Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
11 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

10 FOREIGN MUSIC :: 10 เพลงภาษาต่างประเทศจากทั่วโลก




ผมว่าเสียงดนตรีก็เปรียบเหมือนเป็นภาษาอย่างหนึ่ง เป็นภาษาสากลที่เข้าใจกันได้ทุกคนทุกวัยทั่วโลก ไม่ว่าเสียงร้องนั้นจะเป็นภาษาที่เรารู้จักรึเปล่า จริงๆ เราทุกคนก็อยู่กับเพลงแปลกๆ มาตลอดชีวิตทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แถมยังมีอีกหลายคนที่ชอบฟังเพลงที่ถึงแม้จะแปลไม่ออกแต่ก็ชอบเพราะเสียงดนตรีก็มีอยู่เยอะไป วันนี้เราลองเว้นห่างจากเพลงสากลสไตล์เดิมๆ แล้วมุ่งสองใบหูไปยังมุมอื่นของโลก แล้วเปิดใจรับสิ่งที่แตกต่าง เผื่อชีวิตจะมีสีสันเพิ่มขึ้นดูบ้างดีกว่า






1. Elissa – Bastanak
from Lebanon (2006)

ดูจะตามใจคนจัดชาร์ตไปบ้างเพราะโดนไปเต็มๆ กับเสียงไวโอลินที่เด่นนำผสมดนตรีสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ร่วมสมัย ที่เน้นสไตล์กึ่งแขกกึ่งสากล ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเสียงสวรรค์ของสาวเลบานอนแท้ๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงพรีเซ็นเตอร์เป๊ปซี่คู่กับซูเปอร์สตาร์คริสติน่า อกิเลร่าเลยทีเดียว ส่วนตัวเพลงก็ป๊อปดังอล่างฉ่างทั่วทุกครัวเรือนทั้งเลบานอนยังดินแดนใกล้เคียงทั้งในตะวันออกกลางตลอดจนเขตทะเลทรายในแอฟริกาจนแม้แต่ลูกสาวคนเลี้ยงอูฐยังถึงกับลุกขึ้นเต้นกลางทุ่ง ด้วยจังหวะกลางๆ พอให้ยักย้าย ท่อนจังหวะที่ติดหู ฟังง่ายไม่ว่าชาติไหนๆ ก็อาจตกหลุมรักเพลงนี้เข้าแม้จะเพิ่งฟังไปได้แค่นาทีเดียว จนเป็นที่รู้กันดีว่า ถ้าพูดถึงนักร้องอาหรับ หรือตัวแทนดีว่าแห่งโลกตะวันออกกลาง ต้องนึกถึงเธอเป็นอันดับแรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้






2. Jay Chou – Huo Yuen Cia
from China (2006)

ปกติไม่ค่อยใส่ใจเพลงทางฝั่งเอเชียมากเท่าไร จนเมื่อเจอกับเพลงประกอบภาพยนตร์ Fearless เพลงนี้ (อย่าพูดถึงตัวหนังเพราะดูไม่จบ) จนแอบทึ่งไม่ได้ เพราะเริ่มมาด้วยเสียงตึงตังดูมีมนต์ขลังของกลองขนาดใหญ่คล้ายเสียงกลองมโหรทึกในถิ่นไทยเรา คงจังหวะไว้จนเสียงสุดยอดฆ้องใหญ่ดังกังวานตามมา จังหวะเร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะเสียงแผ่วของสายขิมที่นุ่มนวลเหมือนสายฝนลู่ลมบนยอดหญ้าเป็นระลอกคลื่น ก่อนจะเป็นทำนองอลังการหล่อหลวมรวมเข้ากับจังหวะสากลร่วมสมัย และสไตล์การแร็พด้วยเสียงนุ่มต่ำของเฮีย ก็ยิ่งเป็นแรงส่งให้เป็นเพลงที่เพราะด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและเสน่ห์อันเย้ายวนของเครื่องดนตรีดั้งเดิม ที่ควรค่าแก่การรักษาแม้ในอารยธรรมอื่นๆ พร้อมทั้งความคิดสร้างสรรค์และความเซียนของผู้แต่ง งานนี้ขอเทใจให้เต็มๆ






