2018-09-03&04 Samosir-Parapat-Medan-Bangkok-Chiangmai


วันสุดท้ายแห่งการท่องเที่ยว... ที่จริงจะให้ถูกต้องคือวันแห่งการท่องเที่ยวได้จบไปแล้ว, วันนี้เป็นวันเริ่มต้นเดินทางกลับ, ในใจยังอยากเที่ยวต่ออีกอย่างน้อยสามวัน. อยากไปเดินขึ้น Mt.Sibayak.... อยากไปชมวิวภูเขาไฟสินาบุงที่มีควันหรือเถ้าถ่านโพยพุ่งขึ้นไปบนอากาศ...  แต่เรามีตั๋วกลับซึ่งเป็นตั๋วราคาถูก ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องซื้อใหม่ไปเลย, อีกทั้งมีภารกิจที่ต้องทำในวันถัดไปหลังจากกลับถึงเชียงใหม่.

ตอนที่เราลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อนใหม่ก็ยังไม่ตื่น... เดินออกมาห้องโถง  เพื่อนสนิทที่สุดในกลุ่มอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว.  เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ชงกาแฟไปดื่มที่ท่าเรือร้าง... เช้านี้มีเมฆค่อนข้างมาก  แดดเลยไม่ร้อน  นั่งซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่ก่อนที่จะต้องลาจาก  หัวหน้าแกงค์เตรียมผลไม้ที่ซื้อเมื่อวานโดยการปลอกใส่จานอย่างปราณีต (ดีนะที่ไม่แกะสลักด้วย)  เราไม่หิวเลยแต่โดนคะยั้นคะยอให้ทานเพราะถ้าไม่ทานที่เหลือก็ต้องทิ้งอยู่ดี... เลยทานมะละกอไป 4-5 คำ...  

ทุกคนเตรียมของไปที่ท่าเรือตอน 11 โมง  เรือมารับตอน 11 โมง 15 นาที...  เรือแวะรับผู้โดยสารจากท่าโรงแรมอื่นๆ อีกหลายท่า  กว่าเรือจะมาถึงท่าเรือที่ Parapat ฝั่งสุมาตราก็เที่ยงครึ่งพอดี  พวกเราพากันเดินไปร้านทัวร์+ร้านอาหาร ที่พวกเราซื้อตั๋วรถไว้... ระหว่างรอรถเราสั่งเบียร์มาดื่ม, เพื่อนบางคนก็สั่ง Mie Goreng มาทาน  เราคิดว่าเป็นความคิดที่ดี เพราะต้องนั่งรถไปอีกหลายชั่วโมง เลยสั่งมาทานมั่ง, แบ่งให้เพื่อนใหม่ไปครึ่งจานเพราะปริมาณเยอะมาก  ทานเสร็จรถก็มาพอดี  พากันขึ้นรถและก็อย่างเคย  เราไปนั่งที่นั่งหลังสุด  แต่ครั้งนี้แย่หน่อย เพราะรถติดฟิล์มหนามาก, ถ่ายรูปไม่ได้เลย...






ท่าเรือร้าง... มุมโปรดของเรา, ตอนนั่งเขียนบล๊อกนี่มีน้ำตาซึม... คิดถึงมาก...



ถ่ายภาพป้ายโรงแรม...



เพื่อนชาวอินโดเดินมาเรียกให้เตรียมของไปรอเรือที่ท่าเรือใหม่... เราเลยขอให้ถ่ายรูปเรากับมุมของเราให้หน่อย...  ดีใจมากที่ได้ภาพนี้...ในฐานะช่างภาพภาคบังคับประจำกลุ่ม... ทริปทั้งทริปก็จะไม่ค่อยมีภาพเราเลย  ต้องขอบคุณเพื่อนชาวอินโดที่ถ่ายภาพดีๆ ให้เรา... 



เรือมาจอดรับผู้โดยสารจากท่าเรือโรงแรมอื่น



นี่ก็อีกโรงแรมที่เรือมาจอดรับผู้โดยสารเพิ่ม... ดูดีมีฐานะเลยทีเดียว.



