Bloggang.com : Yai Klong_Tour Rai : Episode 6 : ♥ Taiwan inspire...my heart ... Part 1 ♥

Episode 6 : ♥ Taiwan inspire...my heart ... Part 1 ♥

สวัสดีค่าา
ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมดี ๆ กับโครงการ KTC Real Team ครั้งที่ 18 ตอน Taiwan ...I like ...ชิงรางวัลเป็นตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก 3 วัน 2 คืนที่ไต้หวันค่ะ
ตอนแรกที่ส่งเข้าประกวดนั้น ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้รับการคัดเลือก จะพาปาป๊ามาม๊าไปด้วยกันในทริปนี้ค่ะ เพราะปีนี้ยังไม่ได้ทำตามความฝันพาพวกท่านไปเที่ยวเลย
และปรากฏว่า...ได้รับคัดเลือกจริงๆ ก็รีบนำข่าวนี้ไปบอกปาป๊ามาม๊า...ซึ่งท่านก็ดีใจมาก ๆ และก็เตรียมตัวที่จะเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน....เมื่อเช้าวันหนึ่ง (ก่อนกำหนดเดินทางไม่ถึง 2 อาทิตย์) ....มาม๊ายกแขนซ้ายไม่ขึ้นเลย พาไปหาคุณหมอก็บอกว่าต้องพัก
ซึ่งก็ไม่แน่ใจเลยว่า จะหายทันเดินทางหรือไม่ ..... ดังนั้น เพื่อเป็นการไม่เสี่ยงกับสุขภาพของมาม๊ามากจนเกินไป....ปาป๊ามาม๊าเลยขอสละสิทธิ์ในทริปนี้ค่ะ

หลังจากนั้น เราจึงต้องหาผู้ร่วมเดินทางใหม่....แล้วก็ได้น้องสาว แสนสวย น่ารัก ใจดี ..... ยอมลางานมาร่วมเดินทางไปกับพี่สาวคนนี้ค่ะ
นอกจากนี้ ก็ยังได้ไปทริปนี้พร้อมกับอีกหนึ่งทีมที่ได้รับคัดเลือกเช่นกันค่ะ ..... ทริปนี้จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเหงาเลย ^__^

" ไต้หวัน " เป็นประเทศที่คุ้นหูมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะว่าปาป๊ามาม๊าไปเที่ยวไต้หวันบ่อยมากค่ะ เราเองก็เคยเกือบมีโอกาสที่จะได้ไปเรียนต่อที่นี่แล้ว
แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในตอนนั้น เลยปฏิเสธโอกาสดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดายมาก ๆ

ในครั้งนี้ แม้จะเป็นเวลาแค่เพียง 3 วัน 2 คืน แต่เราก็จะพยายามเก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ ของไต้หวันกลับมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
เพราะหากเรามีโอกาส.....เราอยากจะพาปาป๊ามาม๊ากลับไปเที่ยวไต้หวันกันอีกสักครั้งให้สำเร็จให้ได้.....

ตอนนี้ขอเชิญ เพื่อน ๆ ร่วมเดินทางไปค้นหาแรงบันดาลใจด้วยกันที่ " ไต้หวัน " กันเลยนะคะ หากข้อมูลที่นำเสนอขาดตกบกพร่องหรือไม่ครบถ้วนประการใด ก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
(ขอขอบพระคุณ สายการบิน China Airlines, Golden Live Travel และ KTC มาก ๆ ค่ะ สำหรับโอกาสที่มอบให้ในกิจกรรมครั้งนี้ค่ะ)
//www.china-airlines.com
//www.goldenlive.net
//www.ktc.co.th/ktcworld

ไต้หวัน หรือ เกาะไต้หวัน (จีนตัวเต็ม: 臺灣/台灣; จีนตัวย่อ: 台湾) เป็นเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้จีนแผ่นดินใหญ่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน ปกครองโดยสาธารณรัฐจีนภายใต้อาณัติของสาธารณรัฐประชาชนจีน
แต่เดิมเกาะไต้หวันมีชื่อว่า เกาะฟอร์โมซา (Formosa) หรือ Ilha Formosa ในภาษาโปรตุเกส แปลว่า "เกาะสวยงาม" เนื่องจากประเทศโปรตุเกสเคยเดินทางมายังเกาะนี้และได้ตั้งชื่อเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ยึดเอามาเป็นอาณานิคม

