ดั้นด้นค้นหาคุณธรรม

จากวารสารอยู่ในบุญ





ในวันที่ Covid - 19 Pandemic

ผู้ให้ที่พักอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่ง "บุคคลให้อาหารชื่อว่าให้กำลัง ให้ผ้าชื่อว่าให้วรรณะให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ ให้ที่พักอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้พร่ำสอนธรรม ชื่อว่าให้อมฤตธรรม" (กินททสูตร) เมื่อกวาดสายตามองพุทธพจน์นี้แล้ว ก็สะดุดใจตรงคำว่า “ให้ทุกสิ่ง” ในขณะเดียวกันก็รู้สึก ดีมาก ๆ ถ้าชีวิตนี้จะมีโอกาสเป็นผู้ให้ทุกสิ่ง แต่ก่อนอื่นก็ยังอยากทำความเข้าใจกับคำว่า “ให้ทุกสิ่ง” ให้มากกว่านี้ จึงไปสอบถามผู้รู้ ซึ่งท่านก็อธิบายให้ฟังว่า ให้ทุกสิ่งก็คือให้ทั้ง ๔ ประการข้างต้นตามพุทธพจน์ คือให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ความสุข และให้จักษุ ทั้งนี้เพราะที่พักอาศัยเป็นสถานที่ที่ช่วยให้มนุษย์เราสามารถทำกิจวัตรประจำวันทุกประการได้อย่างเป็นปกติสุข รวมทั้งช่วยป้องกันความทุกข์ อันตราย และโรคภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากความร้อน ความหนาว ลม แดด ฝน สัตว์ร้าย แมลง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันภัยจาก พวกมิจฉาทิฐิได้อีกด้วย กุศลผลบุญจากการให้ทุกสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ผู้มีศีลมีธรรม จึงส่งผลให้ชีวิตของผู้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างอัศจรรย์ จากคนยากจนก็กลายเป็นมหาเศรษฐีได้ -

จากสามัญชนก็กลายเป็นพระราชามหากษัตริย์ได้ จากปุถุชนคนธรรมดาก็หมดกิเลส อาสวะกลายเป็นพระอริยเจ้าได้ ดังเรื่องราวของพระเจ้ามหากัปปินะ ผู้เคยสร้างวิหาร (ที่พักของพระภิกษุ) ถวายแด่คณะสงฆ์ ในอดีตชาติในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระราชามหากัปปินะเกิดเป็นหัวหน้าช่างหูก อาศัยอยู่ในกรุงพาราณสี วันหนึ่ง หัวหน้าช่างหูกได้ยินเสียงป่าวประกาศให้ไปฟังธรรม เขาจึงชักชวนภรรยาและเพื่อนบ้านเดินทางไปฟังธรรม ที่วัด แต่ยังไปไม่ทันถึงสถานที่แสดงธรรมก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก บรรดาผู้ไปฟังธรรมต่างพากันเข้าไปขอหลบฝนในกุฏิของพระภิกษุสามเณรที่ คุ้นเคย แต่หัวหน้าช่างหูกและเพื่อนบ้านไม่กล้าเข้าไปหลบฝนในกุฏิหรือศาลาหลังไหน เพราะไม่รู้จักพระภิกษุสามเณรรูปใดเลย และไม่เคยสร้างศาลาหรือวิหารใด ๆ ไว้ในพระศาสนา จึงได้แต่ยืนกางร่มอยู่กลางแจ้งด้วยความเก้อเขิน และโดนฝนสาดเปียกปอนไปตาม ๆ กัน แต่หัวหน้าช่างหูกเป็นคนมีปัญญาสอนตัวเองได้ เมื่อพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็รู้ว่าอะไรทำให้พวกเขาต้องมายืนตากฝนอยู่ท่ามกลางวัดเช่นนี้ เขาจึงกล่าวกับเพื่อนบ้านว่า “ที่เราต้องมายืนตากฝนอยู่อย่างนี้ เพราะเราไม่เคยทำบุญสร้างกุฏิ ศาลา หรือวิหารถวายวัดเลย เราควรร่วมมือร่วมใจกันสร้างวิหารหลังใหญ่สักหลังหนึ่ง จะได้อาศัยร่มเงาในบวรพระพุทธศาสนาเพื่อสร้างบารมี

