ใครที่กำลังวางแผนไปเชียงใหม่แล้วอยากพักนอกเมือง อยากไปสัมผัสธรรมชาติของเมืองเหนือที่มีภูเขาสลับซับซ้อน ในขณะเดียวกันยังต้องการความสะดวกสบาย ห้องพักที่ออกแบบได้สวยงาม นี่คือรีสอร์ทใหม่ที่ผมอยากแนะนำ ก่อนไปที่นี่ ผมไม่มีข้อมูลมากนักเนื่องจากรีสอร์ทเพิ่งเปิดบริการมาไม่นาน แต่พอได้ไปแล้ว ต้องบอกว่า ที่นี่เป็นรีสอร์ทวิวภูเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะห้องพักบนชั้น 2 และ ชั้น 3 ของอาคารห้องพัก 3 ชั้น ที่สายภูเขาไม่ควรพลาด รีสอร์ทตั้งอยู่ในอำเภอหางดงที่ใช้เวลาขับรถจากเชียงใหม่ประมาณสี่สิบห้านาที มีห้องพักทั้งแบบบนอาคาร 3 ชั้นที่ออกแบบในสไตล์โคโลเนียลและแบบวิลลาที่ทำจากหลองข้าว หรือถ้าใครมีที่พักอยู่แล้ว อยากไปชมบรรยากาศ ขับรถเล่นหาที่ทานข้าว ทานกาแฟชิลๆ ในรีสอร์ทก็มีบริการห้องอาหารที่สามารถชมวิวสวยๆ ทานอาหารอร่อยๆ กาแฟหอมๆ ส่วนจุดด้อยของที่นี่คงเป็นที่ห้องพักบางห้องไม่เห็นวิวอะไรมากนัก วิลลาบางหลังห้องนอนค่อนข้างเล็ก มีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ที่ค่อนข้างชัน ลองเข้าไปดูรายละเอียดในรีวิวครับ
ลองมาชมภาพความประทับใจของผมกับรีสอร์ทเล็กๆที่เหมือนถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติที่สวยงามในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ในนิตยสาร online ชานไม้ชายเขา ฉบับที่ 192 กับ จันตรา คีรี ชาเลต์ มนต์เสน่ห์แห่งอ้อมกอดของขุนเขา
รีสอร์ทตั้งอยู่บนเส้นทาง หางดง-สะเมิง ห่างจากสนามบินประมาณ 25 กม
บรรยากาศธรรมชาติที่เหมือนอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา
วิวจากบริเวณห้องอาหารที่เห็นภูเขาเด่นตระหง่านของดอยสุเทพ-ปุย
ดอกไม้เล็กๆในเช้าวันใหม่ที่ทำให้บรรยากาศสดชื่น
ห้องอาหารที่ตกแต่งได้สวยงาม มีการใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าๆที่เข้ากับการออกแบบสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศที่ห้องอาหารช่วงที่เห็นพระจันทร์ โรแมนติกมากๆ
วิวจากห้องพักที่สวยมากๆ ที่ทำให้ที่นี่เป็นรีสอร์ทวิวภูเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง
สามารถชมวิวสวยๆของดอยสุเทพ-ปุยจากในห้องพัก
ห้องอาหารจันตราคีรีที่บริการอาหารทุกมื้อ เป็นห้องอาหารที่วิวสวยมากๆ
ทางขึ้นไปยังห้องพักที่ออกแบบได้สวยงาม ชอบการเลือกใช้สีของที่นี่มากๆ
บรรยากาศบริเวณพื้นที่ส่วนกลางบนอาคารห้องพัก สวยมากๆ ช่วงแรกผมจะพาไปชมห้องพักบนอาคาร 3 ชั้น ที่มีทั้งหมด 14 ห้อง 6 แบบ
มาชมห้องพักแบบแรกกันครับ ห้องพักแบบนี้ชื่อว่า Chantra Kiri Suite ที่ตกแต่งในโทนสีน้ำเงิน
บริเวณส่วนนั่งเล่นชมวิวทั้งในห้องพักและที่ระเบียงห้อง