ข้อมูลจาก //th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99

ปัจจุบันนี้ ไต้หวันกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะไต้หวันมีเสน่ห์ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมอันโดดเด่น อาหารที่แสนอร่อย และแหล่งช้อปปิ้งที่มากมาย รวมถึงอัธยาศัยที่ดีมีน้ำใจของชาวไต้หวันด้วยค่ะ

การเดินทางไปไต้หวัน สามารถไปได้กับหลาย ๆ บริษัททัวร์ที่เปิดให้บริการอยู่ หรือไปเที่ยวด้วยตนเองก็ทำได้เช่นกันค่ะ หลายคนอาจจะนึกกังวลกับการเดินทางไปเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองเพราะด้วยข้อจำกัดทางด้านการสื่อสารเรื่องภาษา ไต้หวันนั้นถึงจะเป็นประเทศที่มีความเจริญค่อนข้างสูง แต่อัตราการพูดภาษาอังกฤษนั้นยังไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะยังคงพูดภาษาจีนแมนดารินเป็นหลักอยู่ค่ะ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดที่ยากจนเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะตามสถานที่ต่าง ๆ หรือแม้แต่แผ่นพับ แผนที่ ในไต้หวันก็จะมีภาษาอังกฤษกำกับไว้เกือบทั้งหมด อาจจะมีแค่ร้านอาหาร หรือร้านขายของบางร้านที่ไม่มีภาษาอังกฤษให้เราอ่าน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นความท้าทายและเสน่ห์ของการไปเที่ยวด้วยตนเองอีกหนึ่งอย่างที่อยากให้เพื่อน ๆ ได้ไปค้นหาด้วยตนเองนะคะ นอกจากนี้ คนไต้หวันก็เป็นคนมีน้ำใจ ถึงแม้เราจะสื่อสารกับเขาด้วยภาษาพูดไม่รู้เรื่อง ภาษามือและภาษาใจ จะช่วยสื่อถึงกันได้แน่นอนค่ะ

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้วจะต้องขอวีซ่าเข้าประเทศด้วยนะคะ ซึ่งการสมัครขอวีซ่ามี 2 ช่องทาง คือ สมัครออนไลน์ หรือ ไปยื่นใบสมัครด้วยตนเองค่ะ ซึ่งเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ สามารถเข้าไปชมรายละเอียดกันได้ที่นี่ค่ะ
//www.taiwanembassy.org/th/ct.asp?xItem=167631&ctNode=1813&mp=232

นอกจากนี้เราขอแนะนำ Application ที่มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับเพื่อน ๆ ที่มี iPhone หรือ iPad ติดตัวไปด้วย ลองหาโหลดแอพตัวนี้มาดูนะคะ มีประโยชน์และสะดวกมากๆ เลยค่ะ
Explore Taipei Metro Map Apps

ไปไต้หวันครั้งนี้ เป็นการไปครั้งแรกในชีวิตของเรา ด้วยระยะเวลาที่มีค่อนข้างจำกัด ทำให้เราเน้นการท่องเที่ยวแต่ใน Taipei เท่านั้นค่ะ แต่จริงๆ แล้วไต้หวัน ยังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายเลยนะคะ หากเพื่อน ๆ ที่คิดจะไปเที่ยวไต้หวันแล้วมีเวลามากสักหน่อย คงสามารถ แพลนการเดินทางได้มากกว่านี้ค่ะ ลองดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
//eng.taiwan.net.tw

เริ่มต้นการเดินทางกันแต่เช้าตรู่ ในครั้งนี้เราได้บินกับสายการบิน China Airlines ค่ะ .... เราเลือกไฟลท์เช้าสุด 08.25 น. เพื่อที่จะไปถึงไทเปในเวลา 13.00 น. (เวลาที่ไต้หวันเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ค่ะ ) Check-in ที่ Row S นะคะ
//www.china-airlines.com

สำหรับชั้น Economy Class นั้น สามารถโหลดกระเป๋าได้ไม่เกิน 23 กิโลกรัมค่ะ เรียกว่าไปแค่ 3 วัน 2 คืน นี่ เนื้อที่ในกระเป๋าเหลือ ๆ สำหรับใส่
ของช้อปปิ้งกลับมาได้สบาย ๆ เลยค่ะ