อย่างสะดวกสบาย เกิดกี่ภพกี่ชาติจะได้มีที่อยู่อาศัย มีเสนาสนะไว้สำหรับประพฤติธรรมอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องมายืนเปียกฝน เช่นนี้อีกต่อไป” หัวหน้าช่างหูก เพื่อน ๆ และทุกคนในครอบครัว จึงร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างมหาวิหารหลังใหญ่ มีเรือนยอดพันหลังเป็นบริวาร ไว้ในวัดนั้น เพื่อเป็นที่ประทับของพระบรมศาสดา โดยหัวหน้าช่างหูกบริจาค ๑,๐๐๐ กหาปณะ เพื่อน ๆ บริจาคคนละ ๕๐๐ กหาปณะ ผู้หญิงบริจาคคนละ ๒๕๐ กหาปณะ แต่ปรากฏว่าทรัพย์ไม่เพียงพอ ในการก่อสร้าง เพราะเป็นงานใหญ่มาก หัวหน้าช่างหูกและเพื่อน ๆ จึงทุ่มบริจาคเงินเพิ่มขึ้นจนกระทั่งการก่อสร้างสำเร็จตามประสงค์ เมื่อสร้างเสร็จก็ฉลองด้วยการถวายมหาทานแด่คณะพระภิกษุ ที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุขตลอด ๗ วัน พร้อมทั้งถวายจีวรแด่พระภิกษุ ๒๐,๐๐๐ รูป ฝ่ายภรรยาของหัวหน้าช่างหูก นอกจากจะทำบุญทุกอย่างเหมือนคนอื่น ๆ แล้ว ยังตั้งใจจะถวายทานที่พิเศษกว่าใคร ๆ ด้วยความคิดว่า “เราจะบูชาพระศาสดาให้ยิ่งกว่าคนอื่น” นางจึงถวายผอบดอกอังกาบกับผ้าสาฎกที่มีสีเหลืองเหมือนดอกอังกาบแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอสรีระของหม่อมฉันจงมีสีดุจดอกอังกาบนี้ และขอให้หม่อมฉันจงมีนามว่าอโนชาด้วยเถิด” พระบรมศาสดาทรงอนุโมทนาว่า “จงสำเร็จอย่างนั้นเถิด” นับจากนั้น หัวหน้าช่างหูกและเพื่อน ๆ ก็หาโอกาสสั่งสมบุญเรื่อยมา เมื่อละโลกไปแล้ว ด้วยอานิสงส์ที่ถวายวิหารในครั้งนั้น ทำให้พวกเขาได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์เป็นเวลานานถึงหนึ่งพุทธันดร เมื่อจุติจากอัตภาพนั้น ด้วยอานุภาพ

บุญเขาได้มาบังเกิดในตระกูลกษัตริย์ในกุกกุฏวดีนคร เมื่อเจริญวัยแล้วได้เป็นพระราชา มีพระนามว่า “พระเจ้ามหากัปปินะ” มีมเหสีคู่บุญที่มีผิวพรรณเหมือนดอกอังกาบ มีพระนามว่า “อโนชา” ส่วนผู้ที่เคยร่วมบุญสร้างวิหารด้วยกันก็มาเกิดเป็นข้าราชบริพาร วันหนึ่ง พระราชากัปปินะได้ยินถ้อยคำอันเป็นสิริมงคลจากพ่อค้าที่เดินทางมาจากนครสาวัตถีว่า “พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว พระธรรมอุบัติขึ้นแล้ว พระสงฆ์อุบัติขึ้นแล้ว” ก็เกิดมหาปีติซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย พระราชารวมทั้งอำมาตย์อีกหนึ่งพันต่างพร้อมใจกันเดินทางไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทันที เพื่อบวชอุทิศแด่พระศาสดา เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว พระราชาและข้าราชบริพารได้บรรลุโสดาปัตติผล แล้วทูลขอบรรพชา พระบรมศาสดาทรงเห็นว่า “บุคคลเหล่านี้ เคยถวายจีวรพันผืนแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าพันองค์ และในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป ได้ถวายจีวร ๒๐,๐๐๐ ผืน แด่พระภิกษุ ๒๐,๐๐๐ รูป จึงประทานการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา ด้วยการเหยียดพระหัตถ์ขวาแล้วตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นภิกษุมาเถิด จงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด” และต่อมาเมื่อได้ฟังธรรมครั้งที่ ๒ พระมหากัปปินะและพระภิกษุที่เคยเป็นข้าราชบริพารได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา ส่วนพระนางอโนชา เมื่อทรงทราบว่า พระราชาเสด็จออกบวช ก็ทรงปรารถนาที่จะบวชเช่นกัน จึงเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดาแล้วทูลขอบวชเป็นภิกษุณี และต่อมาได้บรรลุอรหัตผล หลุดพ้นจากการร้อยรัดของกิเลสอาสวะที่ก่อให้เกิดทุกข์ทั้งปวง อานิสงส์ของการถวายวิหารทานทำให้ ผู้ถวายสมบูรณ์พร้อมในทุกสิ่งได้จริง ๆ ตามเรื่องราวในพระไตรปิฎกข้างต้น คือถึงพร้อมด้วยมนุษย์

คัดลอกจากวารสาร อยู่ในบุญ








 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2564   
Last Update : 6 พฤษภาคม 2564 15:41:05 น.   
Counter : 793 Pageviews.  