3. Rosenstolz – Ich bin Ich
from Germany (2006)

ว่ากันด้วยเนื้อหาหลักของเพลง ที่ต้องการสื่อให้คนฟัง ได้ตีความหมายและนำไปใส่สมองคิดแล้วหันกลับมามองตัวเอง ซึ่งไม่ว่าอะไรๆ จะหมุนจะเปลี่ยนหรืออะไรจะผ่านมา คุณก็ยังเป็นคุณ ตัวของฉัน ใจของฉัน เออ ฟังดูเหมือนเป็นเพลงเห็นแก่ตัวไปนิด 555 แต่กลับกันต่างหาก ถึงแม้จะแปลไม่ออกหมดทุกประโยค แต่แค่ทำนองและเสียงร้องของสาวนักร้องนำใส่ลงไปช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ รู้สึกได้ถึงกำลังใจที่อบอุ่นทุกวินาที ด้วยจังหวะป๊อปร็อคธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับเสียงร้องใสกังวาน ซึ่งบนโลกนี้ มีนักร้องเพียงไม่กี่คน ที่สามารถใช้เพียงเสียงของตัวเอง บอกเล่าเรื่องราวได้ไพเราะเหมือนเป็นเสียงดนตรีเสียเอง เหมือนดังเช่นวงๆ นี้






4. Anna Semenovich - Tirolskaja pesnia
from Russia (2008)

อิทธิพลของภาพลักษณ์ของความเป็นนักร้องสาวผมทองหุ่นเซ็กซี่เหมือนบาร์บี้คอลเลคชั่นพิงค์กี้วาเลนไทน์ นับวันจะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในวงการเพลงทั่วโลก แต่ในขณะที่หลายเจ้าขายแต่ภาพลักษณ์ แอนนามาพร้อมกับคุณภาพ (คับอก) ด้วยความน่ารักสดใส ไปกับเสียงเพลงป๊อปที่เน้นเสียงดนตรีหนักๆ และบางทีก็แปลกๆ ไม่เหมือนใครดี จริงๆ แล้วแอนนามีผลงานเพลงน่ารักๆ ไว้หลายอยู่ แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบที่สุด อิอิ เพราะทำนองจำง่ายคล้ายเพลงยุโรเปี้ยนคลาสสิคเอามารีมิกซ์ใหม่ และยังเป็นเพลงที่ส่งให้เธอดังระดับอินเตอร์ ชื่อเสียงข้ามไปไกลยังยุโรปลงมาถึงแถบตะวันออกกลาง จนขนาด Arash จ้าวแห่งเพลงฮิพฮอพลูกครึ่งอิหร่าน-สวีเดน ชวนไป feat ในเพลง Na Morya ที่ขนทีมงานไปถ่ายทำไกลถึงออสเตรียและจาไมก้าอีกด้วย!! ซึ่งเป็นช่วงที่เธอรุ่งสุดๆ ในอาชีพนักร้อง และเป็นที่เชิดหน้าชูตาของอดีตสหภาพโซเวียตได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางทีเราอาจจะเห็นเธอบนพรมแดงตามงานเทศกาลดนตรีต่างๆ ตามหัวเมืองยุโรป ยังงี้ยกตำแหน่งนางงามสันติภาพให้อีกจะดีมั้ยเนี่ย






5. Daddy Yankee – Somos De Calle
from Puerto Rico (2008)

วงการเพลงภาษาสเปนรวมถึงละตินเป็นสิ่งที่ถือว่าน่าจับตามองมากที่สุดในเวลานี้ เมื่อดารานักร้องดังๆ ทั้งหลายต่างพากันหันไปร้องเพลงภาษาสเปนหวังรับส่วนแบ่งตลาดให้หลากหลายมากขึ้น หรือถ้าร้องสเปนไม่เป็นก็จับเอานักร้องสเปนมาร้องคู่กันเสียเลยก็มี โดยเฉพาะการนำเข้าวัฒนธรรมเหล่านี้มาสู่เพลงยุคใหม่ของอเมริกาซึ่งช่วยทำให้เกิดกระแสความสดใหม่ ขายกันได้อีกนาน และสำหรับเขาคนนี้ ในวันนี้คงยากที่จะไม่มีคนรู้จัก กับสไตล์ฮิพฮอพแร็พดิบๆ ตรงไปตรงมาที่ขัดเกลาเข้าลู่ได้อย่างน่าสนใจ ดังเช่นเพลงนี้ที่ตีชาร์ตกระเจิงตามความคาดหมาย บีทเท่ๆ ชวนพาตัวเองให้เลื้อยตามจังหวะสไตล์เออร์บันฮิพฮอพที่แอบเจือเรกเกตันเข้ามาตามแนวถนัดของเฮีย ใส่เนื้อร้องพร้อมเสียงบิ๊วให้มันส์ถึงจุดแบบ one stop service แบบไม่ให้พักเหนื่อยกันไปเลย