สองสาวสวยแห่ง China Airlines ยิ้มหวานต้อนรับเราตั้งแต่แรกเจอกันเลยค่ะ ^_^

ยืนรอกันสักพัก เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดเคาน์เตอร์ให้เช็คอินได้แล้วค่ะ

เจ้าหน้าที่ทำการเช็คอินและโหลดสัมภาระด้วยความรวดเร็วมาก ๆ ค่ะ

ได้รับ Boarding Pass มาแล้ว ก็กรอกใบ Departure Card ให้เรียบร้อยกันก่อน

ช่วงนั้นมีโปรโมชั่น แสดงบอร์ดดิ้งพาสของสายการบินที่ร่วมรายการ เพื่อรับส่วนลด 5% กับร้านอาหารที่เข้าร่วมด้วยค่ะ

แวะดื่มกาแฟแก้วโปรดกันก่อนนะคะ เช้า ๆ แบบนี้จะได้สดชื่น ๆ ^_^

ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วค่ะ ไปที่ Gate G2 กัน....สองสาวสวย มายืนรอส่งเราอยู่แล้ว อิอิ

วันนี้เราได้บินกับเครื่องรุ่น Boeing 747-400 ด้วยค่ะ เป็นเครื่องบินรุ่นที่เราชอบมากที่สุดเลย

เรียกขึ้นเครื่องแล้วค่า

ที่นั่งบนเครื่องเป็นแบบ 3-4-3 นะคะ ต้องไปนั่งรวมกับคนอื่นก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ^^”

เอกสารด้านความปลอดภัย ที่ควรต้องอ่าน , นิตยสารและสินค้า Duty Free ให้เลือกดูกันเพลิน ๆ ค่ะ

วิวสวย ๆ หลังจากที่เครื่อง Take off ได้ไม่นาน ..... ฟ้าสวยมาก ๆ เลยนะคะ

ระหว่างรออาหารและของว่าง ก็นั่งฟังเพลงเพลิน ๆ กันก่อนดีกว่าค่ะ

เริ่มแจกของว่างและเครื่องดื่มแล้วค่ะ มีพนักงานต้อนรับที่เป็นคนไทยด้วยนะคะ

น้ำแอปเปิ้ลและขนมขบเคี้ยวค่ะ อร่อยดีจัง

สักพักอาหารหลักก็ตามมาค่ะ จัดมาเต็มมาก ๆ แล้วก็อร่อยมาก ๆ ด้วยค่ะ ^_^

อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็มากรอกใบเข้าเมือง Arrival Card กันดีกว่า

ท้องฟ้าสดใส สีฟ้าจัดมาก ๆ เลยค่ะ แบบนี้พยากรณ์อากาศที่ว่ามีพายุเข้าที่ไต้หวันนั้นจะเป็นจริงหรือเปล่านะ สาธุ.....ขอให้ฟ้าสวย ๆ แบบนี้ตลอดทริปคงจะดี

ใช้เวลาบินกันประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสนามบิน Taiwan Taoyuan International Airport แล้วค่ะ ..... แต่ภาพที่เราได้เห็นนี่สิคะ ฮืออออ T___T

ไม่มีปาฏิหารย์จริง ๆ ด้วยค่ะ พยากรณ์อากาศแม่นมาก ๆ ฝนตกต้อนรับเราตั้งแต่เท้ายังไม่แตะพื้นดินไต้หวันกันเลยทีเดียว >.<

วันที่เราไปถึงนั้น เห็นมีแรงงานไทยไปกันเยอะมาก ๆ เลยค่ะ

สองสาวสวย China Airlines ตามมาส่งถึงไต้หวันกันเลยทีเดียว อิอิ

ตอนที่ไปถึงนั้น ก็เจอพนักงานขับรถตู้ชูป้ายรออยู่แล้ว (ต้องขอบคุณคุณออม Golden Live ที่ช่วยติดต่อเรื่องเช่ารถให้ด้วยนะคะ) คนขับบอกให้เรารอตรงนี้ค่ะ

ยืนรอกันนานพอควร รถก็มาจอดรับเรา แต่...เอ...ทำไมเป็นรถตู้ เพราะเราจองไปเป็นรถเก๋งสำหรับนั่ง 4 คน ในราคา 1200 NTD /เที่ยว (เราก็ได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถามคนขับ เพราะเกรงว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องค่ะ เก็บความสงสัยไปสอบถามที่โรงแรมละกัน อิอิ)