ศาสตร์แห่งการใช้ชีวิต





สวัสดี กัลยาณธรรมทุก ๆ ในขณะนี้ Covid - 19 สายพันธุ์ต่าง ๆ กำลังระบาดอย่างหนักทำอย่างไรจึงจะฝ่าวิกฤตนี้ได้

นักปราชญ์กล่าวว่าการเกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยากหนักหนา ในจำนวนของผู้ที่มีชีวิตมนุษย์ มีน้อยราวกับดินบนเล็บมือ ชีวิตในฐานะมนุษย์นั้นยากที่จะรักษาไว้ ยากราวกับน้ำค้างบนใบหญ้า แต่การมีชีวิตอยู่หนึ่งวันอย่างมีเกียรติดีกว่ามีชีวิตอยู่ถึง 120 ปีและตายอย่างน่าอับอาย

ผู้ที่ดำเนินชีวิตของเขาโดย

ต่อสู้เพื่อบรรลุอุดมการณ์อย่างต่อเนื่อง

จะคงความเป็นตัวของตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความศรัทธาเหมือนลำธารใสที่กำลังไหล

วันนี้ก็เช่นกัน ขอให้ท้าทายกับตัวเราเอง

เพื่อบรรลุเรื่องใหม่ ๆ

ขอให้เขียนหน้าใหม่อีกหน้า

ของประวัติส่วนตัวของเรา

เราทุกคนยังเป็นคนธรรมดาที่มีทั้งความดีและความไม่ดี เวลาจิตใจดีมีเมตตาก็เอื้อ

เฟื้อเผื่อแผ่ เกื้อกูลกัน เวลาจิตใจไม่ดีก็มีความโกรธแค้นชิงชัง อาจจะถึงอาฆาตเข่นฆ่า

กันให้ตายไปข้างหนึ่งถ้าความโกรธเกลียดนั้นมีกำลังมากขึ้น ขณะใดที่ทำดี ก็เรียกว่า

เป็นคนดี ขณะที่ทำไม่ดี ก็เรียกว่าเป็นคนไม่ดี ซึ่งทุกคนก็เป็นทั้งคนดีและคนไม่ดีกัน

ทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องเอ่ยถึงชื่อคน หรือกลุ่ม หรือสีใด ๆ เพราะนั่นเป็นเพียงสิ่งสมมติ

ใช้เรียกให้รู้กันเท่านั้น

เมื่ออยู่ในสังคม ทุกคนก็มีบทบาทหน้าที่ต่าง ๆ กันไป ถ้าทุกคนทำตามหน้าที่อย่างมี

เมตตาจิต สังคมก็จะอยู่กันอย่างเป็นสุข โดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงชีพด้วยภาษีของประชาชน

ถ้าไม่ทำหน้าที่ ก็ถือว่าเป็นการเลี้ยงชีพโดยไม่ชอบ เช่น ทหารมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย

รักษาความสงบมั่นคงของบ้านเมือง ก็ทำหน้าที่ด้วยเมตตาจิต คิดว่าจะรักษาความ

สงบเพื่อให้คนดีได้อยู่อย่างเป็นสุข และคนไม่ดีจะได้ไม่มีโอกาสทำไม่ดีมากขึ้น

ตำรวจมีหน้าที่รักษากฎหมายก็ทำด้วยเมตตาจิตเช่นกัน เพื่อให้คนดีอยู่อย่าง

ปลอดภัย และเชื่อมั่นว่าเมื่อทำความดีแล้ว ตำรวจผู้รักษากฎหมายจะปกป้องได้ จับกุม

คนทำผิดกฎหมายด้วยเมตตาจิตว่า เขาจะไม่มีโอกาสทำผิด ทำไม่ดีมากไปกว่านี้

ประชาชนก็มีหน้าที่ทำตามกฎระเบียบกฎหมายของสังคม เสียภาษีให้รัฐบาล และ

ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายด้วยเมตตาจิตต่อกัน ไม่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น

และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองด้วย

คนไทยทุกคนอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ตึงเครียด เราต่างภาวนาขอให้

บ้านเมืองสงบ หรือขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆของบ้านเมืองคุ้มครอง แต่จะขออย่างเดียวก็

คงไม่ได้ คงต้องลงมือทำด้วย สิ่งที่ควรจะทำ คือ รักษาผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ให้คนดีได้

อยู่อย่างสงบ คนไม่ดีถูกกำจัดให้ไม่มีโอกาสทำไม่ดีอีกต่อไป ให้ความดีเป็นธงชัยของ

ลูกหลานไทยในอนาคต ให้ลูกหลานไทยมีศรัทธาในความดี ให้เป้าหมายของลูกหลาน

ไทยคือได้ทำความดี ไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตคือ เงินทอง อำนาจ และชื่อเสียง ไม่ใช่

