bloggang.com mainmenu search
วันแรกและคืนแรก ผ่านพ้นไปแต่โดยดี แม่หลับปุ๋ยไปก่อนเจ้ามิวมิว....ส่วนมิว หลับคาไอพ่อดคนสุดท้าย เนื่องจากทำไงก็ไม่ยอมนอน ก่อนหน้านั้นหลับไปหลังจากกินมื้อเย็นและตื่นตอน 2-3 ทุ่ม แม่ต้องทุ่นแรงให้นอนเล่นอยู่เฉยๆ ไม่งั้น ป่วน! ชาวบ้านเค้าจะหลับจะนอน ไฟไรก็ไม่มี มืดตื๋อออ

พร้อมสำหรับวันใหม่ ทะยอยตื่นกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า สภากาแฟนัดกันตอน 7.30 น. บ้านเรือนอยู่ลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา บางคนนอนข้างล่างก็ต้องปีนลงไป พวกเรา 6 สาว ได้นอนบ้านไม่ไกลมาก จากลานกินข้าว ^_^ แต่สภาพบ้านก็ประมาณนี้เกือบหมดอะนะ ห้องน้ง ห้องน้ำ ก็จินตนาการกันเอาเองก็แล้วกัน....แต่เค้าทำใจไว้แล้ว อยู่ได้ ไม่อนาธรร้อนใจไร น้ำเย็นเจี๊ยบบบ บาดใจ เพียงแต่ว่า ห้องน้ำมักจะแยกจากตัวบ้าน ต้องเดินลงจากบ้าน ออกไปข้างนอก หรือไม่ก็ไต่เขาลงไปนิดนึงไรงี้





บ้านที่มากินข้าว โมเดิ้นสุดในระแวกนี้ละจ้า ที่เหลือยังเป็นไม้แบบเดิมๆ


น้องลีเมาขี้ตามาชงกาแฟแจกสมาชิก ^_^
อาหารเช้าก็ทะยอยลำเลียงมาจากครัวหลังบ้าน ซุปมันฝรั่งต้ม ผัดฟักแม้ว ผัดผัก
เจ้ามิวมิวเริ่มคุ้นเคยกับคนในทริป ปรับโหมดภาษาได้ละ วันแรกยังมึนๆ(แต่ก็แสบไม่เบาเหอะ) สปี๊คอิงลิช วิ่งไล่หมาดอย ไล่แกล้งคนโน้นคนนี้ ทริปนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้ภาษาอังกิตสื่อสารเป็นหลัก มีป้าๆ 4-5 ชีวิตนี่แหละ แอบเม้าภาษาไทยเรื่อย ถ้าอยู่กะคนหมู่มาก ก็เกรงใจเค้าบ้างไรบ้าง (นี่ขนาดเกรงใจแล้วหรอฟระ)


อิ่มหนำสำราญ แรงงานต่างด้าว ในชุดเสื้อแขนยาว ขายาวมิดชิด(ป้องกันแมลง และขวากหนามต้นไม้) พร้อมที่จะไปไร่ ทำงานสักที....
ตะกร้า กระบุงถูกแจกจ่าย ขาไปถือกันสบาย เพราะตะกร้าว่างเปล่า ระยะทาง 4 กิโล โดยประมาณ ใช้เวลาเดินประมาณ 1.30-2 hrs ขึ้นเขา ลงเขา ทางชันน้อย ชันมาก สลับกับทางราบ (ชันมากๆ ก็ไม่มีรูปนะ เพราะลำพังเอาตัวให้รอดยังยาก ควักกล้องมาเป็นภาระ มีหวังได้กลิ้งลงเขาทั้งแม่ทั้งลูกแน่ๆ 5555)

