โดยปกติ เราเป็นคนชอบดูหมอดู ก็ตามประสาผู้หญิงแหละค่ะ ดูกับหมอดู ดูกับเว็บไซต์ ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ดูพอสนุก และถ้าเขาเตือนอะไร ก็นำมาเป็น guideline และคอยระวังกันไป ถ้าทายดีก็ดีไป ถ้าทายไม่ดี จะได้คอยระวัง ตอนเด็ก ๆ ก็เคยซื้อหนังสือมาหัดดูบ้างอะไรบ้าง เดี่ยวจะมาเล่าเรื่องตอนเด็ก ๆ ทีหลังนะคะ

 

เมื่อต้นปี 2014 นี่เอง มีเพื่อนคนหนึ่ง มีความรู้สึกอยากดูหมอมาก ก็มีคนแนะนำ ต่อ ๆ กันมา ว่ามีอยู่เจ้าหนึ่งซึ่งแม่นมาก แต่ต้องมีคนจะดู 3 คน เขาถึงจะมาถึงที่ นัดไปนัดมาก็ได้สมาชิกมา 3 คน รวมเราด้วย

    พี่คนนี้เขาดู "ไพ่พรหมญาณ" ค่ะ บอกเลย เราไม่รู้จักค่ะ แต่เอาน่ะ ดู ๆ ไปก่อน ยอมรับเลยว่าตอนที่จะดูนี่หงุดหงิดมาก ๆ เพราะเป็นคิวสุดท้าย คนแรกดูไปสองชั่วโมงกว่า กว่าจะถึงคิวเราก็สามทุ่มไปแล้วล่ะค่ะ

 

พี่เขาเปิดไพ่ใบแรกขึ้นมา (จำไม่ได้แล้วว่าไพ่อะไร) เขาทักเลย "มีเซ็นส์ ใช่ไหม"

 

เพื่อความเข้าใจตรงกัน เราจึงถามกลับว่า มีเซ้นส์ คืออะไร

 

พี่เขาเลยออธิบายว่ามีเซ้นส์คือจำพวกมีลางสังหรณ์ ได้ยินได้เห็นสิ่งแปลก ๆ บ้างอะไรแบบนี้ ก็เออเนอะ ก็มีบ้าง เขาเลยพูดต่อว่า "เคยดูดวงให้คนอื่นใช่ไหม กลับมาดูเถอะ"

 

พูดถึงตรงนี้มีหนาว เพราะเคยดูเมื่อสมัยอายุ 14-15 โน่นค่ะ (นานไป ) เอาเป็นรวบรัดตัวความ พี่เขาบอก ให้กลับมาดูดวงเหอะ ช่วยคน แล้วต้องสวดมนต์ทุกวันด้วย เราก็เถียงๆๆๆ ปัจจุบันทำงานก็ช่วยคนอยู่แล้วนี่ (จริง ๆ คือขี้เกียจสวดมนต์ บอกตรง ๆ ) พี่เขาบอก ไม่ได้ ต้องใช้ไพ่เป็นสื่อด้วย พี่เขาก็เปิดไพ่ต่อ เปิดเป็นสิบ ๆ รอบ ถามอะไรก็ขึ้น ไพ่พระตลอด ถึงขนาด เราถามว่า "พี่ มีไพ่พระ 10 ใบเลยป่าวเนี่ย" พี่เขาหัวเราะ เปิดไพ่ให้ดู มันมีใบเดียวจริง ๆ   เขาเลยย้ำว่าให้ สวดมนต์ทุกวัน และขอให้กลับมาดูหมอซะ พร้อมรายละเอียด การไหว้พระ พร้อมบทสวดมนต์ 1 ชุด และวิธีขออนุญาตเพื่อทำการดูหมอ โดยการดูหมอแต่ละครั้ง ต้องหักเงินไปทำบุญด้วย

 

หลังจากนัั้น เราก็เอาวะ สวดมนต์ การสวดมนต์ไม่เสียสตางค์นี่นา และถ้าเทียบกับการเอาเวลาไปเล่นเกมส์ในคอม จริง ๆ สวดมนต์ใช้เวลาน้อยกว่าเสียอีก สรุปว่าสวดก็สวด

 

หลังจากสวดมนต์มาได้ระยะหนึ่งและทำการ ขออนุญาตเพื่อทำการดูหมอ เรียบร้อย (ลืมบอก เราเลือกดูด้วยไพ่ยิปซี ค่ะ ซึ่งเป็นแบบที่ดูเมื่ออายุ 14-15 นี่แหละค่ะ เดี่ยวจะมาเล่าให้ดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงหยุดดู  )