ปลูกฝังให้เลือกเรียนเลือกวิชาชีพที่ทำเงินทองมากที่สุด เพราะสอนกันว่า เมื่อมีเงินก็มี

อำนาจและมีชื่อเสียง ทำให้คนอยากได้เงินกันจนไม่สนใจวิธีการได้เงินกันเลย แม้จะ

โกง ทุจริตคอร์รัปชัน โกหกหลอกลวง ปล้นฆ่า ทำได้ทุกอย่าง จนเกิดอาชีพที่ไม่เคย

คิดว่าจะเกิดขึ้น คือ ขายเสียง รับจ้างยกมือสนับสนุน รับจ้างประท้วง รับจ้างด่าทอ

รับจ้างเป็นโล่มนุษย์ รับจ้างฆ่าคนไทยด้วยกัน รับจ้างปิดถนนให้คนเดือดร้อนไปทั่วบ้าน

ทั่วเมือง อย่างที่เห็นทำดีคือทำอย่างไร คือ ใครมีหน้าที่อย่างไร ก็ทำตามหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

โดยตั้งใจว่าหน้าที่ของเรานั้นต้องทำให้ความดีอยู่คู่มนุษย์ตลอดไป ให้มีศรัทธาว่า

ความดีเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ ต้องทำ และทำความดีเท่าไรก็ไม่พอ จนกว่าจะไม่มีความไม่ดี เพราะ

เมื่อยังมีเศษเชื้อของความไม่ดีอยู่ เช่นความอยากได้ เมื่อมีมากขึ้น จนเกินสมควร 10

ล้านไม่พอ 100 ล้านไม่พอ 1,000 ล้านก็ยังไม่พอ จนถึงแสนล้านก็ยังไม่พอ เท่าไร ๆ

ก็ยังไม่พอ เมื่อความอยากมีกำลังมากขึ้นอย่างนี้ ก็ทำได้ทุกอย่าง โกหก หลอกลวง ปล้น

ฆ่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง จนกระทั่งถึงขายชาติ หรือถ้ายังมีความโกรธเหลืออยู่ เมื่อ

สะสมไว้ให้มีกำลังมากขึ้น ก็อาจจะถึงทำผิดศีล คือ ด่ากัน จ้างคนมาด่าแทน ฆ่ากัน

จ้างคนให้ฆ่าคนไทยด้วยกัน อย่างที่เห็น

สิ่งสำคัญก็คือเริ่มที่ตัวเราทุกคน และเริ่มเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปกะเกณฑ์คนนั้นคนนี้ กลุ่ม

นั้นกลุ่มนี้ว่าควรทำดี แต่เริ่มที่ตัวเรา เริ่มเดี๋ยวนี้ เรามีหน้าที่อย่างไรก็ทำหน้าที่ของตน

ให้ดีที่สุด รักษาจิตใจของเราให้ไม่โกรธ ไม่เคียดแค้นพยาบาทคนที่เราคิดว่าไม่ดี

เพราะถ้าเราอยู่ในสถานการณ์สิ่งแวดล้อมอย่างเขา เราก็อาจจะทำอย่างนั้นก็ได้ เมื่อ

เขาทำความดี เขาก็คือคนดี เพราะฉะนั้นก็ให้อภัยกันที่หลงผิดปล่อยให้ความอยากได้

เงิน อยากได้อำนาจและเงินทองมีมากจนทำให้มืดบอด ไม่เห็นความผิดชอบชั่วดี

เริ่มที่ตัวเราให้ทำความดีก่อน แล้วบอกกล่าวคนใกล้ชิดให้ทำความดีและต่อ ๆ ไป

เหมือนเริ่มจุดเทียนของเราให้สว่างก่อน ให้คนอื่นต่อแสงสว่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ จนสว่าง

ไปทั่ว เมื่อเป็นเช่นนั้น การปกครองระบอบใดก็คงไม่สำคัญ ถ้าทุกคนในสังคมเป็นคนดี

ขอให้ความดีจงเจริญ ความไม่ดีจงเสื่อมไปจากจิตใจมนุษย์ทุกคน







 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2564   
Last Update : 4 พฤษภาคม 2564 21:31:29 น.   
Counter : 985 Pageviews.  

a kind person and a person is evil - minded








มีครอบครัวอยู่สองครอบครัวครอบครัวหนึ่งคนในครอบครัวนั้นใจดี มีความเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนอีกครอบครัวนั้นใจร้ายมีแต่ความคิดอิจฉาริษยา เห็นแก่ตัวมีเทวดาองค์หนึ่งอยากทราบถึงสภาพชีวิตจิตใจของคนในเมืองมนุษย์ว่า มีจิตใจดีหรือใจร้ายอยู่มากน้อยเพียงใดจึงได้เสด็จลงมายังเมือง