6. Juanes – La Camisa Negra
from Colombia (2007)

รายนี้ก็โดนอิมพอร์ตมาให้เราๆ ท่านๆ ได้ความรู้สึกสดชื่นกับวันฟ้าโปร่งได้พอสมควรจากบ้านเกิดเดียวกันกับนางสาวหัวทองหยองร้อนระเบิดอย่าง ชากีร่า นับเป็นหนึ่งในบรรดาเพลงต่างประเทศไม่มากนัก ที่หลุดรอดเข้ามาขยายฐานคนฟังได้ไกลถึงเมืองไทย เริ่มกันที่กีต้าร์โปร่งใสๆ สบายๆ ให้เห็นภาพบรรยากาศเมืองริมน้ำไม่ยาก อารมณ์ประมาณว่าปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็กๆ บนดาดฟ้าที่มองเห็นได้ทั้งเมืองน่ารักๆ ฟ้าสีครามและน้ำทะเล หนุ่มๆ สาวๆ ในชุดสีสดๆ พากันจิบค็อคเทลแก้วเล็กๆ ยักย้ายส่ายเอวตามจังหวะพอเป็นพิธี พี่ฮวนเองก็น่ารักน่าหยอก ใส่เสน่ห์ลงไปในเส้นเสียงให้เคลิ้มไปด้วยทั้งเข้าเนื้อกับดนตรีสบายๆ และเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน ซึ่งนี่เป็นเสน่ห์อีกอย่างของเพลงแนวนี้ที่เราจะเห็นได้อยู่เสมอ แต่ก็น่าเสียดายที่เฮียมาแล้วก็ไปลับ ไม่เห็นย้อนกลับมาส่งจุมพิตสวาทให้สาวๆ ชาวสยามแถวนี้กันอีกเลย






7. Supernova – Pocas Pelabras
from Chile (2001)

ตายห่า คนชิลีเก็บกดอะไรกันมาจากไหน สามสาวห้าวเป้งจึงได้ครั่นเนื้อตัวหัวฟัดหัวเหวี่ยงกันขนาดนี้ มิวสิควิดีโอแสดงให้เห็นภาพของสามเหมียวในยูนิฟอร์มเด็กนักเรียน ม.ต้น ออกมาดิ้นสะเด่าเร้าชาตรีกลางห้องเรียน นั่งเรียนไปร้องเพลงไปอาจารย์ยังไม่ว่าอะไร เด็กๆ คงไม่สะใจ จึงได้พากันตัดน้ำไฟไม่ให้สอนต่อได้ จากนั้นจึงสะเด็ดชุดนักเรียนทิ้งซะแล้วแปลงโฉมใหม่ชนิดเตรียมเที่ยวได้ฉับพลัน ซึ่งนอกจากเสื้อผ้าหน้าผมจะละม้ายคล้ายทำงานพิเศษกะดึกแล้ว ยังพากันรุมทึ้งเหล่าเด็กชายแบบปากกระแทกปากให้ครบสูตร ช่างเข้ากันกับสถานการณ์เด็กหนีเรียนในไทยตอนนี้ก็ไม่ปาน โปรดสังเกตว่าไม่ได้เข้าเรื่องเพลงเลย ก็ด้วยเข้าใจว่านอกจากภาพลักษณ์แล้วคงไม่มีอะไรจะเป็นจุดขายได้เท่าไร นอกจากสไตล์จะออกป๊อปร็อคกระแทกเสียงแรงๆ เข้าว่า ให้เข้ากับภาพของเยาวชนผู้กล้าแสดงออกทั้งสาม เอ่อ ว่าแต่แสดงออกแบบนี้ก็ อดวีซ่าเข้าไทยไปตามระเบียบ (รัด) นะหลานๆ เอ้ย น้องๆ