ฝนตก รถติดเล็กน้อย การจราจรติดขัดไม่มากเหมือนเมืองไทยเรา

ถึงแล้วค่ะ โรงแรม CHATEAU de CHINE
//sinjhuang.chateaudechine.com/en-us/

ภายใน Lobby ตกแต่งได้หรูหราดีค่ะ สมกับเป็นโรงแรม 4 ดาว มาก ๆ

ด้านซ้ายนี้เป็นในส่วนของห้องอาหารค่ะ

โรงแรมเตรียมเอกสารเช็คอินไว้รอเราอยู่แล้วค่ะ ไม่ยุ่งยากอะไรเลย แล้วเราก็ฝากโรงแรมคอนเฟิร์มเรื่องรถเช่าตอนขากลับ และเช็คเรื่องราคารถเช่าตอนขามาด้วยค่ะ ตอนนี้เราขึ้นไปห้องพักกันดีกว่า ระเบียงทางเดินตกแต่งได้สวยงามดีจัง

Banquet Hall หรือโถงกลางตรงชั้น 6 ใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงค่ะ ชอบการตกแต่งของเขามาก ๆ สวยงามดีจังค่ะ

Banquet Hall มีความสูงถึง 8 เมตร พื้นที่ 330 ตรม. จัดงานเลี้ยง 40-50 โต๊ะ ได้อย่างสบาย ๆ เลยค่ะ ตอนที่เราไปเขาก็เพิ่งจัดงานเลี้ยงแต่งงานเสร็จไป

เราพักกันที่ชั้น 7 ซึ่งมีห้องออกกำลังกายให้บริการด้วยนะคะ เสียดายไม่มีเวลาได้เข้าไปใช้เลย .... นอกจากนี้ก็ยังมีห้องซักรีดไว้ให้เราบริการตัวเองด้วยค่ะ สะดวกมากๆ

เดี๋ยวพาไปเข้าห้องพักกันดีกว่า

Key card เป็นระบบสัมผัสนะคะ ทันสมัยดีจัง

แผนผังบอกทางหนีไฟ เป็นมาตรฐานของห้องพักโรงแรมที่ต้องมีค่ะ

ห้องพักสวยงามดีจังเลยค่ะ

ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ตู้เซฟ เครื่องชั่งน้ำหนัก รองเท้าผ้าและเสื้อคลุมอยู่ในห่ออย่างเรียบร้อย พร้อมสรรพจริงๆ ค่ะ

สวิทช์ควบคุมระบบไฟในห้อง ทันสมัยดีนะคะ มีรูปบอกด้วยว่าอันไหนของไฟตำแหน่งไหน น่ารักดีค่ะ

ว้าววววว .... สวยจัง

ตกแต่งในแนวร่วมสมัยคะ ชอบโทนสีในห้องซึ่งให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย

โต๊ะทำงานแบบเข้ามุม ทำให้รู้สึกมีพื้นที่กว้างขวางขึ้น จัดสรรได้ลงตัวมาก ๆ ค่ะ

วัสดุที่กั้นระหว่างห้องน้ำและห้องนอน เป็นกระจกใส แต่ก็มีม่านให้ปิดได้เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ

เก้าอี้นั่งเล่นข้าง ๆ เตียงตัวนี้นั่งสบายมาก ๆ เลยค่ะ เวลาเดินช้อปปิ้งกลับมาเมื่อย ๆ นอนยืดขาได้สบายจริงๆ อิอิ

โต๊ะทำงานก็เป็นมุมที่เราชอบมากที่สุด เพราะกว้างขวาง วางอุปกรณ์ได้เยอะดี แถมเพียบพร้อมไปด้วยปลั๊ก และพอร์ตเชื่อมต่อมากมาย สะดวกดีจริง ๆ ค่ะ

มุมนี้ที่เราจอง ทั้งเตียง และเก้าอี้นั่งเล่น อิอิ

มีสวิทช์ควบคุมระบบไฟตรงนี้ด้วยค่ะ แต่ที่ชอบที่สุดคือ นาฬิกาปลุกทรงคลาสสิค ปลุกได้เสียงดังมาก ๆ 5555

