"GROWING OLD IS MANDATORY,
GROWING UP...OPTIONAL" By Henri-Frédéric Amiel
|
|||||
2018-08-29 เที่ยวหมู่บ้าน Bawomataluo, ไปเยี่ยมแม่เพื่อน
เช้านี้ตื่นมาด้วยอาการงัวเงีย... ได้รับข้อความจากเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มซึ่งเป็นผู้จัด ว่าตอนนี้เขาอยู่อีกโรงแรมหนึ่ง ย้ายไปตั้งแต่เมื่อคืนเพราะรับไม่ได้ที่จะต้องนอนห้องสกปรก... อืม! ซึ้งน้ำใจ แล้วให้เพื่อนอีกสามคนทนนอนที่โรงแรมเก่านี่นะ... ไม่อยากเรื่องมากเลยไม่ได้ต่อว่าอะไรและยังจะต้องเดินทางด้วยกันอีกทั้งอาทิตย์, แต่มันก็ยังติดอยู่ในใจอ่ะ. อาบน้ำแต่งตัวแล้วมาทานอาหารเช้า ระหว่างรออาหารก็ออกมาเดินเล่นชายหาด ถ่ายภาพมุมเดิมกับที่ถ่ายเมื่อคืน วิวสวยมากจริงๆ เดินกลับมาร้านอาหารของโรงแรม นั่งรออีกประมาณสิบห้านาที อาหารถึงจะออกมาเสิร์ฟ... เป็นแพนเค้กกล้วย, อาหารอร่อยแต่ขอย้ำว่าช้ามากๆ ทานอาหารเสร็จก็เช็คเอ้าท์ รถมารอรับพวกเราอยู่แล้ว... ขับรถมาโรงแรมแห่งใหม่ ใกล้กับที่เขาเล่นเซิร์ฟบอร์ด วิวสวยเหมือนกัน แต่เวิ้งนี้เล่นน้ำไม่ได้เพราะมีหินโสโครก แม้จะเดินลุยน้ำออกไปตรงจุดที่เขาเล่นเซิร์ฟบอร์ด ยังต้องใส่รองเท้าเลย ![]() วิวจุดเดียวกับที่ถ่ายเมื่อคืน, ในภาพจะเห็นคนเล่นเซิร์ฟบอร์ดกัน... แต่คลื่นจุดนี้ไม่ค่อยสูงมากนัก เหมาะกับการว่ายน้ำเล่นมากกว่า ![]() ร้านอาหารของโรงแรม, มีคนนอกเข้ามาทานด้วย... คิดว่าเพราะอาหารเขาอร่อย แต่ทานที่นี่ต้องมีความอดทนสูงเพราะช้ามากๆ ![]() Banana pancake อาหารเช้ามื้อแรกบนเกาะนิแอส อร่อยมาก. ![]() ![]() แม่เพื่อนทำมาให้ทาน เขาเรียกว่า Ketupat มันเป็นข้าวเหนียวใส่กะทิ รสชาติคล้ายๆ ข้าวหลามบ้านเรา แต่มีกลิ่นใบปาล์มที่เขาใช้ห่อ ![]() วิวจากหน้าหาดของโรงแรมแห่งใหม่ที่เราไปพัก ที่เห็นคลื่นฟองขาวๆ ตรงกลางภาพ คือจุดที่นักเซิร์ฟบอร์ดเขาไปเซิร์ฟกัน... คลื่นไม่สูงมากนัก ประมาณสองสามเมตร แต่มีคลื่นตลอด หลังจากเก็บของเข้าห้องพักแห่งใหม่เสร็จ พวกเราก็ออกเดินทางไปเที่ยวหมู่บ้าน Bawomataluo หมู่บ้านแห่งนี้สร้างอยู่บนที่ราบบนยอดเขา ชื่อหมู่บ้านแปลได้ว่า เนินเขาพระอาทิตย์. ที่พวกเรามาเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนี้เพราะทั้งหมู่บ้านมีการรักษาสภาพบ้านตามแบบโบราณไว้ได้ดีกว่าหมู่บ้านอื่นๆ บนเกาะนี้ พวกเราจ่ายค่าเข้าชมหมู่บ้านคนละ 5,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 11 บาท มีไกด์ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านพาเราเข้าชม จากทางเข้า เดินเข้าไปประมาณ 300 เมตร ก็เจอฐานหินที่ใช้ในพิธีกรรมต่างๆ อยู่หน้าบ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านของหัวหน้าเผ่า ปัจจุบันลูกหลานของหัวหน้าเผ่า ก็ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่อยู่ในส่วนหลัง (ข้อมูลส่วนนี้เราแปลมาจากวิกิพีเดีย ซึ่งข้อมูลใช้คำว่า Chief, แต่พออ่านไปเรื่อยๆ เขาใช้คำว่า king.... ดังนั้นข้อมูลที่เราเรียกว่า "หัวหน้าเผ่า" นี่ถ้าใช้คำผิดก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย) ด้านหน้าเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม บ้านหลังนี้สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อศตวรรษที่ 18 ภายในไม่ได้จัดแสดงอะไรมากนัก มีชุดโต๊ะเก้าอี้, มีที่ขูดมะพร้าว, กลองยาวขนาดยักษ์ และไม้แกะสลักติดผนัง เราปีนขึ้นไปตรงหน้าต่างหลังคา (ไม่รู้ว่าต้องเรียกอย่างไร) มันคือหลังคาที่สามารถดันเปิดขึ้นเพื่อรับลม ตรงจุดที่เราปีนขึ้นไปนั้นสามารถเห็นวิวหมู่บ้านได้ทั้งหมดเลย. ![]() วิวที่ถ่ายจากทางเข้าหมู่บ้าน Bawomataluo ![]() บ้านที่หลังคาสูงที่สุดนั่นคือบ้านหัวหน้าเผ่า, หน้าบ้านมีแผ่นหินขนาดใหญ่เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ชาวบ้านที่นี่ตากผ้ากันบนพื้นถนนเลยทีเดียว ![]() ฐานหินตรงลานพิธีกรรม... เด็กผู้ชายในหมู่บ้านจะต้องฝึกฝนกระโดดสูง เมื่อตอนเป็นหนุ่มจะต้องผ่านพิธีกระโดดหิน เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่... ฐานหินนี้สูงถึง 180 เซ็นติเมตรเลยทีเดียว. พวกเราไม่ได้ชมสาธิตการกระโดดเพราะต้องจ่าย 400,000 รูเปียห์ (ซึ่งเท่ากับเบียร์ 1 ลังเลยทีเดียว...เก็บเงินไว้กินเบียร์อ่ะ) ![]() ไกด์สาวน้อย พาเที่ยวชมหมู่บ้าน ภาพนี้ถ่ายทางขึ้นบ้านหัวหน้าเผ่า ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เดินชมจนพอใจ และแดดก็แรงมากๆ เลยไม่ได้เดินทั่วทั้งหมู่บ้าน. ให้ทิปไกด์สาวน้อย แล้วบอกลา. จากนั้นขับรถเข้าเมือง Teluk Dalam เพื่อหาข้าวเที่ยงกินกัน เจ้าถิ่นแนะนำร้านหมูย่าง อร่อยดี กินไปปัดแมลงวันไป... กินเสร็จเพื่อนในกลุ่มต้องการซื้อหมวกเพราะลืมเอามา พวกเราเลยไปช้อปปิ้งมอล... ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมาอ่ะ แต่ดูจากหน้าร้านแล้วเหมือนร้านขายของชำขนาดใหญ่ แต่ข้างในก็มีสินค้าแยกเป็นหมวดหมู่เป็นอย่างดี เราเดินดูรอบร้าน ได้เข็มขัดหนังแท้มา 1 เส้น ราคา 55,000 รูเปียห์ หรือ 125 บาท ถูกมากๆ ขับรถไปหมู่บ้าน Hiliamaetaniha เพื่อเยี่ยมแม่ของเพื่อนชาวอินโดนีเซีย. รูปแบบของหมู่บ้านดูคล้ายๆ กับหมู่บ้าน Wawomataluo แต่มีขนาดเล็กกว่า บางบ้านก็ก่ออิฐแทนผนังไม้, ทุกบ้านมีจานดาวเทียมอันใหญ่ตั้งอยู่บนหลังคาหน้าบ้าน