มนุษย์โดยแปลงเป็นพระธุดงค์ เมื่อถึงเมืองมนุษย์ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายแล้ว ก็ตรงไปยังบ้านของคนใจร้ายพบสองสามีภรรยาอยู่ที่บ้านพอดี จึงเอ่ยขึ้นว่าโยม !อาตมาขอน้ำฉันสักขันหนึ่งเถอะ อาตมาเดินทางมาไกลรู้สึกกระหายน้ำจังเลยน้ำที่บ้านฉันไม่มีเลยท่าน นิมนต์ไปขอที่บ้านอื่นเถอะอย่างนั้นขออาตมาปักกลดอยู่ในบริเวณบ้านของโยมหน่อยจะได้ไหมโยมคงไม่ได้หรอกท่าน เพราะบริเวณบ้านของฉันมันคับแคบ ไม่มีที่พอจะให้ท่านปักกลดได้หรอกงั้นก็ไม่เป็นไร

อาตมาลาก่อนละนะโยม ว่าแล้วพระธุดงค์ก็เดินออกจากบ้านสามีภรรยาใจร้ายไปด้วยความผิดหวัง คิดในใจว่านี่หรือน้ำใจของมนุษย์ที่มักแสดงตนว่าตนเองเป็นสัตว์ประเสริฐพระธุดงค์ก็เดินทางต่อไป จนถึงบ้านของคนใจดีสองสามีภรรยาเห็นพระธุดงค์เข้า ก็รีบลงจากบ้านมายกมือไหว้ แล้วพูดกับพระธุดงค์ว่าพระคุณเจ้าจะไปไหนหรือครับ นิมนต์ขึ้นบนบ้านก่อนครับ สามีพูดขอบใจมากโยม อาตมาธุดงค์มาเพื่อโปรดญาติโยมนี่แหละขอบพระเดชพระคุณท่านมาก ที่ได้เมตตามาโปรดถึงที่นี่ ขอท่านได้ฉันน้ำแก้กระหายก่อนครับ สามีพูดพร้อมกับยกน้ำขึ้นถวาย แล้วพูดต่อไปว่าคืนนี้ ผมขอนิมนต์ท่านปักกลดอยู่ที่นี่ก่อน อย่า

เพิ่งธุดงค์ไปไหนนะครับ เพื่อผมสองคนจะได้มีโอกาสได้ทำบุญบ้างขอบใจมากจ้ะโยม โยมมีน้ำใจต่ออาตมามากเหลือเกิน อาตมาจะไม่ลืมบุญคุณของโยมเลย พระธุดงค์พูดคืนนั้นพระธุดงค์ได้ปักกลดอยู่ในบริเวณบ้านของสามีภรรยาผู้ใจดีนั้นครั้นถึงรุ่งเช้า สองสามีภรรยาได้นำอาหารมาถวายพระธุดงค์เมื่อพระธุดงค์ฉันอาหารเสร็จแล้ว ก้ได้ให้พรสองสามีภรรยา และท่านได้พูดกับสองสามีภรรยาผู้มีน้ำใจว่าโยม ! ก่อนที่อาตมาจะจากโยมไป อาตมาไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนในน้ำใจอันประเสริฐของโยมนอกจากต้นไม้ต้นนี้ขอให้โยมนำไปปลูกดูแลให้ดีเถิดพระธุดงค์พูดแล้วก็ส่งต้นไม้นั้นให้สามีคนใจดีเมื่อพระธุดงค์จากไปแล้ว สอง

สามีภรรยาแห่งบ้านคนใจดีก็นำต้นไม้นั้นไปปลูกไว้ใกล้ๆ บ้านของตน ชั่วเวลาเพียง ๗ วันเท่านั้น ต้นไม้วิเศษต้นนั้นก็โตวันโตคืน โตจนโอบไม่รอบ สองสามีดีใจมากจึงปรึกษากันว่าจะอาต้นไม้นั้นไปทำอะไรดีในที่สุดก็ตกลงโค่นต้นไม้นั้น แล้วนำมาทำครกกับสากตำข้าว พอทำเสร็จแล้วก็เอาข้าวมาตำข้าวกระบุงหนึ่ง ตำมาออกได้หลายสิบกระบุงยิ่งตำข้าวมากก็ยิ่งออกมามากออกมาไม่หยุด ทำให้สองสามีภรรยาแห่งบ้านคนใจดีร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เป็นคนมีอันจะกิน มีฐานะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเรื่องครกตำข้าวของบ้านคนใจดี ได้ลือไปถึง