LCD TV ให้เราได้นอนพักแล้วก็ดูรายการทีวีสบาย ๆ ที่ชอบที่สุดคือ มีช่อง Hakka Channel ด้วย ถ้าปาป๊ามาม๊า ได้มาชมคงจะชอบมาก ๆ เลยค่ะ

แค่เดินสำรวจห้องพัก ก็รู้สึกผ่อนคลาย มั่นใจว่าคืนนี้ต้องหลับสบายแน่ๆ อิอิ

มาชมห้องน้ำกันต่อนะคะ

ห้องน้ำกว้างขวางดีจังค่ะ แยกส่วนเปียก ส่วนแห้งออกจากกันอย่างลงตัว มีทั้ง Bath tub และ Shower

ชอบในส่วนของอ่างล้างหน้าค่ะ ออกแบบเป็นกึ่ง ๆ โต๊ะไม้ อ่างก็มีขนาดใหญ่ดีค่ะ

Amenities ก็ถูกบรรจุไว้ในกล่องดำเงาหรูหรา ทุกอย่างเลยดูลงตัวสวยงามไปหมดเลย

หลังจากพักผ่อนในโรงแรมกันพอสมควรแล้ว ก็ออกเที่ยวได้แล้วค่ะ จุดหมายปลายทางแรกของเราก็คือ ห้างโซโก้ตรงสาขา ZHONGXIAO FUXING (หรือที่เราเรียกกันว่า โซโก้เขียว นั่นล่ะค่ะ) เรานั่งรถเมล์สาย 802 จากโรงแรมเพื่อไปลงยังสถานี MRT Xinpu ค่ะ จริงๆ เราสามารถใช้บริการรถตู้ของโรงแรมซึ่งบริการให้กับแขกที่มาพักฟรีได้นะคะ แต่วันหนึ่งจะมีแค่ไม่กี่รอบ และต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าค่ะ เราจึงนัดกับเขาให้มารับเราที่สถานี Xinpu นี้ตอน 21.30 น. ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายที่มีบริการค่ะ
เมื่อลงสถานี ZHONGXIAO FUXING ก็ออกทาง Exit 2 ได้เลยนะคะ จะสามารถเดินเข้าห้างโซโก้เขียว ตรงชั้น B2 ได้เลยค่ะ และก่อนที่จะไปช้อปปิ้งกันก็ขอเติมพลังกันให้เต็มที่ร้านยอดนิยมนี้กันก่อนค่ะ Din Tai Fung คนรอคิวเยอะมาก ๆ เลยค่ะ
//www.dintaifung.com.tw/en/

ระหว่างที่รอคิว ก็ไปชมครัวเปิดของทางร้านค่ะ โชว์ขั้นตอนการทำเสี่ยวหลงเปา เมนูขึ้นชื่อของร้าน

สาว ๆ พนักงาน Din Tai Fung สวย ๆ น่ารักกันทุกคนเลยนะคะ ว่าไหม ^^

แล้วก็ถึงคิวเราซะทีค่ะ เราได้สั่งอาหารไปก่อนแล้วระหว่างที่รอคิว พอได้นั่งโต๊ะไม่นาน ก็มาเสริฟให้แล้วค่ะ ขอชามะนาวเย็น ๆ แก้เหนื่อยก่อนนะคะ

เริ่มต้นกันที่ Appetizer กันก่อนเลยนะคะ จานแรกเป็นถั่วงอกผัดกับสาหร่ายเส้น ๆ กรุบกรับเคี้ยวเพลินดีจังค่ะ จานที่สองเป็นแตงกวากรอบ ๆ ราดน้ำพริกเผา อร่อยดีจัง

Shrimp and Pork Wonton Soup เกี้ยวน้ำหมูกับกุ้งค่ะ สอดไส้กุ้งเป็นตัวมาครึ่งหนึ่งและสอดไส้หมูด้วยครึ่งหนึ่ง รสชาติกลมกล่อม อร่อย

Fried rice with eggs and Pork ข้าวผัดไข่ใส่หมูเส้นๆ ผัดได้แห้งๆ ไม่มันดีค่ะ

แล้วพระเอกของมื้อก็มาแล้ว " Steamed pork dumplings " เสี่ยวหลงเปาไส้หมูสับสูตรตำรับ

Fried rice with eggs and Fried Pork Chop ข้าวผัดไข่โปะมาด้วยเนื้อหมูทอด น่ากินไหมคะ

