Episode 6 : ♥ Taiwan inspire...my heart ... Part 2 ♥
หลังจากรอจนฝนซา เราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไปด้วย MRT แค่มี Easy card ใบนี้ใบเดียวก็สามารถเดินทางได้เกือบทั่วในไต้หวันแล้วค่ะ ใช้ชำระแทนเงินสดได้หลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น MRT, รถประจำทาง, หรือแม้แต่ซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เกต สะดวกจริงๆ ค่ะ เราซื้อมาในราคา 500NTD ซึ่งสามารถใช้ได้ 400NTD หากนำบัตรไปคืนก็จะได้รับเงินมัดจำคืนเกือบเต็ม 100 NTD เลยค่ะ (รู้สึกว่าจะโดนหักค่าใช้บัตรเล็กน้อยค่ะ) สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในสถานี MRT หรือตามซุปเปอร์มาร์เกตค่ะ แล้วก็ได้รับส่วนลดตอนชำระค่าโดยสารทั้ง MRT และรถประจำทางด้วยนะคะ คุ้มมาก ๆ //en.wikipedia.org/wiki/EasyCard
เรานั่ง MRT มาลงที่สถานี Shilin เพื่อต่อรถประจำทางสาย R30, 304, 815 ไปยัง National Palace Museum หรือพิพิธภัณฑ์กู้กงค่ะ
แล้วเราก็ชำระค่าโดยสารด้วยบัตร Easy card เช่นเคยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการจ่ายตอนลงรถนะคะ เพราะเท่าที่ขึ้นมาหลายรอบก็จ่ายตอนลงทุกครั้งเลย แต่ถ้าจะดูจุดสังเกต ก็ดูตรงไฟที่แสดงตรงด้านบนคนขับว่าขึ้นไฟสีแดงที่ไหน ระหว่าง ซ่าง 上 (จ่ายตอนขึ้น) หรือ เซี่ย 下 (จ่ายตอนลง) ค่ะ
ตอนที่จะลงรถประจำทางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะลงไม่ถูกนะคะ เพราะคนขับจะคอยพูดว่าถึงไหน ๆ แล้วป้ายกู้กงก็จะมีคนลงค่อนข้างเยอะเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ชมแผนที่ของพิพิธภัณฑ์กู้กงโดยรอบก่อนนะคะ
พิพิธภัณฑ์กู้กง เริ่มการก่อสร้างในปีค.ศ. 1962 มีต้นแบบมาจากพระราชวังโบราณในกรุงปักกิ่ง เดิมตั้งชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ จง ซาน แต่ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภัณฑ์กู้กงแห่งชาติ ภายในพิพิธภัณฑ์เก็บ วัตถุและผลงานทางศิลปะของจีนโบราณที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 5000 ปี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยค่ะ //www.npm.gov.tw/en/home.htm
ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายแล้วแต่เรายังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลยค่ะ เลยขอฝากท้องไว้ที่ร้านนี้ค่ะ Fu-ch'un-chu Cafe' (富春居) อยู่ชั้นล่างของ Exhibition Area II
เราสั่งอาหารเป็นแบบ Set Menu ค่ะ ซึ่งจะมีอาหารจานหลัก, สลัดผัก, ซุปไข่+เต้าหู้ร้อน ๆ พร้อมชาร้อน/เย็น หรือกาแฟ ในราคาชุดละ 220 NTD ค่ะ
ส่วนจานหลักสั่งเป็น "Grilled Herb Chicken Steak" เนื้อไก่ชิ้นโตหมักกับเครื่องเทศเข้มข้น นำไปย่างจนหนังกรอบหอมอร่อยค่ะ
น้องสาวสั่งเป็น "Salt Roasts Salmon" เนื้อปลาแซลมอนย่างเกลือ น่าทานมาก ๆ เลยค่ะ
อิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อย ก็เตรียมตัวไปเข้าชมในส่วนต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์กู้กงกันค่ะ จ่ายค่าเข้าชมคนละ 160 NTD ค่ะ แต่หากอยากเช่า Audio Guide ก็สามารถเช่าได้ในราคา 100 NTD ค่ะ