เรือมาถึงท่าที่เมือง Parapat.... เราเป็นผู้โดยสารคนแรกๆ ที่ปีนขึ้นฝั่ง, เพราะอยากเก็บภาพอ่ะ 555



คนขับรถเข้ามาหาผู้โดยสาร... ภาพอย่างนี้มีให้เห็นที่มุมโลก...



เพื่อนชาวอินโด เดินนำพวกเรากลับมาที่ร้านทัวร์ + ร้านอาหาร...  



ภรรยาเป็นเจ้าของร้านอาหาร, สามีเป็นเจ้าของร้านทัวร์.... เราสั่งหมี่ผัด Mie Goreng แล้วขอถ่ายวีดีโอตอนเขาผัด... เขาอนุญาตให้ถ่าย, น่ารักมากๆ...



หมี่ผัดของเรา... แบ่งให้เพื่อนใหม่ครึ่งจานเพราะปริมาณเยอะมาก ทานเองไม่หมด...





นั่งรถมาถึงเมือง Tebing Tinggi อยู่ห่าง Medan ประมาณ 60 กิโลเมตร  คนขับรถก็จอดรถแวะทานข้าว, เพื่อนชาวอินโดก็ทานด้วย  แต่พวกเราที่เหลือไม่มีใครหิวเลยสั่งโค้กมาดื่ม.  จากนั้นออกเดินทางต่อ  คนขับรถบอกว่าเราต้องใช้ทางด่วนซึ่งพวกเราต้องจ่ายเพิ่ม  ตอนแรกในใจก็คิดว่าจะใช้ทางด่วนไปทำไม... แต่จากที่คนขับจอดทานข้าวไปถึงทางแยกที่จะเข้าทางด่วนระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงรถติดมากถึงมากที่สุด  ดังนั้นการใช้ทางด่วนจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด!

ตอนรถวิ่งบนทางด่วน บรรยากาศเหมือนนั่งรถที่ South Carolina เหมือนมาก เหมือนจริงๆ แต่ไม่มีรูปมายืนยัน 5555 เพราะรถเฮียเขาติดฟิล์มอย่างหนามากๆ เหลือช่องให้เห็นรถข้างนอกตรงกระจกหน้ารถกว้างสักคืบกว่าๆ... เพื่อนที่นั่งหน้าเรายังสามารถเปิดกระจกเพื่อชมวิวได้.  แต่เรากับเพื่อนใหม่ติดแหงกอยู่ด้านหลังรถ ไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวัน... ว่าไปนั่น....

รถมาจอดที่หน้าโรงแรมตอน 6 โมงกว่าๆ  หัวหน้าแก๊งค์จองห้องออนไลน์ ตอนที่นั่งมาบนรถ.  My Studio Hotels คือโรงแรมที่เราจะพักคืนนี้... ห้องที่จองไว้เป็น Capsule type! สำหรับเราคือ จำลองว่าตายแล้วนอนในโลงศพ อะไรทำนองนั้น...  แต่พรุ่งนี้พวกเราจะออกจากโรงแรมตอนตีสามเลยไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่อะไรที่จะต้องมานอนห้อง Capsule อย่างนี้... เนื่องจากเรามีเงินรูเปียห์ เหลือแค่ 80,000 รูเปียห์ เลยจ่ายค่าห้องให้หัวหน้าแกงค์เป็นเงินบาท  ค่าห้องถ้าจำไม่ผิด 150,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 340 บาท  พอเช็คอิน ขนของขึ้นห้องซึ่งอยู่ชั้น 4 และไม่มีลิฟท์ ด้วยต้องแบกกระเป๋าอีก 7 กิโล  ก็เหนื่อยเอาการ... จึงตั้งปณิธานไว้ว่า กลับไปเชียงใหม่จะเริ่มออกกำลังกายได้แล้ว... 

ขึ้นมาถึงห้องพัก  เป็นห้องรวม ไม่รู้ว่ามีกี่แค๊ปซูล  กะเอาคร่าวๆ คงประมาณ 80 แค๊ปซูลเห็นจะได้  มีแค๊ปซูลสำหรับสองคนด้วย,  แต่ไม่เข้าท่า  เพราะแต่ละแค๊ปซูลมีแค่ม่าน PVC ไว้รูดปิดเท่านั้น, เสียงเล็ดลอดทั้งเข้าและออก ไม่มีความเป็นส่วนตัว... และแล้วที่อุดหูก็กลับมาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาตอนจบของเรื่อง...  ล็อคเกอร์อยู่ใต้เตียง  มีสองล็อคสำหรับเตียงบนและล่าง  แค่ใช้การ์ดไปแนบ  ประตูล็อคเกอร์ก็เปิดออก  พวกเราเอาสัมภาระเก็บเข้าล็อคเกอร์ของใครของมัน  แล้วมารวมตัวกันที่ล๊อบบี้... 