ขอเริ่มคำแรกกับเสี่ยวหลงเปาก่อนนะคะ เนื้อแป้งบางกำลังดีกับหมูสับปรุงรสเข้มข้นข้างใน เคล้าด้วยน้ำซุปกลมกล่อม ลูกเดียวไม่พอจริงๆ ค่ะ 555

ตบท้ายกันด้วย Steamed mashed taro bun ซาลาเปาไส้เผือก หวานกำลังดี อร่อยมาก ๆ ค่ะ

อิ่มท้องกันเรียบร้อย ก็ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ Shilin Night Market กันค่ะ นั่งรถ MRT สายสีน้ำเงินจากสถานี ZHONGXIAO FUXING ไปลงที่ TAIPEI MAIN STATION จากนั้นก็ต่อสายสีแดงไปลงที่สถานี JIANTAN ช่วงต่อสายระหว่างสีน้ำเงินกับสีแดง จะเดินไกลพอสมควรเลยค่ะ พอถึงสถานี JIANTAN ก็ออก Exit 1 เดินตามป้าย Shilin Night Market ไปได้เลยค่ะ ไม่มีหลงแน่ๆ ฝนที่ตกพรำตลอดเวลาก็ไม่ทำให้ความตั้งใจจะไปช้อปปิ้งลดลงเลยค่ะ 555+

แต่ในคืนนี้เราจะยังไม่ได้แวะในส่วนของตลาดที่เน้นร้านอาหารนะคะ เราจะเดินไปตามซอยสองข้างทางที่เต็มไปด้วยแผงขายอาหารหน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ อย่างร้านนี้ก็เหมือนจะเป็นผลไม้เชื่อมเสียบไม้สีสันดึงดูดมาก ๆ

ส่วนร้านนี้ กลิ่นมาก่อนเห็นตัวค่ะ รถเข็นขายเต้าหู้เหม็น (Stinky Tofu) ได้มาเห็นและดมด้วยตัวเองซะที หลังจากที่สงสัยมานานจากการเล่าขานต่อกันมา กลิ่นที่ได้นั้นจริงๆ ก็เป็นกลิ่นถั่วเหลืองที่โชยมาจากตัวเต้าหู้ค่ะ แต่กลิ่นจะค่อนข้างแรงกว่าเต้าหู้ทั่ว ๆ ไปในบ้านเรา ตอนแรกว่าจะขอชิมให้รู้รสชาติสักหน่อย แต่บังเอิญว่า ร้านนี้เขาขายแบบราดน้ำสลัด ไม่ได้ราดพริกเหมือนที่เคยเห็นมา งั้นผ่านก่อนละกันนะคะ

ส่วนร้านนี้ เหมือนเป็นโดนัทหรือวาฟเฟิลราดเนยและน้ำผึ้งเลยค่ะ น่าทานมาก ๆ

แผงขายผลไม้ก็จัดวางได้ดูน่ากินเชียว สีสันสดใสสุด ๆ

ร้านนี้เหมือนขายไส้กรอกอีสานบ้านเราเลยนะคะ 5555

ลูกชิ้นปลาทอดสองแบบค่ะ เสียดายมาก ๆ ที่ไม่ได้ชิม รู้สึกเหมือนเสียโอกาสเลยค่ะ T__T

ส่วนนี่ขายกุนเชียงยักษ์และของปิ้งย่างหลายอย่าง

ร้านนี้ขายทุกอย่างเอามาเสียบไม้ย่างหมดเลยค่ะ มีตั้งแต่ของทะเลไปจนถึงพริกหยวกและข้าวโพด หลากหลายการปิ้งย่างมาก ๆ

พอเราเดินทะลุมาอีกซอยหนึ่งก็จะเป็นร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า กิฟช้อป ของกระจุกกระจิก ถูกใจสาว ๆ มาก ๆ ค่ะ

Frog Eggs Drink เป็นน้ำมะนาวใส่เม็ดเยลลี่ใส ๆ ลื่น ๆ คล้ายไข่กบ เขาว่ากันว่าทานแล้วสดชื่นมาก ๆ เลยนะคะ