อุปกรณ์(นอกจากตะกร้า)ที่ต้องพกพาไปวันนี้(ทุกอย่างยัดลงไปในเป้แดงได้หมด) Ergo แว่นกันแดด หมวก น้ำดื่มสะอาดเพียงพอสำหรับ 1 วัน(ดั้นแบกไป 1 ลิตรถ้วน) เสื้อกันหนาว(เผื่อเดินกลับเย็น ค่ำ) นมกล่อง snacks(โดโซะ again) อาหารแห้งของมิวมิวเผื่อไว้(หมูหยอง) ยาที่จำเป็น และอาวุธลับของเราคือ ทะด๊า......"ลูกอม"
เพราะเวลาเดินเหนื่อยๆๆๆ ร่างกายต้องการพลังงาน ต้องการอะไรหวานๆ ให้สดชื่น ถ้ากินขนมหวานอย่าง ช็อคโกแลต ก็ได้ แต่กินมากหิวน้ำ กินน้ำมาก นอกจากทำให้เดินลำบาก จุกแล้ว ยังเป็นภาระ หาที่ฉี่ลำบากอีก คอแห้ง เหนื่อย กินลูกอมหวานๆ ช่วยได้ ทริคเฉพาะกิจไว้ล่อลวงให้เด็กมีกำลังใจ keep walking!

ออกเดินทาง 9 โมงแก่ๆ แรกๆขบวนเดินตามๆกันไป ยังดูสดใสมีแรง (ไม่รู้ชะตากรรมสินะ 5555) พี่ลีชวนเจ้ามิวมิวเดินนำลิ่วๆ ไปหน้าขบวน เดินไป วิ่งไป แกล้งกันไป ไล่จับกันไป....หนุ่มอาข่ากับลิงภูเขาไม่ได้ออมแรงเล้ยยยย





เพราะร๊ากกจึงหยอก...(น้องลีคงอยากเบิ๊ดกะโหลกไอ่มิวหลายทีอยู่ เค้ายังอยาก เจอหน้าทีไร แกล้งตลอด! จิ้มตูดบ้างไรบ้าง )


แม่ลังเล...จะรอดไม๊นะ 4 โล ขึ้นเขาลงห้วย...ตายแน่ตรู เดินเงียบๆ เก็บแรงไว้แบกหามลูกดีกว่า (สังเกต ตรูด เสื้อมอมแมมมาก เพราะหกล้มหกลุกไปหลายรอบ ยังไปไม่ถึงไหน..เยินซะละ)


วิวข้างทาง งามแงะ....


พี่ๆ หลายคนก็ใจดี ช่วยเล่นกับมิวไม่ให้เหงา ผลัดกันอุ้มมิวบ้างนิดหน่อย (นิดหน่อยจิงๆ อุ้มมากไม่ไหว เพราะเป็นทางชัน เหนื่อยโฮกกก)

Shannon&Eva&Miumiu
ดิชั้นก็ใช่ย่อย วิชาตัวเบาขั้นสุดยอด ฝึกจากเส้าหลิน...อุ้มลิงข้ามลำธาร ข้างๆ ตัดชัน เป็นน้ำตก -_-''

ทีแรกตั้งใจไว้ว่าจะอุ้มมิวมิวทางชัน ขั้นลงเขา เพราะกลัวกลิ้งตก เดินยาก แต่เอาเข้าจริง ไม่สามารถ ทางลงเขา ถ้าแบกโหลดเพิ่มไปอีก ไม่ว่าจะอุ้มข้างหน้าหรือข้างหลัง...จะทำร้ายเข่าและหลังคนแบกมาก ส่วนทางชัน ก็ไม่ไหวอีกเช่นกัน จะตายเอา สรุปคือ ทางลาดชัน มิวมิวต้องเดินเอง ค่อยๆเดินไป ทางราบบางครั้งก็จะช่วยอุ้มนิดหน่อย(น้อยมากๆๆ) เซฟแรงเอาไว้เดิน

ผู้ใหญ่สูงวัยอย่างเราๆ เดินก็เหนื่อยบ้าง แฮ่กใช้ได้ อ้าปากพูดไม่ออกอะ เดินไปพูดไป ลมจะใส่ แต่มิวมิวพูดไม่หยุด พูดตลอดทาง พูดตลอดเวลา......จะทางชันแค่ไหน เดินไปพูดไป วิ่งไปพูดไป ไม่มีทีท่าว่าเหนื่อย (รุ่นนี้ long lasting batteries แถมพกถ่านสำรองมาเยอะ ที่สำคัญ ไม่มีสวิตช์ปิด ไม่แนะนำให้ซื้ออย่างยิ่ง!!!)