บ้านแม่เพื่อนไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน แต่อยู่ตรงเนินทางขึ้น แม่เพื่อนตัวเล็กมากคงสูงประมาณ 110 เซ็นติเมตร เห็นจะได้ เพื่อนพาชมรอบบ้าน หลังบ้านเลี้ยงหมูด้วย. ชมบ้านเสร็จมานั่งคุยกันที่ห้องโถง, สักพักเพื่อนบ้านต่างก็พากันมาชะโงกดูว่าเกิดอะไรขึ้น... มีเพื่อนบ้านสองสามคน ถึงกับเดินเข้ามานั่งคุยกับพวกเราอย่างเป็นกิจจะลักษณะ โดยมีเพื่อนชาวอินโดของพวกเราเป็นคนแปลให้ ![]() ![]() รอยอารยะธรรม.... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หมูของแม่เพื่อน... สักพักพวกเราก็ต้องขอตัวกลับ เพราะสงสารเพื่อนที่ต้องแปลให้พวกเราไม่หยุด เพื่อนบ้านขี้สงสัยตั้งคำถามรัวๆ ตอบแทบไม่ทัน ส่วนคนแปลก็คงเวียนหัวน่าดู... รถขับมาส่งพวกเราที่โรงแรม แล้วบอกลาสำหรับวันนี้. เราเดินขึ้นห้อง เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้น เปลี่ยนรองเท้าแตะที่ซื้อมาใหม่คู่ละ 25,000 เปลี่ยนเคสกันน้ำให้มือถือของเรา แล้วลงมาสมทบกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งเปิดเบียร์คนละขวดและยังมีน้ำใจเตรียมไว้ให้เราอีก 1 ขวด... พากันเดินลุยน้ำที่ลึกประมาณข้อเท้า แต่มีหินระเกะระกะ จุดหมายอยู่ลึกเข้าไปในทะเลประมาณหนึ่งกิโลกว่าๆ เพื่อจะไปดูเขาเล่นเซิร์ฟบอร์ดกัน.... เราหาโขดหินที่สูงกว่าน้ำทะเลเป็นที่ตั้ง เพื่อหามุมถ่ายรูป... ตอนที่ถ่ายรูปคิดถึงกล้อง Canon eos 60D ของเรามากๆ รูปซูมจาก iPhone นี่ออกมาขี้เหร่สุดๆ ไม่ซูมก็ไม่เห็นอะไรเลย... เราถ่ายตั้งหลายสิบภาพ แต่ไม่มีภาพที่ชอบเลย... พวกเรายืนเตร็ดเตร่ให้คลื่นซัดขนหน้าแข้งเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาต้องเดินกลับ เพราะระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น กลัวว่า ถ้ามันสูงขึ้นมากกว่านี้ตอนเดินกลับจะทรงตัวไม่ได้.... กลับถึงโรงแรมก็ถึงเวลาอาหารเย็น วันนี้จัดหนัก สั่งชุดใหญ่ มีปลาย่างตัวใหญ่ 3 อย่าง ไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไรบ้างแต่อร่อยทุกตัว, gado gado เป็นสลัดอินโดนีเซีย, Mie sop เหมือนจะเป็นต้มมาม่าเลยอ่ะ... และที่สำคัญเบียร์ 3 คน 5 ขวด... อาหารเหลือเยอะมาก น่าเสียดาย. แต่เบียร์ไม่เหลือ... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ถ่ายพาโนราม่าออกมาก็ไม่สวย... ต้องรบกวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวเกาะนิแอสให้เห็นกับตาตัวเอง มันสวยมากๆ นักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะ รูปถ่ายนี่เก็บความงามมาไม่ได้เลย. ![]() หนึ่งในปลาที่สั่งมา 3 ชนิด... อร่อยเพราะมันสดมากๆ ![]() Gado gado สลัดสไตล์อินโดนีเซีย ![]() Mie Sop (Mie=noodles, Sop=soup) ส่วนตัวเราจะเรียกว่ามาม่าต้ม, ไม่รู้ใครสั่งมา...