ผลไม้เชื่อมน่าตาน่ากินอีกแล้ว

เดินช้อปปิ้งกันดูนั่นดูนี่กันพอสมควรแก่เวลา แล้วก็ต้องรีบจ้ำกลับไปสถานี Xinpu ที่เรานัดกับรถโรงแรมไว้ เป็นการเดินทางในไต้หวันวันแรกที่เหนื่อยอ่อนและเมื่อยล้ากันพอสมควรเลยทีเดียว คืนนั้นก็หลับสนิทแบบไม่รู้สึกตัวบนเตียงอย่างสบายมาก ๆ ค่ะ

หลับไปแป็บเดียวก็เช้าแล้ว เร็วมาก ๆ ค่ะ เปิดซองคีย์การ์ดออกมาเพื่อเอาคูปองอาหารเช้า มีรหัส Wifi ที่ทางโรงแรมให้มา (สามารถใช้ได้ 7 วัน) เรายังไม่ได้เริ่มใช้เลยค่ะ ตอนนี้ขอลงไปทานอาหารเช้ากันก่อน

ห้องอาหารที่นี่อยู่ที่ชั้นล่างค่ะ ใกล้ๆ กับ Lobby เปิดบริการตั้งแต่ 06.30-10.00 น.

อาหารก็เป็นบุฟเฟ่ต์มีให้เลือกหลากหลายค่ะ แต่ชอบตรงที่เขาทำเป็นครัวเปิดจัง ให้ความรู้สึกว่าได้ทานอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ตลอดเวลา

โซนน้ำผลไม้ ชา กาแฟ และซีเรียลต่าง ๆ

ด้านนอกมีแขกมานั่งทานกันหลายโต๊ะแล้ว เดี๋ยวเราเข้าไปนั่งทานด้านในดีกว่าค่ะ

เริ่มต้นกันที่ "ผัดหมี่" เรียกน้ำย่อยกันก่อน

ต่อด้วย ไข่ดาว, เต้าหู้, เกี๊ยวซ่าแบบนิ่มๆ, หมั่นโถวและผัดผัก ชิมอย่างละนิดหน่อย ก็อิ่มแล้วค่ะ

อิ่มอาหารเช้าเรียบร้อยก็ออกเดินทางจากโรงแรมด้วยรถโรงแรมที่เรานัดไว้ตอน 8.00 น. เพื่อไปส่งเราที่สถานี Xinpu แล้วก็นั่งรถไฟ MRT ไปลงที่สถานี Longshan Temple ออกทาง Exit 1 หรือ Exit 4 ก็ได้ค่ะ ถ้าออกทาง Exit 1 เราจะมาเจอลานกว้างนี้

เนื่องจากฝนที่ตกลงมามากกว่าเมื่อวานนี้อีก เราเลยเดินหลบฝนไปทางด้านข้างเพราะมีหลังคา ก็เจอกับกลุ่มคนชราเยอะแยะมากมาย กำลังจับกลุ่มคุยกัน บางกลุ่มก็เหมือนคนชราเร่ร่อน พอเห็นเรายกกล้องถ่ายภาพก็ตั้งท่าเหมือนจะให้เราถ่ายเขาค่ะ แต่ไม่แนะนำให้คนที่แพ้กลิ่นบุหรี่เดินผ่านทางนี้นะคะ เพราะกลิ่นแรงมากๆ

ถ้าออกทาง Exit 4 ก็จะออกมาทางนี้ค่ะ

"วัดหลงซัน" อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง เวลาข้ามถนนก็ต้องระวังนะคะ มองขวาก่อนมองซ้าย เพราะรถที่นี่วิ่งชิดขวา ขับพวงมาลัยซ้ายค่ะ กลับกันกับบ้านเรา

"วัดหลงซัน หรือ วัดหลงซันซื่อ" (Longshan Temple หรือ Lungshan Temple) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1738 ถือเป็นวัดที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดในไต้หวัน

ภายในวัดเต็มไปด้วยรายละเอียดด้านงานฝีมือที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นลวดลายบริเวณเสาที่แกะสลักเป็นมังกรพันรอบเสา และลวดลายปูนปั้นแสนละเอียดอ่อนบนหลังคา

ภายในมีวิหารสามหลัง คือวิหารด้านหน้า วิหารกลางซึ่งเป็นวิหารหลัก และวิหารที่อยู่ทางด้านหลัง

ในแต่ละวันจะมีผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือชาวไต้หวันเอง มากราบสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่เสมอ ๆ

