Women in White เพื่อเธอ เพื่อฉัน...เพื่อเรา - บทที่ ๗ (YURI)
๗ “คุณหมอดลลชาเจอกันอีกแล้วนะคะ” หมอปัณรสพูดทักทายสาวรุ่นพี่ที่มาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนที่สวมเสื้อกาวน์ “ค่ะ” ดลลชาตอบเสียงเรียบราบ แล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตน โดยไม่คิดจะคุยกับญาณินแม้แต่คำเดียว คุณโกรธจริงๆ ด้วย หมอสาวแว่นทำหน้าจ๋อย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ด้วยอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ...หากอยู่กันตามลำพัง การง้องอนจะง่ายกว่านี้มาก เพื่อนเธอมองไปยังอัญรินทร์ซึ่งคุ้นหน้าเหมือนเคยเห็น จึงคิดทำความรู้จัก “คุณเป็นหมอเหรอคะ?” “ฉันแพทย์หญิงอัญรินทร์ เรียกพี่รินก็ได้ ฉันเป็นเพื่อนรักของแม่หญิงพลอยน่ะ” คำว่า ‘แม่หญิงพลอย’ ทำให้สาวสวยจิกตาใส่เพื่อน ขณะที่คนอื่นยิ้มน้อยๆ ญาณินรู้ว่าสรรพนามนี้เริ่มต้นมาจากหมอนพคุณ “ค่ะ คุณหมอพี่ริน” เพื่อนเธอจงใจเรียกแบบซื่อๆ กวนใช้ได้เลยคุณหมอคนนี้ อัญรินทร์คิดในใจ จึงแสดงไมตรีกลับแบบสมน้ำสมเนื้อ “ถ้ามีปัญหาทางจิต แวะมาปรึกษาได้นะคะ” เพื่อนหล่อนหลิ่วตาให้แบบขี้เล่น “แต่ปรึกษาไปปรึกษามา อาจจะอาการหนักกว่าเดิม หรือเปล่า? อันนี้ไม่รับรองค่ะ” ปัณรสหัวเราะแหยๆ “งั้นยังไม่แวะไปดีกว่าค่ะ” คนฟังยิ้มล้อเลียน มองเวลาที่ยังเหลืออีกไม่มาก ก่อนต้องไปทำงานต่อในช่วงบ่าย “ตอนนี้ขอทานข้าวก่อนนะคะ” “เชิญค่ะ” คนอาชีพเดียวกันรู้ดีว่า ทุกนาทีมีค่ากับชีวิตคนไข้มาก จึงไม่คิดรบกวนเวลาเติมพลังของอีกฝ่าย แล้วทานอาหารของตนต่อ ผ่านไปไม่กี่นาที สุพรรณีที่เพิ่งทานอาหารเสร็จ เดินตรงรี่มาหาหมอสาวแว่น “พี่หมอนินคะ” เจ้าของชื่อเงยหน้ามองน้องนอกไส้ของหล่อน แล้วอดตกใจไม่ได้ “นะ น้องอุ้มมีอะไรคะ?” “วันเสาร์นี้ว่างไหมคะ? คืออุ้มจะจัดงานวันเกิดที่บ้านน่ะค่ะ คุณพ่อท่านอนุญาตแล้ว อุ้มอยากให้พี่หมอนินไปด้วย อุ้มชวนเพื่อนไว้หลายคน มีแต่คนอยากรู้จักพี่หมอนิน” แต่พี่ไม่ได้อยากรู้จักนี่คะ “เอ่อ...” เธอปรายตามองดลลชาที่เงยหน้าจ้องมา ด้วยสายตาดุดันอีกครั้ง ร่างสูงกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากเย็น ก่อนตอบแบบไม่จริงออกไป “รู้สึกจะเข้าเวรค่ะ ขอโทษที” สุพรรณีทำหน้างอที่โดนขัดใจ “แย่จัง” “ไว้พี่หาของขวัญให้แทนนะคะ” หมอสาวแว่นพูดปลอบใจ ไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจสาวน้อยน่ารัก ...แต่ความเกรงใจดลลชามีมากกว่า และอีกเหตุผลคือ เธอไม่อยากได้ยินใครดูถูกมารดาที่ทำงานเป็นแม่บ้าน หญิงสาวไม่ได้รู้สึกอับอาย กลับกันเธอภูมิใจในแม่กัญญาของตนมากๆ แค่ไม่อยากได้ยินคำพูดไม่ดีจากปากใครให้แสลงใจ ...หากไม่มีมารดา คงไม่มีเธอแบบวันนี้แน่ “แต่อุ้มอยากให้พี่หมอนินไปนะคะ” อีกฝ่ายพูดเสียงอ้อนๆ อย่าทำเสียงแบบนี้สิคะ พี่กลัวคุณพลอย หมอร่างสูงฝืนยิ้มออกมา “น้องอุ้มอยากได้อะไรคะ ตุ๊กตาหมีดีไหม?” “ตุ๊กตาหมีก็ได้ค่ะ อุ้มจะได้เอาไว้กอดแทนคนให้” สุพรรณีพูดยิ้มเขินๆ หลังพูดอะไรที่โจ่งแจ้งออกไป ง่า...พูดแบบนี้ พี่จะไม่รอดนะคะ ญาณินสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี ใจหวิวแบบแปลกๆ หลังเห็นสายตาดุดันของดลลชาที่มองมาแบบคาดโทษ “อุ้ม!” เสียงเพื่อนในแผนกเรียก “ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับของขวัญ อุ้มไปก่อนนะคะ” สุพรรณีพูด หลังได้ยินกลุ่มเพื่อนตามตัว “ค่ะ” เธอผงกหัวน้อยๆ หลังอุ้มไปแล้ว อัญรินทร์หันมองเพื่อนรัก ที่มีสีหน้านิ่งขรึม แววตาคู่สวยแฝงไปด้วยความไม่สบอารมณ์ หึงชัวร์...ไม่มั่วนิ่ม “น้องแกไม่เห็นแก เห็นแต่หมอนินเนอะ” เพื่อนสนิทอดแซะสาวสวยไม่ได้ “พูดมาก” หล่อนหันไปต่อว่าหมอจิตเวชเสียงเข้ม “รีบทานเร็วๆ เดี๋ยวจะได้ไปทำงาน” “ขออีกสองคำ” “ตามสบาย” ดลลชารวบช้อนส้อมหลังรู้สึกเกือบอิ่ม ดูดโอเลี้ยงตบท้าย เฉตามองไปยังหมอสาวแว่นที่นั่งตรงข้าม ส่งสายตาหงอยๆ มา จึงอดพูดขึ้นไม่ได้ “ไม่รีบไปเหรอ?” “คุณพลอยคะ...คือนิน” เธอเรียกชื่ออีกฝ่ายเหมือนจะพูดอะไร ทั้งสองสบสายตากัน แต่จังหวะไม่เอื้ออำนวย หลังหมอหนุ่มรุ่นพี่ภาคินเดินมาที่โต๊ะ เพื่อคุยกับหล่อน “พลอยครับ” เจ้าของชื่อหันมองผู้มาใหม่ “พี่คิน” “ดีใจจังที่เจอ พี่เพิ่งว่างเลยแวะมาหาน่ะ ยินดีด้วยครับที่เรียนจบ ได้ข่าวว่าคะแนนท็อปด้วยนี่” “ขอบคุณค่ะ” สาวสวยยิ้มบาง “เดี๋ยวพลอยต้องไปแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะคะ” “ว่างทานข้าวเย็นกันนะ” “ยังไม่รับปากค่ะ” ใจแข็งเหมือนเดิม ภาคินหุบยิ้ม แล้วฝืนหัวเราะเบาๆ “โอเคครับ พี่จะตื้อต่อไป พี่ไม่เชื่อหรอกว่า พลอยจะใจแข็งกับพี่ได้ตลอดไป” เขาพูดตรงๆ ชายหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นความลับอะไร หลังเรื่องนี้รู้กันทั่วทั้งโรงพยาบาลว่า พ่อของเราพยายามลุ้นให้เราลงเอยกัน แต่ดลลชาไม่ยอมเปิดใจให้เขาเสียที ผ่านมาหลายปี จนภาคินนึกสงสัยว่า หล่อนมีใครอยู่ในหัวใจหรือเปล่า? แต่ไม่กล้าถามออกไปตรงๆ ...กลัวคำตอบ อึดเกินไปนะคะ สาวสวยยิ้มอ่อน ไม่พูดอะไรให้เขามีความหวัง ก่อนหน้าที่จะไปเรียนต่อหล่อนเคยปฎิเสธภาคินไปแล้ว แต่เขายังยืนกรานที่จะรอ แม้จะชื่นชมน้ำใจที่อีกฝ่ายมีให้ ...