จุดเด่นที่สำคัญก็คือวิวจากระเบียงห้อง เห็นวิวภูเขาที่สวยมากๆ
และสามารถชมวิวภูเขาจากบนเตียงนอนได้เลย
ห้องแบบนี้จะอยู่มุมตึก มีอ่างอาบน้ำอยู่ในห้องนอน สามารถนอนแช่น้ำชมวิว
ห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อน หรูหรา สวยงาม
ด้านหลังห้องมีส่วนนั่งเล่นชมวิวต้นไม้
มินิบาร์ก็จะอยู่ส่วนนี้ เครื่องดื่มในมินิบาร์ที่มีน้ำผลไม้ น้ำอัดลมสามารถทานได้ฟรี
กลับมาชมวิวสวยๆจากระเบียงห้อง
ช่วงผมไปนอนชมพระจันทร์ที่ระเบียงได้เลย
ถ้ามีผ้าห่มหนาๆซักผืนตรงระเบียง คงจะดีไม่น้อย นอนซุกชมวิวตรงระเบียง คงจะฟินมากๆ
ทางเดินเข้าห้องพักที่ตกแต่งได้สวยงาม
ต่อไปผมจะพาไปชมห้องพักบนอาคาร 3 ชั้นอีกแบบหนึ่งที่ชื่อว่า Napa Suite ที่มีเตียงแบบ twin
ห้องนี้ก็สามารถชมวิวสวยๆจากระเบียงห้อง
ห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องหินอ่อน มีอ่างอาบน้ำ
การตกแต่งในห้องหรูหรา สวยงาม ชอบมากๆ
ห้องนี้มี connecting door กับห้อง Chantra Kiri Suite ด้วยครับ เหมาะกับการมาเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
ถ้าได้นอนเล่นชมวิวตรงนี้ช่วงอากาศเย็นๆ บรรยากาศสุดยอด
ระเบียงห้องพักจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
ช่องทางเดินที่เพดานสูงตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 3 เป็นจุดที่สวยอีกจุดหนึ่งของรีสอร์ท
ประทับใจกับการออกแบบของที่นี่มากๆ
ต่อไปผมจะพาไปชมห้องพักแบบที่ 3 ที่ชื่อว่า Chantra Suite
ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีเหลือง ดูสดใส เห็นวิวภูเขาจากห้องนอนเช่นกัน
ภายในห้องน้ำที่หรูหรา สวยงามในสไตล์โคโลเนียล
ภายในห้องมีเพดานสูงโปร่ง อยู่สบาย
ช่วงอากาศหนาวๆเปิดประตูรับอากาศดีๆได้เลย ช่วงหน้าร้อนก็สามารถนอนชมวิวสวยๆจากในห้องเปิดแอร์เย็นๆ
วิวสวยๆจากระเบียงห้องพัก
ห้องพักทั้งสามแบบนี้ (Chantra Khiri suite, Napa Suite และ Chantra Suite) มีอย่างละ 3 ห้องและอยู่บนชั้น 2 และชั้น 3 เป็นห้องที่เห็นวิวจากระเบียงที่สวยที่สุด ใครชอบวิวภูเขาสวยๆจากระเบียงห้องผมแนะนำห้อง 3 แบบนี้ครับ
ช่วงกลางคืนที่ฟ้าเปิด ออกมานอนดูดาวได้เลย
บรรยากาศในห้องน้ำที่สวยงาม น่าใช้ ช่วงหน้าหนาวสามารถนอนแช่น้ำอุ่นหลังจากไปนอนรับลมหนาวที่ระเบียง
ได้เห็นวิวภูเขาสวยๆจากแทบทุกจุดในห้องพัก
ห้องนอนที่หรูหรา เตียงนอนที่นี่นอนสบายมากๆครับ
มีขนมและผลไม้ต้อนรับในห้องพัก สิ่งเล็กๆน้อยๆที่สร้างความประทับใจ
บรรยากาศตอนเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้น
ออกมารับแสงแดดยามเช้า สดชื่นมากๆ พอตกบ่ายระเบียงห้องจะร่ม นอนพักผ่อนสบาย
ดอกคอสมอสสีสวยที่สร้างความสดใสในรีสอร์ท
ชาร้อนๆที่ห้องอาหารเช้า