เดินเพลินๆ แบบเริ่มแฮ่ก ก็ถึงพอดี ใกล้กว่าที่คิด (ทำใจไว้ว่าไกลม๊ากกกกกว่านี้) ในที่สุดก็ถึงไร่ซ๊ากกกที อยู่กลางป่ากลางเขา เป็นที่ที่รัฐอนุญาตให้ใช้เป็นที่ทำกิน ห้ามซื้อขายจ้า


น้องลีอธิบายวิธีการเพาะต้นกล้ากาแฟ เนริสเซอรี่ พอต้นกล้าอายุ 1 ปี ถึงจะเอาลงดิน มาถึงตอนนี้....ไม่ได้ฟังน้องลีพูดเลย เพราะเจ้าตัวป่วน อะบาดมากเหอะ ปวดท้องอึ ห้องน้ำกลางทุ่งใช้การไม่ได้ ต้องปลีกวิเวกหนีไปทำปุ๋ยให้พี่ลีในพงหญ้าป่าละเมาะ....มิวมิว นั่งๆ โยกย้ายส่ายสะโพก หญ้าทิ่มตรูด..."โอ๊ย..คุณแม่ ต้นหญ้าเค้าแกล้งจั๊กจี๋มิวมิวทำไม" นั่งไป เหม่อมองปลา...อยากไปให้อาหารปลาตามพี่ไมค์...มองใยแมงมุม....มองหมา มองดอกไม้ มองผีเสื้อ หมดเวลาไป เกือบ 15 นาที....อึไม่ออก เวร! เค้าไม่รู้เลยว่าเค้าเพาะเมล็ดกาแฟกันยังไง ความตั้งใจจะเก็บสาระกลับมาเต็มเปี่ยมล้มเหลว(แววมันจะมาตั้งแต่วันก่อน ที่พาทัวร์หมู่บ้านแล้วเด็กลิงก็แหกปาก หิวข้าวววววว หิววววว) ขอข้ามๆไป ณ จุดนี้


ไต่เขาขึ้นมาอีกหน่อย ได้เห็นต้นกาแฟของจริงซะที แน่นอนว่าเป็นพันธุ์ Arabica ยอดฮิตนั่นเอง ปลูกยาก แต่ได้กาแฟที่มีคุณภาพ รสชาติดี (โรบัสต้า ปลูกง่ายแต่กาแฟไม่อร่อยเท่า จึงเอาไว้ทำพวก instant coffee ที่ราคาถูกกว่า) ปีนึง จะเก็บผลผลิตได้แค่รอบเดียว ช่วงปลายปี ที่อากาศหนาวๆ พ.ย.-ม.ค.

อ่อ ลืมบอกไปว่า เค้าเลี้ยงผึ้งเอาไว้ด้วย เพราะผึ้งช่วยผสมเกสร เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์อะนะ บินว่อน ต้องระมัดระวังตัว อย่าไปรบกวน หรือเผลอตบ เผลอเหยียบเข้าล่ะ

บนซ้าย : ต้นกาแฟอายุประมาณ 2 ปี ยังเก็บผลไม่ได้ แต่บางต้นก็เริ่มออกลูกบ้างนิดหน่อย ปลูกตามธรรมชาติ อาศัยน้ำตามฤดูกาล และมีปลูกพืชอื่นๆ แซมตามที่ว่าง เพื่อบาลานซ์แร่ธาตุในดิน เป็นปุ๋ย และสามารถเก็บผลผลิตขาย+กินด้วย อย่างมะละกอ ถั่ว และอื่นๆ

ล่างขวา : เป็นต้นกาแฟที่เก็บผลผลิตได้แล้ว สูงประมาณนี้ ออกผลสีเขียวเต็มต้น พอสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง(เรียกว่า coffee cherries ) ต้นกาแฟ ต้นนึงสามารถเก็บผลผลิตต่อไปได้อีกหลายสิบปี