จากนั้นพากันออกไปห้างสรรพสินค้า ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรม.  เราเดินดูสินค้า  ส่วนมากเป็นของที่ระลึก ของฝาก เสื้อผ้า... ปกติเป็นคนไม่แต่งตัว  อะไรก็ได้, ใส่ได้หมด  ไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่  ไปเที่ยวก็จะไปเดินร้าน thrift store เช่น Goodwill, Salvation army บางครั้งเสื้อผ้าวัยรุ่นดีๆ แต่เจ้าของร่างเขาโตไว เราไซด์เอเชีย  ซื้อเสื้อผ้าวัยรุ่นมาใส่ได้สบาย, บางทีเสื้อผ้ายังมีป้ายติดอยู่เลย  แสดงว่ายังไม่เคยใช้ด้วยซ้ำ.  แต่มาเดินที่ห้างนี่เจอเสื้อตัวหนึ่ง ถูกตาต้องใจมากๆ  เราเอาไปลองใส่ ชอบมากๆ แต่ติดตรงพุง  ถามพนักงานว่ามีไซด์ใหญ่กว่านี้ไหม, เขาบอกว่าไม่มี ให้ลองเลือกลายอื่นดู... แต่เราชอบลายนี้มากๆ  สรุปว่า ไม่ได้ซื้อ...

มีโซนขนมขบเคี้ยว, เครื่องดื่ม... หุหุหุ... และแล้วก็เจอเบียร์, แต่เป็นเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์! แล้วจะดื่มทำเขือนิ...  นั่งรอเพื่อนในกลุ่มช้อปปิ้งสักพัก  ก็พากันเดินออกมา...สามคนในกลุ่มหิวข้าว  มีแต่เรากับเพื่อนใหม่ไม่หิวแต่อยากเบียร์  เลยแยกกันไป  สรุปเพื่อนสามคนทาน KFC เป็นอาหารเย็น  เราและเพื่อนใหม่หาเบียร์มาดื่มจนได้  แต่เราเหลือเงินแค่ 80,000 รูเปียห์  เบียร์กระป๋องละ 30,000 แพงหูฉี่  ซื้อได้แค่ 2 กระป๋อง  เพื่อนใหม่ก็มีเงินเหลือมากกว่า เขาซื้อไป 3 กระป๋อง  ดื่มเบียร์เสร็จก็กลับห้อง  อาบน้ำ  แล้วเข้านอนตอนเกือบสี่ทุ่ม






ระหว่างรอคนขับรถและเพื่อนชาวอินโดแวะจอดทานข้าวที่เมือง Tebing Tinggi... เรามายืนดูวิถีชิวิตผู้คนบนท้องถนน... นี่คือรถโดยสารประจำทาง  เราเห็นบางคันมีคนห้องออกมาด้านข้างเป็นพวงอย่างกับปลาหมึก...ทำให้นึกถึงรถประจำทางที่เชียงใหม่, ถ้าคนเต็มก็จะมีเด็กนักเรียนผู้ชายยืนโหน แต่อยู่ด้านหลังรถ.



คือว่ารถคันนี้ติดฟิล์มมืดมากๆ  พี่คนขับคงกลัวดำ... นั่งรถคันนี้เราแทบจะไม่มีรูปถ่ายเลย... ถ่ายออกมาก็ได้ประมาณนี้อ่ะ...



ภาพนี้, เพื่อนที่นั่งข้างหน้าเราเขาเปิดหน้าต่าง... เราก็ยื่นมือถือออกไปถ่าย...  เป็นภาพสวนยางพารา... ที่นี่เขาปลูกยางพาราเยอะมากเกือบตลอดทางที่ขับมา... บางส่วนก็เป็นสวนปาล์ม  แต่ไม่มีภาพ...