ที่พิพิธภัณฑ์กู้กงนี้เก็บรักษาของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ จำนวนมากกว่า 620,000 ชิ้นจากทุกราชวงศ์ของจีน ไม่ว่าจะเป็น ภาพเขียน หนังสือ แผ่นป้าย เครื่องทองแดง เครื่องหยก เครื่องเซรามิก เครื่องเขียนโบราณ เครื่องแกะสลัก งานปัก งานทอมือ หนังสือ และสิ่งของอื่นๆ อีกรวม 14 ประเภท ซึ่งแต่ละชิ้นนั้นนอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังทรงคุณค่าด้วยความหมายที่มีอยู่ในตัวเอง การที่จะเข้าไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์ได้นั้น จะต้องทำการฝากกล้องถ่ายภาพและวีดีโอทุกชนิด และสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ๆ เช่น เป้แบ็คแพค หรือกระเป๋ากล้องที่มีขนาดใหญ่ ไว้ที่เคาน์เตอร์รับฝากของ ของทางพิพิธภัณฑ์ก่อนนะคะ (เป็นกฎข้อบังคับห้ามฝ่าฝืนค่ะ)
ด้านในพิพิธภัณฑ์นั้น ห้ามบันทึกภาพทุกชนิด เราจึงได้แต่ตื่นตะลึงละลานตา ไปกับความสวยงาม วิจิตรบรรจงของสิ่งล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน หากจะให้มาบรรยายเป็นตัวอักษรว่าภาพที่เราเห็นนั้นสวยงามเพียงใด คงไม่สามารถสรรหาคำพูดมากล่าวอ้างให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ตาเห็นได้ แต่เนื่องจากเราอยากจะนำภาพของสวยงามเหล่านั้นมาฝากเพื่อน ๆ เท่าที่ความสามารถจะทำได้ ภาพที่จะได้เห็นต่อไปนี้เป็นภาพที่เราสแกนมาจากโปสการ์ดที่ระลึก ที่เราได้ซื้อมาจากร้านขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์ค่ะ
Nature and Human in Unison: Smart Carvings of Jade and Beautiful Stones Jadeite Cabbage, Qing Dynasty (1644-1911) Length: 18.7 cm, width: 9.1 cm, thickness: 5.07 cm หยกแกะสลักเป็นรูปผักกาดขาวที่มีตั๊กแตนเกาะอยู่ ได้รับการจัดอันดับด้านความงดงามเป็นอันดับ 1 ของโลก ตามหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ พบว่า หยกชิ้นนี้แต่เดิมอยู่ที่พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City's Yung-ho Palace) ซึ่งเป็นที่พำนักของพระมเหสี Chin ในพระจักรพรรดิ Kuang-hsu ว่ากันว่าหยกชิ้นนี้เป็นเสมือนสินสอดของพระมเหสี Chin เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และอวยพรให้มีลูกหลานมาก ๆ ค่ะ อ่านประวัติเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ //www.npm.gov.tw/en/collection/selections_02.htm?docno=867&catno=16&pageno=2
Meat-shaped Stone Ch'ing Dynasty (1644-1911) Height: 5.73 cm, width: 6.6 cm, thickness: 5.3 cm หยกหมูสามชั้น คือ อีกหนึ่งผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของพิพิธภัณฑ์กู้กงแห่งนี้ มักจะถูกนำมาจัดแสดงร่วมกันคู่กับ หยกผักกาดขาว ทำขึ้นจากหินธรรมชาติที่มีการสะสมในชั้นหินมานานหลายปีจนทำให้เกิดเฉดสีต่าง ๆ และดูฉ่ำเหมือนหมูสามชั้นจริงๆ อ่านประวัติเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ //www.npm.gov.tw/en/collection/selections_02.htm?docno=900&catno=12&pageno=2
Eight prize steeds Giuseppe Casliglione Qing Dynasty ภาพเขียนโบราณ ในสมัยราชวงศ์ชิง