ปรึกษากันมั่งไหมเนี๊ยะ! พอทานอาหารเย็นเสร็จ เพื่อนๆ ก็นั่งคุยกัน ส่วนเราขอตัวเข้าไปอาบน้ำนอน เพราะเพลียแดด แถมเบียร์อีกสองขวดกว่าๆ.... Selamat Malam! 2018-08-27, 28 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ-เมดาน-เกาะนิแอส
ทริปนี้ ตอนขอติดตามไปกับกลุ่มเพื่อนไม่ได้เห็นแผนการท่องเที่ยว พอได้ยินเขาว่าจะไปกันก็ขอไปด้วยโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง... พอเพื่อนส่งแผนการเที่ยวมาปุ๊ป แทบหงายหลัง เพราะเกือบทั้งทริปคือการเดินทาง เดินทาง เดินทาง.... รถไฟ เครื่องบิน รถ เรือเฟอร์รี่ และเรือเล็ก.... ขี้เกียจแบบเราจะไหวไหมเนี๊ยะ 5555 ขอเขาไปแล้วยังจะบ่นอีกน่อ.... เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ รวมทั้งหมด 9 วัน... เราไม่ได้เอาอะไรไปมาก จึงมีกระเป๋าเป้ใบเดียว เสื้อผ้าก็เตรียมไป 9 ชุด รวมทั้งที่ใส่วันไปด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดของทริปนี้ที่เราเอาไปและรู้สึกถึงประโยชน์อันมากมายก่ายกองของมัน ก็คือ "ผ้าขาวม้า" ไปเที่ยวเกือบทุกทริปก็เตรียมไปเผื่ออยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่ทริปนี้สุดยอดมากๆ ได้ใช้ตลอดเลย ตั้งแต่คลุมไหล่ตอนขึ้นรถไฟและขึ้นเครื่อง ไม่ถึงกับอุ่นเท่าผ้าหม่ แต่ก็ช่วยได้เยอะ, คลุมหัวกันแดด แบบว่าแดดที่โน่นแรงมากๆ, เอาไว้ส่องมือถือกลางแจ้ง, ใช้เป็นผ้าเช็ดตัว... โรงแรมแรก ผ้าเช็ดตัวเขาเหม็นมาก เราก็ได้ผ้าขาวม้าของเรานี่แหล่ะเอาเช็ดตัว, ใช้ปัดยุง ดีนักแล... สาระพัดประโยชน์แบบนี้ ขอแนะนำเลย...ไม่รู้ว่าเด็กรุ่นใหม่จะมีสักกี่คนที่เคยใช้ผ้าขาวม้า. นอกเรื่องไปเยอะแระเริ่มเลยดีกว่า... ออกจากบ้านแวะทานมื้อเที่ยงที่ร้าน ฮินเล อยู่แถวหน้าวัดเกตุ, ไปกี่ครั้งก็อร่อยเหมือนเดิม... ทานเสร็จก็เดินทางไปสถานีรถไฟตอนบ่าย 3 รถไฟออกตอนบ่ายสามครึ่ง ตรงเวลาเป๊ะ! พนักงานบนรถบริการดี และสุภาพมากๆ เราจองตั๋วตู้นอนพัดลม, แต่หน้าต่างทั้งตู้ปิดหมดและเขาเปิดเครื่องปรับอากาศ... จ่ายราคาพัดลมแต่ได้นอนตู้แอร์, เราไม่บ่นสักคำ อิ..อิ.. แต่เพื่อนๆ บ่นปอดๆแปดๆ เพราะพวกเขาไม่ชอบแอร์กัน?!?!?! พนักงานรถไฟมารับออเดอร์อาหารเย็น เราสั่งชุดข้าวผัดกุ้ง 150 บาท... ประมาณ 2 ทุ่มเราก็เดินไปตู้เสบียง นั่งรอสักครู่อาหารก็เสิร์ฟ, โอ้แม่เจ้า ส่วนนี้ขอรบกวนการรถไฟให้ปรับปรุง เพราะอาหารนี่ไม่สมราคา เราทานได้แค่สองคำ...ลดน้ำหนักดีกว่า! กลับมาที่นั่งของเรา, เจ้าหน้าที่ปูเตียงให้เสร็จแล้ว... ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเข้านอน ![]() ร้านอาหารฮินเล อยู่แถวหน้าวัดเกตุ.... อาหารอร่อยมากๆ เราทานร้านนี้มานานเกิน 10 ปีแล้ว รสชาติอร่อยเหมือนเดิม, ไม่เคยเปลี่ยน ![]() คือว่า...ทุกครั้งที่มาร้านนี้ต้องจานนี้เลย, ฮินเลเนื้อ... เราสั่งเป็นชุด มาพร้อมกับ ซาโมซ่า, ข้าวเหลือง และสามารถเลือกโรตีหรือนาน ก็ได้ วันนั้นสั่งนานกระเทียม แต่ได้โรตีมา, ไม่เป็นไร อร่อยเหมือนกัน! ![]() สถานีรถไฟเชียงใหม่... สถานีเหนือสุดในประเทศ อยากให้มีรถไฟต่อไปเชียงรายอ่ะ, วิวคงสวยน่าดู ![]() ![]() รถไฟมาถึงสถานีดอนเมืองตอนตีสี่ครึ่ง...ตรงเวลามากๆ แม้จะงัวเงียก็รีบลุกมาล้างหน้าแปรงฟันตั้งแต่ตีสามครึ่งแล้ว เพราะเพื่อนมันมาปลุก...มันใช่เวลาตื่นไหมเนี๊ยะ!... นี่คือข้อเสียของการท่องเที่ยว เวลานอนเวลาตื่นนี่เอาแน่นอนไม่ได้! เดินข้ามจากสถานีรถไฟดอนเมืองมา ท่าอากาศยานดอนเมือง แล้วไปเคาน์เตอร์แอร์เอเชีย พอได้ตั๋วเครื่องบินก็ผ่านด่าน ตม. แล้วเข้าไปนั่งรอเครื่อง ออกตอน 8:15 ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง ถึงเมดาน (Medan) ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เมดานนี่โล่งมากๆ เจ้าหน้าที่แค่ถามว่าเราจะอยู่กี่วัน แล้วก็ประทับตราเข้าเมืองให้ 30 วัน เง้อ...เค้าอยู่แค่ 9 วัน, มัยให้ตั้ง 30 วันอ่ะ 55555 แล้วพวกเราก็รีบไปแลกเงิน, ธนาคารแรกไม่รับเงินบาทของเรา เขาว่าเป็นซีรีย์เก่า, เขารับแต่ซีรีย์ใหม่... ใครเดินทางไปต่างประเทศก็ต้องศึกษาให้ดี ถ้าจะให้ดีใช้ ATM ดีที่สุด, เราเอาบัตร ATM ไทยพาณิชย์ไป แต่บัตรเราเป็นรุ่นเก่าใช้กดไม่ได้อีก...อุ๊ย ซวยละ...ยังไงดีเนี๊ยะ... เพื่อนชาวอินโดพาไปเคาน์เตอร์แลกเงิน, แม้เรทที่ได้จะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก เราแลกเงิน 5,000 บาท ได้ 2,105,000 รูเปียห์ คิดว่าคงพอสำหรับ 9 วัน เพราะค่าโรงแรมที่ทะเลสาบโทบา ก็จ่ายล่วงหน้าไปแล้ว นี่เป็นค่าโรงแรม 2 วันแรก ค่ารถ ค่าเรือ และค่าอาหาร ซึ่งเพื่อนคำนวณมาคร่าวๆ ทุกอย่างหาร 5 คนก็ตกคนละไม่กี่บาท แลกเงินเสร็จก็ไปซื้อซิมการ์ด 100,000 รูเปียห์ 6 กิ๊กกะไบท์ ใช้ได้ 1 เดือน. แล้วเพื่อนชาวอินโดก็พาออกนอกอาคารสนามบินไปซื้ออาหารใส่กล่อง กลับมากินข้าวข้างนอกอาคารสนามบิน ซึ่งมีที่นั่งพักของคนขับรถแท็กซี่, มากับคนท้องถิ่นก็จะดีตรงทุกอย่างจะออกแนวประหยัด. ทานเสร็จก็กลับเข้าไปในอาคารสนามบิน แล้วไปเค้าน์เตอร์ Garuda Air ได้ตั๋วแล้วก็ผ่านด่านตรวจ เข้าไปรอสักพัก เจ้าหน้าที่ก็เรียกไปขึ้นรถตู้แล้วขับไปส่งที่เครื่องบิน. เที่ยวนี้เป็นเครื่องบินเล็กขนาด 4 ที่นั่งต่อแถว เครื่องออกตอน