กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
เมษายน 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
22 เมษายน 2565
space
space
space

ทำยังไงจึงจะถึงนิพพานในชาตินี้



   ถาม ๑. ทำอย่างไรจึงจะถึงพระนิพพานในชาตินี้  ๒. เกิดความเบื่อหน่ายขณะครองเพศฆราวาส เลยวางตัวไม่ถูก จะทำอย่างไรดี

   ดิฉันเป็นอีกผู้หนึ่งที่สนใจในศาสนาและหลักธรรมของพระพุทธองค์ ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่สนใจ จนพบความทุกข์อย่างมหันต์ ทุกข์ทั้งในหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัว
ความทุกข์เกาะกินมากมายจนถึงเกือบจะหนีด้วยการฆาตกรรมตัวเองด้วยความโง่เขลา แต่แล้วปัญญาธรรมก็เกิด ซึ่งในขณะนั้น (มาทราบภายหลังหลังจากปฏิบัติธรรมแล้ว) ว่า ตราบใดที่ยังมีชีวิตมีตัวตนอยู่ เราก็จักพ้นบ่วงทุกข์เหล่านี้ไปไม่ได้ ทุกข์ที่นี่ดับ ต้องมีทุกข์อื่นตามมาอีก ดับๆ เกิดๆ เป็นอยู่เช่นนั้น เพราะตัวตนยังมีอยู่หนีไม่พ้นแน่ วูบที่มีความรู้สึกนั้นเกิดขึ้น เกิดเบื่อหน่ายในตัวตน เบื่อหน่ายในทุกสิ่งรอบตัวตามทันที คิดอยากหาทางพ้นไปเสียจากตัวตนอันนี้ จึงหันมาสนใจเรียนปริยัติธรรมอยู่ ๒ ปี คิดว่าการเรียนธรรมะจะพ้นทุกข์ แต่แล้วก็หาเป็นเช่นนั้นไม่
จึงหันมาใช้วิธีปฏิบัติ  เริ่มมาได้ปีกว่าๆ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ คือ หยุดความกระวนกระวายใจทั้งหลายได้ และตัดความโกรธอย่างเฉียบพลันได้ คือ ตัดอายตนะภายนอกที่จะกระทบอายตนะภายในอันปรุงแต่งให้จิตมี โลภะ โทสะ โมหะเสียได้

   ปัจจุบันเบื่อชีวิตฆราวาส เบื่อการคลุกคลีกับหมู่คณะ ที่ใดจัดบวชเนกขัมมะจะไปทุกที่ และเมื่อโรงเรียนปิดเทอมจะไปปฏิบัติตามสำนักที่เลือกเฟ้นทั้งคณาจารย์และแนวการสอนว่าถูกต้องแล้ว เพื่อหลีกเร้นไปหาที่สัปปายะทั้งบุคคลและสถานที่
อารมณ์ปัจจุบันนึกโน้มไปทางธรรมมากกว่าทางโลกเสียแล้ว แต่เหตุที่จะละไปไม่ได้ เพราะต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ซึ่งท่านชราแล้วทั้งคู่
ดิฉันมีอาชีพเป็นครู เลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่อยู่ ปรนนิบัติท่านทั้งสองอยู่เพราะเป็นลูกคนสุดท้อง และยังไม่มีครอบครัว และได้นำธรรมะที่ง่ายๆ พื้นๆคุยเล่าให้แม่ฟัง ทำให้ท่านคลายความยึดถือและละวางได้บ้างบางครั้ง ซึ่งแต่เดิมท่านเพียงแต่ศรัทธาทำบุญเพียงอย่างเดียว ไม่สนใจการปฏิบัติธรรม
ส่วนดิฉันได้แจ้งประจักษ์ในธรรมอันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วทุกประการ และจะไม่ขอพึ่งที่พึ่งอื่นใดนอกจากพระรัตนตรัย นี่คือที่พึ่งอันเกษม ที่พึ่งทางโลกเป็นสมมติทั้งสิ้น ขอกราบเรียนถาม ดังต่อไปนี้

   ๑.ทำตนอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร จึงจะใกล้พระนิพพาน และถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้

   ๒.เกิดความเบื่อหน่าย  เห็นการแตกดับในทุกสิ่งที่จับต้องแล้ว เบื่อหน่ายละวาง สลดใจอยู่ ดวงจิตนี้เป็นอย่างไร เพราะรู้ว่าในทางโลกที่ต้องดำรงชีวิตอยู่แบบฆราวาสวิสัยกับแบบทางธรรมที่เห็นอยู่ คิดอยู่นี้ เป็นสิ่งสวนทางกันจึงเริ่มวางตัวไม่ถูก  ในเมื่อยังมีอาชีพอยู่แต่ก็ยังละไปไม่ได้ (ในทางด้านร่างกาย) แต่จิตใจละได้มากแล้ว อยากให้อาจารย์อธิบายให้กระจ่างชัดกว่านี้