Lobby ที่ My Studio Hotels จัดเป็นที่นั่งทานอาหารด้วย... มีชา, กาแฟ ฟรีโฟลว์ ให้บริการตลอด



มุมเก๋ๆ หน้าโรงแรม



บันไดขึ้นชั้นบน...



นี่คือห้องของเรา... 



เก็บของเสร็จก็พากันเดินไปห้างสรรพสินค้าที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรม... จุดประสงค์ของเรากับเพื่อนใหม่เพื่อหาเบียร์ดื่ม... แต่เพื่อนอีกสามคน, เพื่อช้อปปิ้ง...



ถูกใจเสื้อตัวนี้มากๆ  แต่ไม่มีไซด์ที่ใส่ได้... แม้เราจะพยายามยัดตัวเองลงเสื้อตัวนี้ได้... แต่ให้แขม่วท้องตลอดเวลาก็คงไม่ต้องการใส่หรอกนะ...



เพื่อนสามคนไปทาน KFC... เรากับเพื่อนใหม่แยกตัวออกมาเดินหาเบียร์... แล้วก็ได้ดื่มตามปรารถนา... แต่เสียดายที่เรามีเงินเหลือซื้อได้แค่ 2 กระป๋อง แต่ก็พอถูไถ...



ดื่มเบียร์เสร็จ กลับขึ้นมาบนห้อง  อาบน้ำ, เข้านอนตอนสี่ทุ่ม...





เพื่อนชาวอินโดมาปลุกเราตอนตีสองครึ่ง... เราอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปสมทบกับเพื่อนบางคนที่ลงไปทานอาหารเช้ารออยู่ที่ล๊อบบี้แล้ว.... มันใช่เวลากินข้าวไหมเนี๊ยะ!?!?!? มากสุดเราก็ดื่มได้แค่กาแฟ  แล้วรอเพื่อนๆ ทานขนมปังปิ้งทาเนยทาแยม... กว่าจะเรียบร้อยพร้อมขึ้นรถก็ตีสามสิบห้านาที... Sampai Jumpa Lagi! ลาก่อนสุมาตรา, แล้วเจอกันใหม่อีกครั้ง....

 ------------------------------------------------------

รถวิ่งมาถึงสนามบินภายใน 10 นาที  ทำการเช็คอิน, ผ่านด่าน ตม. เพื่อนชาวอินโดนีเซียมีปัญหาตรงด่าน  เพราะเขาไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับ, เขามาเรียนที่เมืองไทย  กว่าจะกลับอีกทีก็ปลายปี  นั่งรอเพื่อนแก้ปัญหาอย่างกระสับกระส่าย... หลังจาก 45 นาทีในการดำเนินเรื่อง  เพื่อนชาวอินโดก็วิ่งหอบแฮกๆ  แล้วโชว์เอกสารผ่านแดนด้วยความดีใจ พวกเรารอขึ้นเครื่องสักพัก  พนักงานสายการบินก็ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง... เครื่องออกตอนตีห้าครึ่ง  มาถึงดอนเมืองตอนเจ็ดโมงครึ่ง

ลงเครื่องเสร็จกลุ่มเราก็แยกย้ายเพราะเพื่อนชาวอินโดต้องไปอีกทาง  ผ่านด่าน ตม. ที่ดอนเมืองสำหรับคนไทยง่ายมากๆ  ไม่ต้องกรอก ตม.6 อีกต่อไป... แค่เอาพาสปอร์ตไปสแกนกับเครื่อง แล้วสแกนลายนิ้วมือ ก็กลับเข้าเมืองได้แล้ว  แต่ถึงอย่างไรก็มีเจ้าหน้าที่ยืนคอยให้คำแนะนำ...  

อีกแล้ว...เพื่อนชาวอินโดติดตรง ตม. นานกว่าคนอื่นมาก... เพื่อนคนอื่นๆ ได้ตั๋วกันหมดแล้วและผ่านด่านตรวจร่างกายและสัมภาระเข้าไปรอเครื่องด้านใน  เรายืนรอเพื่อนชาวอินโด แล้วพาไปขึ้นตั๋วแล้วเพื่อนชาวอินโดก็หายลับไปกับฝูงชน... ไม่รอกันเลย, พับผ่าสิ...  แล้วกลุ่มของพวกเราก็มารวมตัวกันอีกครั้ง  จนพนักงานเรียกผู้โดยสารขึ้นรถบัส เพื่อไปขึ้นเครื่อง... เครื่องออกตอน 9 โมง 15 นาที  บินมาถึงเชียงใหม่ตอนสิบโมงครึ่ง... 