 

ขอเสร็จ ไปหาไพ่เลยค่ะ ไพ่ที่ชอบที่สุดคือ ชุด Raider waite เป็นชุดที่จำง่าย อ่านได้จากหน้าไพ่ (หาซื้อได้ตามร้าน asia book, คิโนะ แต่เราไม่ค่อยมีสตางค์เอาแบบที่แถมมากะหนังสือก็แล้วกัน)

 

ซื้อหนังสือมาอ่านไปพักนึง เหอะ..............ไม่รู้เรื่อง 

 

เลยไปซื้อมาอีกเล่ม ของอาจารย์ขุนทอง แถมไพ่ชุด Balbi ดูจากหน้าไพ่แล้ว นึกอะไรไม่ออกเลย...

 

เอาเป็นว่า เอาไพ่จากชุดโน๊น มาดูกับหนังสืออาจารย์ขุนทองก็แล้วกัน

 

เพื่อน ๆ พอเริ่มรู้ว่าดูไพ่ยิปซี โผล่มากันเพียบ โดยเพื่อนคนหนึ่ง นางบอก ขอคิว 0 คิวยังงกรูต้องได้ดูก่อน  ก็บอกนางเลย ว่าดูไม่ค่อยเป็นนะเว้ย ไม่เป็นไร เปิดหนังสือไป ดูไปก็ได้

 

รอบแรก............งงทั้งหมอทั้งลูกค้า..........

 

 

อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เราเป็นคนชอบดุหมออยู่แล้ว ซึ่งปกติ ดูกับ อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม ซึ่งแม่นมว๊าาาาากกกกก แต่พี่แกคิวทอง ไหนจะถ่ายทีวี ถ่ายอะไรเยอะแยะ ก็เลยปรึกษาอาจารย์เขา ไปๆ มา ๆ ประจวบเหมาะ อาจารยืแกเปิดสอนดูหมอซะงั้น เป็นการสอนรายกลุ่ม ไอ้เราซึ่งเป็นมนุษย์ไม่ว่าง ก็ดันว่างวันนั้นพอดี อย่าช้าอยู่ใย สมัครเรียนในทันที

 

การเรียนการสอน คือวันที่ 29 มีนาคม 2557 ค่ะ เริ่ม 9 โมง

โดยมีการจัดการเรียนการสอนที่ หอประชุมบริษัท ทีวีไดเร็ค ค่ะ

 

เราเองมาถึงก่อนเก้าโมงเล็กน้อย มาถึงก็เจออาจารย์กำลังเม้าท์อยู่เลย (ยังไม่เริ่มสอนนะคะ แต่อาจารย์เม้าท์รอเลย)

 

 

โดยการสอนนี้ มีอาจารย์ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา ตำนานยิปซีของไทย มาร่วมการสอนด้วยค่ะ

 

 

อาจารย์มงคล เล่าว่าก็เรียนยิปซี กับอาจารย์ขุนทองนี่แหละ

 

การเรียนการสอนเป็นกันเองมากค่ะ อาจารย์สอนสนุก ไม่น่าเบื่อเลย 

 

 

อิริยาบท สบาย ๆ ของอาจารย์ขุนทอง ขณะพักเบรก

 

 

เลยนำหนังสือที่ซื้อมาไปให้อาจารย์เซ็นด้วยเลย

 

 

หลังจากไปเรียนมาเสร็จ ร้อนวิชา รีบเลย อันนี้ของเพื่อนคิว 1 (คัดแต่เด็ด ๆ มานะคะ)

 

 

คิว 2

 

 

คิว 5

 

 

 

 คิว 9 ดูไปกรี๊ดไป อันนี้ถามเรื่องความรัก

 

 

เราก็ทะยอยดูทุกวันค่ะ ในช่วงนี้ดูแบบยังไม่เก็บเงินใคร ตั้งใจจะดูแล้วให้ผู้มาดู หยอดเงินใส่กระปุกไปทำบุญร่วมกัน จะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่รู้ล่ะค่ะ แต่ขอตัวไปดูไพ่เพื่อเพิ่มความชำนาญต่อก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ

 

 

 ตอนนี้ยอดที่กำหนดดูฟรีไว้ ครบแล้วล่ะค่ะ (ใจคิดไว้ว่า ดูฟรี 100 เคส) ต่อไปนี้มีค่าครูด้วยนะคะสำหรับท่านที่สนใจดูค่ะ