บ้านของคนใจร้ายสองสามีภรรยา บ้านคนใจร้ายจึงคิดอยากจะได้ครกวิเศษลูกนั้นมาตำข้าวจะได้ร่ำรวยอย่างครอบครัวของคนใจดีบ้างเมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงตรงไปยังบ้านของคนใจดีทันที ครั้นถึงภรรยาของบ้านคนใจร้ายก็เอ่ยขึ้นว่านี่ท่านทั้งสอง ฉันขอยืมครกกับสากของท่านไปตำข้าวที่บ้านของฉันสักวันจะได้ไหมจ้ะได้สิจ้ะอย่าว่าแต่วันเดียวเลย จะยืมกี่วันก็ได้ ตำข้าวเสร็จเมื่อไรก็นำเอามาคืนก็แล้วกัน ฉันไม่หวงหรอก ภรรยาบ้านคนใจดีพูดอย่างนั้นก็ขอบใจท่านทั้งสองมาก ที่ได้ให้ครกกับสากฉันขอยืม ฉันลาก่อนละนะ อีกสองสามวันจะเอามาคืนภรรยาบ้านคนใจร้ายพูดแล้วก็ช่วยกันกลิ้งครกไปเมื่อถึงบ้านของตน ทั้งสองสามี

ภรรยาบ้านคนใจร้ายก็รีบนำข้าวเปลือกมาตำ ตอนแรกทดลองใส่ข้าวไปหนึ่งกระบุงก่อนแล้วก็ลงมือตำ ตำไปได้สักพัก ปรากฏว่าข้าวหดตัว ลดเหลือเพียงครึ่งกระบุง จึงใส่ข้าวเปลือกลงไปสองกระบุง ตำแล้วข้าวหดตัวเหลือเพียงหนึ่งกระบุงยิ่งเอาข้าวมาตำมากเท่าไหร่ ข้าวก็หดลดน้อยลงเท่านั้นจนทั้งสองสามีภรรยาไม่กล้าเอาข้าวมาตำอีก ด้วยความโกรธสองสามีภรรยาแห่งบ้านคนใจร้ายจึงช่วยกันเอามีดมาผ่าครกกับสากที่ขอยืมมาจากบ้านคนใจดีจนแหลกใช้การไม่ได้ฝ่ายสองสามีภรรยาแห่งบ้านคนใจดีเมื่อทราบข่าวว่า ครกกับสากของตน ที่

คนใจร้ายขอยืมไปนั้น ถูกฟันทำลายจนแหลกใช้การไม่ได้ก็เดินทางไปยังบ้านของคนใจร้าย พบเศษครกกับสากทิ้งอยู่เกลื่อนก็เก็บเอาทั้งหมด แล้วนำกลับบ้านเมื่อถึงบ้านแล้ว สองสามีภรรยาบ้านคนใจดีก็ปรึกษากันว่า จะนำเศษไม้มาทำอะไรกันดี ในที่สุดก็ตกลงว่าจะทำหีบใส่ของ ชั่วเวลาไม่นาน ทั้งสองสามีภรรยาก็ช่วยกันทำหีบไม้ได้สำเร็จดังใจ เมื่อได้หีบไม้มาแล้วก็นำเอาเงินและทองที่เก็บสะสมมาเป็นเวลานาน ซึ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นใส่ลงไปในหีบครั้นวันรุ่งขึ้น ได้นำหีบมาเปิดดูก็พบทองคำเต็มหีบ ทั้งสองสามีภรรยาบ้านคนใจดีจึงร่ำรวยยิ่งขึ้นเรื่องหีบวิเศษของบ้านคนใจดีได้ลือไปถึงบ้านของคนใจร้ายอีกเช่นเคย สองสามีภรรยาบ้านคนใจร้าย จึงคิดอยากจะได้หีบวิเศษนั้นมาใส่เงินทอง

ของตน จะได้ร่ำรวยอย่างครอบครัวของคนใจดีบ้างเมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงตรงไปยังบ้านคนใจดีทันที ครั้นถึงภรรยาของบ้านคนใจร้ายก็เอ่ยขึ้น
นี่ท่านทั้งสอง ฉันขอยืมหีบของท่านไปใส่เงินใส่ทองบ้างจะได้ไหม ฉันอยากจะรวยอย่างท่านทั้งสองบ้างได้สิจ้ะ ฉันไม่หวงหรอก แต่อย่าทำลายหีบของฉันอีกก็แล้วกัน ภรรยาบ้านคนใจดีพูดจ๊ะฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ถ้าท่านให้ฉันขอยืมเอ๊า ! นี่หีบ เมื่อเธอเสร็จธุระแล้วก็รีบนำมาส่งฉันก็แล้วกันภรรยาบ้าน