บ่ายโมงสิบห้า ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง ![]() สถานีรถไฟดอนเมืองตอนตี 4 กว่าๆ ![]() ถนนวิภาวดีรังสิต ตอน ตี 4:51 นาที ![]() เครื่องบินคันนี้แหล่ะ ที่พาเราไปอินโดนีเซีย ![]() เหนือเมฆ บนน่านฟ้าไทย.... ปกตินั่งเครื่องจะชอบนั่งตรงฝั่งทางเดินเพราะเป็นคนปวดฉี่ง่าย, แต่เที่ยวบินนี้แค่ 2 ชั่วโมง ดีใจที่ได้นั่งติดหน้าต่าง... วิวเมฆนี่สวยมากๆ ![]() ถึงสนามบิน Kualanamu International Airport เมือง Medan แล้ว ![]() เพื่อนชาวอินโดนีเซีย พาออกมาซื้อข้าวนอกสนามบิน ที่ซื้อใส่กล่องเพราะ ถ้านั่งกินในร้าน จะโดนรมควัน. คนที่นี่สูบบุหรี่ได้ทุกที่ทุกเวลา...โดยเฉพาะเวลาที่กินข้าวเสร็จแล้ว ก็จะพ่นควันกันบนโต๊ะนั่นเลยทีเดียว ![]() อาหารหน้าตาไม่น่าทาน, แต่ขอบอกว่าอร่อยน่าดูเลยทีเดียว ![]() เดินทางต่อจาก Medan ไปเกาะ Nias ใช้เวลา 1 ชั่วโมง... เครื่องบินเล็ก แถวละ 4 ที่นั่ง ![]() บินผ่าน Lake Toba... อีก 3 วันเราจะได้กลับมาที่ทะเลสาบแห่งนี้... เครื่องลงจอดที่สนามบิน Binaka เมือง GunungSitoli, เกาะ Nias ตอนบ่ายสองสิบห้า... แต่ต้องรออยู่บนเครื่องครึ่งชั่วโมงเพราะฝนตกหนัก, ตอนเขาให้ลงเครื่องฝนยังตกปรอยๆ เจ้าหน้าที่เอาร่มให้ผู้โดยสารเพื่อใช้กันฝนตอนเดินไปอาคารสนามบิน. ญาติของเพื่อนชาวอินโดนีเซียมีอาชีพขับรถแท็กซี่ซึ่งเราก็ใช้บริการของเขาจ้างเหมา 3 วัน (วันนี้น้อยกว่าครึ่งวันก็ตีให้เขาไป 1 วัน) คนขับไม่ค่อยคุยกับพวกเราเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้... แต่เราก็รู้สึกถึงความใจดีเพราะเขาพยายามบริการพวกเราเป็นอย่างดี จากสนามบินไป Telukdalam เมืองที่ใกล้สุดของบ้านเพื่อนชาวอินโด ระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร แล้วยังต้องขับต่อไปอีก 12 กิโลเมตร ถึงจะถึงโรงแรมที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อน ระหว่างทางจอดยืดเส้นยืดสาย เพื่อนชาวอินโดและญาติคนขับรถของเขาทานข้าวกัน ส่วนพวกเราดื่มเบียร์...รสชาดจืดกว่าเบียร์ไทยเยอะเลย แต่ก็พอถูไถ... ขับรถต่อไปจนถึงเมือง Telukdalam แวะซื้อเบียร์หนึ่งลังและของใช้ร้านเมียของคนขับรถเพื่อเป็นการอุดหนุน เราแชร์ค่าเบียร์คนละครึ่งกับเพื่อนในกลุ่ม ค่าเบียร์ครึ่งลัง 200,000 อืม.... เริ่มเห็นเค้าลางว่าจะต้องแลกเงินเพิ่มซะละ.... ขับรถต่ออีกสิบกว่ากิโล ก็ถึงโรงแรม... สั่งอาหารจากโรงแรมมาทานทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็คอิน พอทานอาหารเสร็จก็เช็คอิน ห้องไม่ค่อยสะอาด แต่ห้องน้ำนี่สกปรกเอามากๆ ดีที่ซื้อรองเท้าแตะร้านญาติเพื่อน เราบ่นเล็กน้อยกับเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ไปด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเราขอติดมาเที่ยวนิ... ห้องที่พักแชร์กัน 3 คน เพื่อนเราแย่งเตียงเดี่ยวไป เราแชร์เตียงกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเคยเจอ...อุ๊ แม่เจ้า...กรนเหมือนพลุวันลอยกระทง, ดีที่พกที่อุดหูมา และถือว่าโชคดีที่ดื่มเบียร์ไปสามขวด. สองวันแห่งการเดินทาง....หลับไปด้วยความเพลีย... ![]() เครื่องลงจอดที่ Binaka Airport. เมือง Gunungsitoli, เกาะ Nias ![]() รถญาติของเพื่อนที่จะคอยบริการพวกเราในระหว่างเที่ยวที่เกาะนิแอส ที่นี่ขับรถฝั่งซ้ายเหมือนที่เมืองไทย. ![]() ถนนที่นี่ค่อนข้างแคบ ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ ก้อนหิน ต่างก็มาเดินพาเหรดกันบนถนน คนขับรถที่นี่มั่นใจสูงมาก และการบีบแตรที่นี่เป็นเรื่องปกติ, แม้จะไม่มากเท่าที่อินเดียก็ตาม. ![]() เบียร์ขวดแรกของทริป, เราเก็บฝาขวดมาเป็นของที่ระลึกด้วย เดี๋ยวจะติดแม่เหล็กแล้วเอาไปแป๊ะที่ตู้เย็น. ![]() วงเวียนที่เมือง Telukdalam, เล็กกว่าห้าแยกสันติธรรมเยอะเลย 55555 ![]() มันก็จะหลอนโหน่ยๆ เขาฝั่งศพไว้หน้าบ้านกันอ่ะ. ![]() คนบนเกาะนี้นับถือศาสนาคริสนิกายโปรแตสแตนส์ถึง 85% อีก 7% เป็นแคธอลิค ทั้งนี้เนื่องจากการเป็นเมืองขึ้นของชาวดัตช์เมื่อศตวรรษที่ 16 ![]() อีก 7% ของประชาชนบนเกาะนิแอสเป็นชาวอิสลาม, ทั้งโบสถ์ชาวคริสและมัสยิดชาวอิสลามตั้งอยู่ใกล้กันอย่างสันติสุข! ![]() แวะร้านญาติเพื่อน อุดหนุนเบียร์ 1 ลัง และของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ![]() นี่คือของใช้ส่วนตัวที่ซื้อจากร้านญาติเพื่อน... รองเท้าแตะสีดำ, สบู่, แชมพู และยาทากันยุง ตอนซื้อนี่แค่อยากอุดหนุน, ไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ ที่โรงแรมคืนแรกไม่มีอะไรให้เลย, โชคดีมากๆ ที่ซื้อมา. ![]() พระอาทิตย์ตกดินที่เกาะนิแอส... ยังอยู่บนรถอยู่เลย, เพลียมากๆ ![]() เย้...ถึงโรงแรมก็วางกระเป๋าที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้ววิ่งมาถ่ายภาพ, พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แต่วิวก็ยังสวยอยู่ดี... เสียดายกล้องจาก iPhone 6s Plus ถ่ายรูปมืดๆ ออกมาไม่สวย, ต้องเก็บเงินซื้อมือถือใหม่อีกแล้วไหมเนี๊ยะ... ![]() อาหารเย็นมื้อแรกปลาทอดพริก อร่อยมาก (เพราะหิวหรือเปล่า?) แม่ครัวทำอาหารช้ามากๆ ![]() Mie Goreng อันนี้ หมี่โกเลง... อาหารขึ้นชื่อไปที่ไหนก็เจอ...คงอารมณ์คล้ายผัดไท, ใครมาเมืองไทยก็กินผัดไท อะไรทำนองนั้น. จบการเดินทางขาไปอย่างอ่อนเพลีย... 2018-08-14 ไปเที่ยวสุมาตราเหนือกัน