8. Navid & Omid – Chi Mishod
from Iran (2007)

ในบางทีอาจจะเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก หากต้องการจะแยกแยะถึงความแตกต่างระหว่างเพลงอาหรับที่มาจากตะวันออกกลาง กับเพลงภาษามะรุมมะตุ้มของอินเดีย แต่หลังจากได้ฟังเพลงนี้เข้าไป อะไรๆ ก็ง่ายขึ้นทันตา เดี๋ยวนี้เพลงภาษาอาหรับมีความเป็นสากลและเข้าถึงคนชาติอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ในเรื่องของ ซาวนด์ ไว้อย่างเหนียวแน่น และให้ความสำคัญพอๆ กับเสียงร้องเลยทีเดียว คืออาจจะไม่ได้ใช้เครื่องดนตรีพื้นเมืองแบบเดิมๆ แต่ลำดับการไล่เสียง การใส่จังหวะ การดัดแปลงเสียงร้อง ทางฝั่งอาหรับมักจะมีลูกเล่นที่น่าสนใจอยู่ตลอด อย่างเพลงนี้ก็จะเด่นด้วยท่อนฮุคที่เป็นพ็อพฟังง่ายๆ สลับเสียงการเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มสองคน ที่ทั้งหวานย้อยและเข้มนุ่มสลับกันไปได้น่าฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้ดูเอ็มวีก็จะเห็นเมืองน่ารักๆ สงบๆ อีกมุมหนึ่งของอิหร่าน พร้อมท่าเต้นของเหล่าแดนเซอร์ที่เรามักเห็นใช้ในเพลงอาร์แอนด์บี และความเป็นธรรมชาติของการถ่ายทำ ซึ่งดูแล้วอาจตกหลุมเสน่ห์ได้ง่ายๆ เลย






9. Natasha St Pier – Un Ange Frappe Ma Porte
from France (2006)

มีเพลงฝรั่งเศสเพราะๆ และน่าสนใจมากมายไปหมด แต่ไม่ว่าเพลงใดจากประเทศไหน ก็มีไม่กี่เพลงที่เหมือนเพลงนี้ ที่สามารถดึงดูดให้สนใจอย่างจริงจังได้ด้วยเนื้อเพลง ที่บรรจงแต่งให้มีสัมผัสคล้องจอง คล้ายคลึงกับบทร้อยกรองของไทย เธอเป็นใครมาจากไหนเพลงแปลว่าอะไร - - ไม่ทราบ แหะๆ รู้เพียงแต่ว่า เพลงๆ นี้และเธอคนนี้ เคยก้าวไปไกลถึงตลาดเพลงสากลในญี่ปุ่นถึงขนาดเปิดคอนเสิร์ทกันเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับชาวยุ่นทั้งหลาย จึงไม่แปลกที่ในเพลงจะร้องเป็นภาษาฝรั่งเศสเคล้าภาษาญี่ปุ่นไปด้วย! แค่นี้ก็น่าทึ่งขนาดไหนแล้ว นี่ถ้าได้ดนตรีที่มีลูกเล่นมากกว่านี้ จะทำให้เพลงดูมีมิติและน่าฟังมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่เท่านี้ก็ยังถือว่าเป็นเพลงที่ควรหามาฟังมากๆ แล้วครับ คอนเฟิร์ม!






10. KK, Sukhvinder Singh, Mahalaxmi Iyer, Shankar Mahadevan – Jhoom Barabar Jhoom
from India (2007)

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเพลงอินเดียคือ การทำเพลงยาวๆ ที่เหมือนเอาหลายๆ เพลงมารวมกันไว้ในเพลงเดียว บางทีก็ฟังคล้ายบทสวดมนต์กลายๆ และมักจะมีความน่าตื่นใจอยู่ในเพลงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีหรือเสียงร้องแบบบิ๊วอารมณ์ให้มันส์เถิดเทิงชวนคนฟังให้พยักหัวหงึกหงักตามไปด้วย เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานของสุดยอดเจ้าคุณพ่อแห่งวงการเพลงอินเดียนำสมัย ที่อยู่เบื้องหลังเพลงแจ่มๆ มากมายที่ดังทุกหย่อมย่านทั้งบอลลีวู้ดยันฮอลลีวู้ด เพลงแด๊นซ์จังหวะฟังสบายประมาณว่าชวนให้ออกมาเต้นกันเถอะ แล้วจะรู้ว่า ภาษาไม่ใช่อุปสรรคในการฟังเพลงเลยจริงๆ!




 

Create Date : 11 กันยายน 2552
1 comments
Last Update : 11 กันยายน 2552 20:49:36 น.
Counter : 9550 Pageviews.

 

สวัสดีครับ

ขอบคุณครับ อ่านแล้วได้ความรู้มากครับ

 

โดย: Insignia_Museum 6 ธันวาคม 2553 14:43:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


++peter++
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





You Always Give Me Rights
Make Me See the Truths
For This Fascinate Life
I Also Got From You

In This Crazy World
And the Books of Lies
Without You Here With Me
I would Defenitely Die....







ส่งหลังไมค์ถึง ++peter++
Friends' blogs
[Add ++peter++'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.