แดงๆ เต็มต้น วิธีเก็บที่ถูกต้อง น้องลีบอกว่าจะต้องเก็บเฉพาะลูกที่แดงจนถึงขั้ว และ เก็บเฉพาะผลเท่านั้น ไม่เอาก้านมาด้วย ถ้ามักง่ายรูดปรืดดมาทั้งกิ่งต้นไม้บอบช้ำ ส่งผลให้ปีหน้าผลผลิตไม่ดีน่ะ


เมล็ดกาแฟ อยู่ข้างในเชอรี่ มีเยื่อหุ้มอยู่รอบๆ เป็นน้ำตาล ชิมดูมีรสชาติหวานๆ


หนูพร้อม(ป่วน)แล้วค่าาาา แข็งขันมาก....อาข่าอาม่า นอกจากใช้แรงงานต่างด้าวเก็บกาแฟแล้ว ยังใช้แรงงานเด็กอีก


แรงงานเด็กและเมกันส่งเข้าประกวด Janice&Miumiu ช่วยกัน แข็งขัน


ป้าๆ พยายามจะปลักปลำเด็ก เอาเม็ดเขียวๆ ที่เก็บมาผิด ยกให้เป็นฝึมือมิวมิวแต่ขอโทษ ไม่สำเร็จย่ะ...ชียืนเลือก This is good....this is not good. Twist...Twist Twist like this. (ไม่ให้ก้านเมล็ดติดมา) หน้าตาตั้งใจเวอร์ ราวกับเป็นภาระกิจกอบกู้ชาติ 5555


อู้บ้างไรบ้าง..ยืนคุยกะเพื่อนฝูง (มีหลายเผ่าพันธุ์และสปีชีส์5555)



รอบเช้าเก็บเบาะๆ นิดๆหน่อยๆ เที่ยงกว่า อาหารกลางวันเสร็จ ทุกคนหิวโซ ล้อมวงกันกลางทุ่งแบบนี้ ผัดสดๆ เก็บจากไร่ น้ำพริกถั่วลิสง อาหย่อยยยย(ใช้แรงงานขนาดนี้ ให้กินข้าวคลุกน้ำปลาก็เอาวะ)


ข้าวไร่ ลักษณะคล้ายๆข้าวญี่ปุ่น แต่ไม่เหนียวเท่า หนึบๆ


ลิงรอดตายด้วยข้าวหมูหยองจิงๆด้วย ซัดใหญ่ ตบท้ายของหวานด้วยฝรั่งขี้นก และมัลเบอรี่ เก็บจากต้นข้างทาง งั่มๆ


พอกินเสร็จ ตามสไตล์มิวมิว.."แม่ หนูปวดอึ!!!" กว่าจะหาทำเลเหมาะได้ เสร็จสมอารมณ์หมายทิ้งระเบิดไว้กองบะเริ่ม จากที่ทำท่าว่าจะง่วงนอน นอนกลางวัน ก็ตาสว่างขึ้นมาทันที แม่พยายามเกลี้ยกล่อมให้นอน เพราะหนทางอีกยาวไกล ขากลับแม่ก็จะหมดแรงแบก นอนสักตื่น จะได้มีแรงเดินกลับ แต่แรงงานเด็กทำงานเกินค่าตัว เห็นคนอื่นไปเก็บกาแฟกันต่อ จะไปมั่ง....ข้ามเขาไปอีกลูก ไกลกว่าเดิม ชันกว่าเดิม เจ้ามิวอยู่ดีๆ ก็บอกเดินไม่ไหวซะงั้น
ป้าๆ (ใครต้นคิดวะ) กระซิบบอกมิวว่า..เอางี้มิว ถ้าเดินไม่ไหว ก็หาคนอุ้ม....ตะโกนข้ามเขาไปเลย " แด๊ดดดดดดดดดดี้้้"
ลิงรับมุขอีก...ฮ่วยย..ตะโกนอย่างดังง....ฝรั่งหันมามอง แล้วก็ตีหน้ามึน ทีมไทยแลนด์เล่นมุขไรกันวะ 555555555