Along the river during the Qing-ming Festival Qing Dynasty ภาพเขียนโบราณ ในสมัยราชวงศ์ชิง ชมภาพเขียนโบราณเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ //www.npm.gov.tw/en/collection/selections_01.htm?pageno=5&catno=15
เราใช้เวลาที่พิพิธภัณฑ์กู้กงไปค่อนข้างมาก แต่ก็ยังเดินชมไม่ทั่วทุกจุดเลยค่ะ สวนก็ไม่ได้เข้าไปเพราะฝนตกตลอดเวลา หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถประจำทางกลับไปยังสถานี MRT เพื่อไปลงสถานี Sun Yat-sen Memorial Hall ออกทาง Exit 4 เพื่อมาที่นี่ค่ะ อนุสรณ์สถาน ดร.ซุน ยัตเซ็น Sun Yat-sen Memorial Hall //www.yatsen.gov.tw/en/
ซึ่งที่นี่เราจะสามารถมองเห็นตึก Taipei 101 ในจุดที่สวยที่สุดมุมหนึ่งได้เลยนะคะ แต่วันที่ฝนตก ฟ้าปิดแบบนี้ สิ่งที่เราเห็นตอนนี้คือ ..... T__T
บริเวณด้านข้างจะเป็นสวน ที่มีรูปหล่อของท่านดร.ซุน ยัตเซ็น พร้อมแผ่นป้ายคำสอนต่าง ๆ ของท่าน
ดร.ซุน ยัตเซ็น (จีน: 孫逸仙) (12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2409 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2468) ผู้นำทางการเมือง และนักปฏิวัติของจีนนับถือศาสนาคริสต์ ผู้เป็นกำลังสำคัญในการโค่นล้มราชวงศ์ชิง ผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง และประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน สมัยที่ก่อตั้งสาธารณรัฐจีนขึ้นในปี พ.ศ. 2455 ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาของประเทศจีน ดร.ซุน ยัตเซ็น ได้คิดและสอนเกี่ยวกับทฤษฎีการเมือง ซึ่งเรียกว่า หลัก 3 ประการ แห่งประชาชน ทฤษฎีนี้ยังคงมีอิทธิพลต่อการเมืองการปกครองในสาธารณรัฐจีนแม้ในปัจจุบัน
ช่วงที่เมฆหมอกโดนลมพัดไปบ้าง เราก็รีบเก็บภาพ Taipei 101 ที่พอจะมองเห็นได้ มาได้แค่นี้ค่ะ >.<
ตอนนั้นมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามทหารรอบสุดท้ายของวันพอดีเลยค่ะ โชคดีมาก ๆ ที่มีโอกาสได้ชม
Father of Modern China
ในปัจจุบันนี้ ที่นี่ถูกใช้เป็นศูนย์การศึกษาทางวัฒนธรรมและสังคม ภายในอาคารแบ่งออกเป็นห้องโสต, ห้องสมุด และห้องจัดแสดงนิทรรศการมากมาย
ในบริเวณชั้นล่างมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกและให้บริการเกี่ยวกับด้านไปรษณีย์ด้วยค่ะ เราจึงขอซื้อแสตมป์ที่นี่เพื่อส่งโปสการ์ดที่เรารวบรวมตรายางตามสถานที่่ท่องเที่ยวหลาย ๆ ที่ในไต้หวันค่ะ ไม่ลืมที่จะส่งหาตัวเองด้วยนะคะ อิอิ
หลังจากนั้นเราก็ไปตึก Taipei 101 ไม่ได้ขึ้นไปชมวิวหรอกนะคะ เพราะฟ้าปิดฝนตกแบบนี้ มองอะไร ๆ ก็คงไม่ชัดแล้ว T___T แต่เราไปซื้อของที่ระลึกค่ะ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจว่า ครั้งหน้าเราจะต้องมาชมวิวที่ตึก Taipei 101 นี้ให้ได้ เราเลือกซื้อของที่ระลึกหลายอย่างจากตึก Taipei 101 แค่มีบัตรนี้ก็ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ๆ มาแล้วค่ะ ^__^
