จากนั้นไป “ เชียงราย ” ริมชายโขง

ทะลุโล่งถึง “ เชียงแสน ” แดนสุดหรู

เรียก “ สามเหลี่ยมทองคำ ” ได้มาดู

สุดลูกหูลูกตาหนา “ โขงเอย ”

@ซ้ายพม่าขวาลาวเราเป็นฐาน

เรียวเป็นด้านสองด้านบ้านเขาเหวย

ด้านหลังเป็นป่าเขาสูงจังเลย

แต่ก่อนเคยมีเรื่องด้านไม่ดี

@สามเหลี่ยมนี้มีชื่อด้านการค้าฝิ่น

ไทยปราบสิ้นฝิ่นหายได้ศักดิ์ศรี

เหลือไว้แต่ “ หอฝิ่น ” สร้างไว้ดี

ให้คนมีที่ศึกษาหาตำนาน

@เข้าที่พัก “ อิมพีเรียล ”เห็นแม่โขง

ไหลคดโค้งสุดตามหาศาล

มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายครัน

วันผ่านวันเดือนผ่านปีไม่มีเลือน

@หลายวันก่อนหน้านี้มีน้ำท่วม

“ เชียงแสน ” รวมน้ำไว้ดูช่างเหมือน

ที่ “ เขาหลัก ” พังงาคลื่นเคยเยือน

น้ำไม่เคลื่อนเพราะติดเขาเลยเศร้าใจ

@หน้าเป็นน้ำหลังเป็นเขาเขาว่าแน่

ฮวงจุ้ยแท้เหมาะดีกว่าที่ไหน

แต่ลืมคิดถึงมหาพิบัติภัย

โดนคลื่นใหญ่โหมกระแทกจนแหลกลาญ

@หากวันใด “ จีน ” ไม่ซื่อถือสัจจะ

ปล่อยน้ำละไหลกรายหมายประหาร

สามเหลี่ยมทองแห่งนี้ก็จะพาล

มีวิญญาณถมทับกับแผ่นดิน

@เข้าห้องพักพรักพร้อมต้องยอมรับ

เหมาะสำหรับนอนแอบอิงโฉมฉิน

แต่คืนนี้ไม่มีแม่ยุพิน

นอนมองดินแหงนมองฟ้าน่าอับอาย

@พอเย็นย่ำค่ำมาท้องฟ้าครึ้ม

เมฆอึมครึมฟ้าคำรามเริ่มใจหาย

ถ้าน้ำล้นหลากมาคงวอดวาย

แม่โฉมฉายคงอาลัยเสียดายเรา

@หยิบกางเกงเสื้อผ้าขึ้นมาใส่

แล้วออกไปกินข้าวพร้อมกับเขา

“ ร้านครัวไท ” อากาศดีไม่เบา

เสียงเพลงเคล้าเคียงโขงโปร่งโล่งดี

@รุ่งเช้ามามุ่งหน้าเข้า “ เชียงราย ”

“ เมืองแม่สาย ”หมายใจไปถึงที่

หากไม่ตายต้องมาถึงสักที

ดินแดนนี้ “ เทียร์รี่ ”เขาเชื้อเชิญ

@ถึงแม่สายหมายตามองหาสาว

ผิวขาวขาวราวไข่ปอกเที่ยวเดินเหิน

เจอแต่สาวชาวพม่าต้องรีบเมิน

เธอเที่ยวเดินขอทานขี้คร้านแล

@รีบข้ามไปใน “ ด่านท่าขี้เหล็ก ”

เที่ยวซอกแซกตลาดพม่าน่าเศร้าหมอง

บ้านเมืองเขาโทรมจริงหนามาตรึกตรอง

ทำไมของที่วางขายไม่โดนใจ

@มีซีดีเสื้อผ้าแบบบ้านบ้าน

แค่เดินผ่านถ้าให้ซื้อคงไม่ไหว

ตามถนนมีแต่คนพิร่ำพิไร

มาตื้อให้ซื้อของจ้องขอทาน

@ตอนเที่ยงวันกินข้าวกันแบบบุฟเฟ่

แต่เราเฉกินไก่ทอดกับหนมหวาน

ใช้เวลาที่นี่ไม่เนิ่นนาน

ก็ผันผ่านลาแม่สายไปตามทาง

@มุ่ง “ เชียงใหม่ ”แดนล้านนาที่น่าอยู่

อยากไปดูสาวเหนือฟ้อนจนฟ้าสาง

รอพี่หน่อยเถิดแม่หญิงหุ่นสำอาง

จะเคียงข้างกินขันโตกให้โศกคลาย

@เข้าที่พัก “ โลตัสปางสวนแก้ว ”

