........ใจเย็น ๆ สิครับ ผมกำลังเริ่มจะเล่า ก่อนจะเล่ามันก็ต้องมีกล่าวนำกันสักเล็กน้อย แล้วที่ต้องกล่าวนำเกี่ยวกับร้านข้าวแกงทิพวัลของคุณแม่ผม ก็เพราะเมื่อเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ก็ร้านข้าวแกงนี่หล่ะครับ คือฐานปฏิบัติการ ต่อต้านความหิวของ ทีมงาน F5 และนักแสดงนเรศวรฯ ท่านอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลามาว่าเรื่องของเรากันต่อดีกว่า........หลังจากการรับประทานอาหารค่ำมื้อนั้น ต่อมาอีกประมาณ ๒ อาทิตย์ ผมก็ได้ทราบจากกองพลทหารราบที่ ๙ ว่าให้ไปถ่ายรูปที่บริษัทพร้อมมิตรโปรดักชั่น แถวถนนกรุงเทพกรีฑา ซึ่งจะมีนายทหารอีกสองคนไปด้วย ก็คือ พี่ติ๊อด (พ.ท.วินธัย สุวารี) และน้องเบิร์ด (ร.อ.วันชนะ สวัสดี ) พอรู้ข่าวว่าให้ไปถ่ายรูปก็เกิดอาการตื่นเต้นทันที ฮ่า ๆ จะได้เข้า กรุงเทพไปเที่ยวซะด้วย แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นวันที่เท่าไหร่..แต่น่าจะช่วงปลายเดือน มี.ค. นี่หล่ะครับ เพราะจำได้ลาง ๆ ว่าตอนนั้นกำลังจะเตรียมตัวไปเป็นกรรมการคัดเลือกทหาร ........ซึ่งผมเองก็พยายามจะติดต่อน้องเบิร์ดกับพี่ต๊อดเนื่องจากว่าไม่ค่อยสันทัดในเรื่องการเดินทางในกรุงเทพมหานครเอาซะเลย..กะว่าจะขอเกาะไปกะเค้าด้วยคนเนื่องจากกลัวหลง....เพราะตอนเด็ก ๆ คุณพ่อเคยพาไปเที่ยวเขาดิน ๑ ครั้งหลงหาพ่อไม่เจออยู่ในเขาดินเกือบครึ่งวันจนเค้าต้องประกาศตามหาทางลำโพงก็เลยเป็นความฝังใจวัยเด็กว่า กทม.น่ากลัวยิ่งนัก ยิ่งได้ยินชื่อถนนกรุงเทพกรีฑา ยิ่งไม่ต้องมาถามผมเลยไม่รู้จักครับ........สรุปว่าผมต้องเดินทางไปบริษัทพร้อมมิตรโดยลำพัง ด้วยยานพาหนะส่วนตัวโดยใช้วิธีโทรถามเพื่อนตลอดทาง เค้านัดให้ไปถึงบ่ายโมง ผมก็ออกจากเมืองกาญจน์ ตั้งแต่หกโมงเช้าเลยครับ เผื่อเวลาไว้นิดหน่อยตามประสาคนรอบคอบ ........ซึ่งกว่าจะถึงบริษัทพร้อมมิตรได้ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง พอไปถึงก็ไม่เจอใครเลยสักคนทั้งพี่ต๊อดและน้องเบิร์ด ผมก็เลยเดินตรงไปถามที่มีพนักงานต้อนรับนั่งอยู่พร้อมกับบอกว่า "ผมชื่อ พ.ต.คมกริช มาจาก พล.ร.๙ ครับ พี่เค้านัดให้ผมมาถ่ายรูปครับ " ... น้องโอเปอร์เรเตอร์ผู้น่ารักก็ตอบมาด้วยน้ำเสียงเซ็กส์ซี่ว่า " พี่นั่งรอสักครู่นะคะ เค้ากำลังจัดไฟกันอยู่ "... ผมก็เดินมานั่งตรงมุมที่เค้าจัดไว้สำหรับรับแขก พร้อมกับจิตใจที่ตื่นเต้นสุด ๆ ก็คนมันไม่เคยนี่ครับมันก็ต้องตื่นเต้นกันนิดหน่อย ........