บรรยากาศยามเช้าที่ห้องอาหารจันตราคีรี
การตกแต่งที่นี่ใช้ดอกไม้สด ได้บรรยากาศอบอุ่น
ห้องอาหารอยู่ริมสระว่ายน้ำ อากาศช่วงเช้าๆสดชื่น
ดอกไม้สวยๆในรีสอร์ท
กาแฟซักแก้วตอนเช้า กาแฟที่นี่หอมน่าทาน
ทานอาหารเช้าไปชมวิวไป ฟินมากๆ
อาหารเช้าคุณภาพดี น่าทาน
ห้องอาหารของที่นี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของรีสอร์ท
อาหารเช้าจานหลักสั่งจากเมนู และมีมินิบุฟเฟต์ให้เลือกทาน
วิวสวยๆของดอยสุเทพ-ปุย
เป็นห้องอาหารที่บรรยากาศดีอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
ช่วงเช้าๆที่ห้องอาหารจะรับแสงแดด พอตกบ่ายบริเวณนี้จะร่ม นั่งทานอาหารชมวิวสบาย
มีโต๊ะอาหารทั้งในห้องและริมสระ
มาชมชุดอาหารเช้าทั้ง 4 เซ็ตของที่นี่ เช็ตแรกเป็น ABF
ชุดนี้เป็นข้าวเหนียวหมูย่าง พร้อมแจ่ว
ชุดนี้เป็นไข่กระทะ อร่อยน่าทาน
และชุดสุดท้ายเป็นชุดข้าวต้ม
ภายในห้องอาหารที่ตกแต่งได้สวยงาม
ช่วงที่ผมไปพักมีมินิบุฟเฟต์ สามารถสั่งอาหารจานหลักจาก 4 เมนู ส่วนสลัด ขนมปัง ผลไม้ และน้ำผลไม้จะอยู่ในไลน์บุฟเฟต์ครับ
ชอบเมนูนี้ที่สุด ข้าวเหนียวหมูย่างจิ้มแจ่ว
เมนูนี้ก็อร่อย น่าทานทุกเมนู
ใครที่ชอบทานชาคงถูกใจ ชาหอมๆอากาศเย็นๆ
จะมาออกกำลังกาย ว่ายน้ำก่อนอาหารเช้าก็สดชื่น
แสงแดดอ่อนๆ วิวสวยๆ เหมาะกับการเริ่มต้นเช้าวันใหม่
รีสอร์ทตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้เห็นวิวสวยๆ
มุมนั่งเล่นพักผ่อนในรีสอร์ท
ในรีสอร์ทมีพระพุทธรูป สามารถไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล
มาชมภาพมุมสูงจากโดรนบ้างครับ
ภายในรีสอร์ทร่มรื่น ฝั่งทางซ้ายจะเป็นห้องพักแบบวิลลา
ภาพ top view ที่นี่เป็นรีสอร์ทเล็กๆ อบอุ่น
เดี๋ยวผมจะพาไปเที่ยวข้างนอกบ้างครับ
ไม่ไกลจากรีสอร์ทมีวัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยมากๆ
เป็นวัดที่สวยอีกวัดหนึ่งที่ผมเคยไปมา
ที่นี่ชื่อว่าวัดต้นแกว๋นครับ ใครที่ผ่านมาแถวๆหางดงไม่ควรพลาด
สามารถเข้าไปไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล
ใครจะไปถ่ายภาพที่นี่ผมแนะนำให้ไปช่วงเช้าครับ ผมไปช่วงบ่าย ถ้าจะถ่ายเห็นหน้าโบสถ์ ต้องถ่ายย้อนแสง
รายละเอียดที่สวยงาม ใครที่ชอบชมวัดเก่าๆ ไม่ควรพลาด
กลับมาชมความสวยงามของรีสอร์ทกันต่อ
ต่อไปผมจะพาไปชมห้องพักอีกสามแบบ ซึ่งอยู่ชั้น 1 ของอาคารห้องพัก 3 ชั้น ห้องนี้เป็นห้อง Deluxe
เป็นห้องที่กว้าง อยู่สบาย
ห้องน้ำที่สวยงาม
มีส่วนของห้องนั่งเล่นแยกจากห้องนอน
ห้องนอนที่น่าอยู่ ห้องแบบนี้มีเพียงห้องเดียว และเป็นห้องที่ไม่มีระเบียงห้อง
ชิงช้านั่งชมวิวที่พื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 1