แต่รับไว้ไม่ได้ เพราะหัวใจตนไม่ว่างพอให้ใครเข้าไปอีก ดลลชาเหลือบมองญาณินแวบหนึ่ง เห็นใบหน้าคมซีดแทบเป็นกระดาษ แม้จะสงสารแต่ความอยากเอาชนะเหนือกว่า จึงเงยหน้าขึ้นพูดกับรุ่นพี่ว่า “ตามใจค่ะ” ศัลยแพทย์หนุ่มจึงยิ้มออก “ขอบคุณครับ แล้วค่อยคุยกัน” “ค่ะ” ภาคินเพิ่งนึกขึ้นได้ หลังมองไปยังเพื่อนร่วมโต๊ะของหล่อน ซึ่งสองคนเป็นหมอใหม่ที่เขาไม่รู้จัก “ไปนะครับหมอริน แล้วก็ทุกคนด้วย” “นึกว่าจะไม่เห็นกันซะแล้ว” อัญรินทร์เอ่ยค่อนแคะเขาติดประชดเล็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มแบบไม่ถือสา แล้วเดินออกจากโรงอาหารไป หมอคินอะไรนี่ จีบคุณอยู่สินะ...บ้าเอ๊ย! สาวร่างสูงรู้สึกขุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก แม้จะรู้มานานแล้วว่า ดลลชาสวยสง่า เพียบพร้อม ใกล้เคียงกับคำว่า Perfect เหลือเกินในความคิดของเธอ ประกอบกับเคยได้ข่าวว่ามีหมอหนุ่มตามจีบหลายคน แต่พอมาเห็นกับตาก็อดหัวร้อนไม่ได้ จึงกำหมัดที่วางบนตักแน่น ภาคินได้รับการยกย่องว่าเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของที่นี่ ขณะที่เธอเป็นแค่แพทย์ทั่วไป...ไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย ห่างชั้นเกินไปแล้ว... ทน ยามเห็นหล่อนคุยกับเขา ใจเจ็บเศร้าไร้เหตุผล เราต้อยต่ำต้องเจียมตน ได้แต่ทนเจ็บช้ำใจ. ปัณรสแอบสังเกตเห็นปฎิกิริยาเพื่อนสนิท ที่ดูเกรงใจดลลชามากเกิน...มากกว่าลูกสาวเจ้านายธรรมดา เห็นสายตาคู่สวยของดลลชาจับจ้องที่ญาณินแบบแปลกๆ เหมือนไม่พอใจอะไร ทว่าตั้งแต่นั่งทานอาหาร สาวสวยกลับไม่พูดอะไรกับญาณินเลยสักคำ ...ทำเหมือนไม่สนิทกัน ตกลงสองคนนี้ไม่ถูกกัน? หรือยังไง? บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังคงอึมครึม เพื่อนรักหล่อนที่เพิ่งทานเสร็จวางช้อนส้อม แล้วดูดชาเย็นล้างปาก “เรียบร้อย” “ไปกัน” ดลลชาชวนเพื่อนไปทำงาน ลุกยืนเต็มความสูง พร้อมๆ กับอัญรินทร์ “คุณพลอยคะ” ญาณินเรียกอีกฝ่าย หล่อนสบตาคนเรียก แล้วทำหน้านิ่งเฉย “ไปทำงานก่อน มีอะไรค่อยคุยทีหลัง” หมอสาวแว่นไม่กล้าดื้อกับอีกคน จึงพยักหน้าน้อยๆ รู้สึกเหมือนโดนคนพี่ตำหนิทางสายตา “ค่ะ” ญาณินเดินไปกับปัณรส ตามหลังหล่อนกับเพื่อนห่างๆ ด้วยต้องไปทำงานตึกเดียวกัน แต่คนละชั้น ทั้งคู่ก้าวไปยิ้มให้กับทุกคน “ตกลงแกไม่ถูกกับคุณหมอดลลชา?” เพื่อนเธอถาม ตอนที่ไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ “เปล่านี่ ทำไมคิดแบบนั้น?” “ก็คุณหมอไม่เห็นคุยกับแกดีๆ เลยนี่” “คงเหนื่อยๆ น่ะ ปกติคุณคุยเก่งนะ” “ไม่น่าเชื่อ” ปัณรสทำหน้าประหลาดใจ “อย่าบอกนะว่าแกสนิทกับคุณหมอดลลชา?” สนิทเหรอ? “ก็ไม่เชิง” เธอไม่กล้าจะใช้คำว่าสนิทกับดลลชา แม้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะก้าวไปไกลมากแล้วก็ตาม แต่เราไม่เคยคุยกันจริงจังเสียทีว่า...คบกันในฐานะอะไร? เราอาจเป็นแค่เจ้านาย-ลูกน้อง หรือของเล่นฆ่าเวลา หรือแย่กว่านั้นคือเป็นตัวสำรอง ...ที่ไม่รู้ว่า ตัวจริงจะมาทวงตำแหน่งคืนเมื่อไหร่? คุณหมอคินอะไรนั่น...อาจเป็นตัวจริงของคุณก็ได้ พอคิดแบบนี้ ก้อนเนื้อในอกก็หนักหน่วงขึ้นมากะทันหัน ได้แต่แอบหวังว่า...เวลานั้นจะไม่มาถึงเร็วนัก เธอเคยได้ยินบิดาหล่อนเปรยเรื่องอยากให้ดลลชาแต่งงาน เป็นฝั่งเป็นฝา มีนัดเดทกับหนุ่มๆ ฐานะทัดเทียมกันหลายครั้ง ผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อม มักเลือกที่จะสร้างครอบครัวมีสามีและลูกน้อย มากกว่าเกาะคานทอง ...นั่นคือสิ่งที่หมอร่างสูงแอบกังวล “ถึงจะอยู่บ้านเดียวกัน ฉันไม่ค่อยได้เจอคุณหรอก อาชีพหมอยุ่งจะตายไป แกก็น่าจะรู้” เธอพูดเลี่ยงไปอีกทาง “มันก็จริง” เพื่อนสนิทพยักหน้า ด้วยมีพ่อเป็นหมอที่ไม่ค่อยจะมีเวลาว่างให้ครอบครัว บ้างานรักงานยิ่งกว่าอะไร ...แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นอย่างนั้น “วันเสาร์นี้แกว่างไม่ใช่เหรอ?” ปัณรสจำตารางเวรของเพื่อนได้ “แค่ไม่อยากไปเฉยๆ” “แกไม่ชอบน้องอุ้มเหรอ?” เพื่อนรักถามหยั่งเชิง “ฉันไม่ได้พูด” “แปลว่าอะไร?” “ฉันมองน้องอุ้มเป็นลูกของท่านผอ. ฉันไม่กล้าชอบ หรือไม่ชอบหรอกนะรส” หมอสาวแว่นตอบตรงๆ “คิดมากไปรึเปล่า น้องออกจะปลื้มแก” “ก็คงแค่ปลื้มน่ะ เดี๋ยวก็ลืม คนดีๆ กว่าฉันมีตั้งเยอะ” เธอไม่คิดเป็นเรื่องจริงจัง หรือเป็นความรัก มองว่าอุ้มแค่หน้ามืด หลงตนแบบชั่วครั้งชั่วคราวมากกว่า ประกอบกับตนไม่ได้คิดสานต่อด้วย ความสัมพันธ์นี้จึงเป็นไปไม่ได้ ...ปรบมือข้างเดียวไม่มีทางดัง ความรักในความคิดของญาณินเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง หยั่งรากลึกในหัวใจ ไม่ใช่อะไรที่ผิวเผิน หรือตื้นเขินฉาบฉวยแบบ Puppy’ love คนรักไม่ใช่คนที่ทำให้หัวใจเราเต้นแรงทุกครั้งที่เจอ แต่ต้องเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ...ต้องคิดถึงเกือบทุกลมหายใจ เกือบทุกขณะจิตต่างหาก แสดงว่านินไม่ชอบน้องอุ้มแน่ๆ ปัณรสขีดฆ่าชื่อสุพรรณีออกจากลิสต์คู่แข่ง แต่ก็ยังไม่แน่ชัดเรื่องสเปคของเพื่อนรักว่า…ตกลงชอบเพศไหน? “ถามจริงๆ นะ สเปคแกแบบไหน?” อีกคนทำหน้างง “สเปคอะไร?” “สเปคคนรักไง แบบชายในฝันอะไรทำนองนั้น?” ชายในฝันเหรอ...คงมีหรอก คิดตอบในใจ ตั้งแต่มัธยมปลายก็ใช้เวลาทุ่มเทไปกับการเรียนต่อ ไม่เคยคิดจะมองใคร...