พยายามชะเง้อมองหาพรรคพวกกะว่าถ้าพี่ต๊อดกับน้องเบิร์ดมาถึง ก็คงจะอุ่นใจมากกว่านี้ นั่งรอสักพักกระทั่งผมโทรติดต่อน้องเบิร์ดได้ ซึ่งน้องเบิร์ดบอกมาว่า กำลังเป็นกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกิน อยู่ที่ จว.สมุทรสาคร และ พี่ต๊อดก็ไปราชการเชียงใหม่ ฮ่า ๆ ดังนั้นวันนี้ก็คงจะมีแต่ผมมาถ่ายรูปเพียงคนเดียว เฮ่อ...กังวลทันทีครับท่าน..เพราะไม่มีพวก ........กลัวจะเหยียบอ่างกะปิเค้าแตกซะหล่ะไม่ว่า เพราะนาน ๆ ทีทหารบ้านนอกจะมีโอกาสเข้ากรุงทีนึง นั่งใจสั่นอยู่สักพักนึง ก็มีสาวสวยคนนึงเปิดประตูก้าวเข้ามาในบริษัท เธอสูงประมาณ 175 ซม ผอมเพรียว ผมยาวกัดสีบรอนซ์ทองเล็กน้อย สวมรองเท้าส้นสูงประมาณสี่นิ้ว ดู ๆ แล้วเธอเหมือนพวกสาวไฮโซมาก ๆ ........ซึ่งด้วยความสวยของเธอ มีอานุภาพดึงดูดขนาดทำให้ผมต้องจ้องมองจนตาค้างเชียวครับ และในที่สุดผมก็ได้ทราบจากน้องโอเปอร์เรเตอร์ว่า " พี่เค้าชื่อพี่แจ๊คค่ะ...ทำเสื้อผ้าดารา " โห...คนทำเสื้อผ้าดาราทำไมสวยจัง........ผมคิดในใจน่ะครับ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าผมเจ้าชู้นะครับ เพราะว่าก็พี่แกสวยจริง ๆ ใครเห็นก็ต้องมองเชื่อผมสิ ตอนหลังๆ มีโอกาสทำงานกับแกได้คุยกับพี่แจ๊คถึงได้รู้ว่าผมพลาดไปซะแล้ว เพราะพี่เค้าชื่อ นายฐิติกรณ์ ศรีชื่น ครับ นาย.. ฮ่า ๆ ไม่น่าเลยเรา...พี่เค้าทำเสื้อผ้าอยู่แนวหน้าของเมืองไทยเชียวครับ..แต่แกสวยจริง ๆ นะ ไม่เชื่อวันหลังจะเอารูปมาฝาก ขนาดพี่ต๊อดยังบอกว่าสวยเลย........กลับมาเรื่องถ่ายรูปให้จบก่อนดีกว่านะครับ ก็หลังจากนั้นก็มีทีมงานมาพาผมไปเปลี่ยนชุดโดยแต่งตัวเป็นชุดเกราะ มีดาบมีหอก แล้วก็เข้ามาถ่ายรูปในห้องที่จัดไฟเตรียมไว้ ซึ่งวันนั้นจำได้แม่นว่าคนที่ถ่ายรูปให้ผม คือ อาเปี๊ยก....คุณอนุภาพ บัวจันทร์... เป็นมือขวาอีกคนของท่านมุ้ยครับ ........อาเปี๊ยกเป็นคนที่เก่งหลายอย่าง ทั้งงานก่อสร้างฉากที่เราเห็นในภาพยนตร์ นั่นก็ฝีมืออาเปี๊ยก ถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายกล้องหนัง ...การถ่ายรูปวันนั้นใช้เวลาประมาณครึ่ง ชม. แต่มันดูเหมือนยาวนานมาก ๆ เพราะว่าต้องทำท่า ทำสีหน้า เยอะมาก ๆ แล้วก็มันเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออกไม่รู้เพราะความตื่นเต้นหรือเพราะว่าไฟที่ส่องทำให้ผมร้อนและอึดอัด แต่ว่าวันนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ
เขียนได้ตั้งเยอะแน่ะ ยังงี้อาการดีขึ้นมากแล้วใช่มั้ยคับ
เด๋วพรุ่งนี้มาอ่านใหม่ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะคับ
ปล. ถ้ามีโอกาสเอารูปน้องโตนมาฝากอีกนะคับ
สู้ สู้