bloggang.com mainmenu search
บ้านคนจนส่อล่ม เอกชนให้การเคหะฯทำเอง

หลังจากรัฐบาลมีแนวคิดจะสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุและหน่วยงานของรัฐ ราคาประมาณ 5 - 6 แสนบาท แต่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จะขอให้การเคหะแห่งชาติ ทำโครงการนี้แทน ส่วนภาครัฐเตรียมแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี สร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยถึง 2.7 ล้านยูนิต


ก่อนหน้านี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์มาหารือ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย บนที่ดินของกรมธนารักษ์ และหน่วยงานของรัฐ ปรากฏว่า ภาคเอกชนขณะนี้ มองว่ามีข้อกฎหมาย ไม่สามารถนำที่ดินของกรมธนารักษ์มายื่นขออนุญาตจัดสรรได้ และเห็นว่าควรให้การเคหะแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ โดยเสนอแนวทางให้ระดมทุนเพื่อซื้ออาคารที่เหมาะสม ปล่อยเช่าราคาถูกให้กับผู้มีรายได้น้อย แต่ทางกระทรวงคลัง มองว่า การให้เช่าเป็นรายเดือน จะไม่มีความมั่นคงในการอยู่อาศัย และต้องการให้เอกชนเข้าร่วม เพราะได้ออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้จัดทำมาตรการสนับสนุนการลงทุนที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย บรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2568 อยู่ระหว่างรอบรรจุเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อนที่อยู่อาศัย และ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

หากได้รับความเห็นชอบจะเปิดให้เอกชนที่สนใจเสนอตัวร่วมลงทุนพัฒนาที่อยู่ อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยเฟสแรกใน ปี 2559 ได้ทันที โดยจะดำเนินการต่อเนื่อง 10 ปี ถึงปี 2568 ทั้งหมด 2.7 ล้านยูนิต รองรับผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตนเอง จากทั้งหมด 4.5 ล้านครัวเรือน วงเงินลงทุนรวม 6.8 แสนล้านบาท

โดยกลุ่มผู้มีรายได้ น้อยทั่วไป 2 ล้านครัวเรือน มอบหมาย ให้การเคหะแห่งชาติ พัฒนาโครงการทั้งแนวราบ แนวสูง รองรับตามความเหมาะสม อีก 7 แสนครัวเรือน ให้เอกชนเข้าพัฒนาในรูปภาคี เป็นธุรกิจเพื่อตอบแทนสังคม และกลุ่มที่อยู่อาศัยในชุมชนแออัด ชุมชนบุกรุก คนไร้ 6.9 แสนครัวเรือน ให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับ โดยภาครัฐให้การสนับสนุนและอุดหนุน

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุว่า จะเร่งผลักดัน โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยราคาขายจะไม่เกิน 7 แสนบาทต่อยูนิต เปิดให้ทั้งเช่าซื้อและเช่า

ด้านนายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ระบุว่า การที่ภาครัฐจะสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่ม 2.5 ล้านยูนิต ในอีก 2 ปีข้างหน้า สำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นตัวเลขความต้องการที่ไม่น่าจะถูกต้อง และอาจจะช่วยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า โดยควรส่งเสริมการซื้อขายบ้านมือสองมากกว่า

เนื้อหาโดย voice tv

voice-tv
//money.sanook.com/326295/
Create Date :25 ตุลาคม 2558 Last Update :25 ตุลาคม 2558 10:48:53 น. Counter : 722 Pageviews. Comments :0