คนใจดีพูด พร้อมส่งหีบไม้ให้กับภรรยาบ้านคนใจร้ายทั้งสองสามีภรรยาบ้านคนใจร้ายเมื่อได้หีบแล้วก็รีบนำกลับมายังบ้านของตนทันทีเมื่อถึงบ้านก็รีบนำเงินและทองที่เก็บสะสมมาทั้งหมดใส่ลงในหีบ แล้วปิดหีบนำไปเก็บไว้พอรุ่งเช้าก็รีบนำหีบมาเปิดออกดู ในใจทั้งสองคนคิดว่าคงจะมีทองคำเต็มหีบอย่างแน่นอน แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม ปรากฏว่าในหีบใบนั้นมีแต่ก้อนหินเต็มไปหมดทั้ง

สองสามีภรรยาบ้านคนใจร้ายเห็นดังนั้น ต่างหน้ามืดจะเป็นลมด้วยความโกรธ จึงหยิบหีบใบนั้นทุ่มลงกับพื้นจนหีบแตกกระจาย เพราะหีบวิเศษทำให้เขาประสบหายนะล่มจม เงินทองที่หามาได้ตลอดชีวิตไม่มีเหลือเลย กลายเป็นหินไปหมดนั่นเอง

ข้อคิด

คนที่มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ทำสิ่งใดก็จะประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ไม่เคยเป็นผู้ให้ จิตใจคับแคบ ทำสิ่งใดก็จะประสบแต่อุปสรรคและความหายนะความโลภอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน จะนำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว









 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2564   
Last Update : 3 พฤษภาคม 2564 16:39:22 น.   
Counter : 859 Pageviews.  

ลอยกระทงปี 2018






เมื่อวานนี้(22 พฤศจิกายน 2561)เป็นวันลอยกระทงกระทงหลงทางไปเข้าศูนย์การค้า Icon Siam ย่านฝั่งธน ฯ อากาศก็แสนที่จะร้อนเดิน ๆ ๆ แล้วก็เดินจนเสื้อเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อฅนก็เยอะรถก็ติดภาพชุดนี้เป็นตอนต่อจากเมื่อวานนี้เอามาให้ดูอีกครั้งเผื่อว่าใครอยากจะไปเดินศูนย์การค้า Icon Siam เมื่อ 20 กว่าปีก่อนย่านนี้ไม่ค่อยเจริญเพิ่งมาเจริญเอาที่ 10 กว่าปีหลังนี้เองการเดินทางมาจากวงเวียนใหญ่ก็ได้มาทางน้ำ(นั่งเรือด่วนมาขึ้นที่ห้างเลย)ก็ได้มาทางรถลอยฟ้าก็ได้ห้างหรูอลังการมากใหญ่กว่า Central westgate ที่บางใหญ่เมืองนนท์

วันลอยกระทง 22 พฤศจิกายน 2561 วันพฤหัส ที่ห้าง Icon Siam ตอนที่ 1

Icon Siam เป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่อยู่ย่านฝั่งธน ฯ ตรงนั้นมีรถไฟฟ้ากำลังก่อสร้างสายสีอะไรก็ไม่รู้ถ้าข้ามฝั่งมาจาก(ท่าน้ำสี่พระยา)เดินลัดเลาะจากคลองสานพลาซ่าได้ก็ได้ถึงเลยห้างใหญ่มากเดินวันเดียวก็ไม่ทั่วห้างหรอกน่ะความจริงห้าง Icon Siam เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 วันนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปห้างนี้แต่เดินไปเดินมาไปโผล่ที่ห้าง Icon Siam ก็เลยเดินเข้าไปดูว่ามีอะไรบ้างตรงนั้นอยู่ใกล้โรงพยาบาลปากคลองสานหาง่ายต่อไปการเดินทางอาจจะสะดวกเพราะมีรถไฟฟ้ารองรับคนที่จะไปที่ Icon Siam










 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2564   
Last Update : 1 พฤษภาคม 2564 17:13:30 น.   
Counter : 788 Pageviews.  

บทความธรรมมะสำหรับคฤหัสถ์








พระอรหัต์ จี้กง แสดงธรรมมีความรักเอื้ออาทรต่อสรรพชีวิตผู้ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย





อภัย....ทานเร่งบ่าเพ็ญอย่าเผลอเรอ
บาป...นั้นเหรอ ? เกิดจากใจไร้เมตตา
ขอ....จงมีความรักให้แก่กัน
จง.......สรู้างสุขผ้กสัมพันธ์เร่งเร็วหนา
จด.......จำให้มั่นทุกคนมีเมตตา
ใส่จิตขอจงอย่าไร้ปราณี

ทำ.....กุศลใหู้ใจเป็นสุข
บุญ.....ทานท่าก็ไรูทุกข์กลับสุขศานต์
อภัย....ธรรมน่าหนุนทุกวันวาร
บาป
....จะหมดกรรมจะลดหาญทำบุญ