เดินออกจากสนามบินมาตรงที่รถเมล์จอด  ขึ้นไปบนรถเมล์แล้วรอสักพักรถก็ออก  ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย  ไม่มีเหรียญพี่คนขับก็มีให้แลก  บริการประทับใจมากๆ  เราลงหน้ากาดสวนแก้วบอกลาเพื่อนๆ แล้วเดินกลับบ้าน... 






จากโรงแรม นั่งรถมาสนามบินประมาณ 10 นาที... เฉพาะเราให้ทิปไป 20,000 รูเปียห์  นั่นคือเงินที่เหลือทั้งหมดของเรา...  ถ้ารวมกับคนอื่นที่ให้ไปก็คงพอสำหรับพนักงานที่ต้องแหกขี้ตามาส่งเราอ่ะนะ.... (ไม่รู้ว่าคนอื่นให้เท่าไหร่...ภาวนาให้มากพอ...)


โถปัสสาวะที่สนามบิน Kualanamu.... ชอบมากๆ มีพลาสติก รองอีกชั้น... ไม่มีกระเด็น!


ภาพนี้ถ่าย 6 นาทีหลังเครื่องออก... Sampai Jumpa Lagi.... แล้วเจอกันใหม่... 


เหนือน่านฟ้าเกาะสุมาตรา... สุมาตราเป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า สุวรรณทวีป, สุวรรณภูมิ ซึ่งหมายถึง เกาะทอง หรือแผ่นดินทอง... ทั้งนี้เพราะในสมัยก่อนมีการพบทองคำบนเกาะนี้เป็นจำนวนมาก... ภาพนี้ก็คงสื่อได้ว่า เกาะสุมาตราเป็นเกาะทองจริงๆ...


สนามบินดอนเมือง


นั่งรสบัสไปขึ้นเครื่อง...


กลับมาถึงเชียงใหม่, ขึ้นรถเมล์ไปลงกาดสวนแก้ว... แล้วเดินกลับบ้าน...  ปล.รูปนี้ถ่ายเมื่อ 22/8/2018 ตอนที่ทดลองขึ้นรถเมล์เชียงใหม่ครั้งแรก... พอดีตอนกลับมาเพลียมากมาย ไม่ได้ถ่ายภาพอะไรไว้เลย....




===== กราบขอบพระคุณที่ติดตามจนจบ (ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้เราก็คิดว่าเพื่อนๆ คงอ่านจนจบอ่ะนะ) บล๊อกหลังสุดนี้พิมพ์ด้วยน้ำตา... แม้ทริปนี้จะแค่ 9 วัน  แต่รู้สึกประทับใจมากมาย  อยากอยู่ต่อ แต่มีภาระกิจอันหนักหน่วงรออยู่ข้างหน้า... เอาไว้มีโอกาสจะกลับไปเยือนอีกสักครั้ง...  หรือไม่แน่อาจจะข้ามไปชวา... อยากไปชมบุโรพุทโธ (ฺBorobudur)... เมื่อต้นปีก่อนเพื่อนชาวอเมริกันมาพักที่บ้าน... เขาชวนไปเที่ยวเกาะชวากับกลุ่มเพื่อนของเขา,  แต่เราพลาดโอกาสนั้นไปเพราะมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ...  =====

-Sampai Jumpa Lagi-


ปล. ที่ดื่มเบียร์ทั้งทริปเพราะไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างอื่นให้ดื่ม, เคยลอง อะรัก (Arak) เหล้าพื้นเมืองแต่ไม่ไหว... ดื่มแล้วเช้ามาปวดหัว.



Create Date : 16 กันยายน 2561
Last Update : 17 กันยายน 2561 9:54:35 น.
Counter : 981 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

annopwichai
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]



ชีวิตอิสระ, ชอบความเรียบง่าย, เป็นโรคภูมิแพ้ IT
New Comments
MY VIP Friend