ในวันนั้นที่เราได้มีโอกาสไปเยือนวัดหลงซัน ที่วัดก็กำลังประกอบพิธีทางศาสนา ทั่วทั้งวัดเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่มาร่วมท่องบทสวดมนต์ บ้างก็สวมชุดคลุมสีดำเหมือนนักบวชถือศีล บ้างก็ใส่ชุดธรรมดา แต่ทุกคนร่วมกันสวดมนต์ด้วยเสียงที่ดังกังวานก้องวัด เคล้าไปกับเสียงฝน บรรยากาศในยามนั้นช่างดูขลังจริงๆ ค่ะ

ด้วยพลังแห่งศรัทธาและความเชื่อ

ด้วยความคาดหวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานพรและคุ้มครอง

วัดหลงซันเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ที่ยาวนานสองร้อยกว่าปี สถานที่แห่งนี้จึงเป็นเสมือนศูนย์รวมจิตศรัทธาในศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่จะอยู่คู่กับไต้หวันสืบไปตราบนานเท่านาน

หลังจากนั้นเราจะเดินทางต่อกันไปยังอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค (CHIANG KAI-SHEK MEMORIAL HALL) โดยเปลี่ยนสายรถไฟฟ้า MRT เป็นสายสีแดง แล้วไปลงกันที่สถานี CHIANG KAI-SHEK MEMORIAL HALL เลยค่ะ

เราว่าสถานีนี้ มีรูปแบบที่สวยงามแปลกตากว่าสถานีอื่น ๆ ในไต้หวันเลยนะคะ

ออกทาง Exit 5 ก็จะมาเจอทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวเลี้ยวขวาไปก็จะเจออนุสรณ์สถานเจียงไคเช็คแล้ว โปรดสังเกตว่า ฝนยังคงตกตลอดเวลาค่ะ 55555

พอเดินเข้ามาก็จะเจอกับประตูทางเข้าหลักที่ทำจากหินอ่อนสีขาวสวยงาม

" Liberty Square " เรียงจากซ้ายไปขวา
" National Concert Hall " หรือ โรงดนตรีแห่งชาติ มีการจัดแสดงดนตรีทั้งของไต้หวันและนานาประเทศเสมอ ๆ
" CHIANG KAI-SHEK Memorial Hall " สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงท่านเจียง ไคเช็ค
" National Theater Hall W " หรือ โรงละครแห่งชาติ จัดแสดงภาพยนตร์ในและต่างประเทศ

ว่ากันว่า ที่นี่เป็นหอศิลปะการแสดงที่ดีที่สุดในไต้หวันเลยค่ะ

อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค เป็นอาคารหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ ส่วนหลังคาเป็นกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงิน สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค ใช้เวลาในการสร้างถึง 3 ปี สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2523

ในบริเวณด้านหน้าจัดแต่งด้วยสวนสไตล์จีนที่มีความสวยงาม Liberty Square นี้มักจะถูกใช้สถานที่เพื่องานสำคัญต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ ค่ะ

เมื่อเดินขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว จะพบกับรูปปั้นของท่านเจียงไคเช็คในอิริยาบถนั่งอยู่ในชุดประเพณีนิยมแบบจีน รูปปั้นนี้ทำมาจากทองสำริดที่มีขนาดใหญ่มากค่ะ
เจียงไคเช็ค เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2430 (ค.ศ. 1887) จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยของญี่ปุ่นและกลับมาเป็นขุนศึกค้ำบัลลังก์ของ ดร. ซุน ยัตเซน ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) รวมอายุได้ 88 ปี เป็นผู้นำของจีนระหว่าง พ.ศ. 2471 ถึง พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1928) ถึง (ค.ศ. 1949) ต่อมาได้ไปตั้งรัฐบาลจีนคณะชาติที่ไต้หวัน เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในการปฏิวัติ ปี พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ต่อต้านรัฐบาลของหยวน ซื่อไข่ และตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) ได้เข้าร่วมรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งของ ดร. ซุน ยัตเซน และเมื่อ ซุน ยัตเซน ถึงแก่อสัญกรรม ในปี พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) เจียงไคเช็คได้เป็นผู้นำพรรคแทน และพยายามรวบอำนาจในพรรคด้วยการกำจัดแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งด้วยอำนาจทหารและอำนาจเงิน โดยมีการต่อท่อสายสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น กระทั่งสามารถยกตนเองก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน
ข้อมูลจาก
//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87_%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%81