ผู้ประกอบด้วยโลกุตรปัญญาอันลึกซึ้งได้มองเห็นว่า โดยธรรมชาติแท้แล้ว ขันธ์ทั้งห้านั้นว่างเปล่าและด้วยเหตุที่เห็นเช่นนั้น จึงได้ก้าวล่วง พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่าง ก็ไม่ต่างไปจากรูปรูปคือความว่าง

นั่นเอง และความว่างก็คือรูปนั่นเองเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นดังนี้ด้วยสารีบุตร ธรรมทั้งหลาย มีธรรมชาติแห่งความว่าง ไม่ได้เกิดขึ้นและไม่ได้ดับลงไม่ได้สะอาดและไม่ได้สกปรก ไม่ได้เพิ่มขึ้นไม่ได้ลดลงดังนั้น ในความว่างจึงไม่มีรูป ไม่มีเวทนา หรือสัญญา ไม่มีสังขาร หรือวิญญาณไม่มีตาหรือหู

ไม่มีจมูกหรือลิ้น ไม่มีกายหรือจิต ไม่มีรูปหรือเสียง ไม่มีกลิ่นหรือรสไม่มีโผฏฐัพพะหรือธรรมารมณ์ ไม่มีโลกแห่งผัสสะ หรือวิญญาณไม่มีอวิชชา และไม่มีความดับลงแห่งอวิชชา ไม่มีความแก่และความตายและไม่มีความดับลงซึ่งความแก่ และความตาย ไม่มีความทุกข์และไม่มีต้นเหตุแห่งความทุกข์ ไม่มีความดับลงแห่งความทุกข์และไม่มีมรรคทางให้ถึง ซึ่งความดับลงแห่งความทุกข์ไม่มีการประจักษ์แจ้งและไม่มีการลุถึง เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องลุถึงพระ

โพธิสัตว์ผู้วางใจในโลกุตรปัญญา จะมีจิตที่เป็นอิสระจากอุปสรรคสิ่งกีดกั้นเพราะจิตของพระองค์เป็นอิสระจาก อุปสรรคสิ่งกีดกั้นพระองค์จึงไม่มีความกลัวใด ๆ ก้าวล่วงพ้นไปจากมายาหรือสิ่งลวงตาลุถึงพระนิพพานได้ในที่สุด พระพุทธในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตผู้ทรงวางใจในโลกุตรปัญญา ได้ประจักษ์แจ้งแล้วซึ่งภาวะอันตื่นขึ้นอันเป็นภาวะที่สมบูรณ์และไม่มีใดอื่นยิ่ง ดังนั้น จงรู้ได้เถิดว่า โลกุตรปัญญาเป็นมหาธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมแห่งความรู้อันยิ่งใหญ่เป็นสิ่งอันไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่า เป็นมนต์อันไม่มีสิ่งอื่นใดมาเทียบได้ซึ่งจะตัดเสียซึ่ง

ความทุกข์ทั้งปวงนี่เป็นสัจจะ เป็นอิสระจากความเท็จทั้งมวล ในใจของตน อัตนาโจทยัตตานัง จงกล่าวโทษเตือนตนไว้เสมอสัพพะปาปัสะอกรณังละเว้นความชั่วกุสลัสสูปสัมปทา ทำแต่ความดีสจิตตะปริโยทปนัง ทำจิตใจให้ผ่องใสเอตังพุทธานะสาสะนังพระพุทธเจ้าทรงสอนเช่นนี้เหมือนกันหมด อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน โกหินาโถปโรสิยา ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้อัตตาหิสุทันเตนะ

เมื่อฝึกตนดีแล้วนาถังลภะติทุลภัง จะได้ที่พึ่งอันบุคคลอื่นหาได้ยากจิตแบ่งแยก ไม่แปลก ไม่แยกที่ถ้าจิตดี ไม่ไปตาม แสวงหาถ้าจิตยุ่ง ไม่ต้องพร่ำ พรรณนาถ้าจิตหา ไม่ต้องตาม ไปหาใครจิตที่ใช่ จิตที่มอง ไม่ต้องคิดผิดที่จิต ผิดที่ทาง ผิดที่ไหนผิดที่คน ผิดที่พูด ผิดร่ำไปผิดที่ใช่ ผิดที่พา ผิดที่ดู


มัชฌิมประภาสปุญสถาน

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ













 

Create Date : 30 เมษายน 2564   
Last Update : 30 เมษายน 2564 17:40:21 น.   
Counter : 810 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

suchu
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เงียบ ๆ และชอบสันโดษ ไม่พูดมาก ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่ชอบคุย



https://leemupai.tumblr.com/post/167978216820/in-bangkok-1900


IMG0813 L

[Add suchu's blog to your web]