เจอเข้าแล้วหัวใจแทบวูบหาย

หน้าเคาน์เตอร์โรงแรมยืนเรียงราย

เหมือนที่หมายมั่นไว้ให้ได้เจอ

@แม่ช่างขาวผมยาวปากแดงปลั่ง

ยามยิ้มช่างโสภีจนพี่เผลอ

ส่งยิ้มให้ตอบไปใจเบลอเบลอ

ได้มาเจอแบบนี้ไม่มีลืม

@ตกเย็นย่ำค่ำเขาไปหาเหล้า

กป.เรานัดสังสรรค์ชวนกันดื่ม

“ ร้านบ้านแก้วเฮือนคำ ” เราแสนปลื้ม

ยกแก้วดื่มเบียร์แกล้มแก้มสาวเมือง

@ดื่มกินเสร็จเตร็จเตร่เร่ไปทั่ว

ย่านไหนมั่วมัวแสงไฟเขียวเหลือง

เมืองเชียงใหม่ย่านไหนไหนก็ประเทือง

จนคางเหลืองจึงได้กลับไปนอน

@เช้าตรู่ตื่นเขี่ยขี้ตาหน้าไม่ล้าง

แสนอ้างว้างเผลอไผลไปกอดหมอน

นึกเสียว่าได้กอดแม่งามงอน

แต่สะท้อนอ่อนใจไม่เห็นนาง

@นั่งซึมเซาเหงาหงอยจนคล้อยสาย

พี่จึงได้เข้าห้องน้ำเพื่อสะสาง

แปรงฟันด้วยฉี่ไปด้วยอึ๊ไปพลาง

จนเริ่มสร่างเศร้าใจไปแต่งกาย

@ออกเดินทางจากเชียงใหม่ไป “ ลำพูน ”

แสนอาดูรต้องจากไกลไปเมื่อสาย

สักวันหนึ่งมีเวลาจะเยื้องกราย

มาเยี่ยมสายหมอกเช้าเคล้าคลึงใจ

@ถึงลำพูนเก้าโมงเช้าเข้าแถวหน้า

ฟังผู้ว่า “ อมรพันธุ์ ”ท่านปราศรัย

เล่าเรื่องราวคราวอดีตเพลินกันไป

“ หริภุญไชย ” ใหญ่ยิ่งมิ่งศรีเมือง

@ก่อนจากลาท่านผู้ว่าให้ “ พระรอด ”

พระสุดยอดพระบูชานามกระเดื่อง

“ จามเทวี ” แม่สร้างไว้เป็นศรีเมือง

ชื่อลือเลื่องโด่งดังไกลไปทั่วแดน

@เสร็จแล้วไป “ นิคมอุตสาหกรรม ”

เขาให้หม่ำ “ ต้มไก่ ” สุขใจแสน

อาหารจีนหลากหลายไม่ขาดแคลน

จากพุงแบนกลับพองเหมือนท้องควาย

@กราบลาแล้วรีบแจวไป “ ลำปาง ”

เพื่อดูช้างเขาเลี้ยงไว้ช่างมากหลาย

เขาแสนรู้ฟังควานพูดได้ง่ายดาย

โชว์ลากไม้วาดรูปได้ช่างเก่งจัง

@ช้างตัวน้อยสองเชือกเลือกวาดรูป

ด้วยจมูกยาวยาวเขาปลูกฝัง

เป็นดอกไม้กับลูกช้างน่ารักจัง

เสร็จแล้วตั้งไว้ขายหลายร้อยเชียว

@ต่อจากนั้นไปกันที่ “ แม่เมาะ ”