![]() สุมาตราเหนือมีเมืองหลวงชื่อ เมดาน (Medan) มีประชากรประมาณ 13.5 ล้านคน (ข้อมูลปี 2014๗ สถานที่ท่องเที่ยวมีมากมายเพราะมีพื้นที่กว้างใหญ่ และยังมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอีกด้วย... ที่จริงเราอยากปีนขึ้นไปชมความงามของปากปล่องภูเขาไฟ Sibayak เพราะเข้าไปอ่าน Road trip สุมาตราเหนือ ของ Go travel น้ำฟ้าป่าเขา เป็นแรงบันดาลใจอย่างแรง, แต่ทริปนี้ตามกลุ่มเพื่อนมาเลยต้องไปตามโปรแกรมที่เพื่อนเขาจัดไว้แล้ว เอาไว้มีโอกาสจะแอบไปเที่ยวเองและจะไปปีนปากปล่องภูเขาไฟให้ได้. เล่าเกริ่นนำปูพื้นมาพอสมควร, เลยอยากเล่าที่มาของทริปนี้ให้ฟัง... พอดีเพื่อนมีแฟนเป็นชาวอินโดนีเซียอยู่เกาะนิแอส (Pulau Nias) เขาชวนเพื่อนเขาอีกสองคนไป... เขาไม่ได้ชวนเราแต่เราก็ขอเป็นติ่งตามไปด้วยความหน้าแข็งแรง... โชคดีขนาดไหนที่ไปเที่ยวโดยมีคนในพื้นที่นำเที่ยว. หลังจากเขาตกลงรับเราเข้ากลุ่มไปด้วย ก็จองตั๋วรถไฟเชียงใหม่กรุงเทพฯม ตั๋วเครื่องบินจากดอนเมืองไปเมดาน, ตั๋วเครื่องบินจากเมดานไปกุนุงสิโตลี (Gunung Sitoli)-เกาะนิแอส, ตั๋วเครื่องบินจากเมดานกลับมาดอนเมือง และสุดท้ายตั๋วเครื่องบินจากดอนเมืองกลับมาเชียงใหม่.... กระเป๋าตังค์เบาขึ้นในฉับพลัน.... ทริปนี้ไม่ต้องเตรียมการอะไรมาก, วีซ่าก็ไม่ต้องขอเพราะคนไทยเข้าอินโดนีเซียได้ 30 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า. แต่พาสปอร์ตต้องเหลือมากกว่า 60 วันก่อนที่จะหมดอายุ, ไม่เช่นนั้นจะซื้อตั๋วเครื่องบินไม่ได้ อันนี้ประสบการณ์ตรง. แม้จะรู้ว่ามีคนพื้นที่พาเที่ยว แต่ด้วยนิสัยสอดรู้ เราเลยศึกษาข้อมูลคร่าวๆ ก่อนไป. เราจะเดินทางวันที่ 27 สิงหาคม, ตอนนี้ก็เหลือไม่ถึงสองอาทิตย์แล้ว. ตื่นเต้นและกลัวนิดหน่อย เพราะเดือนก่อนมีข่าวเรือล่ม (ตรงที่เราจะไปด้วยอ่ะ), อาทิตย์ก่อนก็มีข่าวแผ่นดินไหว. ป้าของคนที่จะนำทางก็เสียอาทิตย์ก่อนเพราะแผ่นดินไหวครั้งนั้นนั่นเอง.... อืม...อ่ะนะ... ก็จองตั๋วอะไไว้หมดแล้ว คืนตั๋วก็ไม่ได้, ยังไงก็ต้องไป... ลุย... ไหวไหมเนี๊ยะ... เขียนไว้เมื่อ 14/8/2018 ตอนที่เขียนเตรียมตัวไว้ว่าจะเขียนบล๊อกผ่านกระทู้พันทิพย์ เพราะเอาแต่มือถือไป, เขียนบล๊อกแก๊งค์ในมือถือไม่ได้เพราะไม่มีแอป... พอเอาเข้าจริงๆ ตอนไปเที่ยว เพลินมากๆ เลยไม่ได้เขียนบล๊อก เลยเอากลับมาเขียนที่บ้านตอนกลับมาแล้วอ่ะ...
|
annopwichai
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ชีวิตอิสระ, ชอบความเรียบง่าย, เป็นโรคภูมิแพ้ IT
Group Blog
All Blog
Link MY VIP Friend |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |