"ฉันวันนี้" และบทกวีจาก "คนพเนจร"
https://yout เพลงฉันวันนี้ ของธานินทร์ อินทรเทพ เพลงโปรดเลยครับ ฟังแล้วนึกย้อนหลังไปช่วงเรียน มัธยมปลาย สมัยนั้นถ้าไม่ฟังเพลงฝรั่งก็ต้องฟังเพลงลูกกรุงแบบนี้ละครับ เพลงไทยสตริงยังไม่ค่อยมีให้ฟังกัน ชอบเนื้อเพลงที่ว่าเป็นคนมีหัวใจเหมือนห้องว่างเปล่า ไม่สนใจใคร ไม่แคร์ใคร ไม่โกรธไม่เกลียดใครแม้จะมาทำให้เจ็บ ฟังเพลงแล้วมาอ่านบทกลอนของพี่ต๋อย คนพเนจร ประกอบไปด้วยนะครับ "ฉันวันนี้" -:กลอนแปดสุภาพ:- ๐ ทุกวันนี้ มีความสุข ไม่ทุกข์ใด สุขหทัย เพราะหัวใจ ไม่ใฝ่หา ไม่โกรธแค้น เกลียดใคร ในอุรา ใครจะว่า อย่างไร ใจมองเมินฯ ๐ พเนจร เรื่อยไป ตามใจคิด ไม่ยึดติด สิ่งใด ไม่เก้อเขิน ชีวิตนี้ สั้นนัก เรามักเพลิน ไม่กล้ำเกิน ก่อเกลียด เหยียดผู้ใดฯ ๐ ยามค่ำไหน นอนนั่น ฉันไม่ถือ ชีวิตคือ ละคร ตอนสุกใส ถ้าล่วงเกิน ใครบ้างก็ ขออภัย ถึงหัวใจ เสเพล ไม่เรรวนฯ ๐ ไม่ใฝ่ฝัน ถึงวิมาน สถานทิพย์ เพราะไกลลิบ เกินคว้า มาสงวน กลางคืนหลับ ยามตื่นมา เห็นฟ้านวล ไม่รัญจวน เป็นนกคู้ อยู่ในกรงฯ ต๋อย.(คนพเนจร) ๑๘/๐๘/๖๑ @ ๑๘.๐๐ น. ฟังเพลงฉันวันนี้แล้วผมนึกถึงบทกวีวรรคทองบทหนึ่งที่มีแนวใกล้เคียงกับเพลงนี้เลยครับ ผมมีบทกวีวรรคทองที่ติดอยู่ในความทรงจำหลายบท ทั้งของท่านบรมครูสุนทรภู่และนักกวีศรีศิลป์ของเมืองไทย (ขอใช้สำนวนพี่ต๋อย) ถ้าวันไหนกินเหล้าเมาได้ที่บทกวีก็จะหลุดหล่นออกมากลางวงเหล้าบ่อยๆ โดยเฉพาะบทที่โดนใจเพราะมันเข้ากับชีวิตจริงของเรา อย่างบทนี้ “โลดเถลิง เริงเล่น อยู่เป็นนิจ ล้อชีวิต กับความจน อย่างคนเก่ง ลอยอยู่กลาง ทะเลรัก อย่างนักเลง เล่นกับเพลง หลอกล่อ มาพอควร...” ไปอ่านเจอมาแล้วก็จำได้ไม่เคยลืม แต่ที่ลืมจริงๆ คืออ่านมาจากไหนและใครเป็นคนแต่ง ผมพยายามค้นหาอยู่นานจนเจอเจ้าของบทกวีนี้ ปรากฎว่าพอได้อ่านเรื่องราวของเขาแล้ว มันน่าสนใจมากกว่าผลงานของเขาเสียอีก ชื่อในแวดวงวรรณกรรมคือ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ชื่อจริงคือ วิจิตร ปิ่นจินดา (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ๒๕๒๓) เป็นคนอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เดิมชื่อสมจิต เรียนหนังสือจบแค่ ชั้นประถมปีที่ 4 จากนั้นก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย แต่ด้วยความคิดว่าตัวเรียนน้อยจึงมีแรงผลัดดันให้ขวนขวายศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองอย่างหนักโดยเฉพาะด้ายภาษาและศิลปวัฒนธรรม จนได้ทำงานเป็นช่างภาพ นักข่าว นักเขียนประจำกองบรรณาธิการนิตยสาร ต่อมาได้เป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ เป็นผู้เปิดเวทีเขียนกลอน เรื่องสั้นและสารคดีให้กับนักเขียนรุ่นใหม่ในยุคนั้น ต่อมาได้เขียนหนังสือสมุดไทยเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมไทย จัดรายการวิทยุเพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมพื้นบ้าน และได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษคณะโบราณคดีมหาวิทยาลับศิลปากร เป็นผู้จัดรายการสยามปริทัศน์ทางทีวีช่อง5 เป็นผู้ก่อตั้งชมรมนักกลอนที่ต่อมาเป็นสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ผลงานที่โดดเด่นที่สุดคือจัดงานชุมนุมนักกลอนมาล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วร่วมกันเขียนกลอนเรือเพลง งานนี้ทำให้เกิดนักกลอนเพชรเม็ดงามที่มีชื่อดังในแวดวงวรรณศิลป์ต่อมามากมายหลายท่าน สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ เขียนบทกลอนชุดเรือเพลง ในปี 2509 จากการลอยลำไปกับเรือเพลง แนวออกจะเป็นนักเลงอยู่ โดนใจคนห่ามๆ อย่างผมเป็นอย่างยิ่ง "เรือเพลง" โลดเถลิง เริงเล่น อยู่เป็นนิจ ล้อชีวิต กับความจน อย่างคนเก่ง ลอยอยู่กลาง ทะเลรัก อย่างนักเลง เล่นกับเพลง หลอกล่อ มาพอควร เคยมีรัก หลายหน จนประจักษ์ แต่จากรัก คราใด ไม่เคยหวล หลายครั้งที่ รักชะลอ ก็รัญจวน แต่มิครวญ เมื่อรักลา ถลาลอย จะว่าหยิ่ง ก็หยิ่งเกิน เมินดอกหญ้า แต่ดอกฟ้า ก็เฉยเฉย ไม่เคยสอย คราวจะไป ใครให้รอ ก็ไม่คอย ใครจะถอย หนีไป ก็ไม่ตาม ใครจะมี รักใหม่ ไม่อยากรู้ ใครจะอยู่ กับใคร ไม่อยากถาม ใครจะกล่าว ถางถาก ไม่อยากปราม ใครจะห้าม เล่นกับไฟ ไม่อยากฟัง มิหลงเหลิง กับความฝัน ของวันใหม่ มิเสียใจ กับความทราม ของความหลัง ใครจะเลว เหลวไหล ไม่อยากชัง ใครมอบหวัง ดีให้ ไม่อยากรับ ใช้ชีวิต เหมือนเรือเพลง บรรเลงล่อง เช้าก็ท่อง ลอยลำ ค่ำก็กลับ ชมฟ้ารุ่ง เดือนฉาย ประกายระยับ ฟังคำขับ ร้อยกรอง ร้องเพลงเรือ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ๒๕๐๙
Create Date : 31 สิงหาคม 2561 |
Last Update : 17 สิงหาคม 2563 10:11:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1427 Pageviews. |
|
|
|