แหล่งขุดเจาะถ่านหินกลางเขาเขียว

ขึ้นไปดูปากเหวขนลุกเกรียว

หลายแสนเที่ยวเทียวขุดเจาะเห็นบ่อตรึม

@ยามหน้าหนาวพราวพร่างด้วยดอกไม้

กวัดแกว่งไกวเหลืองอร่ามกลางป่าขรึม

“ ทุ่งบัวตอง ” ยามนี้เห็นแล้วซึม

คนหลงลืมเพราะไร้ดอกออกให้ชม

@เดินทางต่อถึง “ โรงแรมเวียงลคอร ”

แลสลอนนักร้องสาวช่างงามสม

รองผู้ว่ามาต้อนรับน่านิยม

แต่งกลอนชมท่านไว้อ่านให้ดู

@แสนดีใจได้มาเมืองอ่าโอ่

เมืองใหญ่โตนาม “ ลำปาง ” ช่างสวยหรู

ทีมจังหวัดจัดข้าวปลามาเลี้ยงดู

โรงแรมหรูจัดหามาให้นอน

@ขอกราบลงกลางใจท่านรองผู้ว่า

ท่าน “ สามารถ ลอยฟ้า ” ชื่อกระฉ่อน

ให้เกียรติมาต้อนรับทุกขั้นตอน

พรุ่งนี้จรจากไปไม่ลืมเลือน

@ค่ำคืนนี้แม้ไม่มีสิ่งใดให้

นอกจากใจของพี่น้องและผองเพื่อน

จะร่วมกันร้องเพลงเพื่อย้ำเตือน

ผู้มาเยือนมอบไว้ให้ได้ฟัง

@เพื่อเป็นการขอบคุณน้ำใจท่าน

ที่สงสารเมตตาดั่งมุ่งหวัง

ขอพวกเราปรบมือเสียงดังดัง

อีกสักครั้งให้ดังก้องห้องอีกที

@จนดึกดื่นค่อนคืนเริ่มง่วงหาว

เพราะเมาเหล้ามากแล้วหนาถ้าต้องหนี

ขึ้นไปนอนซักหน่อยคงจะดี

ตอนตีสี่ต้องรีบตื่นฟี้นพระองค์

@ยามสายสายฟื้นกายเตรียมตัวจาก

เมืองม้าลากรถโบราณตามประสงค์

ชักชอบใจทำให้จากไม่ลง

เห็นทีหลง “ ลำปาง ” อย่างตั้งใจ

@แต่ตัดใจจากไปพร้อมผองเพื่อน

ยากลืมเลือนแต่ถ้าอยู่คงไม่ไหว

ลำปางกับกรุงเทพช่างห่างไกล

ไว้วันใหม่ข้างหน้าจะมาเมา

@แวะกินข้าว “ กำแพงเพชร ” กันทั้งกลุ่ม

หมูแดงจุ่มน้ำจิ้มอาหารเหลา

ข้าวมันไก่เป็ดย่างมันส์เลยเรา

แหมทำเอาท้องกางอย่างผู้ดี

@กินเสร็จสรรพรถขยับโขยกเขยื้อน

ล้อเริ่มเลื่อนโครกครากจากถิ่นนี้

ต้องขอลา “ ภาคเหนือ ” กันเสียที

ถ้าหากมีเวลาจะมาเยือน

@ต้องขอจบ “ นิราศเหนือ ” เพียงแค่นี้

ขอลาทีแดนฟ้าหาไหนเหมือน

แต่หน้าตาเริ่มพร่าเริ่มลางเลือน

เหมือนจะเตือนให้เราเร่งเข้านอน

@เหลือบเห็นเพื่อนนั่งข้างที่ร่างใหญ่

เริ่มเข้าไคล้กรนดังเหมือนเสียงหอน

ทำเอาเรางุ่นง่านเริ่มหาวนอน

คอชักอ่อนค่อยค่อยพับแล้วหลับใน



เขียนโดย boonja@krabi




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2553    
Last Update : 5 มิถุนายน 2553 23:26:46 น.
Counter : 1187 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

อาบูรณ์
Location :
กระบี่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




@ผมแค่อยาก เขียนกลอน ตอนว่างว่าง

แค่อยากสร้าง บทกวี ที่สร้างสรรค์

ไม่อยากหาย ใจทิ้ง ไปวันวัน

โลกของฉัน นั้นคงไม่ กวนใจคุณ















ข้อความต้อนรับ ข้อความบอกลา : Users Online คน A

+
Friends' blogs
[Add อาบูรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.