เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นบีซี รายงานว่า องค์กรอ็อกซ์แฟมของสหราชอาณาจักร ระบุตัวเลขอ้างอิงจากนิตยสารฟอร์บส ที่สำรวจว่า มีจำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเท่าตัว นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐ โดยในเดือนมีนาคม 2557 มีจำนวนมหาเศรษฐี 1,645 คน จากที่เดือนมีนาคม 2552 มีจำนวน 793 คน

ทั้งนี้ อ็อกซ์แฟมระบุในรายงานเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมของโลกว่า มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกจำนวน 85 คน ทำรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2556 มาปี 2557 มากถึง 668 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหากเฉลี่ยจะสูงราว 5 แสนดอลลาร์ ต่อนาที ซึ่งรายได้ของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด 85 อันดับแรกของโลก มีรายได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของจำนวนคนจนทั่วโลกเลยทีเดียว ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า ตัวเลขช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนของโลกสูงมากยิ่งขึ้น โดยมีคนยากจนจำนวนหลายร้อยล้านคน ที่ไม่ได้รับการศึกษา และไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าว ระบุถึงการแก้ปัญหาช่องว่างรายได้ระหว่างคนจนกับคนรวยของโลกว่า ต้องเข้มงวดกับการหลีกเลี่ยงภาษีของมหาเศรษฐีทั้งหลาย รวมทั้งบริษัทข้ามชาติทั้งหลายด้วย โดยแนะนำว่า ให้เก็บภาษี 1.5 เปอร์เซ็นต์ จากบรรดามหาเศรษฐีและบริษัทข้ามชาติ ให้ได้เม็ดเงินราว 7.4  พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสามารถนำไปช่วยเหลือด้านการศึกษาและสาธารณสุขแก่เด็กๆ ในประเทศยากจนได้อย่างทั่วถึง