มุดพง ดงกาแฟเข้าไปเก็บ มิวมิวชอบมาก เดินนำหน้าเชียว ง่ายสุดนี่เพราะตัวเล็ก แต่เก็บอยู่ได้พักเดียว ทีมชาติไทยต้องขอถอยทัพ เพราะทางชันมาก แทบจะเรียกได้ว่าคนนึงโหนเก็บ อีกคนถือตะกร้ารอ
ขอมาเก็บเชิงเขาทางราบๆ ดีกว่านะ

Little helper (ลุยเข้าไปในดง จะมีเกสรดอกไม้แหลมๆ ติดเต็มกางเกง ทิ่มๆๆขาเพียบบบ เจ็บง่ะ)



บ่ายคล้อย ป้าๆ ลงมติว่า เราควรหยุดเก็บกัน เพราะถ้าเราเก็บกันไม่หยุด เจ้ามิวก็จะอยากเก็บด้วยทำให้ไม่ได้พัก เดี๋ยวมิวเดินกลับไม่ไหว ข้ออ้างฟังดูเข้าที......งั้นทีมไทยนั่งพักดีกว่า 55555555

บ่ายสามโมงครึ่ง รอทีมนานาชาติเก็บกาแฟเสร็จ....พวกเราๆ จึงเดินทางจากไร่กลับหมู่บ้าน เจ้ามิวมิวทำท่าจะหมดแรง เพราะลั่นล๊าไม่หยุดตั้งแต่เช้า หาเหยื่ออุ้ม แต่สุดท้ายก็ยอมเดินเอง(ไม่มีใครหลงกล) รั้งท้ายกันอยู่สองคนแม่ลูก (ตายแน่ตรู ผ่านไปครึ่งกิโล)

นางฟ้ามาโปรดสมชื่อ พี่แองจี้ ทีมสิงค์โปร์ส่งเข้าประกวด นางงาม มีน้ำใจและรักเด็ก อาสาเดินเป็นเพื่อน น่ารักมากๆๆๆๆ รวมป้ากุ้งด้วย เป็น 4 คน เดินอ้อยอิ่ง ชมนกชมไม้ มิวมิวบอกว่า ตัวเองเป็นลูกม้า...มากับแม่ม้า พี่แองจี้ เป็นพี่ม้า ป้ากุ้ง(ถือไม้เท้า) เป็นคุณยายม้า 555555 พยายามเดินตามฝูงม้าที่เหลือ เดินไปๆ ก็แม่ม้าจ๋าๆ ฝูงม้าไปไหนแล้ว...แม่ม้าๆ เราต้องแบกของไปด้วยใช่ไม๊ (ตะกร้าเมล็ดกาแฟ)

พอดี๊ ป้ากุ้งเดินเก็บขยะระหว่างทางไปด้วย เลยหาเกมส์ให้เด็กเล่นเพื่อจะได้ลืมเมื่อย เจ้ามิวยกให้ป้ากุ้งเป็นปีศาจ ชอบกินขยะ มิวมิวต้องเดินเก็บขยะ ข้างทาง เอามาให้ปีศาจ ไม่งั้นปีศาจจะหิวมาก กินเด็ก...เจ้ามิวมิวชอบมากก เดินไป หาขยะข้างทางไป วิ่งเอากลับมาใส่ถุง แล้ววิ่งกลับไปหาต่อ (เวรกำ ไปๆมาๆ เดินเยอะกว่าเก่าอีก 5555)

ดอกท้อ ดอกแอปปริคอทบานเต็มต้นระหว่างทางที่เดินผ่าน ทางเดียวกะขามานั่นแหละ แต่ขามามัวแต่เเดินจ้ำเอาๆ ขากลับจึงเป็นการเดินสำรวจธรรมชาติ ดูผีเสื้อ ดูต้นไม้ ผลไม้แปลกๆ ลูกสน ลูกคล้ายๆวอลนัท เกาลัด ก็มี ผีเสื้อสวยๆ แปลกตา


Thanks again for being our company on the way back ^_^.