   ขอความกรุณาอาจารย์ได้โปรดตอบให้กระจ่างชัดเพื่อเป็นธรรมทาน เพราะรู้สึกว่าเวลาไปหาพระเพื่อซักถามข้อปฏิบัติทางจิต  ท่านตอบไม่กระจ่างชัด   ทั้งๆที่ท่านก็เป็นพระปฏิบัติเหมือนกัน อาจารย์จะกรุณาตอบเป็นส่วนตัว หรือ ทางหนังสือก็ได้ค่ะ

ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม


ตอบ. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม

   ขอแสดงความยินดีต่อการเดินทางสายใหม่ของคุณและเป็นทางที่ถูกต้องจนสามารถเอาชนะทุกข์ได้ การศึกษาธรรมและการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นอุปกรณ์อันสำคัญในการนำชีวิตไปสู่ความสุขและความเต็มเปี่ยมบริบูรณ์อย่างที่คุณได้รับอยู่

   การปฏิบัติมารดาบิดาเป็นหน้าที่อันสำคัญประการหนึ่งของลูก ขอให้คุณทำต่อไปจนกว่าท่านจะสิ้นชีพ เพราะการปฏิบัติมารดาบิดาด้วยน้ำใจอันงามนั้นเป็นมงคลอันสูงสุดอย่างหนึ่งของชีวิตเหมือนได้อยู่ใกล้พระอรหันต์และได้ปรนนิบัติพระอรหันต์เป็นลาภอันประเสริฐของคุณแล้ว แม้ว่าจะสละเหย้าเรือนไปบวชไม่ได้เพราะติดอยู่กับเรื่องนี้ ก็ขอให้ให้คิดว่าได้ทำสิ่งที่ประเสริฐยิ่งในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
นอกจากนี้คุณยังเข้าใจชักจูงท่านให้เลื่อมใสพระพุทธศาสนา โดยนำธรรมะง่ายๆ มาสนทนาให้ท่านฟัง ถือว่าเป็นการตอบแทนท่านอย่างยอดเยี่ยมอีกประการหนึ่ง
ผมขออนุโมทนาจริงๆ สอดคล้องกับพระพุทธดำรัสที่ว่า การทำมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธาให้มีศรัทธา ไม่มีศีลให้มีศีล ไม่มีจาคะและปัญญาให้มีจาคะและปัญญานั้นเป็นการตอบแทนท่านอย่างยิ่งและอย่างถูกต้องด้วย

  การที่คุณปลงใจยึดเอาธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่เอาอย่างอื่นเป็นที่พึ่งนั้นก็เป็นความถูกต้องอีก เพราะพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระศาสดาของเราก็ทรงสอนเช่นนั้น ทรงสอนให้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นที่พึ่ง หรือพึ่งตนเองโดยมีธรรมเป็นหลักนั่นเอง

คุณถามว่า

   ๑. จะทำอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร จึงจะใกล้พระนิพพาน และถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้ ตอบว่า ขอให้ดำเนินตามมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฐิ เป็นต้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ พระองค์เอง และพระอรหันตสาวกทั้งหลายปฏิบัติได้ผลมาแล้ว พยายามพิจารณาความไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตาในสิ่งทั้งปวง

   ๒. ความเบื่อหน่าย ต่อวิถีของโลกที่คุณมีอยู่นั้นเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่ปฏิบัติอยู่ในธรรมอย่างสม่ำเสมอ นิพพิทาญาณ (ความรู้สึกเบื่อหน่ายในสิ่งทั้งปวง) ย่อมเกิดขึ้น และต้องการจะพ้นไป แต่จะเป็นอยู่ชั่วระยะหนึ่ง เมื่อปัญญาแก่กล้าขึ้น ย่อมเห็นสิ่งต่างๆเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง ทำให้อยู่กับสภาพที่เป็นทุกข์ได้โดยไม่ต้องทุกข์ คือ กายยังไม่ออกแต่จิตออกแล้ว ขอให้รักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ คุณจะก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมเป็นอันมากและอยู่เป็นสุขด้วย
ในระยะนี้  ขอให้เพิ่มพูนความกรุณาให้มากๆ เพื่อแก้ความรำคาญของจิต คือ จิตจะเกิดรำคาญอะไรที่เป็นโลกๆ ไปเสียหมด อีกหน่อยจะหายไปเอง เหมือนดอกบัวเกิดในโคลนตมแต่ไม่ติดตม ใบบัวอยู่กับน้ำแต่ไม่ติดน้ำ ผู้คุมอยู่ในคุกแต่ไม่ติดคุก

ขอความเจริญในธรรมพึงมีแก่คุณตลอดไป

 


Create Date : 22 เมษายน 2565
Last Update : 22 เมษายน 2565 7:50:57 น. 0 comments
Counter : 247 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space