ต่อไปผมจะพาไปชมห้องพักหรูอีกแบบหนึ่งของรีสอร์ท เป็นห้องแบบ Khiri Suite หรือห้อง Honeymoon Suite with plunge pool ซึ่งมีเพียงห้องเดียว
เป็นห้องที่มีพื้นที่กว้าง มีห้องนั่งเล่นแยกจากห้องนอน
มีสระว่ายน้ำเล็กๆส่วนตัว
ห้องนอนที่ตกแต่งได้สวยงาม
จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างของห้องนี้คือห้องน้ำครับ
ห้องน้ำของห้องนี้กว้าง โปร่งสบาย
ตกแต่งได้สวยงาม มีเครื่องปรับอากาศแยกเฉพาะในห้องน้ำเลยครับ
มีพื้นที่เตรียมอาหารและอ่างล้างจาน
ที่นั่งเล่นภายนอก ข้อเสียของห้องนี้คือ ไม่เห็นวิวภูเขาเต็มๆและเพดานห้องไม่สูงมากเหมือนห้องชั้นบน
ชอบช่องทางเดินนี้มากๆ เวลาเดินลงจากชั้น 2 ไปชั้น 1 จะเห็นวิวภูเขาอยู่ข้างหน้า
ต่อไปผมจะพาไปชมห้องแบบสุดท้ายของห้องพักบนอาคาร ซึ่งเป็นห้องพักแบบเริ่มต้นของที่นี่
ห้องแบบนี้เป็นห้องแบบ Studio ภายในห้องมีเตียง twin มีห้องแบบนี้ทั้งหมด 3 ห้อง
ห้องน้ำที่หรูหรา กว้างกำลังดี
ถึงจะเป็นห้องเริ่มต้น แต่การตกแต่งก็จัดเต็มสวยงาม
สบู่ ยาสระผม ครีมนวดอย่างดี หอม น่าใช้
ผลไม้ต้อนรับตามฤดูกาล
ในห้องกว้างกำลังดี แต่ข้อเสียของห้องแบบนี้คือไม่มีระเบียงห้องสำหรับชมวิว
มาชมความงามของห้องอาหารจันตราคีรีและบรรยากาศอาหารมื้อค่ำ
มีส่วนที่เป็นผนังเทียนช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องอาหาร
บรรยากาศโต๊ะอาหารริมสระ โรแมนติกมากๆ
ถึงไม่ได้พักที่นี่ก็เข้ามาทานอาหารได้ครับ ยิ่งช่วงอากาศเย็นๆ บรรยากาศดีมากๆ
บริเวณห้องอาหาร
จะทานที่โต๊ะริมสระหรือจะเข้ามาทานอาหารภายในห้องอาหารก็บรรยากาศดีเหมือนกัน
น่ามานั่งทานอาหารกับคนรู้ใจ
ช่วงที่ผมไปเห็นพระจันทร์พอดี ยิ่งโรแมนติก
เป็นห้องอาหารที่ตกแต่งได้ดีมาก มีการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ช่วงฟ้าเปิดสามารถมานั่งชมดาว เป็นห้องอาหารที่บรรยากาศดี
มาชมเมนูอาหารของที่นี่บ้างครับ เริ่มจากน้ำพริกปลาทู น่าทานและอร่อย
ตามด้วยบล๊อคเคอรี่ผัดกุ้งที่น่าทาน
จานนี้เป็นปลากระพงทอดน้ำปลา
สลัดผักสดๆ อร่อยมากๆ
จานนี้เป็นซี่โครงหมูอบ นุ่มกำลังดี
อาหารที่นี่โดยรวมรสชาติดีเลยครับ มีอาหารจานเดียวให้เลือกด้วย
มีเครื่องดื่มคอกเทลบริการ
มีเมนูของหวานให้เลือกทาน จานนี้เป็นไอศครีมมะนาว
แนะนำว่ามาที่นี่ต้องลองเมนูนี้ครับ ชีสเค็กอร่อยๆ หวานมันกำลังดี
ใครผ่านมาแถวๆหางดง ลองเข้ามาแวะชิมกาแฟ ชิมขนมได้ครับ ลองเข้ามาชมบรรยากาศ
เป็นรห้องอาหารเล็กๆแต่การตกแต่งไม่ธรรมดา
โดยเฉพาะวิวจากห้องอาหารที่เห็นดอยสุเทพ-ปุย เด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า
ประตูไม้เก่าที่เห็นในห้องอาหารสวยมากๆ เป็นรีสอร์ทที่นำของเก่ามาผสมผสานกับการออกแบบสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่รู้สึกขัดหูขัดตา ชื่นชมและชอบมากๆ