เผลอแป๊บเดียว ก็ใกล้ถึงหมู่บ้าน พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน นี่คือชีวิตปกติ ของชาวอาข่า แต่เป็นวันพิเศษสำหรับเราสินะ




กลับถึงที่พัก อาบน้ำๆ เจ้ามิวยังมีแบทสำรอง คึก ป่วนชาวบ้านได้อีกเป็นชั่วโมง จนสุดท้าย สลบแน่นิ่งไม่ไหวติง ระหว่างรอเค้าท์ดาวน์
ปาร์ตี้มื้อค่ำ


เม้าแตก กันใหญ่ คุยกันเรื่อง Thai Royal Cuisine (เพื่อ?? ตอนนี้ กินไข่เจียวปลาป๋องอยู่นะเพ่)


หมดไปอีกหนึ่งวัน สำหรับรอยยิ้มและมิตรภาพ ก่อกองไฟแก้หนาว นั่งเม้า ดูดาว มองพระจันทร์ เริ่มต้นปีใหม บนดอยแม่จันใต้


มื้อเช้าวันสุดท้าย ข้าวต้มร้อนๆ



เล่นกับน้องธนากร


กาแฟฝีมือพี่เจนนี่ มิวบอกอร่อย (เด็กมันยังรู้)


เล่นกับพี่วิ และหมาดอยที่โดนขังในกระบุง (กลับบ้านมามิวมิวเล่นเป็นหมา เอาตัวเองไปอยู่ในตะกร้าผ้า แล้วเอาตะกร้าไรอีกอันมาปิดทับข้างบน....จำมาแต่เรื่องดีๆทั้งน๊านนน)


เดินลงไปดูที่แยกเมล็ดกาแฟ บ้านข้างล่าง เดินขึ้นลงแบบนี้จนชิน


ก่อนกลับ พี่ลีไปดูขั้นตอนหลังจากได้เมล็ดกาแฟสดมาแล้ว
ต้องเอาไปแยกเมล็ดออกจากเปลือก แช่น้ำทิ้งไว้ 2 คืน ให้เมือกน้ำตาลออก


ฟีดมาจากข้างบนลงในเครื่องแยก





ตัวป่วนอยากช่วยอีกตามเคย



เอาเมล็ดไปตากหลายเดือน ก่อนจะนำไปคั่ว และบด ตามออเดอร์ เป็นอันจบสิ้นกระบวนการ(รวบรัดตัดตอนมาก เพราะมิวป่วน ไม่ได้ฟัง แฮ่)


ซนๆ ก่อนกลับ


ปิดท้ายทริป พูดคุยถึงประสบการณ์ที่ได้ รับขวัญเบบี๋ น้อง บูบยา(เขียนงี้ป่าวหว่า) น้องสาวธนากร หลานของน้องลีอีกที ก่อนโหนโฟล์วิว ต่อสองแถว กลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ แยกย้ายกันกลับบ้าน ทางใครทางมัน....(แต่วันรุ่งขึ้นก็มารวมตัวกันอยู่ร้านกาฟอาข่าอาม่าอีกแล้ว....จะร่ำลาไรกันนักหนาชิมิ)

มิวมิวกลับ กทม. ละค่า..หนุกหนานมากมาย ลงดอยมาครบ 32 ทุกประการ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย หายเป็นหวัดซะอีกแหนะ และได้เพื่อนใหม่ ได้มิตรภาพกลับมาเยอะแยะ ยิ่งหลังๆ เห็นฝรั่งเป็นไม่ได้ต้องวิ่งเข้าไปคุย แม้แต่บนรถไฟ -_-'' ไล่ถามเค้าไปทั่ว เจ๊เพลียกะมันมาก ณ จุดนี้

The end of journey....สวัสดี


P.S. Thanks everybody for photos , your help and friendship....
Create Date :07 มกราคม 2555 Last Update :7 มกราคม 2555 21:21:08 น. Counter : Pageviews. Comments :11