bloggang.com mainmenu search


มารู้จัก"โรคซึมเศร้า"กัน (ตอนที่1)
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=10&month=07-2005&date=27&blog=2

ตอน2 -ทำไมบางคนเป็นแต่บางคนไม่เป็น?

หลายคนที่เป็นโรคนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาเป็นโรคนี้และหลายคนก็สงสัยว่าตัวเองนั้นมีความเสี่ยงหรือมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้หรือไม่ เรามาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรทำให้คนๆนึงเป็นโรคนี้ขึ้นมาเพราะโรคนี้ไม่ใช่หวัดที่เราเดินไปเจอคนเป็นโรคแล้วเราติดเชื้อของคนอื่น

ปัจจัยของการที่จะเป็นโรคซึมเศร้า

1.กรรมพันธุ์ - ถ้าคุณมีญาติโดยเฉพาะญาติสายตรงเป็น คุณก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นเสมอไป เป็นแค่ปัจจัยที่เพิ่มแนวโน้มในการเป็นมากขึ้น
เช่น

นายA มีพ่อเป็นโรคซึมเศร้า แม่ก็เป็นโรคซึมเศร้า
นายB ไม่มีญาติป่วยเลย

นายAมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมากกว่านายB แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็สุดท้ายนายBอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าแต่นายAสุขภาพดีจนแก่ตายก็ได้

2.โรคบางโรคหรือยาหรือสารบางชนิด - จากที่กล่าวไว้ตอนแรกว่าโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีสื่อประสาทในสมอง (ทุกคนก็มีสารเคมีนี้แต่ผู้ป่วยเกิดความไม่สมดุลย์ของสารเหล่านั้น สารเคมีสำคัญๆเช่น Serotonin,Norepinephrin จะลดต่ำลง) มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางตัว ดังนั้นโรคหรือยาบางตัวก็มีผลในการทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ถ้ามันไปออกฤทธิ์ที่สมอง เช่น
โรค...โรคลมชัก/โรคSLE/โรคไทรอยด์ทำงานผิดปกติ,โรคเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตันฯลฯ
ยา...สเตียรอยด์ / ยาลดความดันโลหิตบางตัว ฯลฯ
สารเสพติด...เหล้า / ยาบ้า ฯลฯ

3.ปัจจัยทางจิตใจสังคม เช่น
บางคนมีวิธีการคิดหรือมองโลกในแง่ลบตลอดเวลา เช่น นายสมชายเดินผ่านเพื่อนๆไม่ทักมักคิดว่าเพื่อนไม่ชอบหน้าเรา เวลาเขาสอบได้เกรด3เขาคิดว่ามันยังไม่ดีพอเวลานั่งรถกลับบ้านรถเมล์เสียเขาคิดว่าวันนี้วันซวยเดี๋ยวคงมีแต่เรื่องร้ายๆตามมากลับบ้านโทรคุยกับแฟนๆบอกว่าวันนี้ทรงผมใหม่ดูสั้นไปเขาคิดว่าตัวเขาเองไม่มีอะไรดี

บางคนเติบโตมากับครอบครัวที่มีแต่ความรุนแรงหรืออาจเป็นครอบครัวที่เหินห่างทอดทิ้งไม่สนใจ เช่น นางสาวเจนมีพ่อกินเหล้าเมายากลับบ้านตีแม่และเธอตั้งแต่เด็กๆ เวลาเธอมีปัญหาเข้าหาแม่ๆก็หงุดหงิดบอกว่าชีวิตนี้ก็เครียดพอแล้ว อยากจะร้องไห้หรือปรึกษาแม่ก็บอกว่าต้องรีบไปทำงานผลัดวันไปเรื่อยๆ