ที่นั่งเล่นบริเวณห้องอาหาร
ใครที่ชอบของเก่าคงถูกใจ ในรีสอร์ทที่ของเก่าสะสมของเจ้าของอยู่หลายชิ้น
มีน้ำตกและลำธารที่สร้างขึ้นกลางรีสอร์ท
ต่อไปผมจะพาไปชมห้องพักแบบวิลลาบ้างครับ
ห้องพักแบบวิลลามีทั้งหมด 4 หลังและมีอีก 1 หลังที่เป็นสปา วิลลาทั้งหมดทำจากหลองข้าวเก่าของชาวนา
ไปดูวิลลาหลังแรกเลยครับ วิลลา#1 ที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่ร่มรื่น
วิลลาหลังนี้มี 1 ห้องนอน ชั้นล่างจะเป็นห้องนั่งเล่น บันไดขึ้นชั้น 2 ชันไปนิดครับ
ห้องนอนบนชั้น 2 ห้องตกแต่งได้สวยงามแต่พื้นที่เล็กไปหน่อย
ระเบียงชมวิวบนชั้น 2
การตกแต่งสวยๆในวิลลา
ห้องน้ำที่มีการประยุกต์หินอ่อนกับไม้เก่าไว้ด้วยกัน
การออกแบบของที่นี่ทุกๆส่วนเก็บรายละเอียดได้ดีมาก
ที่นั่งเล่นรับอากาศภายนอก ใครที่ชอบบ้านเป็นหลังๆ ไม่เน้นวิว ชอบบ้านที่มีบริเวณ ห้องแบบวิลลาน่าจะตอบโจทย์
ต่อไปผมจะพาไปชมวิลลา #2 ที่เป็นส่วนของสปา
วิลลาหลังนี้สำหรับการนวดผ่อนคลาย ใครมาที่นี่แล้วเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวแวะมานวดได้ครับ
ชั้นบนจะเป็นห้องนวด
การตกแต่งที่สวยงาม
บรรยากาศภายนอกมีที่นั่งเล่น ชมบรรยากาศ
ต่อไปผมจะพาไปชมวิลลา #3
วิลลา #3 และวิลลา #4 จะคล้ายๆกัน มีแปลนห้องเดียวกัน เป็นวิลลา 2 ห้องนอน
วิลลาหลังนี้จะกว้าง อยู่สบาย ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น
ห้องนอน2 ห้องอยู่บนชั้น และแยกขึ้นบันได
ห้องนอนไม้ได้ความรู้สึกอบอุ่น
ห้องน้ำที่ติดกับห้องนอน
ระเบียงห้องบนชั้น2
มีลานกว้างบนชั้น 2 ไว้นั่งเล่นชมวิว สังสรรค์
ห้องนอนอีกห้องหนึ่ง
ห้องน้ำที่ตกแต่งได้สวยงาม
ชอบความรู้สึกของบ้านไม้ ที่อบอุ่น น่าอยู่
พื้นที่บริเวณชั้นล่าง มีบาร์เล็กๆสำหรับสังสรรค์ทำกิจกรรมร่วมกัน
มีผลไม้และขนมต้อนรับ
บรรยากาศที่ห้องนั่งเล่นอีกภาพครับ วิลลาหลังนี้กว้างสบายเหมาะกับการมาพักผ่อนแบบครอบครัว เพื่อนฝูง สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆ
ภาพมุมสูงที่เห็นวิลลาอยู่ฝั่งด้านซ้าย วิลลาที่อยู่ใกล้ห้องอาหารและ อาคารห้องพัก 3 ชั้นมากที่สุดคือวิลลา #5 แล้วไล่ลงเป็นเป็นวิลลา #4, #3 มาเรื่อยๆ
พื้นที่ไนรีสอร์ทประมาณ 4 ไร่ไม่กว้างมาก วางผังได้ลงตัวสวยงาม
บริเวณสะพานข้ามลำธารในรีสอร์ท
ต่อไปผมพาไปชมวิลลา #5 เลยครับ ซึ่งเป็นวิลลาหลังใหญ่ที่สุด
วิลลาหลังนี้มี 2 ห้องนอน แต่มีพื้นที่กว้างกว่าหลังที่ #3และ #4
มีพื้นที่จัดเตรียมอาหารที่ชั้นล่าง
มี terrace ที่กว้าง วิวสวย เหมาะกับการจัดปาร์ตี้ในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
มีเคาเตอร์บาร์เล็กๆ
มีเตาย่างและพื้นที่สำหรับการพักผ่อนที่กว้าง เหมาะกับการสังสรรค์ เป็นวิลลาที่เห็นวิวสวยที่สุด