วันนี้เที่ยวกันมาหลายที่เหลือเกิน ท้องร้องหิวข้าวมาก ๆ จึงพากันไปหาของอร่อยกินกันที่ย่านช้อปปิ้งถนนคนเดิน Ximending ลงสถานี Ximen ออกจาก Exit 6 ค่ะ เราตามรอยมากินร้านหม้อไฟ และน้ำแข็งไส ตอนแรกก็ว่าสั่งหม้อไฟที่เป็นเต้าหู้ แต่คนขายเขาทำมาให้กลายเป็น Stinky Tofu เต้าหู้เหม็นทอด ซะนี่ กลายเป็นว่าได้กินโดยไม่ตั้งใจ แต่อร่อยมาก ๆ เลยนะคะจานนี้ กรอบนอกนุ่มใน ไม่เหม็น แถมพริกที่ให้จิ้มก็รสชาติจัดจ้านมาก ๆ เห็นภาพแล้วยังอยากกินอยู่เลยค่ะ 5555
เราเลยสั่งหม้อไฟไปใหม่ เป็น Thai Spicy เลือกระดับความเผ็ดปานกลางค่ะ น้ำซุปเผ็ดร้อน จัดจ้านกำลังดี พร้อมชิ้นไก่ทอดเคี้ยวมัน มาพร้อมข้าวเปล่าและน้ำชา ราคาทั้งชุด 100NTD (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ ตอนนั้นหิวมากความจำเลือนลาง 555)
อิ่มแล้วก็ไปร้านน้ำแข็งไสข้าง ๆ ต่อเลยค่ะ เราสั่งน้ำมะระหวาน แต่น้องสาวสั่งถ้วยนี้ค่ะ อัดแน่นด้วยสตอเบอรี่ มะม่วง ส้ม ราดมาบนไอศครีม ถ้วยใหญ่มาก ๆ ค่ะ กินกันจุใจ รสไอศครีมหวานอมเปรี้ยวผลไม้ อร่อยมาก ๆ (ไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำแข็งไสหรือเปล่านะคะ แต่ว่าเราชิมแล้วเหมือนไอศครีมเลยค่ะ 5555) ดูพิกัดร้านหม้อไฟ และ น้ำแข็งไส ได้ที่นี่ค่ะ //www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10597904/E10597904-73.jpg
แล้วเช้าวันสุดท้ายของการมาเที่ยวไต้หวันก็มาถึงแล้วค่ะ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ เช้าวันนี้อากาศเหมือนจะสดใสขึ้นแล้ว ฝนก็ดูจะตกน้อยลงแล้วด้วยค่ะ วิวจากห้องพักนี่ ถ้าเป็นวันที่ฟ้าใส ๆ คงจะมองได้ไกลสุดตาเลยนะคะ
เริ่มต้นวันที่สดใสด้วยอาหารเช้าเบา ๆ อย่าง ข้าวต้มร้อน ๆ หมูหยอง ไข่ดาว
วันนี้ฝนไม่ตกแล้ว ขอถ่ายภาพโรงแรม CHATEAU de CHINE เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะ
ภาพเงาสะท้อนในน้ำสวย ๆ ระหว่างที่นั่งรถประจำทางไปสถานี Xinpu ค่ะ วันที่ฟ้าเป็นสีฟ้าสวย ตรงนี้คงจะยิ่งสวยกว่านี้มาก ๆ เลยค่ะ
พ่อค้าแม่ค้าเปิดแผงขายอาหารใกล้ ๆ บริเวณสถานี เห็นขายเป็นข้าวเหนียวดำ ๆ ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ น่าทานเหมือนกันนะคะ
เปิดร้านกันแต่เช้า ก็มีลูกค้ามาซื้อแต่เช้า วิถีชีวิตของคนไต้หวันที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่สอดคล้องกับความเจริญของบ้านเมืองได้อย่างลงตัว
รถไฟเพิ่งไปได้สักครู่ ผู้คนจึงบางตา เราชอบความมีระเบียบวินัยของคนที่นี่นะคะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเข้าคิวกัน ไม่มีการแซงกัน
รอไม่นานนัก รถไฟก็มาแล้วค่ะ
วันนี้เราจะไปห้าง Miramar กัน จึงไปต่อสายสีน้ำตาลกันที่สถานี Zhongxiaofuxing เพื่อไปลงที่สถานี Jiannan Road สังเกตว่าตู้รถไฟสายสีน้ำตาลนี้แบ่งเป็นตู้ ๆ ไม่สามารถเดินต่อไปตู้อื่นๆ ได้เหมือนขบวนทั่ว ๆ ไปที่เราเคยขึ้นนะคะ
ถึงสถานี Jiannan Road ก็เดินตามป้าย Miramar Exit 3 เลยค่ะ
เห็นสัญลักษณ์ ชิงช้าสวรรค์ นี้ก็มั่นใจได้เลยนะคะว่ามาถึงห้าง Miramar แล้ว ชิงช้าสวรรค์นี้มีความสูงถึง 100 เมตรกันเลยทีเดียว ถ้าได้มาเยือนในยามค่ำคืนคงจะเปิดไฟสวยงามมาก ๆ เลยค่ะ