มีเพียงดลลชาคนเดียวเท่านั้น “วันนี้กินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่าเนี่ย?” หมอสาวร่างสูงย้อนถาม เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย เพื่อนสนิททำหน้าสับสน “ไม่นี่ ทำไมเหรอ?” “ช่างจ้อเกิน” “ไม่สักหน่อย ก็เผื่อฉันเจอสเปคแกไง จะได้ช่วยเลือก อยากให้เพื่อนได้คนรักดีๆ” “ไม่ต้องลำบากเลยฉันไม่รีบ หาให้ตัวเองก่อนเถอะ ฉันอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาว” ไม่ได้ผล... อีกคนเบ้ปากแอบผิดหวัง ที่ล้วงความลับไม่สำเร็จ “ซะงั้น คนอุตส่าห์หวังดี” ญาณินส่ายหัว แล้วไม่พูดอะไรต่อ อย่าลำบากเลยรส...หัวใจฉันมันไม่ว่างนานแล้ว พอหวนคิดไปถึงสาวร่างบาง ความหดหู่ก็เข้ามาเยือนหัวใจเธออีกรอบ ฉันยังเหลือเวลาอีกนานแค่ไหน? “ฉันว่าแกหาเวลาเปิดใจคุยกับหมอนินเถอะ” อัญรินทร์กล่าวกับเพื่อนรักตรงๆ ขณะเดินไปยังอาคารใหญ่สีขาวเพื่อทำงานต่อ “คุยอะไร?” “ถ้าแกยังอมสากปากหนักแบบนี้ หมอนินไม่มีวันรู้หรอกว่า วันนี้แกหึงเขา แล้วยังเรื่องพี่คินอีก คงเข้าใจผิดคิดว่าแกจะโอเคกับพี่คิน เรื่องมันจะยุ่งนะ” “ยุ่งยังไง?” ให้ตายสิ! เพื่อนรักถอนใจ ปวดขมับตุ๊บๆ “คู่แข่งแกที่ฉันเห็นแน่ๆ มีสองคนคือน้องอุ้มกับเพื่อนที่ชื่อปัณรสอะไรนั่น คนที่น่ากลัวไม่ใช่น้องอุ้ม แต่เป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ฉันว่าหมอนินใสซื่อขนาดนั้น คงไม่รู้หรอกว่าเพื่อนคิดจะงาบตัวเอง” ขณะทานข้าว อัญรินทร์ลอบสังเกตปัณรสหลายครั้ง โดยเฉพาะสายตาที่เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ยากที่สุด จึงอ่านความคิดของฝ่ายนั้นออก สมกับที่ร่ำเรียนมาทางสายจิตเวช มันก็จริง ถ้านินรู้คงระวังตัวมากกว่านี้ ดลลชานิ่งคิดตาม รู้สึกไม่ถูกชะตากับปัณรสเอาเสียเลย พอๆ กับที่ไม่ค่อยชอบอุ้ม “มัวแต่ชักช้าลีลามาก รับรองสุนัขคาบไปรับประทานแน่” เพื่อนรักพูดทิ้งท้าย ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “ไปนะ เย็นนี้ฉันต้องอยู่เวรต่อ พรุ่งนี้เจอกัน” “อือ” หล่อนรับคำ ก่อนแยกไปคนละปีกของอาคาร ดลลชามีรอยยิ้มตามมารยาทประดับวงหน้าสวย ขณะเดินผ่านผู้คนมากมาย สมองกำลังประมวลผลอย่างหนักถึงคำพูดของอัญรินทร์ เอาไงดี? OoxoO ตอนนี้หมอนินกำลังหวั่นไหว หลังเจอคู่แข่งที่เธอเทียบไม่ได้เลยแบบภาคิน ขณะที่หมอพลอยก็กลัวจะเสียคนน้องไป...เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ? ต้องตามในฉบับเต็มค่ะ E-book เรื่องนี้ยังลดราคาอยู่ แต่น่าจะเกือบหมดโปรแล้ว ถ้าคันใจอยากรู้คำตอบว่าเรื่องนี้จบอย่างไร ก็ซื้อมาอ่านได้ค่ะ มีขายที่ MEB...ถ้าพลาดเรื่องนี้บอกเลยว่า จะเสียดายมาก ขอบคุณสำหรับทุกหัวใจ ทุกคอมเม้น และทุกการติดตามค่ะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ นาง ^^ OoXoO
Create Date : 03 กันยายน 2564 |
Last Update : 3 กันยายน 2564 18:26:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 823 Pageviews. |
|
|