บางคนชีวิตต้องพบแต่การสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า(สูญเสียความรัก,สูญเสียบุคคลสำคัญ,สูญเสียสถานภาพทางสังคมฯลฯ) เช่น นายจอห์นขาดพ่อเพราะพ่อไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เด็ก แม่แต่งงานใหม่มีครอบครัวก็สนใจลูกๆกับสามีใหม่มากกว่า ครั้นจบมาทำงานก็ถูกเอาเปรียบตลอดไม่ได้เลื่อนขั้น ถูกโกงจนต้องออกจากงานที่ทำ ฯลฯ

มาถึงตอนนี้คงเห็นแล้วว่ามีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแทบทั้งสิ้น ปัจจัยเหล่านั้นไม่ใช่สาเหตุที่บอกว่าคนที่มีปัจจัยนี้แล้วต้องเป็นโรค แต่มันเป็นปัจจัยที่มีส่วนก่อให้เกิดโรคได้ดังนั้นการเกิดโรคซึมเศร้านั้นมีปัจจัยที่เราคุมได้และปัจจัยที่เรายังคุมไม่ได้ ถ้าเราไม่อยากป่วยเราจะทำอย่างไรหรือเราจะป้องกันคนใกล้ตัวไม่ให้ป่วยได้หรือไม่ แน่นอนเราทำได้!!

ปัจจัยในเรื่องของยีนส์หรือโครโมโซม/เรื่องของโรคทางกายที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า ฯลฯ ....เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ เราหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มันอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นกรรมที่เราต้องเผชิญหรือเป็นลิขิตที่พระเจ้าเลือกไว้ให้แล้ว

แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เรายังสามารถควบคุมได้ เช่น
1.หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด
2.ปรับวิธีคิดที่เหมาะสม
3.เลี้ยงลูกอย่างเอาใจใส่และลดความรุนแรงในครอบครัวเพื่อป้องกันการเกิดโรคกับลูก
4.การออกกำลังกาย(มีการศึกษางานวิจัยชิ้นใหม่ๆว่าการออกกำลังกายเพิ่ม BDNF(Brain derived neurotrophin factor) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เซลล์สมองเหี่ยวตายน้อยลงและสร้างใหม่ได้มากขึ้น
5.มีวิธีการรับมือกับความเครียดที่เหมาะสม
ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้เป็นวัคซีนหรือภูมิคุ้มกันที่จะทำให้เราลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า

มาถึงตอนนี้ลองทำการบ้านดูว่าคุณเข้าใจโรคซึมเศร้ามากน้อยแค่ไหน

โจทย์คือคุณคิดว่า2ข้อนี้ ใครมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่ากันระหว่าง

ก.Harry Potter ลูกคนเดียวที่ไม่มีพ่อแม่

ข.4พี่น้องใน Nobody Knows ลูกที่มีแม่และพี่น้อง

เฉลย...แม้ว่า4พี่น้องจะมีแม่แต่ทั้ง4คนก็ไม่ต่างกับการไม่มีใครเลย ทั้ง4คนเป็นNeglected child ต้องเผชิญการสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า ขาดการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอกขาดการเรียนรู้,อยู่มื้อกินมื้อฯลฯ ตรงข้ามกับ Harry Potterที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ด้วยซ้ำ แต่มีการสนับสนุนจากสังคมที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีคนให้คำปรึกษา มีครูที่รักและเอาใจใส่ นั่นทำให้เขามีโอกาสเป็นโรคน้อยกว่า4พี่น้องที่มีคนมากกว่าเสียด้วยซ้ำ


มาถึงตอนนี้แล้วคงรู้จักมันมากขึ้นแล้วนะครับกับโรคซึมเศร้า ตอนหน้ามาดูกันนะครับว่าอาการแบบไหนกันแน่ที่เขาเรียกกันว่าเป็นโรคซึมเศร้า แล้ว ฉันเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าหนอ?

มารู้จัก"โรคซึมเศร้า"กัน (ตอนที่3)...."ฉันเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าหนอ?"
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=10&month=08-2005&date=18&blog=1
Create Date :30 กรกฎาคม 2548 Last Update :29 มีนาคม 2551 20:44:31 น. Counter : Pageviews. Comments :557