ห้องนอน 2 ห้องนอนแยกขึ้นคนละบันได
ห้องนอนของวิลลาหลังนี้กว้าง อยู่สบาย
ห้องพักทุกประเภทใช้พื้นไม้ที่เป็นไม้จริง สวยมากๆ
ห้องน้ำที่ติดกับห้องนอน
ภายในห้องน้ำกว้าง ตกแต่งได้สวยงาม
มาชมห้องนอนอีกห้องซึ่งเป็นเตียง 2 เตียงแต่ละเตียงจะเป็นเตียงใหญ่นอนได้ 2 คน
ถึงจะมี 2 ห้องนอนแต่นอนได้ 6 คนสบายๆ
ภายในห้องน้ำ
ของประดับตกแต่งที่ใส่ใจในรายละเอียด
ห้องนั่งเล่น พักผ่อนชั้นล่าง ห้องพักแบบวิลลาของที่นี่ อนุญาตให้พาน้องหมาขนาดไม่เกิน 10 กก เข้าพักด้วยครับ โดยมีค่าใช้จ่ายตัวละ 1000 บาท
มาถึงช่วงท้ายของรีวิว เก็บตกชมบรรยากาศในรีสอร์ทกันต่อ
อาคารห้องอาหารที่มีวิวของดอยสุะทพ-ปุย อยู่เบื้องหน้า
บรรยากาศดีๆยามเช้าที่ห้องอาหาร
แดดอ่อนๆยามเช้า บรรยากาศสดชื่น
พนักงานต้อนรับของรีสอร์ท บางทีก็เข้ามาแวะเวียนทักทาย ดูหน้าโหด แต่ตัวจริงใจดีขี้เล่น ถ้าเจออย่าลืมไปทักทายเจ้าลินคอล์นนะครับ
ห้องอาหารที่นี่มีบริการอาหารจานเดียว อย่างเมนูนี้ สปาเก็ตตี้เส้นดำผัดเบคอน
และที่อยากแนะนำต้องเมนูนี้เลยครับ เส้นหมี่ผัดกระเฉดกุ้งสด รสจัดจ้าน อร่อยมากๆ
ผมมีโอกาสเข้าไปชมบรรยากาศของบ้านเจ้าของรีสอร์ทที่อยู่ติดกัน บรรยากาศดีมากๆ
ชอบลานตรงนี้ จัดปาร์ตี้ท่ามกลางขุนเขา ชมวิวสวยๆ
สระแช่น้ำ jacuzzi กับวิวสวยๆ บรรยากาศสุดยอด น่าจะมีห้องพักที่มีสระอย่างนี้บ้าง
มุมสวยๆ อบอุ่นในบ้านของเจ้าของรีสอร์ท
ที่นั่งเล่นท่ามกลางขุนเขา
ในรีสอร์ทมีพระพิฆเนศด้วยครับ สามารถเข้าไปบูชาขอพร
ทำเลของรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา ใครที่ชอบรีสอร์ทสายภูเขาไม่ควรพลาด
การจัดแจกันด้วยดอกไม้สวยๆช่วยสร้างบรรยากาศสดชื่นให้กับรีสอร์ท
ดอกไม้สวยๆในวันฟ้าใส ขนาดช่วงผมไปยังไม่หนาว ถ้าอากาศหนาว บรรยากาศคงสุดยอดมากๆ
ภาพถ่ายรีสอร์ทช่วงหัวค่ำ
ภาพมุมสูงที่ทำให้เห็นบรรยากาศทั้งรีสอร์ท
ปิดท้ายด้วยภาพจากปก ระเบียงห้องที่เห็นวิวภูเขาที่สวยงาม เป็นรีสอร์ทที่เห็นวิวภูเขาจากห้องพักที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมเคยไปมา
จากความประทับใจวิวภูเขาจากห้องพัก และการตกแต่งภายในห้องพักที่จัดเต็ม สวยงาม ทำให้ จันตราคีรีชาเลต์ อยู่ในลิสรีสอร์ทวิวภูเขาที่น่าพักมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งสำหรับผม ใครที่วางแผนไปเที่ยวเชียงใหม่และอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปพักนอกเมืองในรีสอร์ทเล็กๆ อบอุ่นๆ ท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศสงบ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมของที่นี่ดูครับ ใครที่ชอบวิวจากห้องพักสวยๆ ผมแนะนำห้องพักบนตัวอาคารบนชั้น 2 และ ชั้น 3 