ชำระค่ารถเช่าไป-กลับกันก่อนค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเดินช้อปปิ้งกันต่อ ที่ห้างโซโก้เขียว เพราะวันแรกเล็ง ๆ ไว้แต่ยังไม่ได้ซื้อ เสร็จแล้วก็ไปหาซื้อเครื่องสำอางค์จากร้าน MOLI ที่โด่งดังว่าราคามิตรภาพในแถว ๆ ถนนย่าน Taipei Main Station พอสมควรแก่เวลาแล้วเราก็กลับไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมกันก่อนค่ะ (เราขอโรงแรม Late Check-out เป็นบ่าย 2) ตกลงว่าทางโรงแรมคิดค่ารถเช่าในวันแรกเป็นอัตรารถเก๋ง คือ 1200 NTD เพราะเกิดการเข้าใจผิดกันในขั้นตอนการจองกับ Agency ค่ะ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ โรงแรมด้วยนะคะที่ช่วยเหลือติดต่อเจรจาในเรื่องนี้ หลังจากเช็คเอาท์เราก็ฝากกระเป๋าสัมภาระไว้กับโรงแรมก่อน เพราะเราจะออกไปช้อปปิ้งขนมของฝากกันต่อที่ตลาด Shilin ค่ะ เพราะไม่ตรงกับช่วงเวลาของรถตู้โรงแรม เราจึงต้องนั่งรถประจำทางไปเอง วันสุดท้ายนี่รู้สึกคล่องแคล่วขึ้นเยอะเลยค่ะ ดอกไม้สวย ๆ ตรงหน้าสวนสาธารณะข้าง ๆ โรงแรม เป็นสีขาวเงินทั้งพุ่มเลย แล้วก็มีดอกเล็ก ๆ สีเหลือง ๆ สวยแปลกตาจังค่ะ ไม่ทราบว่าคือต้นอะไร
ระหว่างที่รอรถประจำทางก็เก็บภาพนั่นนี่ไปเรื่อย ๆ ชอบสาว ๆ ไต้หวันนะคะ สวยน่ารักกันจัง อิอิ
แต่ที่ชอบที่สุดก็คือ เด็กน้อยคนนี้ค่ะ คิดว่าจะกลัวกล้อง แต่ที่ไหนได้พอเห็นเราเล็งกล้องเท่านั้น ก็โพสท่าแอ็คชั่นให้ตลอดเวลา น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ
ตลาด Shilin ในโซนร้านอาหารที่คืนแรกเรายังไม่ได้มาแวะค่ะ แม้จะเป็นตอนกลางวันก็มีนักท่องเที่ยวมากันมากมายพอสมควร
ไก่ทอด Hot Star เจ้าดัง แต่สาขานี้ไม่เห็นคนเข้าคิวซื้อกันยาว ๆ เหมือนที่เคยเห็นภาพจากคนอื่นเลยนะคะ หรือว่ายังเช้าอยู่ก็ไม่ทราบ
หมายมั่นว่าจะต้องได้มากินหอยทอดอร่อย ๆ แบบเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่เคยมารีวิวไว้ให้จงได้ค่ะ เห็นร้านนี้กำลังทำอยู่ แต่เหมือนหอยยังตัวเล็กไปสักหน่อย 555
ส่วนร้านนี้น่าจะดังนะคะ เพราะเห็นมีกล้องมาถ่ายทำรายการอะไรก็ไม่ทราบ แม่ค้ากำลังสาธิตวิธีการทำขนม ที่หน้าตาเหมือนกะหรี่ปั๊บบ้านเรา มีเมนูให้เลือกนะคะว่าต้องการไส้อะไร
ส่วนร้านนี้เหมือนขายราดหน้าทะเลเลย ปลาหมึกชิ้นโตอวบมาก ๆ
แล้วเราก็เจอเป้าหมายแล้วค่ะ หอยนางรมตัวอวบอ้วนในอิริยาบถต่าง ๆ อิอิ
แต่เหมือนว่า ร้านนี้เขาไม่ได้ขายหอยทอดสิคะ คงต้องเดินหาต่อไป >.<
บางร้านก็จะมีเมนูที่มีภาษาอังกฤษกำกับให้เลือกนะคะ ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าที่นี่จะพูดอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ ใช้ภาษามือกันอย่างเดียว
เต้าหู้เหม็นทอดนี่ก็มีขายกันเยอะมาก ๆ จริง ๆ นะคะ เฉพาะในตลาด Shilin นี่ก็หลายเจ้ามาก ๆ เลย
เท่าที่สังเกต คนไต้หวันนิยมอาหารจำพวก ปิ้ง ทอด ย่าง กันมาก ๆ เลยนะคะ เพราะมีร้านขายแบบนี้เยอะจริง ๆ
สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทานหอยทอดอย่างที่ตั้งใจไว้ค่ะ แต่ไม่เป็นไรเก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจมาไต้หวันครั้งหน้าต้องหาทานให้ได้ หลังจากนั้นเราก็หอบหิ้วของฝากกันเต็มมือกลับไปขึ้นรถตู้โรงแรม ที่เรานัดให้มารับตอน 18.30 หน้า Family Mart สถานี Xinpu ค่ะ ประทับใจจังเลยนะคะเพราะเราเช็คเอ้าท์แล้ว แต่ทางโรงแรมก็ยังให้บริการตรงนี้กับเราอยู่