ส่วนใครที่มาเป็นครอบครัว หรือมากับกลุ่มเพื่อนฝูง ชอบบ้านเป็นหลังๆ น่าจะเหมาะกับห้องพักแบบวิลลา โดยวิลลาเบอร์ 5 ที่มีสองห้องนอน จะมี terrace กว้างที่สุด สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆ หรือถ้าใครชอบสระส่วนตัว ก็ต้องเป็นห้อง Honeymoon Suite ซึ่งอยู่บนชั้น 1 ของอาคาร 3 ชั้น ห้องพักเริ่มต้นของที่นี่จะเป็นห้อง Studio ภายในห้องใช้โทนสีขาวสะอาดตา ตกแต่งได้สวยงาม แต่ห้องประเภทนี้ไม่มีระเบียงห้องสำหรับชมวิว
ทางผ่านจากเมืองเชียงใหม่ไปยังรีสอร์ทยังสามารถแวะชมวัดต้นแกว๋นซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่และเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยมากๆ ผมเพิ่งมีโอกาสเข้าไปชมเป็นครั้งแรก ส่วนอาหารเช้าช่วงที่ผมไปอาหารจานหลักจะสั่งจากเมนูครับ มี 4 เซ็ตให้เลือก และมีมินิบุฟเฟต์ที่มีสลัด น้ำผลไม้ ขนมปัง ในรีสอร์ทมีบริการอาหารเครื่องดื่ม กาแฟ ขนม ใครที่ไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถเข้ามาใช้บริการ นั่งจิบกาแฟชมวิวภูเขาสวยๆ
ลองมาดูสรุปจุดเด่นจุดด้อยของที่นี่ในมุมมองของผม
จุดเด่น
- เป็นรีสอร์ทท่ามกลางภูเขาที่ได้บรรยากาศธรรมชาติ เป็นรีสอร์ทเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น
- ห้องพักบนอาคารชั้น 2 และ ชั้น 3 เห็นวิวภูเขาจากภายในห้องพักและระเบียงห้องที่สวยมากๆ
- การออกแบบห้องพักทำได้สวยงาม น่าพักทั้งห้องพักแบบวิลลาและห้องพักบนอาคาร 3 ชั้น
- ห้องอาหารบรรยากาศดี วิวสวย อาหารอร่อย มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน กาแฟ กาแฟที่นี่หอม น่าทาน
- มีสระว่ายน้ำส่วนกลางท่ามกลางธรรมชาติ ได้วิวภูเขา
- ภายในรีสอร์ทร่มรื่น มีน้ำตกที่สร้างขึ้นมา ได้บรรยากาศธรรมชาติ
- พนักงานมีใจบริการที่ดี ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างเป็นอย่างดี
จุดด้อย
- ห้องพักบางห้อง ไม่เห็นวิวอะไรมากนัก
- วิลลาหมายเลข 1 ห้องนอนค่อนข้างเล็ก และบันไดขึ้นบนชั้น 2 ค่อนข้างชัน
- สระว่ายน้ำส่วนกลางอยู่ติดกับห้องอาหารของรีสอร์ท
สำหรับผมที่นี่เป็นรีสอร์ทนอกเมืองที่น่าพักมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ทั้งบรรยากาศ วิวจากห้องพัก และการออกแบบตกแต่งที่ทำได้สวยงาม ใครที่ชอบห้องพักแบบโคโลเนียล ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองนอก แถมยังได้วิวภูเขาสวยๆ ที่แค่นอนเล่นชมวิวที่ระเบียงห้องก็ไม่อยากออกไปไหน ขอบคุณพนักงานรีสอร์ททุกๆคนที่ดูแล บริการทุกอย่างเป็นอย่างดี มีโอกาสคงได้กลับไปอีก ไว้เจอกันใหม่ในนิตยสารฉบับหน้าที่ผมจะพาไปชมรีสอร์ทติดทะเลบ้างครับ
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 698 คน [