ท้องฟ้าเริ่มเปิดให้เห็นแสงอาทิตย์ยามเย็นเป็นครั้งแรกในไต้หวันค่ะ
ถึงโรงแรมก็เตรียมข้าวของสัมภาระขึ้นรถเช่าที่เราจองไว้เพื่อไปส่งที่สนามบินค่ะ ลาทีมิใช่ลาก่อนนะคะ CHATEAU de CHINE ถ้ามีโอกาสคงได้กลับมาพักที่นี่อีกค่ะ
Terminal 1 ของสนามบิน Taoyuan อยู่ในช่วงปรับปรุงตกแต่งตัวอาคารอยู่ค่ะ ถ้าเสร็จเมื่อไหร๋ก็น่าจะทันสมัยและสวยขึ้นมากเลย ยังเช็คอินทันทีไม่ได้ค่ะ ต้องรอเวลาก่อน แต่ก็ไปเข้าคิวไว้เลยได้เช็คอินเป็นคิวแรกเลยค่ะ
Special care counter เคาน์เตอร์เช็คอินพิเศษสำหรับ คนชรา, ครอบครัวที่มีเด็ก, คนพิการ และผู้โดยสารที่เช็คอินออนไลน์ทางอินเตอร์เนตมาค่ะ
ถ้ามีทำ Tax Refund ตอนที่ซื้อสินค้า ก็นำหลักฐานมารับเงินภาษีคืนได้ที่เคาน์เตอร์นี้นะคะ
หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ก็ยังเหลือเวลาอีกนานพอสมควรเลยมานั่งเล่นจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดกันก่อนค่ะ
นั่งจิบเครื่องดื่มพร้อม update status ไปพลาง ๆ เพราะมี Wifi ให้เล่นฟรีด้วยค่ะ
เผลอแป๊บเดียวก็หมดเวลาโอ้เอ้แล้ว 22.15 ต้องเข้าไปที่ Gate แล้วค่ะ ขั้นตอนการผ่านตม. ก็ไม่ยุ่งยากและคิวก็ไม่ยาวมากเท่าไร จะมีต่อรอคิวตอนผ่านเครื่อง X-Ray กันเล็กน้อย
ไฟลท์ขากลับนี่เต็มไปด้วยผู้โดยสารคนไทยมากมายเลยค่ะ รู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ยังไม่กลับถึงเมืองไทยเลย 5555+
ขึ้นเครื่องแล้วค่ะ
ได้เห็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ
วันนี้ผู้โดยสารเยอะมาก ๆ ค่ะ เต็มลำเลย รู้สึกจะมีเรื่องวุ่น ๆ เรื่องผู้โดยสารสับเปลี่ยนที่นั่งกันนิดหน่อย เลยทำให้เครื่องดีเลย์ไปประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ
3 วัน 2 คืนในไต้หวัน ช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ ค่ะ เขาว่ากันว่าถ้าเรามีความสุข เวลาเหมือนจะผ่านไปเร็วเสมอ ๆ แม้การมาไต้หวันครั้งแรกจะขลุกขลักไปบ้าง เปียกฝนชุ่มฉ่ำกันบ้าง พลาดบางสถานที่ท่องเที่ยวไปบ้าง แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เรากลับสัมผัสได้ ถึงเสน่ห์ของไต้หวัน คงเหมือนกับหลาย ๆ ท่านที่ได้มาไต้หวันแล้วก็ได้บอกไว้ว่าให้ระวัง จะตกหลุมรักไต้หวันไม่รู้ตัว ..... และเราก็ได้ค้นพบแรงบันดาลใจแล้วค่ะ เสน่ห์ของไต้หวันนี่เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเรา และคงจะเป็นเหตุผลที่มากพอที่เราจะต้องกลับไปเที่ยวไต้หวันอีก.....Taiwan inspire...my heart.....
ใครพลาดตอนแรกคลิกที่นี่เลยค่า
Create Date : 05 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 5 มิถุนายน 2554 14:15:53 น. |
|
4 comments
|
Counter : 3897 Pageviews. |
|
|
|
โดย: BNKSC วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:15:07:35 น. |
|
|
|
โดย: somchaikaikhan IP: 125.24.206.255 วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:10:11:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|